รูปภาพ:

เราเชื่อว่าปัจจัยหนึ่งที่หลายคนใช้ในการเลือกสกินแคร์นั่นก็ คือ "ความปลอดภัย" เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้บนใบหน้า ซึ่งเราก็เชื่อมาตลอดว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาตินั้น ย่อมมีความอ่อนโยน ปลอดภัย และเข้ากับผิวของมนุษย์ได้ดีกว่าสารที่สังเคราะห์ขึ้น อย่างล่าสุดที่เราได้รู้จักกับแบรนด์

Living Nature


แบรนด์สกินแคร์ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ 100%

ส่งตรงจากประเทศนิวซีแลนด์

รูปภาพ:https://www.letsbegreen.eu/data/pictures/logo-a36340040d442daa3281134fb7a3dbab/bdih-promotion@2x.jpg

แถมยังได้รับการรับรองจาก

BDIH(Bundesverband der Industrie- und Handelsunternehmen)

ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศเยอรมัน เป็นองค์กรระดับโลกที่ไม่แสวงหาผลกำไร ทำหน้าที่ในการตั้งมาตรฐานและตรวจสอบความเป็นธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ ซึ่งกว่าจะผ่านด่าน 18 อรหันต์มาได้นั้นก็ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในเรื่องควบคุมตั้งแต่การปลูกพืชพรรณ ส่วนผสม ตลอดจนกระบวนการผลิต เรียกว่าเป็นอะไรที่โหดหินเอาเรื่องเลยทีเดียวหละครับ แต่จะให้เรามาพูดแบบนี้ก็คงจะไม่เห็นภาพจริงไหมหละครับ เอาเป็นเราไปดูกันดีกว่าเราได้ไอเทมไหนมาลองบ้าง และแต่ละตัวนั้นน่าสนใจอย่างไร ไปชมกันเลยครับ...

Living Nature Hydrating Toning Gel (100ml./9xx.-)

รูปภาพ:

ผลิตภัณฑ์โทนเนอร์รูปแบบเจล ใช้ทาหรือเช็ดใบหน้าและลำคอหลังล้างหน้า เพื่อฟื้นคืนสมดุลความเป็นกรด-ด่าง(pH Balance) ช่วยความคุมความมันบนใบหน้า ให้ความชุ่มชื้นและปลอดประโลมผิวด้วยสารสกัดจาก Harakeke Flax-Gel

Texture / Scent / Packaging

รูปภาพ:

-

Texture :

เนื้อผลิตภัณฑ์อยู่ในลักษณะเจลใสๆ ที่มีความเข้มข้นพอสมควร แต่เห็นน้องเค้าเข้มข้นแบบนี้แต่พอทาลงบนผิวหน้าแล้วกลับซึมเข้าสู่ผิวได้ค่อนข้างไว ไม่ทิ้งความรู้สึกเหนอะหนะไว้บนผิว

-

Scent :

กลิ่นหอมอ่อนๆ จาก Essential Oils ไม่ว่าจะเป็น Limonene และ Linalool ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายผิวได้ดีทีเดียว

รูปภาพ:

-

Packaging :

บรรจุภัณฑ์มาในขวดพลาสติกที่เราว่าเค้าออกแบบมาได้น่าสนใจทีเดียวนะ คือ เค้าวางตำแหน่งฝาเปิดผลิตภัณฑ์ไว้ด้านล่าง ซึ่งเหมาะเจาะกับเนื้อผลิตภัณฑ์รูปแบบเจล ทำให้ปล่อยผลิตภัณฑ์ออกมาได้ง่ายและสะดวกทีเดียวขอรับ

Key Ingredients

-

Phormium Tenax Leaf Juice :

สารสกัดที่ได้จากใบแฟลกซ์ อุดมไปด้วยโพลิแซคคาไรด์ ทางผู้ผลิตเคลมว่ามีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น ให้ความเย็นบนผิว และฆ่าเชื้อโรคได้ดี

-

Manuka Honey :

น้ำผึ้งมานูก้านั้นเรียกว่าเป็น "ราชินีแห่งน้ำผึ้ง" เลยก็ว่าได้ เพราะเค้ามีแร่ธาตุที่เหนือกว่าน้ำผึ้งโดยทั่วไปถึง 4 เท่า! ที่นอกจากจะให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในชะลอการเกิดริ้วรอย ต้านการอักเสบ สมานแผล และฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย

-

Leptospermum Scoparium (Manuka) Extract :

น้ำมันมานูกานั้นได้จากการนำดอกและใบของพืชมานูกามาผ่านกระบวนการกลั่นด้วยไอน้ำ มีผลการศึกษาหลายชิ้นที่ระบุว่าน้ำมันมานูกามีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียได้ดีกว่าน้ำมันจากต้นชา(Tea Tree Oil) ถึง 33 เท่า นอกจากนั้นยังมีสรรพคุณต้านเชื้อไวรัส ต้านเชื้อแบคทีเรียและต้านการอักเสบอีกด้วย

Let's Try...

รูปภาพ:

จริงๆ แล้วเจ้า

Living Nature Hydrating Toning Gel

นั้นสามารถใช้ลงบนผิวโดยตรงได้เลย โดยการทาทั่วใบหน้าและลำคอหลังหลังหน้า แต่จากที่เราทดลองเล่นมาซักพัก เราชอบใช้กับสำลีมากกว่า โดยเราจะบีบลงบนสำลีขนาดประมาณเหรียญ 10 บาท จากนั้นพับสำลีเข้าหากันเพื่อให้ตัวผลิตภัณฑ์กระจายตัวให้ทั่วสำลีจากนั้นก็เช็ดใบหน้าได้เลยจ้า...

รูปภาพ:

ความรู้สึกที่ได้จะแตกต่างจากการใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Toner ทั่วๆ ไปค่อนข้างเยอะ เพราะปกติแล้ว Toner ที่เราเทลงสำลีจะเป็น Liquid Form ซึ่งตัวสำลีนั้นจะสัมผัสกับใบหน้าเราค่อนข้างเยอะ(ถ้าเลือกสำลีไม่ดีผิวก็อาจระคายเคืองได้ง่ายๆ) แต่พอใช้เจ้า

Living Nature Hydrating Toning Gel

เราแทบจะไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้เลย ด้วยความที่เนื้อผลิตภัณฑ์อยู่ในรูปแบบ Gel ทำให้มีความสมูทและลื่นไปบนผิวได้มากกว่า ลดโอการการระคายเคืองจากการใช้แรงที่เกินพอดีได้มากทีเดียวหละฮะ

รูปภาพ:

แถมหลังจากที่เราเช็ดหน้าด้วย

Living Nature Hydrating Toning Gel

แล้วพบว่าผิวมีความชุ่มชื้นที่ดีทีเดียว อีกทั้งยังไม่รู้สึกถึงความมัน หรือความเหนอะหนะผิว จะมีก็แต่ความชุ่มชื้นและความนุ่มของผิวที่จับแล้วฟินสุดๆ ไปเลยหละฮะ!!

Living Nature Lip Balm (10ml./4xx.-)

รูปภาพ:

ผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปากเนื้อบาล์ม ช่วยสร้างความเนียนเรียบและปกป้องริมฝีปากของคุณด้วยการผนึกความชุ่มชื้น เก็บไว้ในริมฝีปาก และช่วงปกป้องไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้นที่กักเก็บไว้ ด้วยคุณค่าสารสกัดจาก

Manuka Honey

จากธรรมชาติที่นอกจากจะช่วยดดึงดูดความชุ่มชื้น ยังมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อโรค และสมานแผล จึงสามารถบรรเทาปัญหาริมฝีปากแห้งแตกได้เป็นอย่างดี

Texture / Scent / Packaging

รูปภาพ:

-

Texture :

เนื้อผลิตภัณฑ์มีลักษณะเป็นเจลบาล์มเข้มข้น ซึ่งจากที่เราลองเล่นมาซักพักพบว่าเวลาใช้จริงๆ ใช้ปริมาณน้อยมาก เรียกว่าบีบออกมานิดเดียวปากก็ชุ่มชื้นจนลืมทาไปพักใหญ่ๆ เลยหละฮะ

-

Scent :

ถึงแม้ว่าในสูตรจะมี Essential Oils ใส่เข้ามา แต่จากที่เราลองใช้ได้ซักพัก ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีกลิ่นอะไรโดนเป็นพิเศษขอรับ เป็นลิปบาล์มอีกตัวที่ใช้ง่ายทีเดียวหละ

รูปภาพ:

- Packaging :

ผลิตภัณฑ์มาในรูปแบบหลอดพลาสติก ส่วนหัวที่ใช้ปล่อยผลิตภัณฑ์เป็นปลายตัด

Key Ingredients

-

Manuka Honey :

น้ำผึ้งมานูก้านั้นเรียกว่าเป็น "ราชินีแห่งน้ำผึ้ง" เลยก็ว่าได้ เพราะเค้ามีแร่ธาตุที่เหนือกว่าน้ำผึ้งโดยทั่วไปถึง 4 เท่า! ที่นอกจากจะให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในชะลอการเกิดริ้วรอย ต้านการอักเสบ สมานแผล และฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย

-

Theobroma grandiflorum (cupuacu) seed butter :

สารสกัดจากเม็ดคูพูวาซู เป็นพืชที่ได้รับสมญาว่า "ซูเปอร์ฟรุ๊ต (superfruit)" เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินนานาชนิด สารต้านอนุมูสอิสระ และกรดไขมันจำเป็นต่อผิว พร้อมด้วย โบทานิคัล มอยส์เจอร์ไรเซอร์ (botanical moisturizer) อาทิ โอลีฟออยล์ และซันฟลาวเวอร์ออยล์ จึงช่วยฟื้นฟูให้ผิวแห้งกร้าน กลับมาชุ่มชื้น เนียนนุ่ม มีสุขภาพดีตามธรรมชาติ

นอกจากนี้ยังมี

Galactoarabinan

ซึ่งเป็นสารสกัดพอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharide) ได้มาจากพืชพันธุ์สนชนิดหนึ่งทางแถบตะวันตก มันเป็นส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื่น และกักเก็บความชุ่มชื้นบนผิวได้เป็นอย่างดี

Let's Try....

รูปภาพ:

จากที่เราลองใช้เจ้า

Living Nature Lip Balm

มาซักพักต้องบอกเลยว่าเป็นลิปบาล์มที่นอกจากจะให้ความชุ่มชื้นแบบฉ่ำๆ แล้ว ยังเห็นผลในเรื่องการสมานแผนได้ไวทีเดียว เพราะก่อนที่เราจะลองเรามีแผลเล็กๆ ที่ริมฝีปาก (คาดว่าน่าจะเกิดจากช่วงที่ดื่มน้ำน้อย และไม่ค่อยได้บำรุงริมฝีปาก)

รูปภาพ:

แต่ปรากฏว่าผ่านไป 2 วันจุดที่เคยมีแผลอยู่นั้นกลับหายเป็นปลิดทิ้ง ราวกับไม่เคยมีมาก่อน ทำเอาเราประหลาดใจพอสมควรทีเดียว เพราะโดยปกติแล้วสิ่งที่เราคาดหวังจากลิปมัน/ลิปบาล์มก็จะเป็นแค่เรื่องความชุ่มชื้น แต่นี่กลับทำให้ผิวแผลสมานตัวจนริมฝีปากกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง นับว่าเกินคาดไปมากทีเดียวฮะ

รูปภาพ:

นับว่าผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 จากทาง

Living Nature

มีความอ่อนโยน และปลอดภัยกับผิวพอสมควรเลยหละครับ ทั้งได้รับการรับรองจาก BDIH และใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติถึง 100% กันเลยทีเดียว เรียกว่างานนี้น่าจะได้ใจมนุษย์ที่ผิวแพ้-ระคายเคืองง่ายไปไม่ยากเลยหละครับ สำหรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับเรานั้น Based-on สภาพผิว การดูแลตัวเอง รวมถึงไลฟ์สไตล์ของเราเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันในแต่ละบุคคลครับ

Note :ส่วนคำถามที่ว่า ใช้แล้วจะแพ้ไหม อุดตันหรือไม่ ? เราไม่สามารถตอบให้ได้ครับ เนื่องจากสภาพผิวแต่ละคนล้วนต่างกัน รวมถึงปัจจัยที่ก่อให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองก็ต่างกัน ดังนั้นเราแนะนำว่าก่อนที่จะลงใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกครั้ง ให้ทดสอบอาการแพ้ที่บริเวณท้องแขนหรือลำคอ ก่อนใช้จริงบนใบหน้าครับ