7 พฤติกรรม เสี่ยงอ้วน "โยโย่"

สวัสดีค่ะ สาวๆ มาพบกันอีกแล้วนะคะ วันนี้เทนชิ มีสาระดีๆ มาฝากอีกแล้ว ไหนยกมือซิ ใครที่กำลังไดเอทอยู่บ้างเอ่ย?? ช่วงนี้ บทความไดเอท ติด

Ranking

ใน

Sista

cafe

บ่อยมาก รู้เลยนะว่า สาวไทยให้ความสนใจกับการลดน้ำหนักอย่างจริงจังกันอยู่

เทนชิเลยนำ บทความเรื่อง

7 พฤติกรรม เสี่ยงอ้วน

โยโย่ มาฝากันค่ะ

เมื่อพูดถึง

โยโย่

หลายคนถึงกับร้องอี่๋เลยสิ ใช่ มันน่ากลัวจริงๆ ค่ะ เราไปดูกันว่า มีพฤติกรรมอะไรบ้าง ที่จะทำให้เรา

อ้วน

โยโย่

1. เชื่อใจ " น้ำหนักที่ลดแล้ว "

หลายคน เมื่อลดน้ำหนักถึงตัวเลขที่ตัวเองพอใจแล้ว ก็วางใจตัวเลขบนกิโล คิดว่าเมื่อได้น้ำหนักที่ต้องการแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องไดเอทอีกต่อไป ขอเตือนตรงนี้เลยว่า เป็นความคิดที่ผิดมาก

เพราะการที่เราพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อให้น้ำหนักลดลง ปรับวิถีชีวิต ปรับวิธีการทานอาหาร ทำให้ร่างกายเราเปลี่ยนไป ทั้งระบบเผาผลาญพลังงาน ระบบย่อยอาหาร และกระบวนการเผาผลาญแคลอรี่

เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หมายความว่าเราจะกลับมากินจุเหมือนที่เคยเป็นไม่ได้อีกแล้ว เพราะถ้าวางใจน้ำหนักที่ได้ กลับมาทำพฤติกรรมแบบเดิม น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่าโยโย่นั้นเองค่ะดังนั้น แม้ว่าจะได้ตัวเลขที่พึงพอใจแล้ว อย่าหยุดการลดน้ำหนักทันที แต่ให้ทำต่อไปเรื่อยๆ จนติดเป็นกิจวัตรประจำวันค่ะ

2. งดอาหารเช้า

อาหารเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุดในบรรดา มื้ออาหารทั้งหมด และแน่นอนว่าใครที่ข้ามอาหารมื้อนี้ ส่งผลเสียต่อสุขภาพแน่นอนค่ะ และการคิดว่า ไม่ทานมื้อเช้า งดหนึ่งมื้อ จะได้ผอมเร็ว เป็นความคิดที่ผิดมาก ถึงมากที่สุด

เพราะว่าการอดทานอาหารเช้า จะส่งผลให้ต่อระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้เราหิวมากขึ้น มากขั้น และทำให้เรายิ่งกินเยอะขึ้นในมื้อต่อๆ ไป แล้วเรา ก็จะอ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผลวิจัยพบว่าถ้าเราทานอาหารเช้า โดยเฉพาะเมนูที่อุดมไปด้วยโปรตีนและไฟเบอร์ สามารถควบคุมความหิวของเราได้ในมื้อต่อไป และใครที่ทานอาหารมื้อเช้า ทุกวัน มีแนวโน้มว่าจะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ทานอาหารเช้า

3. มองข้ามพวกขนม

คนส่วนใหญ่ที่กำลังลดน้ำหนัก จะจริงจังกับการคำนวณแคลอรี่ในมื้ออาหารทุกมื้อ ดังนั้นควรเลือกทานอาหารที่มีแคลรี่เท่าที่ตัวเองต้องการในแต่ละวัน และควรมองข้ามพวกขนมกรุบกรอบ หรือของว่างต่างๆ ไปได้เลย อย่าคิดนะว่า กินนิดกินหน่อยไม่เป็นไร

เพราะขนมกรุบกรอบ ของว่างต่างๆ ส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบที่เราทำให้อ้วน และการคิดว่ากินนิดกินหน่อยไม่เป็นไร ถ้าคิดแบบนี้บ่อยๆ สาวๆ อาจจะได้ปริมาณแคลอรี่ที่เกินความต้องการก็ได้นะคะ

ดังนั้นหยุดค่ะ อย่ามองข้าม ถ้าอยากจะทาน ก็ลองพลิกฉลากด้านหลังของซองขนมดู หรือไม่ก็เลือกขนมที่ไม่เสี่ยง หรือดีต่อสุขภาพค่ะ

4. งดขนมขบเคี้ยว

ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว ขนบขบเคี้ยวบางประเภท ทำให้เราอ้วนขึ้นได้ แต่บางประเภทกลับดีต่อสุขภาพเรา การที่เรางดขนมขบเคี้ยวทุกอย่าง อาจจะเป็นการฝืนใจเราเกินไป เพราะยิ่งงดเรายิ่งอยาก

ดังนั้นลองหาขนมขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพ ประเภทที่อุดมไปด้วยโปรตีน อย่างเช่น ประเภทถั่ว วอลนัท ฮาเซลนัท มะม่วงหิมพานต์ ถั่วอัลมอนด์ผลวิจัยพบว่าการทานขนมขบเคี้ยวประเภทถั่ว จะช่วยกระบวนการเผาผลาญพลังงานเราให้ดีขึ้น คนที่กำลังลดน้ำหนัก และทานถั่วเป็นขนมขบเคี้ยว จะช่วยให้หิวน้อยลง และทำให้การลดน้ำหนักดีกว่าคนที่ งดขนบขบเคี้ยวไปเลย

5. ทานอาหารแต่อาหาร Low-fat

การเลือกทานแต่อาหาร Low-Fat หรืออาหารที่มีปริมาณไขมันต่ำ เป็นเรื่องดี แต่ถ้าเลือกทานแต่อาหารประเภทนี้โดยที่ไม่ดูข้อมูลให้ดี ก็อาจจะเสี่ยงต่อการอ้วน โยโย่ได้

เพราะอย่าลืมว่าอาหารบางประเภทเป็นอาหาร Low-Fat ก็จริง แต่กลับมีแคลอรี่สูง สาวๆ ต้องแยกให้ออกระหว่างไขมันและแคลอรี่ ไขมันต่ำจริง แต่ถ้าแคลอรี่สูงหรือน้ำตาลสูง ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ตัวอย่างเช่นน้ำอัดลม Low-Fat ที่เคลมตัวเองว่าไขมันต่ำ แต่กลับมีปริมาณน้ำตาลสูง แทนที่จะผอมแต่กลับเสี่ยงกว่าน้ำอัดลมแบบปกติเสียอีกค่ะ ดังนั้น ลองเช็คฉลากผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะทานให้ดีนะคะ

6. มองข้ามเครื่องดื่มแคลอรี่สูง

คนส่วนใหญ่มองข้าม ตัวเลขแคลอรี่ในเครื่องดื่ม เพราะคิดว่า เครื่องดื่มเป็นแค่น้ำ ไม่น่าจะส่งผลอะไรต่อน้ำหนัก ใช่ค่ะ แต่แค่เฉพาะน้ำเปล่าเท่านั้นค่ะ

ส่วนพวกน้ำผลไม้ กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีปริมาณแคลอรี่และน้ำตาลสูง โดยเฉพาะในแอลกอฮอล์ มีปริมาณสูงถึง 500 แคลอรี่ ต่อหนึ่งแก้ว ไม่แปลกที่คนชอบดื่มเบียร์ หรือเหล้ามักอ้วนง่าย

และมีผลวิจัยพบว่าแคลอรี่ในเครื่องดื่มต่างๆ ไม่ได้มีส่วนช่วยในการเผาผลาญพลังงานเลยค่ะ แถมส่งผลให้เรายิ่งหิวมากขึ้นอีกนะคะ ใครคิดจะดื่มอะไร ต้องดูดีๆ แล้วล่ะค่ะ

7. ดื่มน้ำน้อย

การดื่มน้ำน้อย ไม่ใช่เพียงส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างเดียว แต่การดื่มน้ำน้อยในขณะลดน้ำหนักยิ่งส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก

น้ำเป็นสิ่งจำเป็นในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน และเผาผลาญแคลอรี่ ถ้าหากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานช้าลง

ดังนั้น"ควรดื่มน้ำเยอะๆ ให้ได้ 8 แก้วต่อวัน "

จะดีที่สุดค่ะ

การลดน้ำหนักที่ดีคือการเลือกรับประทานอาหารและปรับพฤติกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมต้องอาศัยเวลาและความมีวินัย ที่สำคัญคือ เมื่อเราลดน้ำหนักมาอยู่ในจุดที่เราพึงพอใจแล้ว อย่าเพิ่งไว้วางใจนะคะ ลดน้ำหนักว่ายากแล้ว แต่รักษาน้ำหนักให้คงตัวนั้นยากกว่า

เทนชิหวังว่าบทความที่เทนชินำมาฝากในวันนี้จะช่วยให้สาวๆ ลดน้ำหนัก และรักษาน้ำหนักให้คงที่นะคะ วันนี้ลาไปก่อน สู้ๆ ค่ะ มีความสุขกับการลดน้ำหนักนะจ๊ะ