สวัสดีค่ะ สาวๆSistaCafeคนสวยทุกคน(❤ω❤)กุญแจหลักสู่ความสวยของผู้หญิง ร้อยทั้งร้อยคือต้องมี' ผิวหนังที่ชุ่มชื้น 'ไว้ก่อน เพราะทั้งแต่งหน้าง่าย ดูเด็กกว่าวัย เป็นสัญญาณของสุขภาพผิวที่ดี โชว์หน้าสดก็ยังรอด จึงไม่แปลกที่สกินแคร์จำพวก ' มอยส์เจอไรเซอร์ ' จะเป็น a must ของสาวๆ ทุกช่วงอายุมีไลน์สำหรับเด็กถึงสูงวัย และเรนจ์ราคาตั้งแต่ดรักสโตร์ถึงเคาน์เตอร์แบรนด์แพงลิบลิ่ว แต่ก็ยังมีสาวๆ บางส่วนที่ซื้อครีมหลักหมื่น สรรพคุณเริ่ดสิบกระโหลก แต่ใช้จริงแล้วก็ยังงั้นๆ ก็ไม่แย่หรอก แต่ไม่ได้ว้าวเหมือนที่เคลมไว้ แบบนี้จะเรียกว่าโฆษณาเกินจริงได้ไหมนะ??ก่อนจะโวยวายว่าโดนหลอก ลองเช็คพฤติกรรมการใช้ครีมบำรุงผิวของเธอก่อนว่า ใช้ครีมเหล่านี้อย่างถูกวิธีแล้วหรือยัง ไม่ใช่แค่เลือกสรรยี่ห้อครีม แต่ต้องย้อนไปถึงดูส่วนผสมของครีมอย่างละเอียด, การลงสกินแคร์ให้ถูกขั้นตอน, ช่วงเวลาที่ทา และช่วงผิวที่สาวๆ มักละเลย ทำให้ผิวดูไม่สดใสเท่าที่ควรแต่หากสาวๆ ได้ลองทำตาม' 7 ทริคใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด 'อย่างในบทความนี้ อาจจะได้ผลลัพธ์เป็นผิวหน้าใสสวยเด้ง เหมือนที่คำเคลมของแบรนด์บอกไว้ก็ได้ ใครจะรู้ ว่าแล้วก็มาเรียนรู้วิชา Moisturizer 101 ให้ผิวเป๊ะเวอร์! กันเลยดีกว่าค่า ( ´ ▽ ` ).。o♡

1. เลือก 'ส่วนผสมหลัก' ที่มอบความชุ่มชื้นให้ผิวให้ถูกต้อง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/1783d3bd5bbd47e57214d6882b41223c.jpg

คิดจะเลือกซื้อครีมยี่ห้อไหนก็ตาม ต้องเริ่มจากการดู ' Ingredients ' หรือส่วนผสมหลักเป็นอันดับแรก อย่าเห็นแค่เป็นครีมเคาน์เตอร์แบรนด์ชื่อดังก็ซื้อเลย เพราะครีมตัวนั้นอาจไม่เหมาะกับสภาพผิวของเธอ หรือไม่ได้มีส่วนผสมหลักที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างจริงจังก็เป็นได้

แพทย์ผิวหนังแนะนำว่า ให้เธอมองหาส่วนประกอบหลัก ( คือมีชื่อขึ้นเป็นชื่อแรกๆ ตรงแถบส่วนผสม ) ประเภท

' humectants ' ที่ทำให้เวลาทาครีมเข้าผิว ผิวจะชุ่มชื้นได้ยาวนานขึ้นกว่าปกติ

ศัพท์ที่ใช้ทั่วไปในวงการครีมก็คือ

กลีเซอริน ( glycerin ), กรดไฮยาลูรอนิก ( hyaluronic acid ) และโพรพิลีน กลีคอล ( propylene glycol )

เป็นต้น

เช็คทุกครั้งก่อนจะซื้อครีมบำรุงผิวสักชิ้น ไม่ว่าจะสำหรับผิวหน้าหรือผิวกาย ต้องมีสารชื่อเหล่านี้อย่างน้อย 1 ตัว จึงถือว่าผ่านค่ะ!

2. หากทาหลายตัว ต้องเรียงลำดับ 'ประเภทครีมที่จะทา' ให้ถูกต้อง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/8fcb4412e56f043536734ca5091a521a.jpg

สาวๆ หลายคนซื้อสกินแคร์มาครบทุกประเภท ทั้งโทนเนอร์ ครีมเจล ครีมเนื้อเข้มข้น เซรั่ม อิมิลชั่น มาส์ก แต่ไม่รู้ลำดับขั้นตอนการใช้ที่ถูกต้อง เลยตัดสินใจทาโปะทับๆ กันไปเลย เน้นสะดวก


ทาเนื้อครีมก่อน เสร็จแล้วมาส์กหน้าทับ เอ้าลืมทาเจล งั้นทาเจลโปะทับไปอีกรอบ เละไปหมด หยุดหาทำ เสียของมากๆ ค่ะซิสขาาา

การทาสกินแคร์ที่ถูกวิธี ต้องค่อยๆ เรียงลำดับจาก ' ความเข้มข้นต่ำสุด-สูงสุด ' เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ 100% โดยเริ่มจากโทนเนอร์และเซรั่มที่มีลักษณะเหมือนน้ำเปล่าที่สุด ตามด้วยออยล์ หลังจากนั้นจึงตามด้วยครีม


แต่หากทาช่วงกลางวันหรือก่อนออกจากบ้าน จะมีข้อยกเว้นคือให้ทา' ครีมกันแดด 'เป็นขั้นตอนสุดท้าย ไม่ว่ากันแดดจะเป็นเนื้ออะไรก็ตาม

ถ้าทากันแดดแล้วอย่าโบกครีมอื่นทับอีก เพราะกันแดดจะไปบล็อกการดูดซึมของผิว ทำให้ครีมที่ลงหลังจากนั้นซึมเข้าไม่ถึงหรือซึมยากขึ้นนั่นเอง

3. ปรับสกินแคร์ตามสภาพผิว/ ฤดูกาล 'ทีละตัว' ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งเซ็ต!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/73a4b612fe0151012543e1d4d42b914f.jpg

เมื่อฤดูกาลเปลี่ยนแปลง เช่น เข้าหน้าร้อน ผิวมันขึ้น หรืออากาศเย็นในหน้าหนาวทำให้ผิวแห้ง ตกสะเก็ด ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเซ็ตสกินแคร์ทั้งกรุ เปลืองเงินเปล่าๆ แค่ปรับบางตัวที่ตอบโจทย์ผิวที่เปลี่ยนแปลงได้ไม่พอสัก 1-2 ตัวก็เพียงพอ

เช่น หน้าร้อนเธอใช้โลชั่นน้ำตบเนื้อบางเบา ครีมเจลเนื้อใสๆ ทาแป๊บเดียวซึมหายหมด แต่เมื่อเข้าหน้าหนาว ก็ปรับมาใช้โลชั่นที่เนื้อเข้มข้นมากขึ้น ครีมบำรุงผิวหน้าที่เนื้อแน่นมากขึ้น ล็อคผิวให้ชุ่มชื้นยาวนานยิ่งขึ้น

ถ้ามีผิวแห้งมากเป็นพิเศษ ก็เพิ่มขั้นตอนเซรั่มหรือเฟซออยล์ลงไปด้วย โดยแนะนำให้เลือกส่วนผสมหลักเป็น hyaluronic acid หรือออยล์ประเภท jojoba oil, argan oil, หรือ rosehip oil

เพราะเป็นออยล์จากธรรมชาติ ช่วยเติมน้ำให้ผิว ลดผิวคล้ำเสียจากแดด กระตุ้นคอลลาเจนชั้นใต้ผิว และช่วยฟื้นฟูรอยแผลเป็นเล็กน้อยบนผิวหน้า ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นอีกด้วยค่ะ ^ ^

4. 'ช่วงเวลาที่ทา' ก็สำคัญ ช่วงที่ผิวยังชื้นๆ รีบทาครีมทันที!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/f75adf57ef0a2cd62d01067f045d3f73.jpg

ช่วงเวลาที่ทาครีมก็สำคัญ! ถ้าอยากทาให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ต้องทาตอนที่ผิวยังหมาดๆ ชื้นๆ หลังอาบน้ำเสร็จ หรือหลังล้างหน้าเสร็จทันที เพื่อล็อคความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิวอย่างยาวนาน


ย้ำว่าผิวต้องหมาดๆ เพราะถ้าหน้าเปียกเกินไป โลชั่นหรือครีมที่ทาก็จะหลุดลอกออก ทำให้ผิวไม่ซึมซับสารอาหารเข้าผิวเท่าที่ควรค่ะ

เวลาที่แนะนำคือ หลังอาบน้ำเสร็จ ใช้ผ้าขนหนูเนื้อนิ่มซับหน้า 1 ครั้ง แล้วลงโทนเนอร์หรือโลชั่นทันที


หากสาวซิสเคยดู Vlog บิวตี้บล็อกเกอร์หรือดาราเซเลบที่ทำ Skincare Routine หลายคนจะวางสกินแคร์ทั้งเซ็ตไว้ในห้องน้ำเลย เพราะใช้ง่าย สะดวก ให้ความชุ่มชื้นผิวได้ทันท่วงที เพราะบางคนผิวแห้ง กว่าจะใส่เสื้อผ้าเสร็จผิวก็แห้งแล้ว ถึงลงครีมหลังจากนั้น ประสิทธิภาพก็ไม่ 100% แล้วล่ะค่ะ

5. 'ปริมาณครีมที่เหมาะสมต่อครั้ง' ไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับผิวแต่ละคน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/dcf206c7fbc6ae338db074ab87f1095f.jpg

เวลาดูบิวตี้บล็อกเกอร์ทาครีม อย่าไปจำปริมาณที่เขาใช้กับหน้าหรือผิวกายตัวเองเป๊ะๆ เพราะไม่มีเกณฑ์บังคับว่าครีมตัวนี้ควรใช้แค่ 1 ปั๊มหรือ 2 ปั๊ม ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคน


ที่เราเห็นในเว็บไซต์ว่าให้ใช้แค่ปลายนิ้วก้อย หรือหยดออกมาเท่าเหรียญสิบบาท นั่นเป็นแค่เกณฑ์กลางๆ ในการทดลองว่าใช้แบบนี้จะได้ประสิทธิภาพตรงกับที่บอกไว้ แต่จะได้ถึง 100% ไหมก็ต้องดูอีกทีว่าผิวมัน ผิวแห้งกว่าผู้ทดลองแค่ไหน ( ส่วนใหญ่คนที่ทดลองจะผิวปกติอยู่แล้ว )

ถ้ารู้สึกว่าบีบออกมาล้นเกินไป ทาไม่หมด พยายามโปะยังไงผิวก็ไม่ดูดซึมเพิ่มแล้ว นั่นเพราะผิวของเธอไม่ได้ต้องการครีมเยอะขนาดนั้น


ในทางกลับกัน คนที่บีบออกมาเท่าที่เกณฑ์บอกแล้ว แต่รู้สึกว่าผิวยัง ' ไม่อิ่ม ' ทาหมดแล้วผิวก็ยังแห้งผาก แปลว่าเธอควรเพิ่มปริมาณต่อครั้งให้มากขึ้น

อย่ายึดคนอื่นเป็นหลัก ให้ยึดผิวตัวเองเป็นหลักนะคะซิส

6. อย่าหลงลืม 'ส่วนลำคอและอก' อย่าทาแต่ผิวหน้าอย่างเดียว!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/39f3aba3553595cd422f4cdc6d1ec469.jpg

สาวๆ หลายคนละเลยจุดนี้ไปเยอะมาก โบกครีมซะดีเชียว แต่โบกแค่ส่วนผิวหน้าเท่านั้นนะ คอยังแห้งผากอยู่เลย โดยเฉพาะคนที่เริ่มมีอายุ การไม่ทาคอเลยถือว่าอันตรายมาก


นึกภาพว่าทาครีม anti-aging แค่ส่วนหน้าแต่เว้นคอ ทำแบบนี้ต่อเนื่องหลายๆ ปี ผิวหน้าอาจดูเด็ก แต่คอรอยเหี่ยวย่นเพียบ ใส่เสื้อโชว์คอไม่ได้เลย เดี๋ยวเขารู้ว่าแก่ หน้ากับคอไม่สัมพันธ์กันเวอร์ เหมือนภาพตัดต่อ แค่คิดก็สยองแล้วจ้าแม่

เวลาทาครีม ให้ทาเลยมาถึงส่วนกราม อก และหลังมือ เพราะผิวหนังบริเวณนั้นจะบ่งบอก ' อายุที่แท้จริง ' ถ้ากลัวเปลืองก็ใช้ครีมลดรอยสองตัว ตัวที่ราคาสูงหน่อยก็ใช้หน้า ตัวที่ราคาถูกลงมาก็ใช้ที่คอ หน้าอกและมือแทนทั้งนี้ขอเตือนว่า อย่างก เอาครีมทาตัวไปทาหน้าเป็นอันขาด!

อาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดรูขุมขนอุดตันได้


แม้เธอจะเถียงว่าเคยใช้แล้วไม่เห็นเป็นไร แต่เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหน้าจะบอบบางและไวต่อการระคายเคืองมากขึ้น จากที่ไม่แพ้อาจจะแพ้ในสักวันก็ได้ และถ้าหน้าพังตอนอายุเยอะล่ะก็ ซ่อมกลับคืนยากมาก! อย่าเสี่ยงแต่แรกจะดีกว่า

7. ลูบไล้ครีมในทิศทาง 'จากล่างขึ้นบน' หน้าจะได้ไม่เหี่ยวไว!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/b219797385b5ed1ec8682379fc76d14d.jpg

ใครเคยดูคลิปสอนนวดหน้า หรือพวกบิวตี้บล็อกเกอร์นวดหน้าก่อนนอน น่าจะคุ้นเคยกันดีกับการ ' ยกกระชับหน้า ' หรือนวดหน้าจากล่างขึ้นบน

เพราะเราอยู่ในโลกที่มีแรงโน้มถ่วง เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์ที่เคยเต่งตึงก็จะอ่อนแอลง ทำให้หย่อนยานถ่วงลงไปด้านล่าง คนสูงอายุจึงเกิดริ้วรอย ถุงใต้ตาเต็มไปหมดนั่นเอง

วิธีที่พอจะชะลอความเหี่ยวย่นได้ คือนวดหน้าต้านแรงโน้มถ่วงในทุกๆ วันค่ะ โดยใช้นิ้วกด นวดวนลงบนผิวอย่างเบาๆ ให้เลือดไหลเวียนบนผิวหน้าได้ดี


วิธีนี้ยังช่วยลดปัญหาหน้าบวมหลังตื่นนอน และทำให้มอยส์เจอไรเซอร์ได้ซึมซับลงผิวหน้าอย่างเต็มที่ด้วยค่ะ (♡°▽°♡)

รูปภาพ:https://media2.giphy.com/media/frSOYOXJE2MCOb3Qy9/giphy.gif

------------------------------

เรียนวิชาการใช้ครีมบำรุงให้ถูกต้องเบื้องต้น ครบทั้ง 7 ข้อแล้ว ก็อย่าลืมเอาไปทำตาม เพื่อดึงประโยชน์ของมอยส์เจอไรเซอร์แต่ละตัวให้มีประสิทธิภาพสูงสุดกันนะคะซิส =w=bที่ผ่านมาเธออาจเผลอลงครีมผิดขั้นตอน, ทาผิดช่วงเวลา, ทาน้อยหรือเยอะเกินไป, หรือผิดตั้งแต่หลักพื้นฐาน คือเลือกครีมที่ไม่ชุ่มชื้นพอกับสภาพผิว เหล่านี้ทำให้ผิวของเธอไม่เนียนนุ่ม กระจ่างใสเท่าที่ควรจะเป็นนั่นเอง -_-'

Routine สกินแคร์แต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะแต่ละคนก็สภาพผิวต่างกัน สิ่งที่แพ้ก็ต่างกัน แต่สิ่งที่ควรทำร่วมกันคือกฎหลักๆ เหล่านี้เมื่อทำอย่างต่อเนื่องผิวก็จะสวยสุขภาพดี ช่วยยืดชะลอความแก่ของผิว ให้หน้ายังเด็กกว่าวัยได้อีกยาวนานแฟนจับแก้มนุ่มๆ ก็อยากจุ๊บทุกวัน อิอิ (/▽\*)。o○♡ สำหรับวันนี้ขอตัวไปก่อนน้า พบกันใหม่คราวหน้าค่ะ บ๊ายบาย