ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที...ชีวิตคู่มักจะให้ผู้ชายเป็น'ผู้นำ'เสมอ เพราะผู้ชายจะมีสัญชาตญานตามธรรมชาติคืออยากเป็นผู้ล่า หยิ่งทะนง ไม่ต้องการรับคำสั่งหรือเป็นรองใครแต่หลักฐานต่างๆ ในประวัติศาสตร์ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ผู้หญิงก็สามารถแบกรับภาระ บริหารจัดการได้ไม่แพ้ผู้ชายเช่นเดียวกัน ( เช่น ฮองเฮาหรือจักรพรรดินีในราชวงศ์จีน เป็นต้น )ในปัจจุบัน มีผู้หญิงมากมายที่ไม่ได้รับผิดชอบแค่งานบ้านเท่านั้น แต่เข้าไปมีบทบาทสำคัญๆ ในระดับชาติด้วย บ่งบอกว่าสาวๆ ก็มีความสามารถ แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยยอมรับให้สาวๆ เป็นใหญ่เหนือตนเองได้อย่างสนิทใจ อย่างที่บอก อีโก้สูง!

เมื่อมาถึงในแง่ความสัมพันธ์ ชีวิตคู่ แน่นอนว่าหนุ่มๆ ทุกคนก็อยากเป็นช้างเท้าหน้า ออกคำสั่งให้แฟนทำตาม( บางคนหัวโบราณขนาด หลังแต่งงานให้เธอลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวด้วยซ้ำไป )บางครั้งก็อึดอัด ทำไมเขาไม่ปล่อยให้เธอตัดสินใจอะไรเองบ้างเลย นี่มันหมดยุคทาสแล้วนะเฮ้ยวันนี้เราจึงมีบทความ'10 เหตุผลที่ผู้หญิงเหนือกว่า ดีสุดๆ'เพื่อนำเหตุผลไปอธิบายกับพ่อหนุ่มตัวดีว่า การให้สาวๆ เป็นผู้นำบ้างก็ไม่เสียศักดิ์ศรีขนาดนั้นหรอก ตรงกันข้าม อาจทำให้ชีวิตคู่มีความสุขขึ้นด้วยซ้ำ =w=ถ้าพร้อมแล้วก็...เริ่มเลย!


1. ผู้หญิงมี 'สติ' อยู่ตลอดเวลา

รูปภาพ:https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/33/53/9c/33539c293f4deb48240421daa28aab43.jpg

เพศหญิงเป็นเพศที่มีสติ ระมัดระวังกับเหตุการณ์ทุกสิ่งอย่างในชีวิต กะเกณฑ์เวลาและเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ เช่น ทำขนมบ่อยๆ จนรู้ว่าเมื่อไหร่คุกกี้จะอบเสร็จพอดี ซักผ้าบ่อยจนรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เครื่องซักผ้าจะส่งเสียงเตือนให้นำไปตาก โดยที่ไม่ต้องไปจ้องตัวเลขบนเครื่องตลอดเวลา เหมือนเธอมีนาฬิกาจับเวลาอยู่ในสมองเลยล่ะ

ผู้หญิงเป็นห่วง เอาใจใส่กับสภาพแวดล้อมรอบข้าง หากเจออะไรแปลกๆ พวกเธอจะหาทางแก้ไขให้ผ่านไปอย่างราบรื่น ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

2. ผู้หญิงทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน ( multitasking )

รูปภาพ:http://reneemullingslewis.com/wp-content/uploads/2014/04/Multitasking-Good-Idea-or-Dangerous-Habit-Modern-Day-Wise-Woman.jpg

เพศหญิงมีระบบสมองที่ซับซ้อน สามารถทำงานได้หลายหน้าที่ หลายตำแหน่งในเวลาเดียวกัน ( หลายคนทำได้ดีทุกหน้าที่ซะด้วย ) เช่น เป็นพนักงานออฟฟิศตอนกลางวัน กลับไปเลี้ยงลูก ชงนม ป้อนข้าว สลับกับทำงานบ้านตอนกลางคืน ว่างๆ ก็นั่งตอบอีเมล์ลูกค้าในร้านขายของออนไลน์ และยังต้องหมั่นเติมความหวานกับแฟนอีก มือเป็นระวิงกันเลยทีเดียว

เพศชายทำได้แค่ทีละอย่าง ไม่สามารถแบ่งร่างได้เหมือนผู้หญิง ดังนั้นหนุ่มๆ จึงไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้เท่าสาวๆ ค่ะ

3. ผู้หญิงจัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รูปภาพ:http://www.flurtmag.com/wp-content/uploads/2015/01/woman-working-in-the-office.jpg

แม้ทั้งเธอและแฟนจะทำงานนอกบ้านเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือหลังเลิกงานแล้ว ฝ่ายหญิงยังสามารถบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ได้ดี ทั้งงานในบ้านและงานนอกบ้าน เช่น นัดดินเนอร์มื้อค่ำกับแฟน จำวันครบรอบต่างๆ เช่น วันเกิด วันครบรอบที่คบกัน วันจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าห้อง เป็นต้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น ใช่ว่าผู้ชายจะทำหน้าที่นี้ไม่ได้ ( สมัยนี้มีตัวช่วยอย่าง reminder ในมือถือ / คอมพิวเตอร์เยอะแยะไป ) แต่ถ้าเครื่องพวกนั้นเสียหรือหายล่ะ อย่าหวังว่าจะได้เซอร์ไพรส์ใดๆ จากเขาอีกเลย เพราะเขาจำไม่ได้แน่นอน

4. ผู้หญิงไม่รีรอที่จะ 'เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ'

รูปภาพ:http://il7.picdn.net/shutterstock/videos/8142238/thumb/10.jpg

หนุ่มๆ ส่วนใหญ่มีความ 'หยิ่ง' ในตัว ถ้าไม่เข้าตาจนขนาดวินาทีชีวิต ตายแน่ๆ ไม่มีทางเอ่ยขอความช่วยเหลือจากใครเด็ดขาด แต่ผู้หญิงไม่ใช่แบบนั้น! พวกเธอจะไม่รีรอในการเอ่ยปากถามทาง ขอให้จุดแก๊สให้ หยิบจานชามจากชั้นสูงๆ ให้ บอกรถคันข้างๆ ให้เลื่อนรถให้ เป็นต้น

หากให้หนุ่มๆ ต้องจัดการปัญหาเอง สิ่งที่พวกเขาเลือกทำคือ 'นิ่งเฉย' เพราะคิดว่าปัญหาจะหายไปได้เอง หารู้ไม่ว่า การเงียบไม่ได้ช่วยแก้อะไรเลย จากปัญหาเล็กๆ จะเป็นเรื่องใหญ่เพราะการกระทำของเขานั่นแหละ -*-

5. สื่อสารระหว่างกันได้เข้าใจกว่า

รูปภาพ:http://www.glamour.com/images/sex-love-life/2014/05/ice-cream-date-w724.jpg

คู่รักที่มีฝ่ายหญิงเป็นผู้นำ มักไม่ค่อยมีเรื่องผิดใจกันเท่าไหร่ แสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผยและจริงใจ น่าอิจฉากว่าคู่รักปกติด้วยซ้ำไป!

ผู้หญิงมักแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ คิดอะไรก็พูดออกมาทันที จึงไม่เกิดปัญหาสะสมค้างคาเหมือนผู้ชาย เพราะหนุ่มๆ มักพูดในสิ่งตรงกันข้ามกับความรู้สึก หรือปากไม่ตรงกับใจนั่นเอง ที่แย่กว่านั้นคือไม่พูดเลย เงียบ -.- แล้วจะเข้าใจกันได้อย่างไรเล่า

6. ไม่ต้องเดา 'ความหมายแฝง' ของคำพูดสาวๆ อีกต่อไป

รูปภาพ:http://4.bp.blogspot.com/-6BphO0y94_8/T5KZ7-_Yb7I/AAAAAAAANx0/GTq0uggq6k4/s1600/MONKEY%2BWRENCHED%2B1.png

หากปล่อยให้ผู้หญิงเป็น 'บอส' มีอำนาจจัดการทุกอย่าง หนุ่มๆ จะไม่ต้องเดาความหมายแฝงจากน้ำเสียงของแฟนอีกต่อไป เพราะเธอจะสั่ง ( ด้วยการบอกตรงๆ ดุด่า หรือกรีดร้องตามอัธยาศัย ) เลยนั่นเอง

หากให้ฝ่ายชายเป็นพ่อบ้าน ฝ่ายหญิงหาเงินเป็นหัวหน้าครอบครัว เธอจะสามารถสั่งได้ตรงๆ ว่า "ซักถุงเท้าเน่าๆ ของเธอซะ!" แต่ถ้าผู้ชายหาเงิน สาวๆ จะไม่กล้าพูดมาก แต่จะบอกอ้อมๆ เช่น "ถุงเท้านี่ก็ใส่มาหลายวันแล้วนะ..." ซึ่งหนุ่มๆ หลายคนไม่เข้าใจความหมายแฝงนี้ ทำให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ในที่สุดก็ระเบิดตูม!

อย่างไรก็ตาม เราก็ควรเคารพศักดิ์ศรีของฝ่ายชายด้วย อย่าใช้อำนาจจนเขารู้สึกด้อยค่าล่ะ

7. มีความ 'เสมอภาคทางเพศ'

รูปภาพ:http://www.debatingeurope.eu/wp-content/uploads/2014/03/gender-equality.jpg

ความสัมพันธ์ที่ผู้หญิงมีบทบาทเยอะ อำนาจของฝ่ายชายจะลดลง ถ้าเปรียบกับตาชั่งก็มีการคานดุลอำนาจกัน แม้ผู้ชายจะหาเงินได้เยอะกว่าแฟน แต่ถ้าผู้หญิงจัดการด้านการเงินและในบ้านทั้งหมด ก็ถือว่ามีความเสมอภาคทางเพศแล้วล่ะ

ความเท่าเทียมที่ดีคือ แต่ละฝ่ายมีบทบาทในความสัมพันธ์เท่าๆ กัน ไม่มีใครด้อยกว่าใคร ถ้าอย่างนั้นจึงจะทำให้ชีวิตคู่ดำเนินไปอย่างมีความสุขค่ะ

8. หนุ่มๆ จะรู้สึกกดดันน้อยลง

รูปภาพ:http://www.sojho.com/libs/uploads/2014/09/happy-couple.jpg

เพราะผู้หญิงเข้ามามีบทบาท ตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ แทนผู้ชายไปหมดแล้ว ข้อดีคือเขาจะกดดันน้อยลง ( สบายใจ...แฟนรับภาระแทนไปแล้ว =_= ) เขาไม่ต้องห่วงเรื่องอื่นๆ นอกจากประคองชีวิตคู่ หมั่นเติมความหวานให้ความรักเท่านั้น เรื่องเงินเรื่องทอง ดูแลลูก สาวๆ จัดให้หมด!

เมื่อหนุ่มๆ ไม่มีเรื่องให้ต้องเครียด เรื่องทะเลาะก็น้อยลง ทำให้ชีวิตคู่มีความสุขเพิ่มมากขึ้นไปโดยปริยายค่ะ

9. ทั้งสองฝ่ายรู้สึก 'พึงพอใจ' มากยิ่งขึ้น

รูปภาพ:http://chretienmariage.com/wp-content/uploads/2015/04/o-HAPPY-COUPLE-facebook.jpg

เมื่อเรื่องต่างๆ ในชีวิตดำเนินไปอย่างลื่นไหล ไม่มีอุปสรรคให้ต้องสะดุด เธอทั้งคู่จะรู้สึกประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ โอกาสวอกแวกจะนอกใจแอบไปมีกิ๊กก็น้อยลงไปด้วย

แค่ปล่อยให้เธอจัดการปัญหาต่างๆ ก็ไว้ใจได้ว่าทุกอย่างต้องเป็นไปได้ด้วยดี เพราะตามปกติแล้ว ผู้หญิงจะมีความรับผิดชอบมากกว่าอีกฝ่าย เมื่อต้องรับหน้าที่ดูแลลูกและทำงานบ้าน ในขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งงานนอกบ้าน ทำให้ชีวิตคู่เป็นไปอย่างราบรื่นค่ะ

10. เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตได้ดีขึ้น

รูปภาพ:https://45.media.tumblr.com/6fb70244b5d35b1fb96ab5444ce9b17d/tumblr_o21dktrnoT1ti70kso1_500.gif

สำหรับข้อนี้ อยู่ในกรณีที่เธอกับแฟนเคยอยู่ในฐานะที่ 'ผู้ชายเป็นใหญ่' มาก่อน เมื่อต้องสลับบทบาทหน้าที่กัน ทั้งเธอและเขาจะได้เรียนรู้สิ่งที่อีกฝ่ายต้องเจอ ทำให้เข้าใจกันและกันมากขึ้น ไม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระอีกค่ะ

เขาจะรู้ว่า 'ผู้หญิงก็เหนื่อยกับงานบ้านเหมือนกัน' ส่วนเธอก็รู้ว่า 'การทำงานนอกบ้านกับจัดการการเงินในครอบครัวก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ'  เกิดความเห็นใจซึ่งกันและกัน ผูกพันและซึ้งใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายเคยทำให้ หรือ 'รัก' อีกฝ่ายมากขึ้นนั่นเอง


===========================

แม้ความสัมพันธ์แบบ 'ผู้หญิงเป็นใหญ่' จะมีข้อดีมากมาย แต่ข้อเสียและสิ่งท้าทายก็มีเยอะเช่นกัน งานบางสาขาก็ยังไม่ยอมรับตำแหน่งใหญ่ๆ ทีให้ฝ่ายหญิงมาควบคุมตนเอง, การทำงานหลายหน้าที่ในเวลาเดียวกัน แม้จะทำให้ภาพรวมดี แต่เมื่อทำไปนานๆ ก็เหนื่อย เครียด อ่อนล้า ท้อแท้ได้เช่นกัน ได้อย่างก็ต้องเสียอย่างล่ะนะ

มีอีกทางเลือกหนึ่ง นั่นคือให้แต่ละฝ่ายมีบทบาทเท่าๆ กัน โดยแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบให้ทั้งชายและหญิง แต่เลือกแบบที่แต่ละฝ่ายถนัด ไม่จำเป็นว่าผู้หญิงต้องอยู่บ้านเสมอไป ถ้าเธอเป็น working woman แต่แฟนชอบทำอาหาร ก็สลับหน้าที่กันได้ ไม่ผิด

เท่านี้ทั้งคู่ก็ไม่เครียด อึดอัดในชีวิตคู่ ประคับประคองกันและกันไปได้ถึงฝั่งอย่างมีความสุขแล้วล่ะค่ะ ^^

===========================

บทความที่เกี่ยวข้อง