1. SistaCafe
  2. #เลิกเสียเวลากับคนนี้เถอะ! 8 สัญญาณชี้ชัดว่าเธอ 'คลั่งรักอยู่ฝ่ายเดียว' ยิ่งคบนาน ยิ่งเสียความรู้สึก ;w;

ฮัลโหลค่าา สาวๆSistaCafeคนคลั่งรักทั้งหลาย!!ตอนมีแฟนแรกๆ ทุกอย่างก็ดูดีไปหมด มองอะไรก็เป็นสีชมพู ผู้ชายเอาอกเอาใจเราดี โทรหา รายงานตัวทุกวัน ลากเราออกไปเที่ยวตลอด วันสำคัญต้องมีของขวัญหรือทำอะไรเวอร์ๆ ให้ รูปคู่มีเป็นพันรูปจนอัพลงโซเชียลไม่หวาดไม่ไหว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรักของเราน่ะยังเหมือนเดิม แถมยังผูกพันเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ แต่รู้สึกได้ว่าอีกฝ่าย ' เริ่มเปลี่ยนไป 'ดูเขาไม่อินกับการคบกันแล้ว ถึงไม่ได้บอกเลิกเป็นเรื่องเป็นราว คนคุยกันทุกวันก็รู้ว่าเขาค่อยๆ ถอยห่าง ในใจก็แอบหลอกตัวเองว่า เอ้ย เราคิดไปเองหรือเปล่า คบกันนานแล้วรักจะจืดบ้างก็ไม่แปลกนี่นา แต่ถามว่าตอนนี้เจ็บมั้ย บอกเลยว่าเจ็บมากแม่! YY_YYความรักคือความรู้สึกที่ตรงกัน หรืออยู่ในระดับที่เท่ากันระหว่างคนสองคนค่ะ ถ้าฝ่ายเธอเริ่มรู้สึก ' เอ๊ะ ' แสดงว่ารักที่เขาส่งให้มันน้อยลงมากจนเธอสังเกตได้แล้ว และถ้ามันเริ่มที่จะลดแล้ว มันจะมีแต่ขาลง ไม่มีขาขึ้นอีกต่อไป ทนเจ็บต่อไปสุดท้ายเขาก็ทิ้งเธออยู่ดี แค่ตอนไหนเท่านั้นเอง!ลองเช็ค' 8 สัญญาณชี้ชัดว่าเธอรักเขาอยู่ฝ่ายเดียว 'ว่าตรงกับสถานการณ์ของคู่เธอในตอนนี้ไหม ถ้าใช่ ก็รีบตัดจบแล้วมูฟออนโดยไวจะดีกว่า เจ็บแต่จบ ไปค่ะ


1. แฟนชินกับนิสัยเดิมๆ และไม่ได้อยากปรับตัว แม้เธอจะไม่ชอบก็ตาม

มนุษย์ทุกคนจะมีนิสัยแปลกๆ ที่ติดตัวกันมาก่อนคบอยู่แล้ว ก็ต้องมาปรับตอนมีแฟน อันนี้เข้าใจได้ แต่ผู้ชายบางคนก็เข้าข่ายเห็นแก่ตัว คือเคยชินกับนิสัยเดิมๆ พฤติกรรมเดิมๆ ที่ทำตอนโสด ซึ่งพอมีแฟนแล้วการกระทำนั้นส่งผลเสียกับเธอ


ตอนคบแรกๆ ก็ยังพอมองข้ามได้หรอก แต่นานไปชักไม่โอเค คุยเปิดใจ ก็โวยวายหาว่าเธอไม่รักที่เขาเป็นเขา เขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ เปลี่ยนไม่ได้หรอก เอ้า สรุปเป็นฝ่ายผิดซะงั้น ส่วนเขาก็ยังทำเรื่องเดิมที่เธอไม่ชอบไปเรื่อยๆ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ปรับให้ เออ น่าเจ็บใจมั้ยล่ะ



การที่บอกแล้วว่า ' เธอไม่ชอบ ' และเขาก็ยังทำต่อ มันก็แสดงชัดแล้วว่าเขาไม่ได้แคร์เธอเท่ากับตัวเอง อาจจะรักเธออยู่บ้างแหละ แต่ไม่เท่ากับที่เขารักตัวเอง เก็ทมั้ย เขาเห็นว่าเธอรับได้ตอนแรก ก็คือรับได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน

ถ้าสาวๆ ประชดด้วยการทำนิสัยแปลกๆ ของตัวเองกลับ ก็รังแต่จะทะเลาะกันเพิ่มรอยร้าวขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันผิดตั้งแต่เขาไม่ปรับเพื่อแฟนแล้ว ถ้าแต่งงานมีลูกกันไปจะไม่แย่กว่านี้เหรอ ลองถามตัวเองดีๆ ค่ะ



2. เขาไม่สนใจจะออกไปเที่ยวกับเธอเลย จะไปไหน ต้องแพลนทริปเองตลอด

ตอนคบใหม่ๆ ช่วงโปรโมชั่นแหละ จองตั๋วไปทริปเที่ยวนั่นนี่ตลอด ฟีลฮันนีมูนสุด ปัจจุบันเฉื่อยมากจ้า ไม่สนใจจะออกไปไหนกับเธออีกเลย มีโอกาสก็ปลีกตัวไปเที่ยวคนเดียวตลอด เผลอๆ ไปไม่บอกด้วย รู้ตัวอีกทีอยู่ต่างจังหวัด / ต่างประเทศแล้ว


หรือเอาแค่พาออกไปกินข้าวที่ห้าง ไปเดทในตัวเมืองเนี่ย ก็ยังอิดออดบอกขี้เกียจ ถ้าเธออยากไปไหน ' เป็นคู่ ' ต้องแพลนทริปเอง ' คนเดียว ' จนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ซึ่งบางทีมันก็เหนื่อยนะ เหนื่อยมากด้วย!



คู่ชีวิตคือการที่คนสองคนแบ่งเบาภาระ ช่วยแชร์ทุกข์สุข แชร์ความเห็นกันในเรื่องใดๆ ก็ตามที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะปรึกษาปัญหาชีวิต หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ อย่างการไปเดท

ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปฏิเสธ ไม่ให้ความร่วมมือ นอนกินแรงอีกฝ่ายอย่างเดียว แบบนั้นก็น่าคิดนะว่า ที่ลากแฟนไปเที่ยวทุกวันนี้ มีแค่เธอฝ่ายเดียวหรือเปล่าที่ยังรักอยู่?



3. ไม่สนใจจะรู้จัก 'คนสำคัญ' ในวงสังคมของเธอ และไม่พาเธอไปพบใครเช่นกัน

เอ้า คนเราก็มีพ่อมีแม่อะเนอะ! เธอก็มีผู้ปกครอง มีเพื่อนสนิท รุ่นพี่รุ่นน้องในมหาลัยที่สนิทและนับถือกัน ซึ่งถ้าอยากจะมาดองเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ ก็ควรจะมาให้เห็นหน้าค่าตากันบ้าง จะได้รู้จักวงสังคมกันไว้ ยิ่งครอบครัวแล้วยิ่งต้องสนิทเพราะจะมาขอลูกสาวเขา


แต่เขามาแค่ช่วงจีบใหม่ๆ หนเดียวแล้วหายไปเลย อ้างว่าไม่พร้อมเจอ ( เผลอๆ บางคนอาจไม่เคยมาเลยด้วยซ้ำ ) พ่อแม่ต้องถามหาบ่อยๆ ว่า " แฟนหนูไปไหน ยังคบกันอยู่หรือเปล่า " อายจะแย่แต่ไม่รู้จะทำยังไง  #ก็เขาไม่ยอมมาไงพ่อ T__T



วงสังคมเขาเองก็เช่นกัน! คบกันมาก็สักพักแล้ว ก็ยังไม่เคยเจอครอบครัวของอีกฝ่ายเลย หรือไปให้เห็นหน้าแวบๆ แค่รอบสองรอบ พออยากรับบทลูกสะใภ้ที่ดี อยากไปเยี่ยมก็โดนแฟนสวนมาว่า " ไม่ต้องไปหรอก ไม่จำเป็น จะไปให้ยุ่งยากทำไม "

เพื่อนสนิทในแก๊งเขาก็ไม่รู้จัก หรือไม่สนิทพอจะคุยได้สักคน นั่นแหละค่ะสัญญาณว่าเขาไม่ได้รักเธอจริงจัง ไม่ได้อยากรักษาความสัมพันธ์ในระยะยาว แล้วจะรออะไรล่ะคะ รีบเผ่นเถอะ!!!



4. อยากได้อะไรต้อง 'เอ่ยปากขอ' ทุกครั้ง ทั้งที่บางอย่างเป็นเรื่อง common sense

จากที่เมื่อก่อนมีอะไรก็เสิร์ฟให้ทุกอย่าง บริการดูแลประดุจเราเป็นเจ้าหญิง ตอนนี้เรื่องง่ายๆ ก็ต้องขอ ทั้งที่บางเรื่องเป็น common sense ที่ควรทำให้แฟนอยู่แล้ว เช่นจะกินข้าว เขาก็รินน้ำแต่แก้วตัวเองจนเธอต้องบอกว่า " รินให้เราหน่อยได้มั้ย ",

วันสำคัญไม่มีแม้แต่คำบอกรัก ไม่ต้องพูดถึงของขวัญ จนเธอต้องเอ่ยปากขอดอกไม้หรือช็อกโกแลตสักกล่อง, ไปไหนทำอะไรไม่เคยบอก เหมือนเธอไม่มีตัวตน จนเธอต้องบอกให้โทรหาบ้าง ทุกอย่างมันคือสิ่งที่แฟนควรทำ ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องบอกเลย ชัดเจนมากว่ารักครั้งนี้กำลังส่อแววว่าจะไปไม่รอด!



เอาแค่เรื่องง่ายๆ อย่างทักมาสวัสดีตอนเช้า หรือฝันดีก่อนนอน ถ้าคนยังรักกันอยู่ยังไงเขาก็ต้องทักมา ถึงไม่ใช่สองคำนี้ก็ต้องทักมาระหว่างวันบ้าง ไม่ใช่เงียบหายไปเลย


ระหว่างคบกันบางทีก็ไม่ได้สังเกตหรอกว่า เขาเริ่มทักเราน้อยลงเรื่อยๆ วันนึงเขาไม่ทำสิ่งน่ารักๆ เหล่านั้นกับเราอีกแล้ว ก็แปลได้ตรงตัวว่าเขาเริ่ม ' หมดรัก ' เราแล้วนั่นเองค่ะ



5. หมดเสน่หา ไม่สนใจจะสัมผัส จับมือ กอด จุ๊บ กับเธออีกต่อไป

เรื่องนี้เรียกได้ว่าสำคัญมากในชีวิตคู่! คนเราถ้ายังมีความรักต่อกัน อยู่ด้วยกันก็ต้องมีการอ้อน จับมือ กอด หอมแก้ม จุ๊บ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบนเตียงอะไรเลยนะ ถ้ายังมีเสน่หาต่อกันอยู่ เขาจะต้องอยากอยู่ใกล้ๆ อยากสัมผัสเธอบ้างไม่มากก็น้อย

ไม่ใช่เดินห่างกันเป็นโยชน์ เธออยากสวีทโรแมนติกดึงมือไปจับก็สะบัดหนี จนซิสต้องเอามือไปทัดหูแก้เก้อ โห หน้าแตกจนไม่รู้จะเก็บเศษหน้าไปไว้ไหนเลย....



คิดง่ายๆ ในมุมของซิสเลย ถ้าเธอไม่ได้ชอบหรือสนใจใคร เธอก็จะอยากรักษาระยะห่าง ไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่งมาก ไม่ไปสัมผัสตัวถ้าไม่จำเป็นถูกไหม


ถ้าแฟนทำกิริยาแบบเดียวกันนี้กับเธอ ก็คงคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ว่า เขาก็มองเธอในมุมแบบนั้นแหละ ก็คือไม่ได้มองแบบคนรักอีกต่อไปแล้วค่ะ



6. มองว่าที่เธอเอาใจคือ 'หน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ว' ไม่เอ่ยคำหวาน ไม่ขอบคุณสักคำ

เป็นแฟนกันอยู่ดีๆ ก็โดนลดบทบาทไปเป็นคนรับใช้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้! จากที่เมื่อก่อนแค่ทำอะไรให้เล็กน้อยสุดๆ หยิบของให้ รินน้ำให้ ให้ของขวัญเป็นการ์ดใบเดียว ก็ขอบคุณ บอกรักกันจะเป็นจะตาย ตอนนี้หน้าเชิดเลยจ่ะ


หน้าเมินเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนกับเออ ก็เป็นหน้าที่ที่เธอต้องทำให้ฉันอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นต้องพูดอะไรเลย เผลอๆ มีเหน็บถ้าทำไม่ถูกใจด้วยอีกแน่ะ



ความรักจะยังประคับประคองไปได้ สองฝ่ายต้องเห็นใจกันและกัน มอบคำให้กำลังใจและบอกรักกันเสมอ ถึงจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คำว่า " เรารักเธอ ", " ขอบคุณเธอมากนะ ", " วันนี้เหนื่อยมั้ย กินข้าวหรือยัง "


ล้วนเป็นเหมือนน้ำชโลมจิตใจในวันที่อีกฝ่ายท้อ ให้พร้อมฝ่าฟันอุปสรรคต่อไป และยังต่อความรักไปเรื่อยๆ แบบไม่มีวันหมดอายุ ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายนึงหยุดพูดเมื่อไหร่ รักครั้งนี้ก็เตรียมนับวันถอยหลังได้เลย



7. ยิ่งคบยิ่งลายออก นิสัยแย่ลงเรื่อยๆ โดยไม่สนว่าเธอจะรู้สึกยังไง

จากข้อแรกที่บอกว่ามีนิสัยแปลกๆ อันนั้นอาจจะหมายถึงเรื่องเล็กน้อย แต่ทำบ่อยแล้วมันรำคาญใจ เช่น กินมูมมาม แคะขี้ฟัน พูดเสียงดังโหวกเหวก สกปรก ไม่อาบน้ำ เป็นต้น แต่ข้อนี้เป็นนิสัยที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นไปอีก

เช่น ขี้ขโมยของ เล่นยาเสพติด ดื่มเหล้าหนัก สูบบุหรี่จัด ใช้เงินเกินตัวจนเป็นหนี้ ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง เรียกง่ายๆ ก็ไม่สนใจว่าเธอจะคิดยังไงนั่นแหละ ก็จะทำ จะทำไม มันติดเป็นสัน...เอ๊ย! นิสัยไปแล้ว



ถ้าคนเรารักกันจริง แม้จะเคยมีอดีตที่ไม่ค่อยดีมาก่อน เขาจะยอมเปลี่ยนหรือปรับเพื่อเธอ หลายคู่ที่ผู้ชายยอมหักดิบเลิกบุหรี่ เลิกเหล้าเพราะแฟนไม่ชอบ หรือกลัวลูกสุขภาพไม่ดี ผู้ชายที่เคยฟุ่มเฟือย หลายคนก็เปลี่ยนนิสัยเป็นคนงกทันทีเพราะจะเก็บเงินแต่งงานสร้างครอบครั

หากแฟนของเธอไม่เป็นแบบนั้น มีสองทางคือหนึ่ง เขาเกินเยียวยาแล้ว และสอง เธออาจไม่ใช่ ' คนที่ใช่มากพอ ' ที่เขาจะยอมเปลี่ยนตัวเองให้ค่ะ ไม่ว่าจะทางไหนก็ไม่ควรที่ซิสจะทนต่อแล้ว ออกมาด่วน



8. เป้าหมายในอนาคตของเธอกับเขา หันเหกันไปคนละทาง

เรื่องนี้จะเรียกว่าสำคัญที่สุดก็คงได้! คนสองคนที่ต่างที่มา ต่างพื้นเพ จะมาอยู่ร่วมกันไปอีกหลายสิบปี นอกจากความรักที่มีให้กันก็ต้องมี ' เป้าหมายที่มองตรงกัน ' ด้วย เพื่อจับมือเดินกันไปอย่างมั่นคง ไม่ทะเลาะกันจนแตกหักระหว่างทางเช่น เขาอยากจัดงานแต่งไหม จะจดทะเบียนไหม, เขาอยากมีลูกไหม, เขาอยากอยู่บ้านหรือคอนโด, เขาอยากใช้ชีวิตในเมือง ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ, เขาอยากซื้อบ้านซื้อรถไหม ทุกอย่างมีผลต่อการใช้ชีวิตในอนาคตของเธอทั้งหมดค่ะนึกภาพว่า เธออยากอยู่กันสองคนตายาย แต่เขาอยากมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ, เธออยากอยู่คอนโดเพราะสะดวกดูแลง่าย แต่เขาอยากมีบ้านพื้นที่กว้างๆ, เธอไม่ชอบน้องหมา แต่แฟนยืนยันจะเลี้ยง, เขาอยากไปตั้งรกรากต่างประเทศ แต่เธอห่วงครอบครัวที่ไทย แค่นี้ก็พอจะมองเห็นการทะเลาะกันในภายภาคหน้าแล้วสาวๆ บางคนตัดปัญหาด้วยการยอมตามความต้องการของแฟนทุกอย่าง โดยไม่รู้ตัวว่านั่นคือความเครียดสะสมที่รอวันระเบิด!คุยกันดีกว่าว่าจะปรับกันครึ่งทางได้หรือไม่ ถ้าสุดท้ายมีเป้าหมายชีวิตต่างกันสุดกู่ไปคนละทางจริงๆ บางทีการเลิกราตั้งแต่ตอนนี้ อาจจะดีกว่าฝืนคบแล้วสุดท้ายก็ต้องจบแบบมองหน้ากันไม่ติดนะคะ



---------------------------------------


ทุ่มเทให้ความรักน่ะมันก็ดี แต่ก็ต้องใช้ให้ถูกคนด้วยเด้อ! ผู้หญิงหลายคนเลือกที่จะทนและจำยอมอยู่ใน Toxic Relationship เป็นเบี้ยล่างโดนแฟนกดขี่เพราะไม่อยากเสียเขาไป คบกันมานานแล้วไม่อยากเริ่มกับคนใหม่ ไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะเจอคนที่ดีกว่านี้ ซึ่งฝั่งผู้ชายบางคนที่ยังคบอยู่ก็หมดรักเธอไปนานแล้ว แต่อยู่เพราะผลประโยชน์จึงไม่เลิก แย่สุด!สาวๆ ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง และไม่มีใครสมควรจะอยู่ในความสัมพันธ์ที่แย่ ถูกหลอกใช้ หรือมองเป็นของตายไม่ให้ค่าความสำคัญค่ะ



จำไว้นะคะ" ถ้าที่ไหนไม่ใช่ที่ของเรา ก็แค่เดินออกมา "ครั้งนึงเธออาจเป็นคู่ที่รักกันมาก แต่ถ้าตอนนี้ไม่ใช่ คุยปรับความเข้าใจแค่ไหนก็ไม่เปลี่ยน ก็ต้องยอมรับว่ามนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงได้ เราควบคุมจิตใจคนอื่นไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือถอยออกมา และรักตัวเอง ให้โอกาสตัวเองกับรักครั้งใหม่อีกครั้งเท่านั้นเอง แม้การบอกเลิกต้องใช้ความกล้ามหาศาล แต่สุดท้ายได้บอกแล้วจะโล่งมาก เหมือนยกภูเขาออกจากอก ชีวิตเธอจะได้เดินไปข้างหน้าเสียที เราเป็นกำลังใจให้สาวๆ ทุกคนนะคะ  o( ❛ᴗ❛ )o



เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้