สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeโหมดเบื่อ! เซ็งเป็ด! ทั้งหลาย (ノД`゚)゚。เห็นอย่างนี้ เวลามันผ่านไปเร็วกว่าที่คิดนะคะ เรียนจบมา คิดว่าจะทำงานแป๊บๆ หาประสบการณ์ แล้วจะไปทำนั่นนี่ตามใจฝัน เที่ยวรอบโลกเอย ทำงานอดิเรกที่ชอบเอยแต่สุดท้ายด้วยวังวนเศรษฐกิจที่ต้องทำงาน ไม่งั้นก็ไม่มีเงินเก็บ บางคนก็ทำงานเพลิน ไปๆ มาๆ ก็ผ่านมาแล้วหลายปี ตัวเองใกล้จะขึ้นเลข 3 แล้ว แต่ชีวิตยังวนลูปที่เดิมอยู่เลยตื่นเช้า เดินทางไปทำงาน ทำงานรัวๆ เดินทางกลับ กว่าจะถึงบ้านก็เพลียจนนอนสลบ วันรุ่งขึ้นต้องแบกร่างไปอีกรอบ วงจรอุบาทว์ที่แท้จริงจนถึงกับมีวลีเด็ดว่า' เราเกิดมาเพื่อเรียน ทำงาน หาเงินกินข้าวแล้วตายไป 'เลยทีเดียว //อ่านแล้วเศร้าเนอะ TTคนเราเกิดมามีชีวิตเดียว ถ้าปล่อยให้ชีวิตอยู่ในวงจรติดลูปแบบนี้ ก็จะติดอยู่ในนั้นตลอดไปถ้าเธอไม่ดึงตัวเองออกมา เธอต้องเลิกถามว่าอยู่ไปเพื่ออะไร มีชีวิตไว้ทำไม แต่ต้องเริ่มจากการ' ก้าวออกมาทำสิ่งใหม่ๆ 'ทั้งในสเกลเล็กและสเกลใหญ่บ้าง เพื่อไม่ให้สุขภาพจิตแย่ลงเรื่อยๆ จนอาจส่งผลต่อปัญหากับจิตใจในอนาคตได้ถ้าเธอเป็นคนหนึ่งที่กำลังติดอยู่ในลูปนั้น ลองอ่านบทความ' 7 ทริคหลุดพ้นจากวงจรน่าเบื่อ ให้ชีวิตมีก้าวเดินใหม่ๆ อีกครั้ง 'กันดีกว่า

1. จำไว้ว่า "ไม่มีใครแก่เกินเรียน" ในโลกนี้มีเรื่องใหม่ๆ ต้องศึกษาทั้งชีวิต

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/b749e840b0353d559910ddec7006cd06.jpg

สาวๆ หลายคนให้เหตุผลว่า ไม่อยากออกจากวงจรชีวิตเดิมๆ ที่ดูเผินๆ ก็เหมือน ' ดีอยู่แล้ว ' มีงานให้ทำ มีข้าวให้กิน ออกไปทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ เช่น เรียนต่อ หรือฉีกสายอาชีพ ก็ไม่รู้จะทำได้ไหม เหมือนติดอยู่ใน comfort zone กังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดมากเกินไป

นอยด์ตลอดว่าแผ่นดินจะถล่มไหม พายุจะเข้าไหมทั้งที่ยังไม่มีสัญญาณอะไรเลย ถ้ากลัวแบบนี้ ก็ต้องกลัวไปตลอดชีวิตนั่นแหละค่ะ

สุดท้ายกว่าจะรวบรวมแรงฮึดได้อีกรอบ อาชีพในฝันนั้นก็อาจเลยช่วงอายุที่จะทำได้ นั่งเสียใจทีหลังก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว TT

หลักข้อนึงที่อยากให้เธอจำไว้เสมอคือ' ไม่มีใครแก่เกินเรียน 'หากรู้ว่าเส้นทางที่ทำตอนนี้มันไม่ใช่ไม่ว่าจะไปเรียนต่อปริญญาโท ปริญญาเอก หรือต้องฉีกสายงานไปเรียนรู้ใหม่ตั้งแต่ 1 ก็ตาม ก็ยังคุ้มค่าที่ได้ลองนะ เพราะอายุ 20 กว่าๆ หรือ 30 ต้นๆ ถึงล้มก็ยังลุกง่าย ยังเรียนรู้สกิลใหม่ได้เสมอเผลอๆ หันกลับไปมองอาจจะตกใจว่า" ทำไมไม่ออกมาทำตามฝันเสียตั้งนานแล้ว?? "ด้วยซ้ำไป

2. ลองเปลี่ยนเส้นทางเดินดูบ้าง อาจเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ที่คิดไม่ถึงก็ได้

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/20451ecf36f84cde62e862004f3ce1b9.jpg

สำหรับคนที่โอเคกับชีวิตตอนนี้แล้ว ไม่ได้อยากเปลี่ยนสายงาน ไม่ได้อยากลาออก แค่อยากเพิ่มสีสันใหม่ๆ ให้ตัวเองบ้าง


ลองเริ่มจากการ ' เปลี่ยนเส้นทางกลับบ้าน ' ดูค่ะ หากมีเวลา เข้าไปดูแผนที่ google map ว่าจากบ้านไปที่ทำงาน มีถนนเส้นไหนที่ไปถึงเหมือนกัน แต่เราไม่เคยเดินทางไปบ้าง หรืออย่างง่ายที่สุด แค่เปลี่ยนพาหนะเดินทาง เช่น ปกติขับรถส่วนตัว ก็ลองออกมาใช้รถไฟฟ้า รถเมล์ดูบ้าง

ก็ได้เห็นทัศนียภาพที่เปลี่ยนไป ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ แล้ว

หากแถวที่ทำงานมีสถานที่น่าสนใจ แต่ด้วยชีวิตที่วุ่นวายทำให้ไม่เคยได้เข้าไปเยี่ยมชมเลย ก็ลองหาเวลาว่างไปเที่ยวดู แค่คาเฟ่ร้านใหม่เพิ่งเปิด ร้านของชำเล็กๆ ร้านหนังสือ หรือแค่ร้านข้าวที่ปกติไม่เคยนึกจะไปกิน ลองเปิดใจกินดูเธออาจจะได้ร้านประจำเจ้าใหม่ก็ได้ เพียงแค่เธอ ' เปลี่ยนเส้นทาง ' ในชีวิตประจำวันบ้างแค่นั้นเอง

3. หา 'กิจกรรมสนุกๆ' ระหว่างอยู่ออฟฟิศ ให้ชีวิตมีอะไรใหม่ๆ บ้าง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/a781a162f239642757f45248ecc0fef7.jpg

สาวๆ อยู่ออฟฟิศตั้งแต่เช้าจรดเย็น เชื่อว่าแทบทุกคนอยู่นานกว่าบ้านตัวเองเสียอีก หากคิดในแง่สภาพจิตใจ ถ้าไม่มีความสนุกสนานอะไรเลย มีแต่งาน งาน งาน จนนั่งปวดหัวทุกวัน ก็ไม่แปลกที่จะเกิดความเบื่อ หรือภาวะ burnout ในที่ทำงานได้

บางคนเครียดจนอยากลาออก ทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเนื้องาน แค่อะไรที่ทำจนเยอะเกินโควต้า มันก็มีปัญหาต่อสภาพจิตใจด้วยกันทั้งนั้น

ปัญหานี้แก้ได้ง่ายๆ ด้วยการเพิ่ม ' กิจกรรมสนุกๆ ' ระหว่างอยู่ออฟฟิศค่ะ

หากมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน เป็นออฟฟิศที่พอ ' เล่น ' กันได้ ลองชวนเล่นเกมสนุกๆ ช่วงพักกลางวันดู เช่น เกมไพ่ เกมหาผู้ร้าย werewolf เอย เกม uno ที่ฮิตๆ ในหมู่ชาวออฟฟิศ,จัดกิจกรรมพิเศษในแต่ละเดือน เช่น แข่งกันลดน้ำหนัก แข่งกันจัดโต๊ะทำงานให้สวยที่สุด, จัดปาร์ตี้ในเทศกาลพิเศษต่างๆ เช่น ฮัลโลวีน คริสต์มาส ปีใหม่ เป็นต้น

4. ลองทำกิจกรรม งานอดิเรกที่ใช้ 'ความคิดสร้างสรรค์' เพื่อเปิดโลกจินตนาการ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/592b3597b2ad994a6d19b331bcd152df.jpg

เชื่อว่ามีสาวๆ หลายคน พอมีวันพักก็เลือกจะนอนอืดอยู่บ้าน ทั้งที่ก็ไม่ได้เพลียมากหรอกแต่ไม่รู้จะทำอะไรดี สุดท้ายก็นอนกลิ้งจนหมดวัน โดยไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น แถมหดหู่กว่าเดิมอีก


คือวันที่เหนื่อยก็นอนให้เต็มที่เถอะค่ะ แต่วันหยุดยาว หรือวันหยุดเทศกาล จะนอนดูหนังเฉยๆ มันก็น่าเสียดายน้า ยังมีเรื่องสนุก กิจกรรมสร้างสรรค์มากมายรอเธออยู่มากมาย ขอแค่เธอเดินออกมาเจอเท่านั้น

เราแนะนำให้เธอทำกิจกรรมง่ายๆ อาจเป็นงานอดิเรกที่ใช้ ' ความคิดสร้างสรรค์ ' เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะความครีเอทจะช่วยให้ผ่อนคลาย เปิดโลกจินตนาการให้เราไม่ฟุ้งซ่านหรือเครียดจนเกินไป


เช่น เข้าคลาสศิลปะวาดรูป, ไปเรียนทำขนม แต่งหน้าเค้ก ตกแต่งเบเกอรี่, เรียนดนตรี กีตาร์ เปียโน, เรียนปั้นหม้อ, เรียนทำงานช่างงานไม้ เป็นต้น

นอกจากจะได้เปิดสังคมใหม่ๆ คุยแลกเปลี่ยนความคิดกับคนที่มีความสนใจตรงกันแล้ว สภาพจิตใจก็ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ

5. ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่ต้องบรรลุให้ได้ในแต่ละวัน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/0395960dcd63996d3114cd51dd4168b1.jpg

สำหรับคนที่งานยุ่ง รัดตัวมากจริงๆ อาจไม่มีเวลาไปลงเรียน เข้าคอร์สที่ใช้เวลานานต่อเนื่องขนาดนั้น แต่อยากเปลี่ยนวิถีชีวิตที่น่าเบื่อของตัวเองดูบ้าง ลองเริ่มจาก ' ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ' ในแต่ละวัน ที่ทำสำเร็จได้ง่าย


อันนี้เป็นจิตวิทยาเลยว่า ถ้าอยากประสบความสำเร็จแต่ท้อ ให้เริ่มจากเรื่องเล็กๆ ก่อน แล้วค่อยขยับไปเป็นเรื่องใหญ่ๆ โอกาสที่จะทำได้ถึงปลายทางจะมีมากขึ้นกว่าตั้งเป้าหมายใหญ่ตู้ม! ครั้งเดียว พอทำไม่สำเร็จก็ไม่ได้อะไรเลย แถมเสียความรู้สึกด้วยค่ะ

เป้าหมายเล็กๆ ในที่นี้ก็เช่น ไปกินข้าวหรือดื่มกาแฟในร้านที่ไม่เคยไป, ไปห้างที่ผ่านตลอดแต่ไม่เคยแวะเข้าไปเลย, เปลี่ยนเส้นทางที่เคยเดินผ่านเป็นประจำ เป็นอีกเส้นทางเพื่อชมทัศนียภาพใหม่ๆ, ดูหนัง ดูคลิป ฟังเพลง ฟัง podcast ใน Wish List ที่ดองไว้นานแล้วไม่ได้ดูสักที, ลงคอร์สอบรมออนไลน์สั้นๆ เพื่อเพิ่มพูนทักษะตัวเอง, กินข้าวกับเพื่อนกลุ่มใหม่ๆ บ้าง เป็นต้นเท่านี้ก็ชุ่มชื้นหัวใจ ให้ชีวิตมีอะไรใหม่เพิ่มขึ้นแล้ว ไม่แน่ว่าข้อมูลเหล่านี้อาจได้ใช้งานอย่างไม่คาดฝันในอนาคตก็เป็นได้ \(^▽^)/

6. ให้ความสำคัญกับ 'เพื่อนสนิท ครอบครัว' เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/ae0b3a5b08c9d0d8883d4dc2a878e7fe.jpg

บางคนที่รู้สึกว่าชีวิตน่าเบื่อ ไม่เห็นแสงสว่างปลายทาง ส่วนนึงเพราะอาจหลงลืมเพื่อนสนิทและพ่อแม่ที่อยู่เคียงข้าง เราอาจคิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเองมากเกินไป มองข้ามความห่วงใยของคนที่อยู่กับเราเสมอ


นักจิตวิทยาก็บอกอยู่เสมอว่า เมื่อเรารู้สึกดิ่ง เศร้าใจ ไม่อยากมีชีวิต ให้ปรึกษา อยู่กับคนที่เราไว้ใจได้ ลองตอบแทนน้ำใจของพวกเขาด้วยการ ' ให้รางวัล ' กับพวกเขาดูสิคะ ^^

ลองจัดกิจกรรมเล็กๆ กันเองในหมู่ครอบครัวและเพื่อนสนิท ซื้อของขวัญชิ้นเล็กๆ ตามโอกาสให้บ้าง เลี้ยงข้าวบ้าง ขับรถไปส่งบ้านบ้าง พาไปดูหนังบ้าง ตอบแทนกับที่เขาอยู่กับเรามาตลอดไม่เคยทิ้งไปไหน ผลลัพธ์ที่ได้คือความอิ่มอกอิ่มใจจากเรา และความรู้สึกขอบคุณจากเขาหากสาวซิสทำงานมานานคงรู้ดีว่า ทรัพยากรที่มีค่ายิ่งกว่าเงินก็คือ ' บุคคล ' ถ้าเรามีคนดีๆ อยู่กับตัวแล้ว ก็รักษาเขาไว้ให้อยู่ด้วยกันนานๆ นะคะ ^^

7. ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชีวิตในรวดเดียว ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปก็ได้

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/75cd1a229901121bc60599c3008c2039.jpg

หลังจากอ่านมาถึง 6 ข้อแล้ว เราคิดว่ายังมีสาวซิสอีกมากมาย ที่มีไฟฮึดขึ้นมาแล้วแหละ แต่ยังไม่กล้าจะเปลี่ยนแปลงอะไรในสเกลใหญ่เกินไป แต่ก็กลัวว่าไม่เล่นใหญ่ตอนนี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้ใช้ชีวิต


คือจริงๆ แล้วคนที่ประสบความสำเร็จเขาก็มีเส้นทางชีวิตต่างกันค่ะ บางคนลาออก ฉีกสายงานถึงจะรุ่ง แต่บางคนแค่ทำงานไปเรื่อยๆ เจองานอดิเรกก็ทำควบคู่ไป พอรุ่งค่อยลาออกแบบมีรายได้จากงานอดิเรกนั้นรองรับ ไปๆ มาๆ รวยเละก็มี จะเอาใครมาตัดสินใครไม่ได้หรอก!

ถ้ายังไม่พร้อมจะเซ็นใบลาออกตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องทำ เราจะไม่ทำตัวเหมือนไลฟ์โค้ชบางกลุ่มที่เชียร์ให้ลาออก แต่สุดท้ายไปไม่รอดต้องกลับมาทำงานประจำอยู่ดี

ถ้าเส้นทางที่อยู่ตอนนี้มั่นคงแล้วก็อยู่ไปก่อน แล้วค่อยๆ ขยับขยาย ค่อยเป็นค่อยไปในภายหลังก็ได้ ไม่มีปัญหา เอาที่เหมาะกับตัวเองที่สุดก็พอ

-----------------------------------------

ท้ายที่สุดแล้ว จังหวะในชีวิตแต่ละคนก็แตกต่างกันค่ะ บางคนอ่านจบถึงตรงนี้อาจจะจุดไฟปิ๊งในหัวได้ ออกไปใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการได้เลย แต่บางคนก็ต้องอาศัยเวลา ค่อยๆ ต้วมเตี้ยมไปทีละนิดเพือสร้างความสุข ไม่ว่าแบบไหนก็ไม่มีใครผิดทุกคนล้วนมีวิธีสร้างความสำเร็จให้ตัวเอง หรือบางคนแค่อยากเพิ่มสีสันเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันก็มี เราคงไม่ไปตัดสินใคร ตราบใดที่ทุกคนใช้ชีวิตที่มีตอนนี้อย่างมีความสุข เราก็ดีใจกับสาวซิสแล้วจริงๆ ค่ะ (〃^▽^〃)สำหรับใครที่ทุกอย่างพร้อมแล้วแต่ยังกลัว ก็อยากเตือนอีกครั้งว่าเรามีแค่ชีวิตเดียว ช่วงวัยนี้แค่ครั้งเดียว อยากทำอะไรก็เริ่มทำเลย จะได้ไม่เสียใจภายหลังในวันที่ทุกอย่างสายไป เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ!