ยังไม่พ้นครึ่งปี แต่ดูเหมือนว่าเลข 2020จะไม่ใจดีกับชาวโลกเอาซะเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ ที่เกิดสถานการณ์การระบาดไปทั่วโลกของไวรัส#COVID19หรือไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ส่งผลให้หลายๆ ประเทศต้องหาวิธีรับมือกับเชื้อที่กระจายไปอย่างรวดเร็วและยอดตัวเลขผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตื่นตระหนก จนเรียกได้ว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัส #COVID19 อาจกลายเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญที่สร้างผลกระทบ รวมไปถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปทั่วทุกย่อมหญ้า

เช่นเดียวกันกับประเทศไทยของเรา ที่โดนสถานการณ์การระบาดของไวรัส #COVID19 เล่นงานจนถึงขั้น ‘อ่วม’ เศรษฐกิจหยุดชะงัก ชีวิตประจำวันของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสถานที่ชุมนุมต่างๆ ทั้ง โรงเรียน , ห้างสรรพสินค้า , ร้านอาหาร , ฟิตเนท ฯลฯ ถูกสั่งปิด ผู้คนต้องกักตัวอยู่แต่บ้าน หลีกเลี่ยงการพบปะสังสรรค์และให้ความสำคัญกับ Social Distancing ทุกภาคส่วนต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดกับสถานการณ์อันน่าเปราะบางในเวลานี้ จากที่เด็กๆ เคยเรียนหนังสือที่โรงเรียนก็ต้องเปลี่ยนมาเรียนรูปแบบออนไลน์แต่ผลกระทบชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้นภาคธุรกิจซึ่งสถานการณ์บังคับให้วัฒนธรรมการทำงานในองค์กรเดิมๆ ต้องปรับตัวแบบก้าวกระโดด เพื่อให้งานยังคงดำเนินต่อไปโดยบริษัทยังอยู่ได้และมั่นใจได้ว่าทุกคนในองค์กรจะปลอดภัยจากโรคระบาด

รูปภาพ:

รูปแบบการทำงานที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้งในช่วงหลังๆ แต่ยังไม่เคยได้นำมาลองใช้จริงจังสักทีอย่าง

" Work From Home "


หรือการทำงานที่บ้าน

ถูกสถานการณ์บังคับให้กลายเป็น หนทางรอด ที่แทบจะทุกบริษัท ทุกองค์กรจำใจต้องทำทันทีเมื่อวิกฤตครั้งนี้มาเยือน

ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีต่างๆ จะพัฒนาก้าวไกลจนเราสามารถติดต่อสื่อสาร รวมไปถึงทำงานต่างๆ ด้วยซอฟแวร์ แอพพลิเคชั่น หรือโปรแกรมผ่านการออนไลน์ได้อย่างง่ายดายและสะดวกรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า

การเปลี่ยนแปลงแบบปัจจุบันทันด่วนนี้ ส่งผลกระทบต่อ“การปรับตัว”ของคนทำงาน ทั้งในแง่ของ วินัย ความรับผิดชอบต่องาน รวมไปถึงสิ่งสำคัญอย่างการบาลานซ์ระหว่างเวลางานและเวลาส่วนตัวเมื่อพื้นที่ทำงานและบ้านกลายมาเป็นพื้นที่เดียวกัน

-------------------------------------------------เมื่อคุณเข้าสู่โลกแห่งWork from Homeก็ไม่มีWorking TimeหรือWeekendอีกต่อไปcr.https://www.facebook.com/photo?fbid=2513909312258163&set=a.1544941655821605-------------------------------------------------

ต้องยอมรับว่าการ

Work From Home

ทำให้

งานและการใช้ชีวิต ยิ่งใกล้กันมากขึ้น

เมื่อพื้นที่ทำงานไม่ใช่ออฟฟิศ และพื้นที่การใช้ชีวิตไม่ใช่ที่บ้านเหมือนอย่างเคย

การพยายามทำให้งานและชีวิตส่วนตัว balance อยู่ในพื้นที่เดียวกัน จึงดูว่าจะไม่ใช่อะไรที่ง่ายซะทีเดียว

บางคนอาจประสบปัญหา Work ไร้ประสิทธิภาพทำงานไม่ได้งานเพราะสภาพแวดล้อมของบ้านทำให้คุณเฉื่อย แต่ในทางกลับกันก็กลายเป็นว่าการ Work From Home นั้นทำให้บางคนไม่มี Working Time หรือ Weekend อีกต่อไป งานรวมร่างกลายมาเป็นทุกเวลา ทุกอัตราส่วนในบ้าน เป็นที่มาของ

“ work ไร้ balance ”

ทั้งในแง่ของงานและชีวิตส่วนตัว จนอาจกลายเป็นความน่ากลัวในใจเล็กๆ ว่า ถ้าสุดท้ายแล้วเราเกิดมีความรู้สึกว่าบ้านไม่ใช่ comfort zone ของเราอีกต่อไปล่ะ ?

แล้วเราจะมีวิธีรับมือยังไง ? ให้ทั้งงานและชีวิตส่วนตัวภายในพื้นที่เดียวกัน ไม่ทับซ้อนกัน และยังคงwork - life balanceได้อยู่ แม้ในสถานการณ์ที่บังคับให้ทุกคนต้อง work from home โดยไม่มีทางเลือก ลองไปดูกันค่ะ

รูปภาพ:

● ขีดเส้นแบ่งเวลาให้ชัดเจน ●

การจัดสรรเวลาเรียกว่าเป็นคีย์สำคัญต่อระบบการทำงานในรูปแบบ Work From Home เลยค่ะทุกคนต้องรู้จักบริหารจัดการเวลาในการทำงานและการใช้เวลาส่วนตัวให้มีประสิทธิภาพ กล่าวคือควรมีเวลาทำงาน เวลาพัก เวลาเลิกงานให้ชัดเจน อย่างไม่ทับซ้อนกันโดยที่เราต้องรู้จักการจัดการกับปัจจัยภายนอกรวมไปถึงบุคคลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น คนในบ้านหรือเพื่อนร่วมงาน ให้เข้าใจตรงกันเกี่ยวกับเวลาการทำงานของตัวคุณเอง ตัวอย่างเช่น- แจ้งคนที่บ้านให้เข้าใจว่าการ Work From Home ไม่ใช่การหยุดงานแต่เป็นการทำงานอยู่ที่บ้านเพื่อไม่ให้บุคคลในบ้านรบกวนในเวลางาน- แจ้งเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานให้ทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า แม้เราจะทำงานที่บ้านก็ไม่แปลว่าทุกเวลาที่อยู่บ้านคือสามารถทำงานได้ควรมีการพูดคุยอย่างจริงจังถึงข้อตกลงร่วมกันว่า ในช่วงเวลาพัก หรือหลังเลิกงานคือเวลาส่วนตัว และไม่ควรติดต่อกันในเรื่องงาน

เมื่อเรามีการขีดเส้นแบ่งเวลาที่ชัดเจน เราก็จะสามารถเอาตัวเองออกมาจากการทำงานได้ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับบ้านก็ตาม เพราะเวลาจะช่วยแบ่งพาร์ทการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวให้คุณโดยอัตโนมัติเอง

● ทำงานให้ได้งาน ●

อย่าให้ข้อจำกัดในการอยู่บ้านทำให้งานของคุณไร้ประสิทธิภาพหากถึงเวลาทำงานแล้วไม่ได้งานก็เท่ากับว่าคุณwork ไร้ balanceเช่นกันดังนั้นตัวคุณเองก็ต้องปรับตัวและทำความเข้าใจว่า เมื่อถึงเวลางานประสิทธิภาพในการทำงานก็ต้องบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยวิธีจัดการปัญหานี้แนะนำว่าให้เริ่มต้นจากรู้จักสร้างWorking Environmentหรือกำหนดพื้นที่ทำงานให้เฉพาะเจาะจงเลือกเปลี่ยนมุมหนึ่งของบ้านให้กลายเป็นโซนทำงานอย่างจริงจัง อาจจะเป็นโต๊ะกินข้าว หรือเลือกมุมที่แสงสว่างส่องถึงและอากาศถ่ายเท จัดโต๊ะหรือสร้างบรรยากาศให้พร้อมสำหรับการทำงานจริงๆ เพื่อให้เอื้อในการทำงานนอกจากนั้นตัวคุณเองก็ต้องมีวินัยในการทำงานด้วยเช่นกัน ควรโฟกัสว่าโฟลว์งานวันนี้คืออะไร มีอะไรที่คุณต้องทำบ้าง และที่สำคัญควรมีการตั้งเป้าหมายในการทำงานแต่ละวันเพื่อให้ตัวคุณเองสามารถทำตามเป้าหมายงานที่ตั้งไว้ได้

ข้อดีของการสร้างWorking Environmentในการทำงานก็จะทำให้คุณสามารถแยกพื้นที่ทำงานและพื้นที่บ้านออกจากกันได้ เวลางานก็นั่งทำงานในบริเวณโซน work ที่จัดไว้ เมื่อหมดเวลางานก็ออกมาใช้ชีวิตส่วนตัวในพื้นที่อื่นๆ ของบ้าน วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้การทำงานและการใช้ชีวิตอยู่บ้านไม่ทับซ้อนกัน

รูปภาพ:

● จัดสรรพลังงานชีวิตตนเอง ●

แน่นอนว่าเมื่อสถานที่ทำงานกลายเป็นที่เดียวกับสถานที่พักผ่อน หลายๆ คนอาจจะมีพลังงานในการทำงานน้อยลงเพราะด้วยสภาพแวดล้อมของบ้านอาจสร้างความรู้สึกเฉื่อยให้กับคุณได้ ข้อนี้คุณควรต้องปรับเปลี่ยนหันมาจัดสรรพลังงานชีวิตของตนเองให้พร้อมกับการทำงานอย่างแท้จริง รวมถึงเหลือพลังงานชีวิตไว้สำหรับทำกิจกรรมอื่นๆ ในเวลาส่วนตัวด้วยเช่นกัน

ส่วนใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนบ้างาน การจัดสรรพลังงานชีวิตเพื่อใช้กับงานอาจจะไม่จำเป็นนัก แต่ต้องรู้จักปรามตัวเองว่าอย่าลืมที่จะแบ่งพลังงานบางส่วนไว้สำหรับทำอย่างอื่นด้วย เมื่อเราไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ไม่มีเวลาเลิกงานกลับบ้านที่ตายตัวเหมือนเดิมถ้าคุณปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับงานมากไป พลังงานชีวิตของคุณก็จะหมดไปกับ งาน งานและงาน ไม่เหลือแรงไปทำอะไรอื่นๆ ให้ตัวเองอีก เงยหน้าขึ้นมาอีกทีคุณอาจจะรู้สึกว่าบ้านของคุณไม่ใช่พื้นที่พักผ่อนอีกต่อไปแล้วก็ได้เพราะจะมุมไหน เวลาใด ก็กลายเป็นงานไปซะหมด

การจัดสรรพลังงานชีวิตให้พอดีสำหรับสองสิ่ง ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป ก็เป็นอีกตัวช่วยไม่ให้ชีวิตของคุณ“ work ไร้ balance ”ได้

● อย่าปล่อยให้งานกลืนชีวิต ●

เพราะข้อเสียของการWork From Homeคือความคาบเกี่ยวระหว่างงานและพื้นที่ส่วนตัวส่งผลให้บางคนเกิดความเครียดจากการที่ไม่สามารถปล่องวางเรื่องงานลงได้ เนื่องจากที่ทำงานกลายเป็นสภาพแวดล้อมเดียวกันกับบ้าน เมื่อนานวันเข้า งานอาจกลืนชีวิตส่วนตัวของคุณไปโดยไม่รู้ตัวสิ่งที่เราควรทำก่อนจะเกิดกรณีนี้คือ หลังจบชั่วโมงการทำงานให้ทุกคนปิดอุปกรณ์การทำงานทั้งหมด วางทุกอย่างเมื่อเลิกงาน และเอาตัวเองออกมาจากโซนทำงานทันที รวมไปถึงควรเลิกคิดงานนอกเวลางาน และเลิกติดต่อสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องงานหากไม่จำเป็นจริงๆ

ข้อสำคัญเลยคือควรหากิจกรรมอื่นๆ หรือหางานอดิเรกทำเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายจากงาน จะออกกำลังกาย ดูหนังฟังเพลง ทำกับข้าว รดน้ำต้นไม้ หรือทำกิจกรรมกับคนในครอบครัว ฯลฯสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณไม่จมอยู่กับงาน ช่วยลดความเครียดในการทำงาน แถมยังช่วยให้คุณมีพลังงานพร้อมลุยงานต่อไปในวันรุ่งขึ้นได้อีก

รูปภาพ:

-------------------------------------------------

สถานการณ์ระบาดของไวรัส #COVID19มองดูก็ยังไม่เห็นจุดหมายปลายทางว่าจะจบลงเร็วๆ นี้หรือเมื่อไร

สิ่งที่เราจะทำได้ในช่วงเวลานี้คือทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดไปพร้อมๆ กับการคิดบวกกับตัวเองเข้าไว้

-------------------------------------------------

การWork From Homeเรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลันแน่นอนว่าอาจเกิดสะดุดในการปรับตัวช่วงแรกๆ ไปบ้าง แต่ถ้าเราลองมองในอีกมุมจะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหันในครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีทั้งหมดเสียเมื่อไรถ้าสถานการณ์โรคระบาดไม่เกิดขึ้น ก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่เราจะได้ลองใช้ระบบการทำงานจากบ้านได้สักทีหลายๆ คนได้มีโอกาสจัดบ้านใหม่ในรอบหลายเดือนเพื่อให้สภาพเหมาะกับการนั่งทำงานทั้งวัน รวมไปถึงการ Work From Home ก็ทำให้เราไม่ต้องเดินทางไกลไปทำงาน มีเวลาเหลือให้ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองมากขึ้น

เมื่อสถานการณ์บังคับเราก็ต้องปรับตัวกันต่อไป

สิ่งสำคัญคือการรู้จักหน้าที่ของตนเอง

แบ่งเวลาให้กับงานเพื่อให้งานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่เอาเปรียบบริษัท และต้องไม่ลืมแบ่งเวลาให้กับชีวิตเราเอง

ด้วยเช่นกัน

อย่าปล่อยให้สถานการณ์เปลี่ยนไปโดยที่ตัวเรานั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

เพราะหลังจากนี้การWork From Home อาจไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะในภาวะวิกฤติ #COVID19เท่านั้นหากเราทุกคนไม่ปล่อยให้“ work ไร้ balance ”ยังคงทำงานและใช้ชีวิตควบคู่กันได้อย่างราบรื่นไม่ต่างจากการทำงานที่ออฟฟิศไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบการทำงานใหม่ที่สามารถ"ทำงานที่ไหนก็ได้"โดยที่เป็นเรื่องปกติธรรมดาของทุกคน

รูปภาพ: