1. SistaCafe
  2. 8 โอกาสเสี่ยงถูกคุกคามทางเพศแบบเนียนๆ โดยที่ผู้หญิงมักไม่รู้ตัว

หลายคนมักจะเข้าใจว่าการล่วงละเมิดทางเพศ คือ การลวนลามหรือข่มขืนเท่านั้นที่ชัดเจนที่สุด แต่น้อยคนนักที่จะรู้ทันว่า แม้แต่การพูดจาสองแง่สามง่าม หรือทำตีเนียนแตะเนื้อต้องตัวนิดๆ ก็เป็นกิริยาที่ล่วงเกินอย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน



ไม่เพียงแต่การแต่งตัวให้มิดชิดเข้าไว้ที่เป็นการป้องกันเหตุทางหนึ่ง ( แม้ว่าการแต่งตัวจะเป็นสิทธิส่วนบุคคลก็ตาม แต่อย่าลืมว่ามันก็คือปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่ง ) การรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมหรือโอกาสเสี่ยงต่อไปนี้ ก็ช่วยชีวิตสาวๆ ได้เยอะเช่นกันนะไปดูกันดีกว่าค่ะว่า 8 โอกาสเสี่ยงที่สาวๆ อาจพบเจอได้ มีอะไรบ้าง

#1 ผู้ไม่หวังดีในคราบของคนสนิท/คนที่ไว้วางใจ

อาชญากรรมทางเพศส่วนหนึ่งไม่เพียงมาจากคนแปลกหน้าเท่านั้น แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามันมาจากคนใกล้ชิด สนิทกันดี บางคนประสบเหตุกับญาติตนเอง หรือแม้กระทั่งคนในครอบครัว !



จะว่าเป็นการมองโลกในแง่ร้ายก็ได้ แต่อยากให้คิดอีกแง่ว่าเป็นการป้องกันตัวเองดีกว่าเกิดเหตุขึ้นแล้วอับอายจนไม่สามารถบอกใครได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันตนเองให้เสี่ยงกับการถูกคุกคามทางเพศน้อยลง ควรรักษาระยะห่างระหว่างตนเองกับคนที่เราใกล้ชิดไว้ประมาณหนึ่งอย่าเปิดโอกาสให้ตนเองเป็นที่ล่อตาล่อใจกับเพศตรงข้าม ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเจ้านาย พี่ชาย เพื่อนสนิท หรือญาติผู้ใหญ่ที่เคารพก็ตาม จุดไหนควรสงวน จุดไหนที่เปิดเผยได้ เราควรมีลิมิตไว้บ้าง

#2 การอยู่เพียงลำพังกับเพศตรงข้าม

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นบ้างว่า ยังไงเสียไม่ว่าเพศตรงข้ามจะสนิทกันมากแค่ไหน ก็มีโอกาสที่จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับเราได้ทั้งนั้น เพราะมนุษย์เรายังมีฮอร์โมน มีความอยากเป็นธรรมดา ยิ่งโอกาสที่ได้อยู่กันลำพังสองต่อสอง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเป็นอย่างมากที่จะถูกทำมิดีมิร้ายได้



ยิ่งคนนั้นเป็นคนที่ไม่ได้สนิทอะไรมากถึงกับที่จะเห็นหน้าค่าตาเราได้ตลอดเวลาอย่างคนในครอบครัวเรา หรือแฟนเรา ยิ่งไม่ควรที่จะวางใจอะไรง่ายๆ ควรนัดหมายหรือเจรจากันในที่ที่คนผ่านไปมา ไม่เปลี่ยวเกินไป เพื่อแสดงว่าเราเองก็บริสุทธิ์ใจ อีกฝ่ายก็บริสุทธิ์ใจ แฟร์ๆ กันดี ไม่มีลับลมคมในต่อกัน หากเกิดอะไรขึ้น พยานแถวนั้นก็พอจะช่วยได้

#3 การไม่ถือสาที่อีกฝ่ายพูดจาลามกเกินไป

ถึงแม้เราจะเข้าใจดีว่ามันคือการพูดเล่น แต่บางทีก็ควรฉุกคิดบ้างว่า"เอ๊ะ! นี่คุณชักจะพูดเรื่องอย่างว่าบ่อยเกินไปแล้วนะ"อย่าคิดว่ามันไม่เป็นไรหรอก เพราะถ้าทัศนคติเขาดีพอ เขาจะคิดได้ว่าเรื่องไหนควรพูด เรื่องไหนไม่ควรพูดถ้าเขายังขืนพูดอีก เราอาจจะเตือนเขาหรืออยู่ห่างๆ เข้าไว้ อย่าลืมว่าคำพูดมันเป็นสิ่งที่สื่อถึงความคิดของคนพูดได้อย่างหนึ่งนะ

#4 เราเองก็เล่นด้วยกับคำพูดหรือการกระทำที่ทะลึ่งนั้น

เล่นกับหมา หมาเลียปาก" เป็นสำนวนที่อธิบายถึงข้อนี้ได้ดี บางทีแล้วมันจะจบที่เราไม่สนใจไปเลยก็ได้ แต่เรื่องมันจะไม่จบก็เพราะการทำให้อีกคนเข้าใจผิด คิดไปเองว่า"เราเองก็ชอบเรื่องอย่างว่านี้เหมือนกัน งั้นดีหละ! จะพูดแซวบ่อยๆ"เพราะฉะนั้น ถ้าไม่คิดอะไร ก็ควรกำชับเสมอว่า"ฉันพูดเล่นนะ"/"อย่าทะลึ่งนะ ฉันไม่ชอบ"เป็นการเบรคกันบ้าง อย่าปล่อยให้อีกคนเล่นเตลิดไม่รู้กาลเทศะ

#5 การเปิดโอกาสให้คนแปลกหน้ารู้จักที่อยู่ของเรา

นอกจากคนในครอบครัว, เพื่อนสนิท, แฟน และใครก็ตามที่มีหน้าที่โดยตรงในการเข้าถึงที่อยู่เรา เช่น บุรุษไปรษณีย์, คนส่งของ เราไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครรู้ถึงที่อยู่ของเราที่แท้จริง เพื่อป้องกันพวกโรคจิตบุกเข้ามาหาเราได้



โอกาสไหนล่ะที่เราเผลอ? แล้วเราจะป้องกันยังไง?


- อย่าเช็คอินสถานที่ใน social media โดยที่เราหละหลวมในการป้องกันตนเอง เช่น ไม่ได้ตั้งค่าการโพสต์ในเฟซบุ๊ค, ไม่ได้คัดกรองเพื่อนในเฟซบุ๊ค (นึกจะกดรับใครก็รับ)

- อย่าเช็คอินสถานที่บ่อยๆ เพราะคนร้ายอาจสะกดรอยเส้นทางโดยการเดาจากสถานที่ที่เราน่าจะไปบ่อยๆ หรือเดาว่าเราอยู่พิกัดไหน

- อย่าลงข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นการชี้เฉพาะมากๆ เช่น การเปิดเผยที่อยู่ผ่านหน้าเฟซบุ๊คแทนที่จะเลือกลงในช่องแชทกับคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง, การลงรูปที่พักที่คนอื่นพอจะเดาได้ว่าที่ไหน ห้องเลขที่อะไร- อย่าลงข้อความเชิงอ่อยว่า " อยู่คนเดียว " เพราะนี่คือการเปิดโอกาสให้โจรรู้ได้ว่า นี่แหละโอกาสที่ง่ายที่จะทำอะไรกับเราก็ได้

#6 การเปิดเผยเลขทะเบียนรถส่วนตัวของเรา

เลขทะเบียนรถก็เป็นอีกข้อมูลจำเพาะอย่างหนึ่งที่คนร้ายสะกดรอยจากที่เราโพสต์ในโซเชียลได้ ดังนั้น ถ้าจะโพสต์อวดรถตัวเอง ควรจะเซนเซอร์เลขทะเบียนหรือตำหนิบางอย่างที่บ่งบอกได้ว่า" นี่แหละรถของเรา "เพื่อป้องกันคนร้ายบุกจี้ปล้น หรือทำร้ายร่างกายเราได้

#7 การเบียดเสียดกันในที่ที่คนเยอะ/มืด

นักฉวยโอกาสบางคนมักจะสบโอกาสที่เราเผลอ เช่น เนียนๆ เบียดตัวเราในผับหรือรถเมล์โดยสารที่คนหนาแน่น ดังนั้น ควรเซฟตัวเองให้ดีถ้าไปอยู่ในสถานที่ดังกล่าว หากใครมีพิรุธ เช่น มาถูตัวเราบ่อยๆ ให้มองหน้า, สะกิด, หยิก, หรือทักเพื่อตัดโอกาสไม่ให้อีกฝ่ายล่วงเกินเรา ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยก็เป็นการส่งสัญญาณเตือนว่า"เรารู้ตัวแล้วนะว่าคุณทำอะไรอยู่"(แต่อย่ารุนแรงให้ไก่ตื่น อีกฝ่ายจะหาว่าเราไปหาเรื่องเขาก่อน หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเราคิดมากแต่ไปโวยใส่คนที่ไม่ได้ตั้งใจซะเอง)

#8 การใช้หน้าที่ในทางไม่ชอบของคนบางคน

หมอ, เทรนเนอร์, รุ่นพี่หรือเจ้านายที่ทำงาน หรือใครก็ตามที่แตะต้องตัวเรา ถ้าเขาไม่ได้ขออนุญาตเรา หรือทำอะไรที่เกินเลยหน้าที่ อย่าปล่อยผ่านยอมให้เขาทำอะไรกับเราก็ได้ เราควรมีการเบรคกันบ้างทักถามกันบ้างว่า"เอ๊ะ! มันใช่หรอคะ"/"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ จุดนี้เราทำได้"เขาจะได้รู้ตัวว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันเริ่มจะเกินความจำเป็น และเราเองก็กำลังไม่สบายใจอยู่นะ


อย่าชะล่าใจว่าเราบริสุทธิ์ใจดี ไม่มีอะไรหรอกมั้ง เราป้องกันดีคงไม่เป็นอะไร บางอย่างเราก็รู้ไม่เท่าทัน บางอย่างเราก็ไม่รอบคอบ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงยังไงก็เสียเปรียบผู้ชาย ถ้าหาเวลาว่างได้ ไปเรียนศิลปะการป้องตัวไว้บ้างก็ช่วยเซฟตัวเองไว้ได้เยอะเชียวนะ


บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1