สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeคนน่ารักทุกคน (*¯ ³¯*)♡เคยมั้ย? เวลาจะใช้ของสักสิ่งในบ้าน แล้วสงสัยว่าเราซื้อมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่จำได้มันก็ตั้งอยู่ตรงนั้นมาตลอด ประหนึ่งว่ามันไม่มีวันหมดอายุ เช่น ของกินในรูปแบบผงเช่นเครื่องเทศสมุนไพร หรือของใช้ประเภทแปรงสีฟันในห้องน้ำ ฟองน้ำล้างจาน ยารักษาโรคที่วางทิ้งไว้ในบ้านจนลืมว่าซื้อมาตั้งแต่ปีไหน ยังไม่นับหมอนในห้องที่บางคนหนุนมาเกินครึ่งชีวิต นุ่นในนั้นขึ้นราไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้... #อี๋ย์บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่ต้องเช็ควันหมดอายุของพวกนี้อย่างจริงจัง ของชิ้นไหนที่เลยวันผลิตมานานเกินไป ก็เตรียมเซย์กู๊ดบายด่วนๆ ก่อนที่มันจะเป็นแหล่งเชื้อโรค ทำให้เธอป่วยได้ในอนาคตหาวันว่าง แปลงร่างตัวเองเป็นมาริเอะ คนโดะ แล้วเตรียมเก็บกวาดของเก่าที่ไม่ spark joy ( และไม่ healthy ด้วย! ) ไปพร้อมๆ กันกับเราใน' 7 ของกินของใช้ ที่อาจหมดอายุไปนานแล้ว แต่เรายังเผลอเอามาใช้อยู่โดยไม่รู้ตัว 'เลยดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดีของเธอเอง!!!
1. แปรงสีฟัน [ ควรทิ้งทุก 3-4 เดือน ]

แปรงสีฟันนี่แหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียเลย! ปากเรากินอาหารมามากมาย พอผสมกับน้ำลายก็กลายเป็นเชื้อโรคสะสม ไม่ใช่แค่การใช้งานปกติ แต่เวลาเราล้างห้องน้ำ ละอองน้ำยาล้างห้องน้ำสาดกระเซ็น หรือล้างมือแรงแล้วน้ำกระเด็นโดน แบคทีเรีย 100-200 สปีชี่ส์ ก็กระจายตัวติดตามขนแปรงแล้ว
แล้วนึกภาพเราเอาเชื้อแบคทีเรียพวกนั้นกลับเข้าไปในปากใหม่สิ... #ขนลุกซู่
อย่ารอจนขนแปรงบานจนเหมือนแปรงขัดห้องน้ำ แต่ควรเปลี่ยนด้ามใหม่ทุกๆ 3-4 เดือน หรือเร็วกว่านั้นถ้าขนแปรงเริ่มบานออก ใช้ได้ไม่ดีเท่าเดิม นอกจากนี้ควรล้างแปรงหลังแปรงฟันทันที ผึ่งด้วยลมธรรมชาติให้แห้ง อย่าเก็บไว้ในตู้ที่ปิดสนิทไม่มีอากาศถ่ายเท อากาศชิ้นๆ นี่ของชอบแบคทีเรียเลย!!ทริคนึงที่อยากแนะนำสาวๆ คือ หลังล้างแปรงสีฟันเสร็จ ให้เทน้ำยาบ้วนปาก 1 ฝาลงไปให้ชุ่มขนแปรง ถูๆ แล้วใช้น้ำล้างออกอีกที จะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคได้ค่ะ
2. ยารักษาโรคที่ซื้อได้ทั่วไป [ ควรทิ้งปีละครั้ง ]

ยารักษาโรคต่างๆ ที่ซื้อตามร้านขายยา หรือแผนกยาในซูเปอร์ ไม่ได้ซื้อครั้งเดียวใช้ได้ตลอดกาลน้า ถึงวันหมดอายุจะนานหน่อย แต่ถึงเวลาก็ต้องทิ้งเหมือนกัน! ยาปกติจะมีประสิทธิภาพไม่ต่ำกว่า 90% จนกว่าจะถึงวันหมดอายุ จึงควรเก็บยาเก่าๆ ทิ้งทุกปี
ทั้งนี้ต้องเก็บให้ถูกวิธีด้วย ( ที่แห้งและเย็น ) ถ้าเธอวางทิ้งโดนแสงแดดจัดทุกวัน ยาก็อาจเสื่อมสภาพเร็วกว่านั้น หลังจากยาหมดอายุ ประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อยๆ แย่กว่านั้นสารในยาจะเปลี่ยนสภาพ กลายเป็นอันตรายกับร่างกายเราแทน!
ยาชนิดหนึ่งที่เธอตรวจสอบได้เองว่าเสื่อมสภาพหรือไม่ หากไม่มีวันหมดอายุบอกชัดเจน คือ ' แอสไพริน ' ให้ลองดมดู ถ้ามันเริ่มเสื่อมแล้วจะมีกลิ่นน้ำส้มสายชู หรือกลิ่นที่แปลกไปจากเดิมทางที่ดีหากเป็นยากินเข้าร่างกาย ไม่ว่าจะยากินหรือยาเม็ด ถ้าไม่แน่ใจวันหมดอายุ หรือไม่ชัวร์ว่าซื้อมาเมื่อไหร่ก็อย่ากินเลยจะดีกว่า เป็นอะไรไปไม่คุ้มค่ะซิส
3. เครื่องสำอาง [ ควรทิ้งทุก 3 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของเมคอัพ ]

สายบิวตี้น่าจะพอรู้กันอยู่แล้วว่า เครื่องสำอางต้องคอยเก็บทิ้งอยู่เรื่อยๆ เพราะอายุค่อนข้างสั้น เร็วสุดคือมาสคาร่า ที่มีอายุหลังเปิดใช้เพียง 3 เดือนเท่านั้น!
อย่าเห็นว่าเป็นยี่ห้อราคาแพง หรือเป็นแพ็กเกจ limited edition เลยเสียดายไม่กล้าทิ้ง เพราะไม่คุ้มกับสภาพผิวหนังของเธอเลย ถ้าโชคดีไม่แพ้ก็รอดไป แต่ถ้าแจ็กพอตผิวเซนซิทีฟ แล้วเผลอใช้ของหมดอายุ ขึ้นผื่นแพ้แดง เป็นตุ่ม ตาอักเสบ ปากเจ่อขึ้นมา คราวนี้ไม่ได้แต่งหน้าอีกยาวเลยเด้อ!
อายุเครื่องสำอางโดยประมาณ : มาสคาร่า อายแชโดว์และอายไลเนอร์ 3-6 เดือน, ลิปสติกและแป้งทาหน้า 1 ปี ทั้งนี้ เมคอัพส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีวันหมดอายุแปะที่ฉลาก หากสาวๆ มีของหลายชิ้น ซื้อสติกเกอร์สีขาวแบบที่เขียนทับได้ เขียนวันที่ซื้อแล้วแปะไว้เตือนความจำก็ดีค่ะ
และหลังใช้เสร็จ ควรปิดฝา/ตลับให้มิดชิด วางไว้ในที่แห้งและเย็น เพื่อป้องกันการก่อตัวของเชื้อโรค โดยเฉพาะเมคอัพเนื้อครีมที่อาจมีเชื้อปนเปื้อน เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย
4. สมุนไพรและเครื่องเทศ [ ควรทิ้งทุก 1-4 ปี ]

สายทำครัวฟังทางนี้! บางคนซื้อเครื่องเทศ สมุนไพรเป็นขวดๆ มาวางไว้ในห้องครัวตั้งแต่ปีมะโว้ บางเมนูไม่ค่อยได้ทำ ขวดก็วางเก่าเก็บฝุ่นขึ้นไว้ในตู้ บางทีผ่านไปหลายปีเพิ่งขุดเอามาทำอาหาร #กุมขมับ
แต่ข่าวดีของเครื่องปรุงเหล่านี้คือ ถ้าเก็บปิดฝาอย่างดี ไม่มีฝุ่นไปผสมในขวด มันไม่ได้ส่งผลร้ายอะไรกับร่างกายค่ะ แค่รสชาติอ่อนลง และสรรพคุณของสมุนไพรชนิดนั้นๆ จะเสื่อมลงตามกาลเวลาเท่านั้นเอง
อายุของผงเครื่องเทศโดยประมาณ : เครื่องเทศแบบผง 3-4 ปี, เครื่องเทศแบบที่ยังเป็นชิ้นอยู่ 4 ปี, สมุนไพรชนิดใบ 1-3 ปี, ผงปรุงรสบรรจุขวด 1-2 ปีหลักง่ายๆ คือ หากจำวันที่ซื้อมาไม่ได้ ลองแตะชิมขวดที่สงสัยดู ถ้ากลิ่นเปลี่ยนหรือกลิ่นอ่อนลง ก็ถึงเวลาที่ต้องทิ้งลงถังขยะแล้วล่ะค่ะ
5. หมอน [ ควรทิ้งทุก 2-3 ปี ]

สาวๆ บางคนอยู่บ้านเดิม ห้องนอนห้องเดิม เครื่องนอนชุดเดิมมาตลอดชีวิต ไม่เคยเปลี่ยนหมอนและฟูกบนเตียงเลย แม้จะไม่มีวันหมดอายุชัดเจนเหมือนของกิน แต่เมื่อเรานอนไปเรื่อยๆ ของพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับแหล่งสะสมฝุ่นและเชื้อโรคตัวเล็กๆ ที่กินเซลล์ผิวหนังเก่าที่ตายแล้วของเรา!ถ้าเธอเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง แล้วมีผื่นคัน ผื่นแดงจุดเดิมๆ ไม่หายซะที ลองเช็คที่นอนกับหมอนเป็นอันดับแรกเลยค่ะซิสข่าวดีคือริ้นไรที่แอบซ่อนในฟูกนอน จะไม่มีอันตรายกับผิวหนังถ้าเธอไม่ได้เป็นภูมิแพ้ผิวหนัง แต่เพื่อความสะอาดก็ควรเปลี่ยนทุกๆ 2-3 ปีส่วนหมอน แม้จะไม่มีวันหมดอายุแน่นอน แต่หากเราใช้นอนไปเรื่อยๆ ก็ย่อมมีรอยเปื้อน รอยน้ำลาย มีกลิ่นอย่างแน่นอน ยังไม่รวมถึงเชื้อราหรือฝุ่นที่สะสมอยู่ข้างในอีก เป็นไปได้ก็ควรเปลี่ยนทุก 2-3 ปีเช่นกันทั้งนี้ ถ้าอยากยืดอายุหมอนกับฟูก ก็ใช้ปลอกหมอนกับผ้าปูแบบเป็นซิปรูดปิด และซักปลอกกับผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์ ก็ช่วยได้ค่ะ
6. ฟองน้ำ [ ควรทิ้งทุกเดือน ]

ฟองน้ำล้างจานนี่ตัววัดใจเลย ว่าบ้านใครสะอาดจริงๆ! ใช้ล้างจานอยู่ทุกวัน ( หรือเกือบทุกวัน ) ผ่านน้ำยาล้างจานอาบจนชุ่มมากี่สิบกี่ร้อยครั้ง เอาจริงๆ มันสกปรกมากเลยนะ ถึงจะผึ่งให้แห้งแล้วก็เถอะ
เอาแค่สภาพตอนเพิ่งซื้อ น้องสะอาดกริบ กับใช้ไปสักสัปดาห์ ก็เห็นคราบสกปรกชัดเจนแล้ว ทั้งแบคทีเรียทั้งเชื้อรา เชื้อโรคทั้งนั้น ถ้าไม่เปลี่ยนบ่อยๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับเอาเชื้อโรคไปขัดจาน แล้วเธอก็เอาจานนั้นมากินอาหารอีกที ไม่รู้สึกแหวะบ้างเหรอ TT
เพื่อความสะอาดของจานอาหารในบ้าน พยายามเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานให้ได้ทุกเดือนจะดีมาก หรือถ้ามันเริ่มมีกลิ่น เริ่มมีสีดำๆ เยอะเกินไปแล้ว แปลว่ามีเชื้อโรคปนเปื้อนเกินขีดจำกัด ควรเปลี่ยนทันที
ทั้งนี้สาวๆ สามารถชะลออายุฟองน้ำได้ ด้วยการนำเข้าเครื่องล้างจาน หรือไมโครเวฟ กดไฟสูง 1-2 นาที ( เฉพาะฟองน้ำที่ไม่ผสมโลหะนะ เดี๋ยวไมโครเวฟระเบิด! ) ความร้อนจะช่วยฆ่าเชื้อโรคบนฟองน้ำได้ค่ะ
7. รองเท้าผ้าใบ [ ควรทิ้งทุกๆ 5 เดือน ]

สาวๆ บางคนเป็นสายสตรีท ชอบใส่รองเท้าผ้าใบ บางคนซื้อมาเก็บไว้เป็นสิบๆ คู่ เรียกได้ว่าเป็นกรุ แต่ผลัดเปลี่ยนใช้ไม่ทัน พอวันนี้นึกครึ้มมาใช้ เอ้า! ทำไมใส่เดินแล้วเท้าเจ็บ ใส่ไม่สบายเหมือนก่อน อาจเป็นไปได้ว่ารองเท้าคู่นั้นมันเสื่อมสภาพซะแล้วล่ะค่ะ!
ไม่ต้องรอให้ด้ายหลุด หรือพื้นรองเท้าเปิดหรอก แค่ใส่แล้วมันไม่รองรับอุ้งเท้าเธอเหมือนเดิม ก็เป็นสัญญาณว่าไม่ควรใส่รองเท้าคู่นั้นอีกแล้วค่ะ โดยเฉพาะสายนักกีฬา อย่าทู่ซี้ใส่เด็ดขาด อาจเกิดการบาดเจ็บได้เลย
ถ้าเธอใส่รองเท้าผ้าใบเดินอย่างน้อย 45 นาที- 1ชั่วโมง เป็นเวลา 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็ควรเปลี่ยนคู่ใหม่ทุกๆ 5 เดือน แต่ถ้าเดินเยอะกว่านั้นก็ควรเปลี่ยนเร็วกว่านั้นอีก เช่น ทุก 3-4 เดือน ถ้าไม่อยากเท้าเคล็ดหรือเป็นโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ
วิธีดูอีกแบบคือ ถ้าใส่แล้วรองเท้าไม่แบนเรียบไปกับพื้น เริ่มเอียงเบี้ยว หรือส้นเท้าบีบแล้วหยุ่นๆ กว่าเดิม ก็ถึงเวลาซื้อคู่ใหม่โลด!
--------------------------
เป็นยังไงบ้างคะ อ่านจบถึงตรงนี้แล้ว น่าจะเคลียร์พื้นที่โล่งในบ้านไปได้เยอะเลยสิท่า (」°ロ°)」ขอย้ำว่าทุกอย่างในบทความนี้มันมีอายุการใช้งานหรือ shelf-life เด้อ ไม่ได้ใช้งานไปเรื่อยๆ ได้ตลอดชีวิต!อย่างกกับค่าเล็กๆ น้อยๆ อย่างค่าแปรงสีฟันใหม่ หมอนใหม่ ฟองน้ำใหม่ หรือของที่มีราคาขึ้นหน่อยก็เถอะจะเป็นเครื่องสำอางหรือรองเท้าผ้าใบแบรนด์เนมมาจากไหน ถ้าหมดอายุแล้วก็ต้องทิ้ง เพราะจากสิ่งที่จะอำนวยความสะดวกหรือความสวยให้เรา มันจะแปรสภาพเป็นกองเชื้อโรค หรือทำให้เราบาดเจ็บแทน ใจแข็งทิ้งไปแล้วซื้อของใหม่มาเปลี่ยนดีกว่า รักษาสุขอนามัยไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าเจ็บป่วยหาหมอในภายหลังนะจ๊ะสำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อน จะมีความรู้อะไรมาแชร์อีก ติดตามบทความหน้าน้า บ๊ายบายย
Cr. 10 household items it’s probably time to replace [considerable.com]
https://www.considerable.com/home/cleaning-organizing/household-items-you-should-replace/