1. SistaCafe
  2. #มีแววถูกใช้งานเยี่ยงทาส! 7 กับดักควรระวังในการ 'หางานใหม่' หากไม่อยากโดนโขกสับ จนต้องรีบเผ่นลาออก

สวัสดีค่ะ SistaCafe ชาว ' First Jobber ' ทุกคนช่วงนี้ในตลาดหางานกำลังคุกรุ่น เพราะเด็กจบใหม่ หรือ first jobber มากมายกำลังแข่งกันยื่นเรซูเม่กันเป็นพัลวัน บางคนอัพสกิลสุดโหด เรียนภาษาที่สามที่สี่ ยอมทำทุกอย่างเพื่อแข่งขันกับทั้งจบใหม่ด้วยกันเอง และคนวัยทำงานที่ต้องการเปลี่ยนงานและมาแย่งโควต้างานเดียวกัน ยิ่งฟัง podcast ที่เจ้าของกิจการพูดแบบไม่สนใจลูกจ้าง ถ้าไม่เก่งพอก็ไม่รับ อาจทำให้ซิสหลายคนเกิดความกลัวและเครียดว่าจะหางานไม่ได้ คิดว่าแค่เข้าไปได้ก่อนก็พอ ทั้งที่จริงเธออาจลืมไปว่าบริษัทในไทยก็มีหลายประเภท บางบ. แม้จะคัดเลือกลูกจ้างเข้มข้น โหดสุดๆ แต่ก็แลกมากับเพื่อนร่วมงานและเจ้านายที่มีคุณภาพ คุยแล้วได้เติบโตไปด้วยกัน แถมเงินเดือน-สวัสดิการดีแบบจุกๆ, บางบ. เลือกลูกจ้างโหดจริง แต่เงินเดือนก็กลางๆ สวัสดิการก็ไม่ว้าวและบางบ. ไม่ค่อยคัดเยอะ ใครก็ได้ ( ซึ่งเข้าทางคนที่รีบหางาน ไม่มั่นใจในตัวเอง ) แต่เธอยังไม่รู้ว่ากำลังจะเจอกับนรกข้างหน้า ย้ำว่านรกจริงๆ ซึ่งบางทีไม่ได้เพิ่งเห็นตอนทำงานด้วย แต่เห็นลางไม่ดีตั้งแต่ช่วงสัมภาษณ์งานเลยล่ะ! มาเช็กความทะแม่งๆ ของงานใหม่ที่เธอจะสมัครกันได้ที่ 7 กับดักควรระวังในการหางานใหม่ ถ้าไม่อยากโดนโขกสับจนต้องรีบยื่นใบลาออกแทบไม่ทัน ก็อย่าทำงานกับบ. ที่มีทั้งเจ็ดข้อนี้นะคะ เตือนแล้วเด้อ!!


1. Job Description หรือหน้าที่ในการทำงาน ' กว้าง ' เกินไป

ก่อนสาวๆ จะยื่นเรซูเม่ให้บริษัทไหนพิจารณา ไม่ใช่ว่าเห็นชื่อตำแหน่งงานแล้วดูโก้เก๋ มีความรู้ ได้เงินเดือนเยอะแน่ๆ หรือแค่เห็นชื่อตำแหน่งที่คุ้นตาก็ยื่นไปทันที แต่ควรสละเวลาเลื่อนเมาส์ลงมาด้านล่าง เพื่ออ่าน ' Job Description ' หรือหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในงานนั้นๆ ด้วย เพราะบางบริษัทฉวยโอกาสเอาเปรียบ เซฟงบจ้างคน ชื่อบอกว่าทำตำแหน่งนี้ แต่หน้าที่ที่ต้องทำกว้างยิ่งกว่ามหาสมุทร แทบจะเป็น GB หรือ General เบ๊แล้ว เหมาทำทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ!

ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเธอจบมาด้านวรรณกรรม ต้องการทำงานเกี่ยวกับบรรณาธิการ นักเขียน พิสูจน์อักษร Job Description ก็ควรมีเนื้อหางานที่เกี่ยวข้องกับงานเขียนเป็นหลัก ไม่ใช่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมงอกขึ้นมาว่า

" ต้องทำ photoshop และตัดต่อคลิปได้ในระดับดี ", " ต้องพร้อมออกกองกับทีมตลอดเวลา ", " ต้องทำบัญชีประจำเดือนและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง "

ถ้าเจอคำประมาณนี้ เบะปากเป็นระฆังคว่ำแล้วหางานใหม่ได้เลย ถึงเธอจะมีความสามารถทำได้หมดจริงๆ ค่าจ้างก็เท่ากับตำแหน่งงานเขียนแค่อย่างเดียว ไม่ได้มีบวกเพิ่มอะไรหรอก กะจะจ้างทาสแบบ 10 in 1 ขนาดนี้ อย่าหาทำ!


2. วัฒนธรรมบริษัทที่แค่ฟังก็แปลกประหลาด ผิดปกติ ดูเอารัดเอาเปรียบ

บริษัทก็คือสถานที่หนึ่งที่มีผู้คนร้อยพ่อพันแม่มารวมตัวกัน มีวัฒนธรรมของตัวเองที่ไม่เหมือนสังคมอื่น จึงไม่แปลกที่หลายบ. จะใช้คำว่า " ครอบครัว " มาใช้เพื่อดึงดูดเด็กจบใหม่ เช่น ดูแลเป็นครอบครัว, อยู่กันชิลล์ๆ รักกันแบบพี่น้อง ซึ่งบางที่ก็ดีจริงไม่เถียง แต่บางที่ขอให้เรียกว่า พี่น้องแบบซินเดอเรลล่าหรือปลาบู่ทอง ที่ใช้งานโขกสับแทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันจะดีกว่า ไหนจะธรรมเนียม ' อิหยังวะ ' ในที่ทำงานที่ไม่เคยพบเคยเจออีก ถ้าระหว่างโทรไปถามรายละเอียดหรือสัมภาษณ์งาน เจอวัฒนธรรมแปลกๆ ที่ว่า

" ที่นี่ห้ามกลับหลังหัวหน้านะ จะดูไม่ดี เลื่อนขั้นช้า ", " น้องเป็นเด็กใคร มีแบ็กรึเปล่า ( มีการเมืองในที่ทำงาน ) ", " ที่นี่ไม่มีโอทีนะ ถ้าทำไม่เสร็จคนอื่นก็เอางานกลับไปทำต่อที่บ้านกัน ", " วันหยุดราชการบางวันเราไม่หยุดนะ ", " ที่นี่ทุกศุกร์ต้องใส่เสื้อสีแดงนะ เป็นสีมงคลของออฟฟิศ แต่ออกเงินเองนะ ทางเราไม่มีงบให้ "

แบบนี้ขอให้ถอยตั้งแต่แรกจะดีกว่า ถ้าฟังแล้วเริ่มรู้สึกเอ๊ะ ได้กลิ่นแปลกๆ ตั้งแต่ตอนนี้ เข้าไปทำงานจริงๆ แปลกกว่าเดิมแน่นอน ถ้าไม่อยากยื่นใบลาออกตั้งแต่เดือนแรก ก็หนีไป!!


3. การสื่อสารกันในองค์กร ไม่มีประสิทธิภาพ #เหมือนเด็กเล่นขายของ

สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่คาดหวังในการเข้าไปทำงาน นอกจากเงินเดือนที่สมเหตุสมผลแล้ว ความราบรื่นในการทำงานก็สำคัญ ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าการสื่อสารในองค์กรไม่มีประสิทธิภาพ พูดอย่างทำอีกอย่าง กระจายข่าวสารไม่ทั่วถึง ฝ่ายนี้รู้แต่อีกฝ่ายไม่รู้ โยนเรื่องกันไปมา แทนที่จะจบในหนึ่งวันลากยาวไปเป็นเดือน มันมีองค์กรแบบนี้จริงๆ ซึ่งเธอคงไม่อยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในนั้นแน่ๆ

อยากทำงานกับบริษัทไหน ให้สังเกตพฤติกรรมของพนักงานทุกฝ่ายในบริษัทนั้น ไล่มาตั้งแต่ HR, หัวหน้าฝ่าย, ผู้จัดการ, พนักงานที่เดินไปมาอยู่ในออฟฟิศ หรือแม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยกับแม่บ้าน บางครั้งก็บ่งบอกได้ว่าในออฟฟิศบริหารงานกันยังไง

เช่น ส่งเรซูเม่ไปทางอีเมล แต่ HR ส่งข้อความเรียกสัมภาษณ์ทางข้อความในมือถือ ( ปกติ HR ไม่ควรเมมเบอร์ผู้สมัครไว้ส่วนตัวในมือถือ ) , ถ้าโทรเรียก ก็โทรมันเที่ยงคืนตีหนึ่ง เวลาที่คนปกติเขานอนกันหมดแล้ว บ่งบอกถึงความขาดมารยาทขั้นพื้นฐาน, ไปสัมภาษณ์งาน แต่พอแจ้งประชาสัมพันธ์ ไม่มีใครรู้เรื่อง เจ้านายไม่รู้ คนสัมไม่รู้ สรุปเป็นเรซูเม่ที่ถูกคัดทิ้งแต่ HR เรียกผิด เป็นต้น

แค่นี้ก็มากพอที่จะใส่เกียร์หมาเผ่นแล้ว คิดง่ายๆ ว่า เป็นคนนอกยังโทรเรียกตอนเที่ยงคืน ถ้าเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนเขา ไม่โทรจิกเรียกรัวๆ ตอนตีสองตีสามเหรอ วันเงินเดือนออก เงินจะเข้าบัญชีตรงเวลาหรือเปล่า ขนลุก!!


4. ฐานเงินเดือนต่ำมากๆ ถ้าอยากได้โบนัสพิเศษ ต้องเร่งทำยอดจนเครียดสุดๆ

บางบริษัทเวลาจะรับสมัครตำแหน่งงาน จะมีลูกเล่นขี้โกงอย่างหนึ่ง คือพิมพ์เงินเดือนที่รวมคอมมิชชั่นหรือโบนัส ( ที่อาจไม่มีอยู่จริง... ) ตัวโตๆ ไว้หลอกล่อผู้คน แต่พิมพ์ฐานเงินเดือนที่แท้จริงซึ่งต่ำมากๆ เผลอๆ ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำไว้ตัวจิ๋วสุด กะว่าไม่ให้คนมองเห็น

บางคนก็ไม่ได้สังเกต เผลอยื่นเรซูเม่จนไปสู่ช่วงสัมภาษณ์งานจริง ถึงได้รู้ว่าเงินเดือนที่ได้แน่ๆ ต่ำจนผิดปกติ แต่ตบท้ายด้วยคำว่า " ถ้าอยากได้โบนัสเพิ่มก็ต้องเร่งทำยอด KPI ให้ได้ตามที่นายสั่ง "

แม้จะเป็นงานขาย งานประเภทเซลล์ที่ต้องพึ่งคอมมิชชั่นเป็นหลักก็ตาม แต่ฐานเงินเดือนก็ควรเท่ากับกฎหมายแรงงาน ไม่ใช่กดจนต่ำเตี้ยติดดิน เพื่อบีบพนักงานให้วิ่งรอกหาทำยอดจนเสียสุขภาพกาย สุขภาพจิต ด้วยตัวเลข KPI ที่เป็นไปไม่ได้ เจ้านายตั้งขึ้นมาแบบเวอร์ๆ กะเอารวยอย่างเดียว แต่ไม่สนใจว่าถ้าทำไม่ถึง ลูกจ้างจะได้เงินเดือนไม่พอกิน หากชั่งน้ำหนักแล้วได้ไม่คุ้มเสีย ก็อย่าตอบรับงานนี้ทีแรก เพราะเธอจะได้เสียใจทีหลังอย่างแน่นอน


5. HR เสนอตำแหน่งอื่น ที่ต่างกับตำแหน่งที่เราสมัครโดยสิ้นเชิงให้แทน

บริษัทที่ดีและมีความเป็นมืออาชีพ จะสนใจแค่ขอบเขตของตำแหน่งที่รับสมัครเท่านั้น ถ้าเธอคุณสมบัติผ่านก็ได้สัมภาษณ์ ถ้าคุณสมบัติไม่ถึงก็ตกรอบแรก จบแค่นั้น! จะไม่มีการตอบรับเข้ามาก่อน แล้วมาเสนอตำแหน่งอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานนั้นๆ เลยระหว่างสัมภาษณ์ หรือเข้างานมาไม่กี่วัน ถูกจับไปนั่งแผนกอื่นที่ต้องเรียนรู้งานใหม่หมด ซึ่งไม่ใช่งานที่เธอรู้เรื่องหรือทำได้แต่อย่างใด

แบบนี้เป็นไปได้สองอย่าง คือตำแหน่งนั้นจริงๆ เต็มโควต้าแล้ว แต่เผลอรับเธอเข้ามาเลยต้องโยกไปที่อื่นแทน หรืองานนั้นรับสมัครนานแล้วแต่ไม่มีใครเอา จึงโดนแจ็กพอตบังคับให้ไปทำด้วยคำว่า " หน้าที่อื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย" #นรกชัดๆ

ก็อาจจะจริงที่ว่า คนบางคนสมัครงานไม่ตรงความสามารถตัวเอง และ HR เห็นศักยภาพในตำแหน่งอื่นที่เติบโตได้มากกว่า แต่ก็ต้องแน่ใจว่าเป็นเรทเงินเดือนเดิมหรือเท่าเดิม และใช้ความสามารถของเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่อยากหาลูกจ้างอุดตำแหน่งรูรั่วในบริษัท และเธอก็เผลอรับปากไปเพราะกลัวไม่มีงานทำ แค่จะรับเข้ามายังไม่ซื่อสัตย์ตั้งแต่แรก จะทำงานนั้นๆ ให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร thank you, next! หาบริษัทใหม่ที่ไม่เล่นแง่กับเธอจะดีกว่าค่ะ


6. ให้คำตอบไม่ได้เมื่อถามว่า จะพัฒนาตัวเองยังไงให้เลื่อนขั้น ?

หลายๆ คนเมื่อเรียนจบใหม่ๆ ย่อมไฟแรง อยากพัฒนาตัวเอง อยากเติบโต มี career path ที่ชัดเจน บางคนถึงกับวางอนาคต 5 ปี 10 ปีข้างหน้าไว้แล้วว่าต้องเลื่อนขั้นกี่ขั้นเท่านี้ๆ อายุเท่านี้ต้องได้เป็นหัวหน้า อายุเท่านั้นต้องเป็นเมเนเจอร์แล้ว

ซึ่งบริษัทที่มีคุณภาพก็ควรมีเกณฑ์เลื่อนขั้นที่ชัดเจน พิจารณาตามคุณภาพงานและศักยภาพของพนักงานเป็นหลัก มีการประเมินทุกปีและมีหลักฐานที่ตรวจสอบได้ ไม่กังขา แบบนี้ใครก็อยากทำงานอยู่ด้วยไปยาวๆ ค่ะ

ในทางกลับกัน ถ้าบริษัทที่เธออยากเข้าไปเรียนรู้ด้วย ไม่สามารถให้คำตอบได้ชัดเจน หรือตอบอ้ำๆ อึ้งๆ คลุมเครือเมื่อถามถึงการเลื่อนขั้นในบริษัท เมื่อไหร่จะประเมินเพิ่มเงินเดือน? การเลื่อนขั้นมีเกณฑ์ยังไง ต้องทำผลงานแบบไหน? แต่ได้คำตอบมาเป็นความว่างเปล่า บอกแค่ว่า " ทำงานไปเดี๋ยวก็รู้เอง "

แบบนี้เตรียมถอยออกมาได้เลย เธอได้กลายเป็นหนูถีบจักรอีกตัวในโรงงานนรก ที่ไม่มีแสงสว่างในชีวิตแน่นอน อย่าเสียเวลาที่จะได้โตในบริษัทแบบนี้เลย เชื่อเรา


7. การออกแบบหน้าตาของเว็บไซต์บริษัท ดูไม่โปร สะกดผิด ใช้งานยาก

นอกจากตัวตึกออฟฟิศที่เห็นด้วยตา ป้ายบริษัท ธง ประตูเข้าออก สภาพบรรยากาศภายนอกโดยรอบจะเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรแล้ว ในยุคออนไลน์ที่อินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญในการติดต่อสื่อสาร ' เว็บไซต์บริษัท ' ก็เป็นกระจกสะท้อนที่คนนอกได้เห็น

นึกภาพว่าเราอยากสมัครงานที่นี่ แต่กดเว็บไซต์เข้าไปดู ข้อมูลไม่อัปเดต สะกดผิด ที่อยู่บริษัทยังเขียนมั่ว UX UI ก็ออกแบบงง ล้าสมัยมาก เหมือนผลงานเด็กมัธยมต้นฝึกเขียนโค้ดช่วง windows98 คนเก่งที่ไหนจะอยากร่วมงานด้วย?

หน้าเว็บพังๆ มันก็บ่งบอกได้ว่าผู้บริหาร หรือผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องไม่สนใจในการพัฒนาเว็บ, กลัวเปลืองงบ หรือยึดติดในหน้าเว็บไซต์รูปแบบเดิม ซึ่งก็ไม่พ้นเอาทัศนคตินี้มาใช้กับพนักงานและการขับเคลื่อนบริษัทแน่ๆ แค่ด่านแรกที่ทุกคนเห็นเป็นพื้นที่สาธารณะยังไม่สนใจดูแล เข้าไปทำงานในนั้น ก็มีแนวโน้มสูงที่เขาจะไม่แคร์พนักงานเช่นกัน อย่าเข้าไปเสี่ยงตั้งแต่แรกเลยจะดีกว่า


--------------------------------------


เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งระดับหัวกะทิเพื่อแสดงออกว่า ' ฉันก็เลือกนะ ' แต่เด็กจบใหม่รวมถึงลูกจ้างทุกคน แม้จะมีความสามารถกลางๆ ก็มีสิทธิ์ทุกประการที่จะเลือกบริษัททำงาน ไม่ใช่ว่าเห็นแค่ตำแหน่งนี้พอทำได้ เขาจ่ายเงินเรา มีอะไรก็ทำๆ ไปก่อน มันไม่ได้! ยิ่งถ้าเธอจะทำบริษัทนี้เป็นงานแรก มันจะกลายเป็น First Impression ต่อสายงานที่ทำไปตลอดชีวิต ถึงอนาคตลาออกไป ถ้าบริษัทแรกใช้งานเธอเยี่ยงทาส บรรยากาศ toxic การสื่อสารในองค์กรเข้าขั้นห่วย มันจะก็ตามมาหลอกหลอนเธอไปตลอด บางคนอาจถึงขั้นยอมเปลี่ยนสายงานเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้นถ้ายังไม่ถึงขั้นหมดสิ้นหนทางจริงๆ ก็อยากให้ซิสเฟ้นหาบริษัทที่จะไปร่วมงานด้วยให้ดีที่สุด การหางานก็ไม่ต่างอะไรกับหาแฟน เราต้องเลือกคนที่เรารู้สึก ' คลิก ' และสบายใจที่จะอยู่ด้วย ถึงจะทำงานด้วยกันได้นาน จริงไหม? สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนโชคดี เจองานในฝันที่ตั้งใจ หรืออย่างน้อยก็เป็นงานที่ไม่ลำบากใจเกินไปที่จะทำนะคะ บีบมือ เราเข้าใจ ช่วงโควิดแบบนี้หางานยาก แต่ยังไงก็สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอ


บทความแนะนำ

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1