ฮัลโหลค่าา สาวๆSistaCafeคนอยากผิวใส ฉ่ำ โกลว์วาวๆ ♡ ~('▽^人)ความฝันสูงสุดของผู้หญิงสายบิวตี้ ก็คงไม่พ้นเรื่องของ ' ผิว ' เพราะผิวถือเป็นด่านแรกที่คนอื่นมองเห็น และยังเป็นพื้นฐานสำคัญในการแต่งหน้า ถ้าผิวหน้าแย่ แต่งหน้ายังไงก็ไม่สวย ถ้าผิวตัวหยาบกร้าน หมองคล้ำ ก็ไม่มั่นใจกับการแต่งตัวโชว์ผิวยุคสมัยนี้จึงมีสกินแคร์แพงๆ ส่วนประกอบล้ำๆ มากมายให้ได้เลือกใช้ และโปรแกรมดูแลผิว ฉีดผิวจากหลากหลายคลินิก เพื่อจุดมุ่งหมายสูงสุดคือ มีผิวหน้า ผิวตัวที่โกลว์ ฉ่ำวาว กระจ่างใสนั่นเองค่ะแต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากเธอไม่ปรับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะด้านที่สำคัญที่สุดอย่าง ' การกินและดื่ม ' แม้จะดูเป็นเรื่องทั่วไป ก็แหม ใครๆ ก็ต้องกินข้าว ดื่มน้ำด้วยกันทั้งนั้น แต่จะผิวสวยไม่สวย มันก็อยู่ที่ประเภทอาหาร เครื่องดื่มที่กินเข้าไปนี่ล่ะ!จะทาครีมกระปุกละหมื่น ฉีดผิวคอร์สละสามหมื่น แต่กินอาหารไม่ดี ผิวก็จะกลับไปอยู่จุดเดิม มีรอยคล้ำ รอยเหี่ยวย่นอยู่ดีเราขอชวนสาวๆ มาทำ' 7 ทริค กินและดื่มให้เฮลตี้ เพื่อผิวสวยกระจ่างใส แบบไม่ง้อฉีดผิว ครีมบำรุงแพงๆ 'ขอแค่ทำต่อเนื่องสักเดือน แล้วให้เวลาคิดใหม่ว่า ยังอยากเสียเงินหลักหมื่นอยู่ไหม?

1. กิน 'ไขมันดี' ในมื้ออาหารมากขึ้น เช่น ถั่ว ธัญพืช และอะโวคาโด

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/6e739c4602c5ece65cbc11e9230e89cd.jpg

สาวๆ หลายคนมีความเชื่อว่า ถ้าอยากหน้าใส ต้องไม่กินอะไรที่มีไขมันเลย เดี๋ยวหน้ามันเยิ้ม เป็นสิว ซึ่งเป็นความคิดที่จ้อจี้มาก อย่าหาเชื่อ! ไม่ใช่ไขมันทุกชนิดที่เป็นผู้ร้าย


หากเธอเลือกกินไขมันดีถูกประเภท เช่น กรดโอเมก้า 3 จะยิ่งช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ป้องกันรอยเหี่ยวย่นและริ้วรอยตามวัยด้วยซ้ำ เพราะกรดชนิดนี้ช่วยลดการอักเสบ สาเหตุของริ้วรอย และยังป้องกันการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวอีกด้วยค่ะ

แหล่งไขมันดีส่วนใหญ่ มักจะเป็นอาหารตามธรรมชาติ และเป็นส่วนผสมหลักของอาหารคลีนในยุคนี้ เช่น ถั่วอัลมอนด์ ถั่ววอลนัท flaxseed ธัญพืช ปลาแซลมอน ปลาทูน่า


หรือถ้าเป็นสายชอบเนื้อสัมผัสเนียนๆ ไม่ชอบเคี้ยว ก็แนะนำเป็น ' อะโวคาโด ' ที่มีสาร sterolins สูง ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น และยังเป็นแหล่งของวิตามิน E ที่กระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจนออกมามากขึ้น ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงแต่ทั้งนี้ก็อย่ากินเพลิน เพราะขึ้นชื่อว่าไขมัน ยังไงก็แคลอรี่สูง ต้องควบคุมปริมาณการกินต่อวันด้วย จะได้น้ำหนักไม่ขึ้นนะจ๊ะ

2. เลือกกินโปรตีนที่ 'ลีน' ( lean ) และไม่มีไขมัน ( Fat-free )

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/4c1b2283d8d97664c712380e683018ea.jpg

นอกจากเป็นอาหารลดความอ้วนชั้นดีเยี่ยม และเป็นแหล่งสร้างกล้ามเนื้อของมนุษย์แล้ว ' โปรตีน ' ยังทำให้ผิวสวยฉ่ำจากภายในอีกด้วย ประเภทโปรตีนที่แนะนำก็เช่น เนื้อปลา ไข่ เนื้อไก่ เนื้ออกไก่งวง แต่โปรตีนที่ผู้เชี่ยวชาญรับรองว่าดีที่สุดคือ ' เนื้อแดงแบบลีน ( ไม่มีไขมัน ) ' เช่น เนื้อหมูไร้หนัง เนื้อวัวลอกหนัง

เพราะมีกรดอะมิโนที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์คอลลาเจนสูง และยังมีแร่ธาตุ Zinc ที่สำคัญในการสร้างคอลลาเจนอีกด้วยค่ะ

ทั้งนี้ก็ไม่ควรกินเนื้อแดงเยอะเกินไป เพราะมีไขมันอิ่มตัวสูง อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ เพื่อสุขภาพที่ดี กินโปรตีนเนื้อขาวเป็นหลัก เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา และเสริมเนื้อแดงที่ไร้ไขมัน ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป เข้าไปในมื้ออาหารบ้างจะดีกว่าควบคู่กับอาหารที่มีวิตามิน A หรือ Zinc สูง เพื่อลดการอักเสบ บวมแดงของผิว เช่น ถั่ว ผักโขม หอยนางรม เป็นต้น

3. เลือกกินผักผลไม้ที่มี 'สารต้านอนุมูลอิสระ'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/7be9deaf00044336cc25f7510363fc84.jpg

นอกจากกินเนื้อสัตว์อย่างเต็มที่แล้ว ก็ห้ามละเลยการกิน ' ผักผลไม้ ' เป็นอันขาด เพราะผักผลไม้หลายชนิดมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันการเสียหายของเซลล์ ทำให้ผิวใส นุ่มชุ่มชื้น ดูสุขภาพดีมากขึ้น


ที่เห็นชัดๆ ก็ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ หรือผลทับทิม ที่ทำให้ผิวอิ่มฟู ต่ออายุเซลล์ให้ยืนยาวขึ้นค่ะ

นอกจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่แล้ว ผักที่ขึ้นชื่อเรื่องกินแล้วผิวอมชมพู เฮลตี้ก็คือ ' มะเขือเทศ ' ที่อุดมไปด้วยสารไลโคปีน ป้องกันผิวคล้ำไหม้จากแสงแดด สาเหตุของริ้วรอยและโรคมะเร็งผิวหนัง

เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระในมะเขือเทศ ช่วยหยุดยั้งและชะลอการลุกลามของมะเร็งผิวหนังได้ หากอยากมีผิวสวยใส ก็อย่าลืมผักผลไม้เหล่านี้นะคะซิส

4. อยากผิวสวยโกลว์ ยังไงก็ต้องดื่ม 'น้ำเปล่า' เยอะๆ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/970d912875ba15fae536c0ec893b8b20.jpg

ขนาดไปคลินิกทำฟิลเลอร์ผิว หมอยังให้ดื่มน้ำเยอะๆ ไม่ให้ฟิลเลอร์สลายเร็วเลย แล้วทำไมเราไม่เริ่มดื่มน้ำเสียตั้งแต่ตอนนี้ล่ะ! เพราะ ' น้ำเปล่า ' มีแต่ผลดีกับผิว สาวๆ จึงไม่ควรละเลย ตั้งกฎกับตัวเองไว้ว่าต้องจิบบ่อยๆ ตลอดทั้งวัน


แต่ไม่ต้องดื่มทีครั้งละเป็นขวดลิตรจนจุก นั่นก็เกินไป! เอาแค่ดื่มให้พอกับที่ร่างกายต้องการ ผิวไม่ขาดน้ำก็เป็นพอ สังเกตง่ายๆ ถ้าเธอหิวน้ำ แปลว่าร่างกายขาดน้ำแล้วล่ะ!

หากเธอดื่มน้ำน้อยเกินไป ทั้งผิวและเยื่อเซลล์ในร่างกายจะแห้งกรอบ เป็นรอยย่น จึงส่งผลให้ผิวในชั้นภายนอกดูเหี่ยว มีริ้วรอยนั่นเอง โดยปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการต่อวัน แต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ กิจกรรมในแต่ละวัน หรือปัจจัยพิเศษ เช่น การตั้งครรภ์ เป็นต้น


หากไม่ชอบน้ำเปล่าจริงๆ จะดื่มเป็นเครื่องดื่มไม่มีคาเฟอีน เช่น น้ำผลไม้ ซุป ชาเขียวไม่ใส่น้ำตาล หรือชาสมุนไพรก็ใช้ได้เช่นกันค่ะ

5. 'ไฟเบอร์' ในผักและผลไม้ ช่วยให้ผิวอ่อนกว่าวัย เหมือนย้อนเวลาให้ผิว!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/35305bb72539ace702cb0fb055b72722.jpg

ถึงปกติจะไม่ใช่คนชอบกินผัก แต่ถ้าอยากผิวสวย ยังไงก็เลี่ยงผักไม่พ้น! เพราะผักเป็นแหล่งของ ' ไฟเบอร์ ' ที่ร่างกายต้องการทุกวัน เพื่อกำจัดไขมัน สารพิษ ของเสียต่างๆ และอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์กว่าวัย เป็นสารป้องกันความแก่ตามธรรมชาติก็ว่าได้!


นอกจากผักและผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่น แอปเปิ้ล กล้วย ฝรั่ง ก็ยังมีข้าวโอ๊ต หรือถั่วชิกพีด้วย

ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ควรกินไฟเบอร์ต่อวันอย่างน้อย 25-30 กรัม ( จากแคลอรี่พื้นฐานคือ 2000 แคลอรี่ต่อวัน ) หากเป็นไปได้ อยากให้กินไฟเบอร์จากอาหารสดโดยตรงมากกว่าอาหารเสริม เพื่อคุณประโยชน์ที่สดใหม่กว่าแค่กินสลัดผักจานเล็กๆ หรือผลไม้ชามเล็กในมื้ออาหารทุกครั้ง ก็ช่วยให้ผิวสวยขึ้นได้แล้วค่ะ

6. ไม่แตะ 'คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว' และน้ำตาลขัดสีทุกชนิด

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/4002d9ad92ff38f0ba6453fc7e8d9605.jpg

สาวๆ หลายคนไม่รู้ว่า การเพลิดเพลินกับขนมหวานที่มีเปอร์เซนต์น้ำตาลสูงๆ หรือแป้งขาวแสนอร่อยทั้งหลาย ส่งผลให้ผิวเสียได้ในระยะยาว!

ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม ขนมปังขาว เบเกอรี่ทั้งหลาย หากกินอย่างต่อเนื่อง ผิวจะมีริ้วรอย เหี่ยวก่อนวัยได้ เพราะน้ำตาลจะเข้าไปทำลายความยืดหยุ่นของผิว กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ คอลลาเจนและไฟเบอร์ที่ยืดหยุ่นถูกทำลายค่ะ

เมื่อน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตถูกดูดซึมเข้าร่างกาย มันจะกลายร่างเป็นน้ำตาล ' กลูโคส ' ที่ไปเกาะติดโปรตีนมีประโยชน์ และรบกวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวหย่อนยาน ยืดหยุ่นได้น้อยลง

แต่ถ้าใจมันเรียกร้องแป้งและของหวานจริงๆ ก็เลี่ยงมากินน้ำตาลตามธรรมชาติแทน เช่น น้ำผึ้ง น้ำตาลทรายแดง และแป้งที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ขนมปังโฮลเกรน เป็นต้นค่ะ

7. กินอาหารที่มี 'ไฟโตเอสโตรเจน ( Phyto-estrogens )' ให้มากขึ้น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/0c83bcc2fd8a9544a11f49dbf8958b5e.jpg

ผู้หญิงอย่างเราๆ นั้น เมื่ออายุมากขึ้น ฮอร์โมน ' เอสโตรเจน ' ก็จะค่อยๆ น้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้นการกินอาหารที่เสริมสร้างฮอร์โมนเพศหญิงจึงสำคัญมาก!


' ไฟโตเอสโตรเจน ' คือสารเคมีตามธรรมชาติที่เจอได้ในพืช มีโครงสร้างคล้ายกับเอสโตรเจนในร่างกายผู้หญิง เมื่อกินเข้าไปแล้ว จะมีหน้าที่ควบคุมฮอร์โมนในตัวเราให้สมดุล หากสาวๆ ที่ค่อนข้างมีอายุแล้ว ก็จะช่วยเรื่องอารมณ์ไม่คงที่ในช่วงวัยหมดประจำเดือนได้ค่ะ

ไฟโตเอสโตรเจนมีหลากหลายประเภท บางชนิดก็พบในอาหารประเภทถั่วเหลือง เช่น โทฟุ ( เต้าหู้ขาวญี่ปุ่น ) บางชนิดก็เจอในไฟเบอร์ของอาหารประเภทโฮลเกรน ผลไม้ ผักต่างๆ

เราแนะนำให้สาวซิสกินทั้งเต้าหู้ โฮลเกรน ผักและผลไม้อย่างละนิดเท่าๆ กันในหนึ่งมื้ออาหาร เพื่อให้ได้คุณค่าที่ครบถ้วนและสมดุลที่สุดนะคะ (◕‿◕)♡

-----------------------------------------

' You are What You Eat ' คำกล่าวนี้คงไม่เกินจริงอีกต่อไป เพราะสารอาหารที่เรารับเข้าร่างกาย ล้วนทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งต่อสุขภาพเรา ไม่มากก็น้อย ไม่ทางบวกก็ทางลบ โดยเฉพาะสุขภาพผิว ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นด้วยตาเปล่าได้ง่ายที่สุด!หากเลือกกินอาหารดีๆ มีประโยชน์ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เลี่ยงน้ำตาล ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ ผลที่ได้คือช่วยดีท็อกซ์ผิว ปรับสภาพผิวให้ดูดีขึ้น โดยไม่ต้องทาครีมแพงๆ หรือฉีดผิวให้เจ็บตัวแต่อย่างใด

หากใส่ใจดูแลผิวตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ก็ไม่ต้องเสียเวลาซ่อมผิวให้วุ่นวายในอนาคต คนจะสวย ต้องมีวินัยและไม่ขี้เกียจนะจ๊ะ! วันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วกลับมาพบกันใหม่ บ๊ายบาย