รูปภาพ:https://www.beauticate.com/wp-content/uploads/2014/01/Margaret-2.gif

สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeคนน่ารักที่อยากผิวใสทุกคน!' เครื่องสำอาง 'ถือเป็นของคู่กับผู้หญิงสายบิวตี้อย่างเรามายาวนาน เป็นทั้งสิ่งที่ช่วยเพิ่มบุคลิก ความสวยและความมั่นใจ ช่วยปรับองค์ประกอบบนใบหน้าของเราให้ดูดีขึ้น ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขแต่จะแต่งหน้าให้สวยขั้นสุดได้ ผิวก็ต้องสวยสุขภาพดีจากภายในก่อน หากปล่อยให้หน้ามีสิว จุดด่างดำเพียบ ริ้วรอยถามหา ถึงแต่งหน้าก็อาจดูหมองๆ ดูดรอปอยู่ดี ขั้นตอนการ' ล้างเมคอัพให้สะอาดหลังแต่งหน้ามาทั้งวัน' ก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เป็นอันขาดค่ะ!สาวๆ บางคนคิดผิดๆ ว่า เหนื่อยมากก็นอนไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยเช็ดออก ไม่เป็นไรหรอก หรือใช้โฟมล้างหน้าอะไรก็ได้ให้สีเลือนหายไปจากหน้าก็เพียงพอแล้ว ซึ่งนำมาสู่ปัญหาผิวมากมายในอนาคต! ถ้าอยากสุขภาพผิวเฮลตี้ ริ้วรอยไม่มาเยือนง่ายๆ การทำความสะอาดเมคอัพมีดีเทลมากกว่านั้นเยอะ แน่นอนว่าคลีนเซอร์ตัวเดียวเอาไม่อยู่!แต่จะต้องทำอะไรบ้างนั้น เชิญสาวๆ มาอ่าน' 7 ทริคล้างเครื่องสำอางให้สะอาดหมดจดก่อนเข้านอน แบบมือโปร 'กันเลยดีกว่า ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของคนผิวสวยค่ะ //ผายมือ ( ´ ∀ `)ノ~ ♡

1. วาง 'แผ่นเช็ดเมคอัพ (Makeup Wipes)' ไว้ที่หัวเตียงเสมอ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/794d9e3dda74ced1110194ff02d5ba38.jpg

ต้องบอกว่า ข้อนี้ไม่เชิงว่าจะทำความสะอาดผิวได้ดีขนาดนั้น แต่ก็เป็นวิธีฉุกเฉินในวันที่กลับดึก เหนื่อยมากจริงๆ ไม่มีเวลาเช็ดเครื่องสำอางหลายขั้นตอน สาวๆ ทุกคนควรเตรียม ' กระดาษเช็ดเครื่องสำอาง ( makeup wipes ) ' ซองเล็กๆ แบบพกพาติดไว้ที่หัวเตียง

ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา สละเวลาสัก 1-2 นาทีแกะซองแล้วใช้กระดาษปาดๆ ถูๆ ผิวหน้าสองสามรอบค่อยนอนก็ยังดี อย่าปล่อยให้คราบเครื่องสำอางติดบนหน้าไปจนถึงเช้า เชื้อโรคทั้งนั้น แค่คิดก็สยองแล้ว!

ไม่ว่าเธอมีสภาพผิวแบบไหน ก็ควรใช้สูตรที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ป้องกันผิวแห้งกร้านซึ่งจะทำให้แต่งหน้าติดได้ยากขึ้น! แต่ขอให้ใช้วิธีนี้ในวันที่แต่งหน้าไม่เข้มมากเท่านั้น หากแต่งตากับปากจัดเต็ม makeup wipes เอาออกไม่หมดแน่นอน

ยอมเสียเวลาใช้คลีนซิ่งออยล์กับรีมูฟเวอร์เพิ่มหน่อยจะดีกว่า เพื่อถนอมผิวช่วงเปลือกตากับริมฝีปากให้ไร้สารเคมีตกค้างนะคะ

2. ไม่อยากเช็ดซ้ำหลายรอบ เลือกใช้รีมูฟเวอร์สูตร 'ไมเซลลาร์' ปาดเดียวเกลี้ยง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/2ecb07c8b064eaf823a95847de02bae8.jpg

ต้องขอบคุณยุคนี้ที่มีคลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอางสูตร ' ไมเซลลาร์ ' ที่มีอนุภาคเล็ก ดูดจับทั้งน้ำมันและสิ่งสกปรกได้ประดุลแม่เหล็ก เช็ดไม่กี่ทีหน้าก็สะอาดใส ต่างกับคลีนซิ่งสูตรทั่วไปที่ต้องเช็ดย้ำหลายรอบ ถูจนแสบระคายเคืองหน้าไปหมด


อีกทั้งไมเซลลาร์ยังช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นอีกด้วย จึงถือเป็นไอเทมที่ควรลงทุนหากเป็นคนแต่งหน้าบ่อยมากๆ ค่ะ!

เพียงเหยาะคลีนซิ่งใส่สำลี แล้วปาดให้ทั่วผิวหน้า ( ปกติเช็ดแบบลงน้ำหนักมือหน่อย รอบเดียวก็ออกหมดแล้ว แต่เพื่อความแน่ใจจะย้ำอีก 1-2 รอบก็ได้ค่ะ )

โดยไม่จำเป็นต้องถูผิวเอี๊ยดๆ หรือต้องล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกรอบ นอกจาก makeup wipes แล้ว ก็มีสิ่งนี้แหละที่เหมาะกับคนง่วงแต่ไม่อยากเสียเวลาล้างหน้า เหยาะ ปาดเดียวเกลี้ยง หลับสบายใจ ไม่ต้องกลัวสิวขึ้นตอนเช้า!

3. ในวันแต่งหน้าเข้ม ควรใช้ 'คลีนซิ่งออยล์' จะถนอมผิวหน้ากว่า

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/f9fe87f9a2d210d77b837e1a1d475faf.jpg

ในวันที่แต่งหน้าจัดเต็ม เปลือกตาระยิบระยับด้วยกลิตเตอร์และร่องรอยของอายไลเนอร์และมาสคาร่า ปากเคลือบด้วยลิปแมทหรือทิ้นท์ที่กินข้าว จุ๊บยังไงก็ไม่หลุด

อย่าไปฝากความหวังที่ makeup wipes เพราะเช็ดให้เกลี้ยงได้ยากมาก จะใช้ไมเซลลาร์ก็ต้องใช้สำลีถูค่อนข้างแรง ระยะยาวตากับปากจะเหี่ยวก่อนวัยได้ เราจึงแนะนำให้สาวๆ ใช้ ' คลีนซิ่งออยล์ ' แทนจะดีกว่า โดยเฉพาะสาวผิวแห้งที่เกิดริ้วรอยได้ง่ายค่ะ

เพียงเทใส่อุ้งมือ 2-3 หยด วอร์มเนื้อออยล์ให้อุ่นๆ แล้วนวดที่ดวงตากับปาก เมคอัพที่โฆษณาว่าติดทน 24 ชั่วโมงแค่ไหนก็จะหลุดออกมาอย่างง่ายดาย การใช้ออยล์ยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นไม่แห้งตึงได้ดีกว่าคลีนซิ่งประเภทอื่นๆ


ไม่ทำให้ผิวระคายเคืองหรือแสบเป็นแผล อ่อนโยนกับดวงตา ( แม้บางยี่ห้ออาจมีเอฟเฟกต์ตามัวๆ หลังล้างสักพัก แต่มันดีกับผิวตามากกว่าชุบสำลีเช็ดแน่นอน ) เมื่อนวดออยล์เสร็จแล้ว ก็ใช้โฟมล้างหน้าอีกทีเพื่อกำจัดน้ำมันส่วนเกินบนผิวหน้านะคะ

4. ใช้ 'โทนเนอร์' เติมความชุ่มชื้นให้ผิวหลังล้างหน้าทุกครั้ง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/d492b6f858c88f40a6c4d9a35ab45eb1.jpg

แม้คลีนซิ่งจะใส่ส่วนผสมที่บำรุงผิวมากแค่ไหน แต่เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดก็ยังมีความรู้สึกแห้งตึงได้อยู่ดี

จึงควรเติมมอยส์เจอไรเซอร์ให้ผิวหลังล้างหน้าเสร็จด้วย ' โทนเนอร์ ' เพื่อเช็ดสิ่งสกปรกที่อาจหลงเหลืออยู่ ล็อคความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมรับครีมบำรุง เซรั่ม เอสเซนส์ในขั้นตอนต่อไปอีกด้วยค่ะ

ไม่กินเวลานาน ใช้เวลาแค่ 1-2 นาทีเท่านั้น เพียงเหยาะขวดโทนเนอร์ใส่แผ่นสำลีและปาดให้ทั่วผิวหน้าอย่างอ่อนโยน ( ย้ำว่าเบามือ อย่าถูปื้ดๆ เชียว!! )

สิ่งที่อยากให้ระวังคือ โทนเนอร์บางยี่ห้อมักแอบใส่แอลกอฮอล์เพื่อให้ความรู้สึกสดชื่น หากเป็นสาวผิวแห้งหรือแพ้ง่ายจึงต้องดูส่วนผสมให้ดีๆ เลือกแบบที่เป็นออร์แกนิก ไร้สารเคมี แต่งสีเติมกลิ่นใดๆ จะดีที่สุด

5. ใส่ใจ เน้นทำความสะอาด 'ช่วงรอบดวงตา' เป็นพิเศษ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/282b2500313e63b632f6190a9fe8fa29.jpg

ผิวบริเวณดวงตา ถือเป็นผิวที่เซนซิทีฟและบอบบางที่สุด จึงควรใส่ใจกับการทำความสะอาดเป็นพิเศษ การแต่งตาส่วนใหญ่ก็มักเช็ดออกได้ยาก ทั้งอายแชโดว์สีสัน อายไลเนอร์เนื้อลิควิด มาสคาร่าต่างๆ

นอกจากคลีนซิ่งออยล์แล้ว ก็ควรใช้คลีนซิ่งที่ใช้กับดวงตาและปากโดยเฉพาะ หรือแบบที่แยกชั้นน้ำกับน้ำมันชัดเจน ต้องเขย่าก่อนใช้นั่นแหละ ทำให้เมคอัพหลุดออกได้ดีสุดๆ!

เหยาะใส่สำลีให้ชุ่มๆ หลับตาแล้วแปะสำลีลงไป รอ 30 วิแล้วค่อยๆ ลากสำลีออกทางด้านข้าง อย่าลากลงด้านล่างเพราะเศษผงจากการแต่งตาอาจเข้าลูกตา ระคายเคืองหรือติดเชื้อได้ ต่อมาก็แปะที่ริมฝีปาก รอ 10-15 วินาทีแล้วค่อยๆ เช็ดทั่วปากให้สะอาด


บางคนใช้ลิปมันเปลี่ยนสีหรือลิปกลอสสีอ่อน ตอนกลางคืนปากดูซีดเหมือนเดิมก็ข้ามการเช็ดปากไปเลย นึกว่าสีหลุดหมดแล้ว ซึ่งผิดมาก! แม้แต่ลิปมันเปลี่ยนสี แม้สีจะหายหมด แต่สารเคมีจากเนื้อลิปยังตกค้างอยู่ ถ้าวันไหนทาปาก ก็ต้องเช็ดออกให้สะอาดทุกครั้งค่ะ

6. ทำความสะอาดซอกมุมเล็กๆ ด้วย 'สำลีพันก้าน'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/d9266478ec01a16bc9298bec2f44b405.jpg

บนใบหน้ามีซอกมุมมากมายที่แผ่นเช็ดเมคอัพ หรือสำลีใหญ่ๆ ไม่สามารถเข้าถึงได้ เช่น ขอบตา ซอกจมูก แนวขนตา แม้จะพยายามเช็ดให้สะอาดแค่ไหน หากวันไหนกรีดตา ปัดขนตาหนักๆ ก็อาจจะยังมีเศษเมคอัพหลงเหลืออยู่

จึงควรเก็บรายละเอียดด้วยอาวุธลับอย่าง ' สำลีพันก้าน ' หรือที่คนไทยเรียกกันว่าคอตตอนบัด ชุบรีมูฟเวอร์ให้ชุ่มๆ แล้วลงมือเช็ดได้เลย!

ซื้อกระจกแบบที่ซูมผิวบนหน้าได้ละเอียดเป็นพิเศษ หลังเช็ดหน้าเสร็จให้ส่องกระจกนั้นเพื่อเช็คความเรียบร้อยอีกที เธออาจเจอรองพื้นตรงซอกจมูก หรืออายไลเนอร์ที่ยังค้างอยู่แถวขนตา ที่กระจกทั่วไปอาจจะมองไม่เห็น ก็ใช้สำลีพันก้านเช็ดออกซะให้เกลี้ยง

มีสาวๆ หลายคนที่คิดว่าเช็ดเกลี้ยงแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นเคืองตา แสบตา หรือมีสิวขึ้นตรงซอกเล็กๆ บนใบหน้า ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า นั่นแหละ ซากอารยธรรมที่เช็ดไม่หมดของเมื่อคืนค่ะ

7. ใช้ 'มอยส์เจอไรเซอร์' บำรุงปิดท้าย ป้องกันผิวหยาบกร้าน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/b45a255c4e2c9ad0ed1b706d3661aa28.jpg

ทำความสะอาดมาหลายขั้นตอนขนาดนี้ จะลืมขั้นตอนการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นถึงขีดสุดด้วย ' มอยส์เจอไรเซอร์ ' ได้อย่างไรกัน? ไม่ว่าจะใช้เครื่องสำอางหรือคลีนซิ่งยี่ห้อใดก็ตาม ก็ควรตามด้วยครีมบำรุงผิวคุณภาพดีทุกครั้ง


ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือทาหลังล้างหน้า ' ทันที ' ตอนที่ผิวยังชื้นเปียกอยู่ จะทำให้ผิวซึมซับสารบำรุงได้ดีที่สุด ล็อคความชุ่มชื้นได้ไปจนถึงเช้าวันใหม่เลยล่ะค่ะ

สาวๆ แต่ละคนก็ใช้ครีมบำรุงไม่เหมือนกัน ก็เลือกที่เหมาะกับสภาพผิวและสิ่งที่แพ้ของแต่ละคนนะคะ ผิวมันก็ใช้แบบเจล ผิวแห้งก็ใช้แบบครีม แต่ถ้าเอาแบบ play safe ก็เลือกสูตรที่เป็นออร์แกนิก ไม่เติมสี ไม่เติมกลิ่น ไม่มีน้ำหอมและพาราเบนไว้ก่อน


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ควรทดสอบอาการแพ้ทุกครั้งด้วยการทาที่ท้องแขนหรือสันกรามทิ้งไว้สักพัก ค่อยนำมาทาทั่วใบหน้า เพราะบางครั้งเราแพ้สารบางอย่างในครีมโดยไม่รู้ตัวก็มีค่ะ ปลอดภัยไว้ก่อนเนอะ

รูปภาพ:https://media3.giphy.com/media/X7CdZNDwtdgaXL3AtG/giphy.gif

------------------------------------

อยากถนอมผิวให้สวยชุ่มชื้น เรียบเนียนพร้อมกับการแต่งหน้าทุกเช้า ก็ต้องพิถีพิถันกันหน่อย!อาจจะดูยุ่งยากซับซ้อน ต้องใส่ใจดีเทลเล็กๆ ที่แอบน่ารำคาญในช่วงแรกๆ แต่เชื่อเถอะว่าทำทุกวันเดี๋ยวก็ชิน วันไหนทำไม่ครบจะกังวลกว่าเดิมด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้สิวจะขึ้นไหม ตีนกาจะมาไหม จากประสบการณ์ตรงเราเอง อิอิ >< ผิวของสาวๆ ทุกคนมีชุดเดียวไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้เนอะ ก็สมควรที่จะต้องดูแลรักษาให้สวยงาม อ่อนเยาว์ไว้ให้นานที่สุดหากผิวสะอาดเกลี้ยงอย่างแท้จริง เมื่อบำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ในขั้นตอนต่อไป ผิวก็จะดูดซับสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะผิวดีเริ่มต้นที่การล้างหน้าค่ะ ^ ^หวังว่าสาวๆ จะนำ 7 ข้อนี้ไปใช้กันน้า แนะนำเพราะมันกับดีต่อผิวในระยะยาวจริงๆ สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อนพบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่า *_*////