สวัสดีค่า สาวๆSistaCafeที่น่ารักน่าเลิฟทุกคนเลย! (/▽\*)。o○♡แม้หลักการลดน้ำหนักจะมีแค่สองอย่างง่ายๆ คือคุมอาหาร และออกกำลังกาย แต่ผลลัพธ์ของแต่ละคนกลับไม่เหมือนกัน บางคนลดง่ายมาก ไม่กี่วันก็ผอมแล้ว ในขณะที่บางคนทำวิธีเดียวกัน แต่หลายเดือนแล้วน้ำหนักก็ยังนิ่ง เพราะมีปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ เรียกว่า' ระบบเผาผลาญ ( เมตาบอลิซึ่ม ) 'มามีบทบาทในการลดไขมันจากร่างกายซึ่งผันแปรได้จากหลากหลายสาเหตุมากๆ ขึ้นลงได้ตลอดเวลา แม้แต่มนุษย์คนเดียวกัน ลดต่างช่วงเวลากัน ยังเผาผลาญได้ไม่เท่ากันเลยค่ะ เอาใจยากแท้!ถ้าเธอเป็นทั้งคนที่ช่วงนึง ลดยังไงก็ไม่ลง แต่บางช่วงก็ลดได้เร็วจนน่าตกใจ แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ ลองมาอ่าน' 7 สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ระบบเผาผลาญเปลี่ยนแปลงไป 'แล้วเช็คกับไลฟ์สไตล์ตัวเองว่า ตรงกับเธอในข้อไหนบ้าง ปริศนาจะได้กระจ่างเสียที ไดเอทครั้งหน้าจะได้รู้ทันว่าควรลดแบบไหน ถึงจะได้น้ำหนักที่ต้องการไวๆ เนอะ พร้อมแล้วก็ไปอ่านกันได้เล้ย (✯◡✯)

1. ช่วงวัย ยิ่งอายุเยอะขึ้น ระบบเผาผลาญก็ช้าลงอัตโนมัติ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/87382e379ccfca65131ef5121836a00d.jpg

ปัจจัยนี้แอบโหดร้าย เพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คือความจริงที่ว่า ' อายุที่มากขึ้น ' จะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานแย่ลงเรื่อยๆ เพราะระบบในร่างกายเสื่อมตามวัย ความสามารถในการดึงอาหารไปใช้เป็นหลังงานจะช้าลง เซลล์ในตัวแก่ลง จึงเผาผลาญอะไรได้ช้าลง

และคนอายุเยอะๆ มวลกล้ามเนื้อจะน้อยกว่าเด็กๆ หรือวัยรุ่นอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ซึ่งกล้ามเนื้อคือตัวช่วยเผาผลาญพลังงาน ยิ่งมีน้อยก็ยิ่งอ้วนง่ายขึ้นไปอีก ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งต้องลดปริมาณอาหารต่อวันลง หากยังต้องการรักษารูปร่างเดิมไว้ค่ะ

อีกปัจจัยหนึ่งที่คนอายุมากมีกล้ามเนื้อน้อย เพราะส่วนใหญ่ออกกำลังกายน้อยลง ขยับร่างกายไม่เยอะ ทำให้ร่างกายไม่รู้จะเผาผลาญอะไร สุดท้ายก็เป็นไขมันสะสมจนไปกองตามแขน ขา หน้าท้อง


หากในบ้านของเธอมีคุณย่า คุณยายที่อายุเกิน 65 แล้ว ควรออกกำลังกายประเภทแอโรบิก ความเข้มข้นปานกลาง รวม 2 ชั่วโมงครึ่งในทุกสัปดาห์ และยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้นค่ะ

2. ความเครียด ยิ่งนอยด์ ก็ยิ่งอ้วน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/debe6af8f1b59ddf9678956f6463fbf0.jpg

แม้จะเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ค่อยได้ เพราะเรื่องเครียดก็เข้ามาในชีวิตได้ทุกวัน แต่ถ้าอยากมีระบบเผาผลาญที่ดี พยายามอย่าเครียดบ่อย!


เพราะเมื่อเส้นประสาทเกิดการตึงเครียด เมื่อยล้า ต่อมหมวกไตในร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ซึ่งทำให้อ้วนขึ้นได้ง่าย ไม่ว่าจะนอยด์เรื่องการเรียน เพื่อน ครอบครัว แฟน ยิ่งเครียดเยอะ เครียดนาน ฮอร์โมนก็ยิ่งหลั่ง ทำให้ลดน้ำหนักไม่ได้สักที!

ทางแก้ก็คือทำสิ่งตรงข้าม ต้องไม่เครียด หากมีเรื่องปวดหัวมาจากโรงเรียนหรือที่ทำงาน ก็หาสิ่งบันเทิงอื่นๆ เช่น ดูหนังฟังเพลง ให้ตัวเองสบายใจ หรือปรึกษาเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ อย่าปล่อยเรื่องเครียดไว้ข้ามวันจนนอนไม่หลับ

แม้แต่การออกกำลังเบาๆ ก็ช่วยลดความเครียด, ฝึกสมาธิ หายใจลึกๆ ก็ช่วยสงบจิตใจได้ แต่หากอาการค่อนข้างรุนแรง ดูแล้วอาจจะมีภาวะซึมเศร้า แนะนำให้พบจิตแพทย์เพื่อรักษาให้ตรงจุดจะดีกว่า เมื่อกลับมาไดเอทอีกครั้ง น้ำหนักจะลงง่ายขึ้นกว่าเดิมค่ะ

3. พฤติกรรมการนอนที่ผิดปกติ อดนอน นอนผิดเวลา

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/3bbe60c3118ae1641470628ee10da0e2.jpg

สาวๆ ส่วนใหญ่ในยุคนี้ มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมการนอน ทั้งนอนผิดเวลา นอนดึก ตื่นสาย นอนไม่พอ ซึ่งการนอนน้อยนี่แหละ ส่งผลกระทบกับระบบในร่างกายมากพอให้น้ำหนักพุ่ง อ้วนขึ้นได้


มีงานวิจัย ทดลองในคนที่สุขภาพดี ให้ลองอดนอนเพียงคืนเดียว ก็ทำให้ระบบเผาผลาญผิดปกติ เกิดการต้านทานต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานด้วยค่ะ

เพื่อเพิ่มโอกาสให้เมตาบอลิซึ่มกลับมาเป็นปกติ ควรนอนให้พออย่างน้อย 7-9 ชั่วโมง ตั้งเวลาที่จะนอนให้ชัดเจน พยายามเคลียร์งานให้เสร็จก่อนเวลานั้น หากถึงเวลานอนต้องนอน

ทำแบบนี้ซ้ำๆ เป็นแพทเทิร์นเดิมทุกคืน ร่างกายจะชินและถึงตอนนั้นจะง่วงเอง ตื่นเองโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกเลยล่ะค่ะ

4. ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ไม่ชอบยืดเส้นยืดสาย

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/c905c831a59066d72101a39327353472.jpg

ทำตัวเอื่อยเฉื่อย นอนอืด ไม่ชอบขยับตัวออกกำลังกาย ก็เป็นสาเหตุหลักที่เมตาบอลิซึ่มทำงานแย่ลง เพราะการออกกำลังไม่ใช่การเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกินเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มอัตราระบบเผาผลาญในร่างกายให้สูงขึ้นอีกด้วย!

ยิ่งอายุเยอะแล้วยิ่งควรออก เพื่อรักษาระดับไม่ให้เมตาบอลิซึ่มต่ำไปมากกว่านี้ค่ะ

ผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี ควรออกกำลังกายแบบความเข้มข้นปานกลาง อย่างน้อย 2 ชั่วโมงครึ่งในทุกสัปดาห์ และยืดเหยียดกล้ามเนื้อ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่เพื่อผลลัพธ์สูงสุด ควรออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ครั้งละ 45 นาทีขึ้นไป เพื่อให้ร่างกายชินกับความเหนื่อย เพิ่มกล้ามเนื้อให้ร่างกาย

ยิ่งนอนเฉยๆ มวลกล้ามเนื้อจะลด แต่มวลไขมันกลับเพิ่มขึ้น ถ้าปล่อยไว้แบบนี้หลายปี ตัวจะย้วย นิ่มเหลว เพราะเต็มไปด้วยเซลล์ไขมันที่เพิ่มจำนวนและขยายตัว ถึงตอนนั้นจะกู้หุ่นกลับมาก็ยากแล้ว ( ; ω ; )

5. การลดน้ำหนักที่ผิดวิธี และทำผิดๆ อย่างต่อเนื่อง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/1e364608372d46ad911c8ef1480f5ed5.jpg

หากพูดถึงการ ' ลดน้ำหนักผิดวิธี ' มักตีความได้หลายอย่าง เช่น เข้าลัทธิกินวันละ 500 แคล จำกัดจำเขี่ยพลังงานต่อวัน อดมื้อกินมื้อเพื่อไดเอท บางคนก็กินขนม น้ำอัดลม ช็อกโกแลต โดยไม่กินข้าวเลย 500 แคลที่ได้คือขนมล้วนๆ แบบนี้แม้จะผอมจริงแต่ไม่ดีต่อระบบเผาผลาญแน่นอน

กินไม่พอจะทำให้เมตาบอลิซึ่มเผาผลาญช้าลงเรื่อยๆ จนรู้ตัวอีกที อาจจะต้องดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียวให้น้ำหนักไม่ขึ้นก็เป็นได้.... #แค่คิดก็สยองแล้ว

จะหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้ อย่างแรกเลยคือต้องกินมื้อเช้า! และกินมื้อว่างเล็กน้อยในช่วงสายๆ และช่วงบ่าย กระตุ้นให้ระบบเผาผลาญทำงานอยู่เสมอ หากงดมื้อนั้น กินมื้อนี้ มื้อที่เธอกินหลังอด อาจจะเผลอกินแหลกกระจายได้ ที่อดมาทั้งหมดก็เสียเปล่าอยู่ดีหรือจะเร่งระบบเผาผลาญด้วยชาเขียว หรืออาหารที่มีสารแคปไซซิน เช่น พริก ก็ช่วยให้เมตาบอลิซึ่มดีขึ้น เผาไขมันดีขึ้นได้ แต่ต้องดื่มเรื่อยๆ เพราะช่วยเร่งได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นค่ะ

6. สภาพอากาศ ฤดูที่เปลี่ยนแปลง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/8372cfbde78c155ec3ae513c47ffb21c.jpg

อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือสภาพอากาศและฤดูที่เปลี่ยนแปลง! มีหลักฐานบางอย่างบอกว่า อากาศที่เย็นลง จะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น เพราะร่างกายต้องควบคุมอุณหภูมิตัวเองให้อุ่นสู้ความหนาว

แต่ในความเป็นจริงคนที่อยู่เมืองหนาวทั้งปี เช่น ยุโรป ขั้วโลกเหนือ จะมีแนวโน้มอ้วนง่าย เพราะอากาศที่หนาวจัดมากๆ จะส่งผลลบต่อสุขภาพจิต หลายคนมีภาวะซึมเศร้า สุดท้ายจึงน้ำหนักเพิ่มขึ้น

สรุปง่ายๆ คือ ถ้าเธอได้ไปอยู่ต่างประเทศที่หนาวๆ อาจมีปัจจัยที่ทำให้ระบบเผาผลาญดีขึ้นจริง แต่ก็อย่าละเลยเรื่องสุขภาพจิตซึมเศร้า ที่ส่งผลกระทบต่อเราได้ง่ายกว่า


หากอยู่เมืองหนาวนานๆ จนเริ่มอารมณ์ดำดิ่ง คิดลบ หม่นหมอง ให้รีบไปปรึกษาหมอก่อนอาการจะแย่ลงนะคะ หากอารมณ์ของเราอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มที่จะอ้วนก็ยากขึ้นด้วยค่ะ

7. โรคภัย ความเจ็บป่วยบางประเภท ทำให้อ้วนง่าย

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/a88603e02644a878bae611d2fbdaa345.jpg

ปัจจัยข้อสุดท้าย ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือ ' โรคภัยและความเจ็บป่วย ' ที่บางคนก็แจ็คพอตเป็นขึ้นมา ทำให้การลดน้ำหนักยากกว่าคนปกติ 2-3 เท่ากันเลย เช่น โรคเกี่ยวกับไทรอยด์ เช่น ไฮโปไทรอยด์


เพราะต่อมไทรอยด์ไม่ผลิตฮอร์โมนออกมาเท่าที่ควร จึงทำให้ร่างกายทำงานได้ช้าลง สุดท้ายก็อ้วนขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

ในทางกลับกัน บางคนก็ป่วยเป็นโรคไฮเปอร์ไทรอยด์ ที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนออกมาเยอะเกินไป จึงทำให้กินหนักเท่าไหร่ก็ผอมลงเรื่อยๆ

แต่ใครที่เป็นโรคนี้ก็อย่าชะล่าใจว่าตัวเองโชคดี เพราะเมื่อใช้พลังงานเยอะเกินปกติ ระบบอื่นในร่างกายก็ทำงานหนัก เสี่ยงหัวใจวายได้เช่นกัน ไม่ว่าเธอจะป่วยเป็นโรคอะไร ไปหาหมอเพื่อดำเนินการรักษาให้เป็นปกติจะดีที่สุดนะคะ

--------------------------------

รูปร่างของเธอจะอ้วนขึ้นหรือผอมลง ก็วนเวียนอยู่ที่ 7 สาเหตุหลักนี้เป็นส่วนใหญ่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยอายุ โรคประจำตัว พฤติกรรมการกินอาหาร ความเครียด การนอนพักผ่อน หรือฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง ก็เอฟเฟกต์น้ำหนักของเธอได้ทั้งสิ้นหากตอนนี้สาวๆ กำลังตั้งใจลดความอ้วนอยู่ ก็ต้องกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น เช่น นอนให้เพียงพอ, ปรับมากินอาหารสุขภาพ มีประโยชน์ และหากเป็นปัจจัยเรื่องที่จัดการด้วยตัวเองไม่ได้ เช่นป่วยเป็นไทรอยด์ ก็รีบไปรักษาที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะการออกกำลัง จะช่วยทำให้เตาเผาเมตาบอลิซึ่มไม่ขึ้นสนิม ชะลอความเสื่อมของระบบเผาผลาญลง ดูสวยสุขภาพดีกว่าวัยวันนี้ขอตัวลาไปก่อน เจอกันใหม่บทความหน้าค่า บ๊ายบาย