สวัสดีค่า สาวๆSistaCafeหน้ามนคนสวยทุกท่าน อิอิ(⇀ 3 ↼)ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่เกิดมาร้องอุแว้! แล้วจะเป็นกูรูบิวตี้ทันทีหรอก จริงไหม? ก็ต้องอาศัยสั่งสมประสบการณ์ หรือมีคุณแม่ พี่สาวที่บ้านทำให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยกันทั้งนั้น บางคนแต้มบุญเขามาดี ทั้งผิวดี ความรู้อัดแน่นจากคนรอบตัว ก็มีผิวสวย ผิวปัง ชุ่มชื้นกระจ่างใสมาโดยตลอดปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพอผิวสวยก็ทำให้มีชัยไปมากกว่าครึ่ง ออร่าจะเกิดได้ก็ต้องเริ่มจากงานผิวนี่แหละเธอสาวๆ หลายคนเคยเป็นสายลุย สายขี้เกียจ สายชิลล์ สกินแคร์คืออะไรไม่รู้จัก ล้างหน้าด้วยสบู่ก้อนไปวันๆ ครีมก็ไม่ทา แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง อาจจะด้วยความรัก หน้าที่การงาน หรือตัวเองที่เติบโตขึ้นตามกาลเวลา ก็ทำให้เริ่มสนใจการบำรุง การปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น หาดูบิวตี้บล็อกเกอร์ อ่านรีวิวต่างๆใครที่เพิ่งเข้าวงการนี้ เราอยากให้เธอได้เช็กตัวเองก่อนว่าเผลอทำพลาดตาม' 7 ความโป๊ะในการใช้สกินแคร์ ของมือใหม่สายบิวตี้ ' ที่ตัวเธอเองก็อาจทำโดยไม่รู้ตัวถ้าใช่จะได้รีบหมุนล้อกลับตัวทัน ก่อนหน้าจะพังแทนปังปุริเย่#โอ้วโนว #โอ้วโนว #โอโน้โนโนโนว ヾ(  ̄O ̄)ツ

1. สลับสับเปลี่ยนไอเทมดูแลผิวใน ' ขั้นตอนสกินแคร์ ' บ่อยเกินไป

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/b7d79e57505eabb15f2d7785ba8290cc.jpg

ข้อนี้ไม่ใช่แค่มือใหม่ แต่มือเก๋าเองก็แอบโป๊ะอยู่บ่อยๆ! ด้วยความที่แบรนด์สกินแคร์มีเป็นร้อย และแต่ละปีก็ชอบมีโปรดักส์ใหม่ออกมาให้ลองเล่นตลอด บางทีมีสกินแคร์เซตที่ถูกกับผิวหน้าอยู่แล้ว แต่ก็อารมณ์เด็กเห่อของเล่นใหม่ ต้องซื้อมาลองใช้สักครั้ง


สักพักมีของใหม่ออกอีกก็ซื้ออีก แต่ยังพีคไม่เท่าของใหม่ออกพร้อมกันหลายชิ้น แล้วทาหน้าพร้อมกันในครั้งเดียว ถ้าผิวแข็งแรงดีก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าผิวแพ้ง่าย เสี่ยงผิวหน้าแหกไม่รับเย็บให้หมอต้องซ่อมแน่นอน

หากรู้ตัวดีว่าไม่ใช่คนผิวหน้าดีขนาดนั้น แพ้ง่าย เจอฝุ่นควัน มลภาวะนิดหน่อยก็สิวขึ้น เห่อแดงแสบร้อนง่าย ก็เป็นสัญญาณว่าเธอไม่ควรเปลี่ยนครีมใหม่ใน skincare routine บ่อยเกินไป หรือพูดกันตรงๆ คืออย่าทาครีมมั่วซั่ว อันไหนใช้ดีอยู่แล้วก็ใช้ต่อไปเรื่อยๆ จะดีที่สุด


หรือถ้าใจมันอยากลองของใหม่จริงๆ ก็ควรลองทีละตัว และใช้ติดต่อกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนจะเปลี่ยนตัวใหม่ หากได้ผลดีหรือแพ้ยังไง เธอจะได้รู้ว่ามาจากครีมยี่ห้อไหน เพราะถ้าทามัน 4-5 ตัวในช่วงเดียวกัน แพ้ขึ้นมาจับมือใครดมไม่ได้เลยนะ ว่าใครทำให้แพ้กันแน่?

2. สครับ ขัดผิวรัวๆ เพราะกลัวผิวหน้าไม่เรียบเนียน ( แต่ได้ผิวถลอกแทน )

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/0b0fcb93c3b326649961207a3e1ccaec.jpg

ความเด๋อรอบที่สองขอเสนอ' ขัดผิวจนหน้าแหก 'ไม่ใช่แค่เรื่องพูดเล่นๆ แต่มีอยู่จริง เยอะด้วย! อาจจะเพราะเห็นชื่อว่าเป็นสครับ ก็น่าจะต้องใช้ขัดผิวให้หนักๆ แรงๆ สิ ผิวหน้าจะได้สะอาดเรียบเนียนไม่ขรุขระ ว่าซั่น!

แต่อย่าลืมว่าผิวหน้าเป็นผิวหนังที่มีความบอบบางมากกก ไม่ใช่กระดาษทรายที่จะขูดปื๊ดๆ แล้วสวยปิ๊งเลย ตรงกันข้าม ผิวจะยิ่งระคายเคือง แสบแดง อย่างแย่สุดคือหน้าเลือดไหล เป็นแผลเป็นถาวรไปเลย เพราะสครับเม็ดเหลี่ยมคมๆ ก็ไม่ต่างจากมีดเลยนะ

ขอเตือนมือใหม่ไว้ตรงนี้เลยว่า สครับไว้ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ ควรใช้ถ้าอยากหน้าใสก็จริง แต่ไม่ควรใช้บ่อยจนเกินไป เพราะผิวหนังมันก็มีรอบผลัดผิวของมัน ขัดบ่อยก็ไม่ได้ทำให้หน้าใสขึ้น แต่ไปรบกวนผิวจนพังง่ายขึ้นแทน TT

ความถี่ที่เหมาะสมคือ 'สัปดาห์ละครั้ง 'ก็เพียงพอ และถ้าผิวแพ้ง่ายเป็นทุนเดิม จงใช้สครับสูตรสำหรับหน้าเท่านั้น เพราะจะมีความละเอียดและนุ่มกว่าสครับตัวนะคะ

3. ทา ' ครีมบำรุงผิว ' กับผิวแห้ง ไม่มีน้ำเกาะ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/99dfe0214eed99ee8469beb0ba7b2e44.jpg

ข้อนี้เชื่อว่าไม่ใช่แค่มือใหม่ แต่คนที่อยู่วงการบิวตี้มานานหลายคนก็ไม่รู้ว่า สกินแคร์ทุกตัวจะทำงานได้ดีที่สุดต่อเมื่อลงบนพื้นผิวที่ ' เปียกหมาด ' มากกว่าผิวที่แห้งกร้าน หรือเริ่มจะแห้งสนิท


หลายคนเมื่อล้างหน้า อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็โอ้เอ้ทำนั่นนี่ต่อ ดูทีวี เม้าท์กับเพื่อนเอยอะไรเอย กว่าจะเข้าห้องไปทาครีมหน้าก็แห้งผากเป็นทะเลทรายซาฮาร่าแล้ว ลองคิดว่าถ้าซื้อครีมมากระปุกเป็นหมื่น แต่ดึงประสิทธิภาพครีมออกมาได้แค่ 40-50% มันก็ดูเปลืองเงินค่าครีมฟรีๆ อยู่นะ

การทาครีม เซรั่ม เอสเซนส์ โทนเนอร์ทุกชนิดกับผิวที่เปียกหมาดหลังล้างหน้าเสร็จใหม่ๆ มีข้อดีตรงที่ว่า สกินแคร์นั้นจะเข้าไปล็อกความชุ่มชื้นผิว ทำให้จับแล้วผิวหน้านุ่มน่าสัมผัส ไม่แห้งกร้าน

โดยระยะเวลาลงมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมสุดคือ

' ไม่เกิน 1-2 นาที '

ดังนั้นควรวางสกินแคร์ไว้ในห้องน้ำเลยจะดีที่สุด อาบน้ำเสร็จจะได้ลงครีมต่อได้เลย (◕‿◕)♡

4. ละเลยการดูแลผิว ' ส่วนหน้าอกและลำคอ '

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/27f6d6614fd2709812a9d0fac08b633d.jpg

เชื่อว่ามือใหม่สายบิวตี้ค่อนข้างละเลย ( หรืออาจจะกลัวเปลืองครีมก็ไม่ทราบ ) กับการทาสกินแคร์ที่ส่วน ' ลำคอและหน้าอก ' เพราะคิดว่าทาแค่ผิวหน้าก็เพียงพอแล้ว แต่อยากให้ฉุกคิดนิดนึงว่า เวลาเราใช้หน้าพบปะผู้คน เราก็ไม่ได้ตัดหัวออกไปเจอแค่ส่วนเดียวถูกไหม ยังไงมันก็ต้องพ่วงไปกับคอและหน้าอกเสมอ


ถ้าเธอขยันบำรุงผิวหน้าซะเต็มที่ แต่ปล่อยผิวที่เหลือให้แห้งกร้าน พออายุมากเข้าสัก 40+ มันจะยิ่งเห็นความแตกต่างชัดเจนว่าหน้าเด้งอ่อนเยาว์ แต่คอกับอกเหี่ยวเป็นสาวแก่ คงไม่มีใครอยากผิวแยกส่วนแบบนั้นหรอกใช่ไหมล่ะ?

ดังนั้นควรทาสกินแคร์สำหรับผิวหน้า ไล่ลงมาถึงลำคอและส่วนอกด้วยเสมอ หากกลัวเปลืองเพราะครีมที่ทาราคาค่อนข้างสูง ก็สามารถใช้ครีมบำรุงผิวหน้าไลน์ anti-aging ที่ราคาลดหลั่นลงมา เช่น หลักร้อยต้นๆ หรือร้อยปลายๆ

เพื่อนำมาบำรุงคอและอกโดยเฉพาะแทน เพราะสองส่วนนี้ต้องการการบำรุงมากกว่าส่วนผิวตัว แต่ก็ไม่ได้เซนซิทิฟเท่าผิวหน้า ใช้ครีมหน้าที่ราคาเป็นมิตรจึงเซฟสุดค่ะ

5. ไม่รู้ ไม่สนใจว่าครีมที่ทาผิวทุกวัน มี ' ส่วนประกอบ ' อะไรผสมอยู่บ้าง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/7c23a7072a9df9be32476e5f9e09d21e.jpg

ข้อนี้เรียกว่าตกม้าตายกันเป็นแถว ไม่ใช่แค่มือใหม่นะ แต่คนที่คลุกคลีวงการบิวตี้มานานบางคนก็ยังไม่เคย 'พลิกหลังกล่อง ' เพื่อดูฉลากส่วนประกอบในสกินแคร์ที่ใช้อยู่ทุกวันเลยว่า เธอทาสารอะไรลงไปบนผิวหน้าบ้าง?

ยิ่งเป็นคนผิวแพ้ง่ายยิ่งต้องใส่ใจเรื่องนี้ เพราะครีม เอสเซนส์ เซรั่มบางตัวอิมเมจเป็นเวชสำอาง ดูไม่เหมือนสูตรที่จะใส่สารที่ก่อการแพ้ เช่น ซิลิโคน น้ำหอม สี แต่กลับแอบใส่มา 1-2% ถ้าไม่อ่านฉลากก็ไม่รู้ ถ้าเธอทาก็หน้าแหกไปตามระเบียบค่ะ

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ดังระดับโลกแค่ไหน รู้จักดียังไง ก็ต้องอ่านส่วนประกอบในฉลากด้านหลังเสมอ ไม่ใช่แค่ตรวจเช็คสารที่แพ้ แต่จะได้รู้ด้วยว่าเปอร์เซนต์ของสารบำรุงผิวในสกินแคร์ตัวนี้ จะทำให้ผิวสวยดังคำเคลมหรือไม่


เช่น ถ้าโฆษณาว่าจะทำให้ผิวกระจ่างใสขั้นเทพ แต่ใส่วิตามินซีและกรดผลัดเซลล์ผิวต่างๆ มาน้อยมาก ก็ยากที่จะทาแล้วได้ผล เพราะข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มันฟ้องว่ายังไงก็ทำไม่ได้ เป็นต้นค่ะ #เราต้องเป็นผู้บริโภคอย่างฉลาดนะคะซิส

6. ทาครีมบำรุงแบบมั่วๆ มีอะไรก็ทาไป ผิดขั้นตอนที่ถูกต้องไปหมด

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/14fd42c905f93e35818532b50195679f.jpg

มือใหม่บางคนก็ถือเอาขี้เกียจเข้าว่า คิดว่าถ้าทาโปะให้ครบทุกตัวแล้ว จะทาตัวไหนก่อนหลังก็คงเหมือนกัน ไม่ได้ไปศึกษาวิธีทาครีมที่ถูกต้องแต่อย่างใด บล็อกเกอร์เอย หมอผิวหนังเอยสอนในคลิปยูทูป ในบทความเยอะแยะไม่อ่าน


ทามันเข้าไปมั่วๆ ทาครีมมาสก์เสร็จ หยดเซรั่มต่อ เหนอะหนะมันเมือก สรุปไม่มีอะไรซึมเข้าผิวสักอย่าง ทาแล้วเสียของฟรีๆ หรือเพิ่งสครับหน้าเสร็จ ทาวิตามินซีต่อบนหน้า อยากให้ผิวใสเร็วๆ งี้ ( หูย... แสบหน้าแทน ) บอกเลยว่า #อย่าหาทำ

ขั้นตอนการทาสกินแคร์ที่ถูกต้อง จริงๆ ง่ายมากอย่างกับปอกกล้วยเข้าปาก ก็แค่ไล่จาก ' เนื้อบางสุดไปหาเนื้อข้นสุด ' เท่านั้นเลย เช่น โทนเนอร์ > เซรั่ม > เอสเซนส์ > โลชั่นเนื้อน้ำ > โลชั่นเนื้อครีม > ครีมบำรุงผิวหน้า > สลีปปิ้งมาสก์ เป็นต้น

หรือไม่จำเป็นต้องเรียงชนิดตามนี้ก็ได้ ถ้าเซรั่มตัวไหนเนื้อหนักกว่าโลชั่น ก็ควรทาหลังโลชั่น หลักๆ คือยึดตามความเข้มข้นของครีม และควรปรับให้เหมาะกับแต่ละฤดูด้วย เช่น หน้าร้อนทาพวกโลชั่น เซรั่มก็พอ แต่หน้าหนาวก็ add on ครีมและมาสก์เข้าไป หน้าจะได้รับการบำรุงอย่างสูงสุดค่ะ

7. ไม่เช็ด ' คราบเมคอัพ ' ให้หมดจดก่อนนอน ถ้าไม่เช็ดลวกๆ ก็นอนทั้งอย่างนั้นเลย

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/2e90933af66cd5ee503222050983e890.jpg

ข้อนี้เรียกว่ามือใหม่พลาดมากถึงมากที่สุด แม้จะบำรุงด้วยสกินแคร์ดีตามขั้นตอนแค่ไหน ครีมราคาแพงระยับหลักหมื่นยังไง ถ้ากลับบ้านมาแล้วไม่เช็ดเมคอัพออกก่อนนอนก็เท่านั้น สิวเห่อ บุกกระจายแน่นอน ( ถ้าผิวแข็งแรงก็อาจรอด แต่นั่นแหละ ทำบ่อยๆ มันก็อุดตันจนสักวันสิวก็ต้องขึ้นอยู่ดี )


คิดดูว่าเธอใช้ชีวิตข้างนอกมาทั้งวัน แล้วอากาศเมืองไทยก็รู้อยู่ว่าเป็นยังไง ทั้งฝุ่น PM2.5, รังสียูวีจากความร้อน โดนผิวทีหน้าก็มัน เหงื่อไหล, มลภาวะจากรถเมล์เอย มอเตอร์ไซค์เอย ร้านหมูปิ้งข้างทางเอยที่มาเกาะติดหน้า แล้วทิ้งไว้ 8-9 ชั่วโมงเนี่ยนะ ขนลุก!

ไม่ว่าจะขี้เกียจ เหนื่อย เพลียมากแค่ไหน ยังไงก็ต้องฝืนสังขารตัวเองมาเช็ดหน้าออกให้สะอาดให้ได้ ถ้าการใช้คลีนซิ่งบาล์มหรือชุบรีมูฟเวอร์ขวดใส่สำลีแล้วเช็ดมันยุ่งยากเกินไปอย่างน้อยก็ขอให้มี' Cleansing Wipes 'หรือรีมูฟเวอร์แบบแผ่นเช็ดหน้าสำเร็จรูป ที่หยิบขึ้นมาเช็ดได้ทันที คราวนี้จะน็อกสลบไปยาวๆ ก็นอนไป สิวไม่มากวนใจแน่นอนค่า

รูปภาพ:https://media.giphy.com/media/xT1R9LrLrf84hLerWE/giphy.gif

--------------------------------------

ความโป๊ะๆ เด๋อๆ ของมือใหม่สายบิวตี้มันก็จะมีประมาณ 7 ข้อนี้เลยค่ะซิสขา เผลอทำแบบไหนไปบ้าง มากระซิบบอกเราได้น้า ไม่ผิดๆ ก็เราไม่รู้นี่นา! หลายคนเพิ่งจะมาเริ่มดูแลตัวเองตอน 20+ ยังงงๆ กับอะไรคือโทนเนอร์ อะไรคือเอสเซนส์อยู่เลย ซึ่งรายละเอียดในวงการสกินแคร์มันมีเยอะม้ากก เรียนรู้เท่าไหร่ก็ไม่หมด เอาจริงก็ไม่จำเป็นต้องรู้แบบคอมพลีทลี่ 100% ขนาดนั้นก็ได้ เอาแค่หลักๆ ที่ทำให้ผิวของเธอดูดีขึ้นก็พอที่ต้องจำให้ขึ้นใจคือ >> รู้จักขั้นตอนพื้นฐานของ skincare routine, ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างเบามือและถูกวิธี, ทาครีมบำรุงกับผิวที่ชุ่มชื้น ทาให้ไปถึงลำคอและส่วนอก, พิจารณาส่วนประกอบในฉลากก่อนใช้ทุกครั้ง และไม่ละเลยการเช็ดทำความสะอาดเมคอัพก่อนนอน!! เท่านี้เธอก็มีผิวหน้าที่สวยปังได้แบบไม่ยากเย็นแล้วละค่ะ ยังไงเอาไปปรับใช้กันดูน้า วันนี้เราขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายย (´。• ω •。`) ♡