" เขาจะคิดว่าเราอ้วนไหม "" แต่งตัวแบบนี้คนจะมองไหมนะ "" ตัดผมสั้นจะถูกคนล้อไหม "
เราเชื่อว่าในสังคมไทย สาวซิสที่ยังมีความคิดแบบนี้ค่อนข้างเยอะ คือแคร์มากๆ ว่าคนนั้นคนนี้จะคิดเห็นยังไงกับเรา ตั้งแต่เรื่องภายนอกอย่างรูปร่างหน้าตา ทรงผม สไตล์การแต่งหน้า ไปจนถึงรถที่ขับ งานที่ทำ เงินในบัญชี กลัวคนจะตัดสิน มองว่าไม่ดี
บางคนก็เสียใจ จิตตก แอบมานั่งร้องไห้ที่บ้าน แต่บางคนก็ทะเยอทะยาน อัพเกรดให้ดูไฮโซขึ้นทั้งที่การเงินไม่พร้อม เดือดร้อนตัวเองไปอีก พีคที่สุดคือกลัว ' ความคิด ' จะไม่เหมือนคนอื่น ต้องไหลตามคนส่วนมากจนเสียตัวตนไปเลย ( แบบนี้น่ากลัวสุด )
หากเธอเป็นคนหนึ่งที่สนใจสายตา คำพูดของคนนอกเอามากๆ บางทีเผลอทำสิ่งที่คนอื่นไม่ชอบ แล้วมานั่งเสียใจทีหลัง กลัวที่จะแตกต่าง กลัวคนเกลียด ยอมให้คนแปลกหน้ามาบงการชีวิตตัวเอง ไม่ชอบนิสัยแบบนี้เลย แต่ไม่รู้จะปรับปรุงแก้ไขอย่างไรลองมาอ่าน' 7 วิธีเลิกนอยด์ว่า คนอื่นจะคิดกับเรายังไง 'ในบทความนี้กันได้เลยมาปรับแนวคิดเพื่อมั่นใจในตัวเองขึ้นกันค่ะ╰(*´︶`*)╯♡
1. ย้อนกลับไปคิดว่า 'ทำไม' เราถึงต้องแคร์คนอื่นขนาดนั้น?

เนื่องจากเราอยู่ในสังคมเอเชียที่การอยู่รวมกันเป็นหมู่คณะ การต้องการการยอมรับจึงถูกปลูกฝังอยู่ในสังคมมานาน บางคนเกรงกลัวต่อคำพูดคนอื่น กลัวคนจะมองไม่ดี ทั้งที่ยังไม่เคยนึกถึงสาเหตุเลยว่า เราจะกลัวคนอื่นขนาดนั้นไปทำไม สุดท้ายเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่ได้มารับผลลัพธ์อะไรกับเรา
ไม่ว่าจะในทางดีหรือร้ายทั้งนั้น เราจะแต่งตัวแบบไหน ทำผมแบบไหน ขับรถอะไร เราก็ยังต้องใช้ชีวิตต่อไป เขาก็ใช้ชีวิตของเขาเหมือนกัน เขาเองยังไม่ให้เราวิจารณ์เลย แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์เรา ลองคิดในมุมกลับดูค่ะ
กำหนด ' จุดยืน ' ตัวเองให้ดีก่อนว่า ตัวตนของเธอคืออะไร อย่าให้คนอื่นก้าวล่วงล้ำเส้นนั้น การมีจุดยืน ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนหัวแข็ง ติชมอะไรไม่ได้เลย แต่การ ' ติ ' ก็ต้องมีขอบเขตเหมือนกัน และเราจะรับมาปรับใช้หรือไม่ก็ได้คนบางคนด่าคนอื่นอย่างเดียว ไม่ได้ติเพื่อก่อ ไม่มีความสร้างสรรค์ แถมด่าจบไม่กี่นาทีก็ลืม แบบนี้จัดอยู่ในประเภท' ปากหอยปากปู 'ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิต ไม่จำเป็นต้องให้ค่าค่ะ
2. สนใจแค่สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ 'เท่านั้น' อย่าฟุ้งซ่าน

จงอยู่กับตัวเองในปัจจุบัน อย่าไปจมจ่อมกับอดีต หรือฟุ้งซ่านกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงในอนาคตมากนัก หากต้องตัดสินใจอะไร ให้ใช้ความรู้สึกจากปัจจุบันเป็นหลัก เช่น จะซื้อชุดเดรสสวยๆ สักชุด ไม่ต้องไปคิดล่วงหน้าว่า
" ซื้อแล้วคนจะมองว่าโป๊ไปไหม จะดูแพงเกินฐานะไหม จะมีเพื่อนมาล้อไหม "
ถ้า ณ ขณะนั้นเธอมองว่าเดรสชุดนี้สวย ไม่ได้โป๊เข้าข่ายอนาจาร และมีกำลังซื้อได้ไม่ได้เดือดร้อนใคร เธอก็มีสิทธิ์เต็มที่ 100% ในการซื้อ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากคนอื่น
เรื่องในอดีตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว เรื่องในอนาคตก็ยังไม่เกิด ซึ่งนอกเหนือการควบคุมของเราอยู่แล้ว โฟกัส ' ตัวเอง ' เป็นหลัก เคารพความรู้สึก ยอมรับการตัดสินใจของตัวเราเองให้ได้
ตัดคำว่า' ถ้า 'ในพจนานุกรมของตัวเองออกไป คิดแค่ว่า" ฉันคิดว่าแบบนี้ดีแล้ว ถึงเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ยอมรับได้ เพราะฉันเป็นคนเลือกเอง "ท่องประโยคนี้ซ้ำๆ จะรู้สึกมั่นใจมากขึ้น บรรเทาความกังวลลงไปได้เยอะเลยล่ะ
3. ยอมรับเถอะว่า คนส่วนใหญ่ไม่มีใครสนใจเรื่องของเธอ 'จริงๆ' หรอก

ข้อนี้อาจจะดูโหดร้ายกับใจสาวๆ บางคนไปสักนิด แต่ซิสคะ ไม่มีใครในโลกนี้ที่สนใจเรื่องของเธอ 100% จริงๆ หรอกค่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่มีผลกับพวกเขาโดยตรง! คนทุกคนก็สนใจแต่ตัวเองเป็นหลักทั้งนั้นแหละ รวมถึงคนที่ช่างติเตียน วิพากษ์วิจารณ์เธออยู่ทุกวันด้วย
ตอนเขาว่างเขาก็มานั่งพิมพ์ด่าเธอ นินทาเธอ ตพอตัวเองมีเรื่องบ้างก็เงียบหายไป แต่คำพูด Toxic ที่สร้างบาดแผลให้เธอไม่ได้หายไปด้วย ซึ่งเขาก็ไม่ได้แคร์ว่าเธอจะเจ็บไหม พูดให้แรงๆ เลยคือเธอเสียใจจนฆ่าตัวตายเขาก็เหลือบมองแวบนึงแล้วด่าคนอื่นต่อ นั่นล่ะค่ะความเห็นแก่ตัวในสังคมนี้
แต่ละคนก็มีชีวิตของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบ และแทบทุกคนก็โฟกัสที่ตัวพวกเขาเองเป็นหลัก ไม่ใช่เธอ แล้วเธอจะไปแคร์ทำไม? คนที่ด่าคนอื่น ลองมีคนอื่นไปด่าเขาด้วยถ้อยคำเดียวกัน เขาเองก็อยู่ไม่สุขเหมือนกันแต่ถ้าเราด่ากลับก็จะสาดโคลนกันไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นใจเขาใจเรา ทำตัวเองให้ดี ไม่ต้องไปวิจารณ์ใคร ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิตกันไปน่ะดีที่สุดแล้วค่ะ
4. ฝึกฝนการ 'รักและยอมรับตัวเอง' ( Self Love and Acceptance )

อยากเป็นสาวมั่นให้ได้ เธอต้อง ' รักและยอมรับตัวเอง ' ก่อน เพราะนั่นคือแก่นหลักของการสร้างความมั่นใจ
การที่คนคนหนึ่งใช้ชีวิตขึ้นอยู่กับความพอใจของคนอื่นเป็นหลัก บ่งบอกได้เลยว่าเธอคนนั้นไม่มี self-confidence หรือความมั่นใจในตัวเองเลย และมี self-esteem หรือความพึงพอใจในตัวเองต่ำ ซึ่งส่งผลเสียกับสุขภาพจิตในระยะยาวอย่างแน่นอน
ค่อยๆ ฝึกฝนการรักตัวเองให้มากขึ้นทุกวัน เริ่มจากการดูแลตัวเองให้ดีขึ้น เช่น กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ ทำงานอดิเรกที่ทำให้มีความสุข
อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปี แต่เธอจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้น หลงรักตัวเองมากกว่าเดิม และเมื่อจุดสนใจคือตัวเราเป็นหลัก เราก็จะไม่มีเวลามานั่งห่วง หรือกังวลความคิดเห็นจากใครอีกเลยค่ะ
5. อยู่กับกลุ่มคนที่ 'ให้พลังบวก ให้กำลังใจ' กับเธอเสมอ

ในโลกนี้มีสองขั้วเสมอ แม้จะมีกลุ่มคน Toxic ที่พร้อมจะวิจารณ์ ปล่อยพลังลบออกมา ก็ยังมีกลุ่มคนที่รักเรา เป็นพลังบวกและคอยให้การสนับสนุนเราอยู่เสมอ เช่น ครอบครัว พี่น้อง แก๊งเพื่อนสนิท แม้คนที่ไม่สนิทกับที่บ้าน แต่เราเชื่อว่ามิตรภาพในโลกออนไลน์ หรือเพื่อนจากการไปลงเรียน อบรมคอร์สต่างๆ ข้างนอก ก็ต้องมีสักคนที่หวังดีกับเธอ
คนที่จะพูดแต่เรื่องดีๆ สอนให้เธอมีความมั่นใจ ไม่ต้องฟังเสียงนกเสียงกา ยิ่งเราใช้เวลากับพวกเขาเยอะเท่าไหร่ เราก็ยิ่งได้รับพลังความสุขยิ่งขึ้นเท่านั้น
พยายามหากลุ่มเพื่อนที่สนิทกันจริงๆ ซื่อสัตย์ จริงใจ กล้าบอกข้อเสีย ( ที่ไม่ใช่การด่า ) อย่างตรงๆ เป็นคนที่จะหันหน้าไปถามได้ว่า " ชุดนี้มันไม่ดีจริงๆ เหรอ / ผมทรงนี้มันแย่จริงๆ เหรอ ถ้าไม่มีอคติน่ะ? "
และเราสามารถเชื่อใจกับคำตอบของเขาได้ ถ้าเขาบอกว่า " ก็แค่ต่างจากคนอื่น แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไร " ก็คือจบ! มีแรงซัพพอร์ตที่ดี เราก็จะยิ่งมั่นใจในตัวเองค่ะ
6. เข้าใจความจริงว่า 'เราทำให้ทุกคนพอใจไม่ได้'

อันนี้คือสัจธรรมเลย จะเป็นเจ้าหญิง เป็นพระชั้นผู้ใหญ่ หรือได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพมาจากไหน ก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนบนโลกใบนี้พอใจได้หรอก!
แม้แต่พระพุทธเจ้ายังมีคนนินทาเลย นับประสาอะไรกับคนธรรมดาอย่างเรา เพราะมนุษย์ล้วนมีความคิด ความเห็นของตัวเอง ต่างคนก็ต่างพื้นเพ ระดับการศึกษา แนวคิดที่ถูกปลูกฝังแต่เกิด เพราะฉะนั้นไม่มีเรื่องไหนที่ความเห็นของทุกคนจะเป็นไปในทางเดียวกัน 100% อยู่แล้ว เรื่องปกติมาก
ต้องทำใจยอมรับว่า จะมีบางคนที่เหมือนเงาแค้น คอยตามจิกตามด่าเธออยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะทำดี เป็นนางฟ้ามาโปรดแค่ไหนก็ตาม คนจะเกลียดก็คือเกลียดอยู่ดี ในทางกลับกัน ก็จะมีกลุ่มคนที่พร้อมรักและให้กำลังใจเธอ แม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่ทำพลาด เขาก็จะไม่ซ้ำเติมและรักเธอตลอด เหมือนแฟนคลับกับแอนตี้ของดารานักร้องนั่นแหละค่ะ ( ที่จริงคนที่มีแต่คนรัก เราว่าน่ากลัวกว่าอีกนะ เพราะนั่นคือการครอบงำแล้ว )
ดังนั้นจงมีจุดยืนว่าเธอเป็นคนแบบนี้ และจะไม่เปลี่ยนตามความต้องการของใคร เลิกนอยด์และใช้ชีวิตให้แฮปปี้ดีกว่า
7. ชีวิตมันสั้น ใช้ซะ อย่ามัวกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง!

ข้อสุดท้าย สรุปกันสั้นๆ เลยละกันว่า ชีวิตมนุษย์มันสั้นค่ะ สั้นกว่าที่เราคิดเอาไว้มาก ค่าเฉลี่ยอาจจะอยู่ที่ 70-80 ปี หรืออายุยืนหน่อยก็อาจจะร้อยกว่าปี แต่แน่ใจได้ยังไงว่าจะอยู่ถึงตอนนั้น?แม้สุขภาพแข็งแรงดี ทั้งภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุก็จ่อคิวจะเล่นงานได้ถ้าโชคชะตาดลบันดาลขึ้นมา นึกภาพว่าเธอใช้ชีวิตตามคนอื่นมาตลอด คิดว่าจะได้ปลดปล่อยตัวเองตอนแก่ แต่ดันโดนรถชน เครนหล่นทับ เป็นผู้ป่วยติดเตียงตลอดชีวิต นอนร้องไห้ไปก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว น่าเศร้านะ!ไม่ต้องรอแก่ ไม่ต้องรอโตอะไรทั้งนั้น ถ้าไม่เดือดร้อน ไม่กระทบใคร ก็หันมาใช้ชีวิตที่อยากใช้ตั้งแต่วันนี้เลย เพราะ Life is too short เธอมีแค่ชีวิตเดียว ชาติหน้าจะมีไหมไม่รู้ แต่ตอนนี้เธอมีชีวิตที่เหลืออยู่ ก้าวออกมาจากกรอบที่อัดเธอจนหายใจไม่ออก แล้วบรรลุเป้าหมายของตัวเองดีกว่าไม่ว่าจะเป็นความฝันเล็กๆ หรือฝันระดับชาติ ก็ถือเป็นสิ่งที่มีค่าทั้งนั้น เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุข อาจจะมีเสียงวิจารณ์มาระหว่างทางบ้าง แต่ขอให้ยึดมั่นกับสิ่งที่ทำ จะสำเร็จหรือไม่ สุดท้ายย้อนกลับมามอง เธอจะภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุดเลยค่ะ ^ ^
--------------------------
อ่านจบถึงตรงนี้แล้ว สาวซิสทุกคนคงกระจ่างแล้วว่า เราเสียเวลากับการให้คนอื่นมาวิจารณ์ตัวเองมากพอแล้ว อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ!ท้ายที่สุดทุกคนก็ต้องรับผิดชอบกับชีวิตและการตัดสินใจของตัวเอง เรามีสิทธิ์ที่จะออกแบบชีวิตตัวเองยังไงก็ได้ ตราบใดที่ไม่กระทบหรือไปเดือดร้อนคนอื่น สิ่งหนึ่งที่หลายคนหลงลืมไป คือชีวิตก็เหมือนนาฬิกาทราย ทรายในขวดแก้วของทุกคนมีจำกัด ชีวิตมันสั้นกว่าที่คิด ไม่ได้มีเวลาเผื่อให้คนอื่นมาบงการนักหรอก!อยากให้ซิสทุกคนกระตุ้นความมั่นใจของตัวเอง กล้าที่จะแตกต่าง ทำอะไรนอกกรอบให้มากขึ้น กล้าที่จะมีเมื่อเราแฮปปี้จากภายใน การเรียนหรือการทำงานก็จะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วยสู้ๆ นะคะทุกคน หลุดออกมาจากกรอบสังคมให้ได้ เราเป็นกำลังใจให้เสมอ
( ´ ▽ ` ).。o♡
Cr. 7 Ways To Stop Worrying About What Others Think [thelawofattraction.com]
https://www.thelawofattraction.com/ways-stop-worrying-others-think/