รูปภาพ:https://media1.tenor.com/images/2222bf4e61a9c909705972dc2e1ad26a/tenor.gif?itemid=16461880

" โอ๊ยยย ไม่อยากไปทำงานเลย ( ว้อย!! ) "ใครมีเสียงในหัวแบบนี้ทุกเช้าที่ต้องตื่นไปทำงานบ้าง?? รู้แหละว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี มีงานประจำก็ต้องกอดแน่นๆ ไว้ก่อน แต่โอ้โหวว เจอสภาพแวดล้อมเครียดๆ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทุกวัน ย้ำว่าทุกวัน มันก็ไม่ไหวปะแกร!!เหมือนมีกลุ่มพลังงานสีดำมืดตื๊ดตื๋อวนเวียนอยู่ในออฟฟิศ ยิ่งทำไปนานๆ ยิ่งหน้าดำเหมือนโดนของ เสียสุขภาพจิต กลับบ้านนี่หัวยังมึนตึ้บ ปวดหัวอยู่เลย เหนื่อยเหมือนไปรบ โอย ขอดมยาดมแป๊บ -00-ม่แน่ใจแล้วว่าเกลียดเนื้องาน หรือเกลียด ' เพื่อนร่วมงาน ' กันแน่?ถ้าใครกำลังเจอสถานการณ์อย่างที่เราบรรยายมา ให้เดาไว้ก่อนเลยว่า เธอหลวมตัวเข้ามาอยู่ในบรรยากาศการทำงานที่ Toxic สุดๆ ซะแล้วล่ะ ยิ่งถ้าบริษัทเธอมีอัตรา Turnover ( การสมัครเข้า-ลาออก ) ของพนักงานค่อนข้างสูง เอาง่ายๆ คือคนออกเยอะ ออกบ่อย นั่นแหละชัดเลย!แต่ถ้ายังไม่แน่ใจตัวเอง ก็ลองเช็คซิว่า ในออฟฟิศของเธอมี' 7 สัญญาณชัดของออฟฟิศนรก 'อย่างในบทความนี้รึเปล่า ถ้ามีครบ เข้าข่ายหมดทุกข้อ เอิ่บ จะรออะไรล่ะคะ ยื่นซองขาวสิ ก่อนเงินเดือนจะหมดไปกับค่าจิตแพทย์หมด #หนีป๊ายยย!!

1. หัวหน้าหาเรื่องแกล้งตลอด ไม่รู้เกลียดกันมาแต่ชาติปางไหน

รูปภาพ:https://media1.tenor.com/images/5549632e2c918ac696591f69e1d3092d/tenor.gif?itemid=14726657

ไม่รู้หน้าไปเหมือนศัตรูคู่แค้นคนไหนในชีวิตเจ้านาย แต่รู้สึกถึงออร่าไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น! ตัวเธอเองไม่อะไรหรอก ก็ลูกน้องอะนะ ทำงานตามหน้าที่ไป แต่บอสคือจิกกัดไม่ปล่อยสุด

เวลาปกติไม่จบ ต้องไลน์มาสั่งงานตอนดึกๆ เสาร์อาทิตย์ก็ไม่เว้น ไม่เคารพเวลาส่วนตัวกันเลย คนเราก็มีเรื่องอื่นต้องทำไหม บางที notification เด้งตอนนั่งปลดทุกข์ในห้องน้ำ เฮ้ย เกินเรื่องไปเปล่า? ทำงานดีเสมอตัว งานพลาดแค่ปลายเศษนิ้วก้อย นางไลน์มาด่ารัวๆ จนแบตมือถือร้อนฉ่าเลยจ่ะ อะไรขนาดนั้นอะ

บางคนก็เจอในทางกลับกัน คือบอสไม่สนใจ เป็นคนที่เธอมองผ่านข้ามหัว มีงานดีๆ มาเมื่อไหร่ มีความมอบให้ลูกรักก่อนตลอด ได้ทั้งโอกาส ได้หน้า ได้คอนเนคชั่น ส่วนเธอก็นั่งหน้าแห้งต่อไป ทั้งที่ไม่เคยทำอะไรให้หัวหน้าไม่พอใจเลยสักนิด


พยายามทำงานเต็มที่ แต่ไอเดียที่ออกความเห็นไม่เคยได้ใช้ ปัดตกทุกครั้ง แต่งานยากๆ ที่เห็นสเกลงานแล้วอยากร้องไห้ นางโยนมาให้เธอคนแรกเลย เหมือนแกล้งอะ! ได้แต่กล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ถ้าได้ออกไปจากตรงนี้ จะกรวดน้ำคว่ำขันขออย่าให้ได้เจอกันอีกเลย สาธุ! เจอขนาดนี้สำหรับบางคน ก็พร้อมจะลาออกได้ง่ายๆ แล้วนะ -[]-

2. ตื่นมาตอนเช้าแล้วรู้สึกว่า 'ต้องไปทำงานอีกแล้วเหรอ (ฟะ)'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/0bfe86a3087e9ba4c68ded0a799973df.jpg

สังเกตตัวเองง่ายๆ ทุกเช้าที่แสงแดดแยงตา ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกมัวหมอง มีฟีลลิ่งงอแงไม่อยากไปทำงาน กว่าจะแงะตัวเองออกมาจากเตียงได้ เหมือนแกะดอกไม้เหี่ยวๆ ไม่มีเอเนอร์จี้ ไม่กระตือรือร้นในการทำงานใดๆ ทั้งสิ้น อาบน้ำแต่งตัวแบบขอไปที เดินทางไปทำงานแบบเบื่อๆ


ในใจก็ลุ้นตึกตักว่าแจ็กพอตอะไรจะลงไหม เพราะบอสกับเพื่อนร่วมงานเอาใจไม่ได้ บางทีอารมณ์เสียขึ้นมาก็งานเข้า ไม่เคยมีความสุขในการเปิดประตูออฟฟิศเข้าไปเลย นั่นแหละ สัญญาณชัดมากว่าที่ทำงานของเธอน่ะมันมีอะไรผิดปกติแล้วล่ะค่ะ!

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอออฟฟิศในฝันที่จะยิ้ม หัวเราะ พร้อมไปทำงานในทุกวัน และเราก็ต้องมีวันที่ไม่โอเคบ้าง แต่ไม่ใช่รู้สึกเหี่ยวเฉา ถูกสูบความสดใสไปหมด รู้สึกถึงพลังงานด้านลบในการไปทำงานตลอดเวลา


เหนื่อยกายยังพอว่า แต่เหนื่อยทั้งกายทั้งใจนี่ไม่ใช่แล้ว เตรียมเสิร์ชๆ หางานใหม่สำรองไว้บ้างก็ดีค่ะ ถ้าไม่อยากสุขภาพจิตถดถอยไปซะก่อน

3. ไม่เคยได้ทำงานสงบๆ เลย มีแต่เรื่องดราม่า การเมืองในออฟฟิศ!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/94de3d9db0ea7a09dd9dbd6921d8d034.jpg

วันนี้ไฟแรง อยากลุยกับเนื้องานให้เต็มที่ ข้อมูลพร้อม ไฟล์งานพร้อม ความรู้สึกสดใสดับวูบทันที เมื่อเดินเข้าไปเจอบรรยากาศกรุ่นๆ ในออฟฟิศ อ่อ ดราม่าอีกแล้วจ้า! ไม่รู้ทำไม ต้องมีการเมืองในที่ทำงานตลอด


แตะเด็กลูกท่านหลานเธอเมื่อไหร่ แผนกแตกแน่นอน มีแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งชนชั้นกันสุดๆ! ไม่นับปัญหายิบย่อย คนนั้นเกลียดคนนี้ คนนู้นแย่งแฟนคนนั้น วุ่นวายไปหมด ตอนทำงานไม่เห็นขยันแบบนี้เลยแฮะ!

" รู้ไหม xx แผนก A แอบคบกับหัวหน้าตัวเอง ได้เลื่อนขั้นไวชัวร์ ", "  xx ไม่ยอมไปกินข้าวกลางวันกับคนในแผนก เป็นคนแปลกๆ นะว่าไหม " ขนาดใส่หูฟังตัดเสียง ก็ยังมีเสียงนินทา ข่าวลือของเพื่อนร่วมงานช่างเม้าท์ลอดเข้ามา สรุปทำงานไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ เพราะมีเสียงรบกวนให้รำคาญใจ


ออฟฟิศที่ดีควรมีสภาพแวดล้อมที่เงียบๆ พร้อมใช้สมาธิ เพื่อนร่วมงานพูดจากันแต่เรื่องดีๆ และเคารพเรื่องส่วนตัวกันและกัน คิดง่ายๆ ว่าเขาลือเรื่องของคนอื่นได้ สักวันอาจจะถึงคิวของเธอเหมือนกัน ว่ากันตามตรง ถ้าสังคมเป็นแบบนี้ อย่าหวังจะไปเปลี่ยนคนขี้เม้าท์ให้หยุด เป็นไปได้ยากมาก! เราเปลี่ยนที่ทำงานยังจะง่ายกว่า

4. ก่อนทำงานที่นี่ เคยมีความสุขกว่านี้นะ ตอนนี้ทำไมเครียดตลอด!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/3de323aaa95f4e23eff02ce17f2161cd.jpg

ทำงานไปสักพัก สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษเริ่มส่งผลต่ออารมณ์ หน้าที่เคยยิ้ม เคยหัวเราะง่ายก็เริ่มบึ้งตึงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว หลายวันที่กลับบ้านมาแล้วไม่อยากคุยกับใคร เพราะเหนื่อยมากแม่!เมื่อก่อนฟังมุกตลก เห็นคลิปหมาคลิปแมวก็มีความสุขละ แต่ตอนนี้เห็นแล้วก็แค่ยิ้มแหะ ไม่อยากทำอะไรเลยนอกจากนอน บางทีก็กินแก้เครียดเพราะอยากหลุดพ้นจากชีวิตจริงบ้าง สักนิดก็ยังดี สรุปอารมณ์พัง รูปร่างก็พัง พังไปหมด จนเพื่อนมาเห็นคือทักเลยว่า" ตั้งแต่ทำงานที่นี่ ทำไมแกเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้วะ?? "บางทีเธอเองยังไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองเปลี่ยน แต่คนภายนอกอย่างครอบครัวและเพื่อนจะสังเกตเห็นก่อน ว่าเธอไม่แฮปปี้อย่างที่เคยเป็น จากคนมีออร่าสดใสกลายเป็นออร่าสีดำมืดทะมึน ในหัวมีแต่ความกังวล ไมเกรนจะขึ้นตลอดเวลาแทนที่งานจะขับเคลื่อนเราไปในทางที่ดีขึ้น ได้แรงบันดาลใจ ตื่นเต้นที่จะได้เติบโตในสายงาน ที่นี่กลับฉุดเธอให้ต่ำลง ก็คงชัดแล้วว่าออฟฟิศนี้ไม่เหมาะกับเธออีกต่อไป คิดทบทวนให้ดีว่ายังอยากอยู่ที่นี่ต่อไหม ถ้าไม่ก็.... #เขียนฟอร์มลาออก

5. ไม่เห็นอนาคตตัวเอง เมื่อไหร่จะก้าวหน้า ได้เลื่อนตำแหน่ง มืดมนมากๆ!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/5ec677d38184d7d36d3e1ca7af612c51.jpg

ข้อนี้ก็น่าจะเกี่ยวพันกับความมีเด็กฉัน เด็กเธอ มีความล็อบบี้ตำแหน่งสูงๆ ในที่ทำงานไว้แล้ว ไปออฟฟิศก็ทำงานเช้าชามเย็นชาม เฉื่อยไปเหอะ ขยันไปก็เท่านั้น ยังไงก็ไม่ได้เลื่อนขั้นอยู่ดี อนาคตมืดมนมาก ไม่รู้จะย่ำต๊อกอยู่ที่ตำแหน่งเดิมไปอีกกี่ปี มองไม่เห็นการเติบโตเลย

หัวหน้าก็ไม่สนใจ ไม่คิดจะคุย 1-1 ปรับความเข้าใจกับลูกน้อง ไม่ช่วยเพิ่มทักษะใหม่ๆ ให้ตัวเธอเก่งขึ้น บางคนอยู่ที่เดิมมา 3 ปี 5 ปี ก็ยังความสามารถเท่าเดิม  เพราะไม่มีโอกาสได้พัฒนา บางทีโดนสกัดขาอีก -_-

ลองหลับตานิ่งๆ นึกภาพอนาคตของเธอกับบริษัทนี้ว่า ' อีก 5 ปี เธอจะอยู่ในสถานะอะไรในออฟฟิศ ' ถ้าเห็นภาพเดิม อย่างเดิมเป๊ะ ไม่เห็นวี่แววของการได้โปรโมท ทำดีแทบตายสุดท้ายแพ้เด็กนายก็พอเถอะแพ็คของ แล้วออกเดินทางสู่บริษัทที่แนวคิดดีกว่านี้จะดีกว่า ยิ่งยุคนี้เราสามารถโตได้ไวโดยไม่ต้องมีปัจจัยเรื่องอายุแล้ว ยิ่งปล่อยตัวเองอยู่ที่แย่ๆ เราก็ยิ่งเสียเวลาในการเรียนรู้สิ่งใหม่โดยใช่เหตุค่ะ

6. ตั้งใจทำงาน เสนอความเห็นในที่ประชุมเท่าไหร่ ก็ถูกเมินเป็นอากาศธาตุ!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/94e065f0a5d17b012c7782ba28032eea.jpg

ตอนเพิ่งทำงานในออฟฟิศ รับบทเด็กใหม่ไฟแรงเฟ่อ พยายามเสนอไอเดีย ออกความคิดเห็นในที่ประชุมทั้งสเกลเล็กในแผนก หรือประชุมใหญ่ทั้งบริษัท แต่ ไม่มีเพาเวอร์มากพอ ก็โดนกลืน โดนลืม ยกมือเท่าไหร่ก็ไม่โดนเรียก


โชคดีได้พูด คนในห้องประชุมก็ไม่ตั้งใจฟัง สุดท้ายไอเดียก็โดนโยนทิ้งลงถังขยะ จนสุดท้ายก็เกิดภาวะ burnout หมดไฟ นั่งเบื่อในห้องประชุมจนกว่าจะหมดเวลา ก็ไม่มีใครเห็นอะ จะพยายามไปทำไม

ปัญหาเหล่านี้มักเจอกับบริษัทแถบเอเชียที่ยังยึดติดกับชนชั้นวรรณะ ยังยึดติดกับอายุ รุ่นพี่รุ่นน้องอยู่ ออฟฟิศที่ทัศนคติดี ควรเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นเพราะไอเดียดีๆ หลายแห่งมักเกิดจากคนตัวเล็ก ไม่ใช่แค่คนอายุเยอะหรือตำแหน่งสูงเพียงเท่านั้น ถ้าดวงซวย เจอบริษัทที่กีดกันทางความคิด บอกเลยว่าอุปสรรคเยอะแน่นอน ต้องฟาดฟันกับระบบอาวุโสสุดๆ ถ้าไม่พร้อมจะเสียพลังงานตรงนั้น ก็ออกมาหาบริษัทที่มีแนวคิดแบบทุกคนเท่ากันดีกว่าค่ะ

7. ตั้งกฎในออฟฟิศไว้ แต่ไม่เคยใช้ได้จริง คนมีอำนาจกว่า 'ถูกเสมอ'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/5053159159ec2113738a8fb9b0b32c88.jpg

ความเลวร้ายที่สุดในการทำงานคือมี ' กฎตามใจเจ้าของบริษัท ' นี่ล่ะค่ะ! คือเหมือนมีร่างกฎ ข้อควรปฏิบัติในที่ทำงานไว้กันคนด่าเฉยๆ แต่ที่จริงเละเทะมาก ปล่อยเบลอสุด

ถ้าอยู่ถูกฝั่งจะมาสาย งานแย่ ทำของส่วนรวมพัง เลอะ สกปรกยังไงก็ได้ กฎข้อเดียวกัน บังคับใช้กับพนักงานได้ไม่เท่ากัน ก็คือไม่ยุติธรรมน่ะแหละ ซึ่งหากออฟฟิศใครเป็นแบบนี้ รับรองดราม่าตามมาแน่นอน ไม่ดราม่ายังไงไหว ก็มันไม่แฟร์!!

จะเป็นลูกน้องตำแหน่งเล็กสุด หรือผู้อำนวยการ บริษัทที่ดีต้องบังคับใช้กฎอย่างเท่าเทียมกัน เช่น มาสายก็ต้องตัดเงินเดือน, ทำผิดกฎบริษัท แอบเผยแพร่ข้อมูลทางการค้าให้คู่แข่งก็ต้องภาคทัณฑ์ ไล่ออก จะมายกเว้นเพราะสนิทกับลูกหลานเจ้าของ หรือเสน่หาส่วนตัวไม่ได้


ถ้ามีความเท่าเทียม ไม่มีใครมีปัญหาหรอกค่ะ แต่ถ้าเกิดเคสคนนี้รอด คนนั้นโดนไล่ออก ทั้งที่ทำความผิดเท่ากัน อันนี้ไม่โอละ เอาตัวเองออกจากสภาพแวดล้อมนี้ดีกว่า ก่อนที่เธอจะโดนความอยุติธรรมนี้เล่นงานเข้าสักวัน!

รูปภาพ:https://soranews24.com/wp-content/uploads/sites/3/2016/04/hypertop.gif

------------------------------

ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ และออฟฟิศที่ทำงานอยู่มีสัญญาณเหล่านี้ทุกข้อ ก่อนอื่นขอปรบมือให้ดังๆ เลยที่ทนมาได้นานสุดๆ แต่ถ้าไม่อยากสุขภาพจิตพัง ( กว่านี้ ) เธอต้องรีบปรับสภาพแวดล้อมด่วน!!! ถ้ายังไม่ถึงขั้นต้องลาออก เพราะงานนี้เงินเดือนเยอะ เดินทางง่าย สมัครเข้ายากอะไรก็ตามแต่ ก็ต้องเปิดใจคุยกับหัวหน้าอย่างจริงจัง ทำรายงานเสนอว่าปัญหาคืออะไร จะมีทางออกอะไรให้บ้าง เจอกันครึ่งทางได้ไหม คุยปรึกษากับครอบครัวและเพื่อนๆ แต่ถ้าดูท่าแล้ว สังคมที่ทำงานนี้คนละแนวกับเรา ยิ่งเราพยายามแก้มันยิ่งยุ่งเหยิงกว่าเดิมแถมโดนเหม็น ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทนอยู่ต่อไปค่ะ

บางทีการยื่นใบลาออก ก้าวออกจาก Comfort Zone ไปหาโอกาสงานใหม่ๆ แม้จะเงินน้อยลงบ้าง แต่สุขภาพจิตอาจดีขึ้นแบบก้าวกระโดดก็ได้ ประเทศนี้ไม่ได้มีแค่ที่ทำงานเดียว ยังมีสังคมดีๆ ที่เห็นเราเป็นเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่ทาสให้โขกสับอีกเยอะ! หลุดออกมาจากวงจรนี้ให้ได้นะคะ ถ้าเขาไม่ลงให้ ก็ต้องเป็นเราที่ถอย สุดท้ายอย่าลืมเลือกทางที่ตัวเองมีความสุขนะ งานก็ปวดหัวพอแล้วเนอะ เป็นกำลังใจให้สาวๆ วัยทำงานทุกคนค่ะ ( ´ ▽ ` ).。o♡