รูปภาพ:https://data.whicdn.com/images/352762549/original.gif

Bonjour Mademoiselle!สวัสดีค่ะสาวๆSistaCafeคนสวยทั้งหลาย ❤

ขอเกริ่นนำกันแบบสาวปารีเซียงสักเล็กน้อย... เพราะบทความในวันนี้เราจะพูดถึงการบินลัดฟ้าไปทำงาน หาประสบการณ์ที่ ' ประเทศฝรั่งเศส ' กันค่ะ! ด้วยชื่อเสียงโดดเด่นระดับโลกในหลายด้าน เช่นการศึกษา อาหาร สถานที่ทางประวัติศาสตร์ สวัสดิการด้านสุขภาพ และที่สำคัญที่สุดคือความเท่าเทียมของมนุษย์!จึงไม่แปลกที่สาวๆ มากมายดิ้นรนเพื่อไปหาทั้งรายได้ที่มากขึ้น และบทเรียนใหม่ๆ จากที่นี่กัน ( หรือถ้าโชคดีก็อาจจะได้หนุ่มฝรั่งเศสมาครอบครอง ถือวีซ่าแต่งงานอยู่ยาวไม่กลับเลยก็ได้ ใครจะรู้ )

หากเธอเป็นคนหนึ่งที่ได้รับโอกาส ได้สัญญาจ้างงานพร้อมบินแล้ว นอกจากเรื่องวีซ่า หาที่พัก อีกหัวข้อที่ควรทำการบ้านก็คือธรรมเนียมปฏิบัติในวัยทำงานของชาวฟรองเซ่ ซึ่งมีความยูนีค ต่างกับชนชาติอื่นๆ อยู่พอสมควรในบทความนี้เราจึงรวบรวม' 7 วัฒนธรรมการทำงานของคนฝรั่งเศส 'รู้ว่าเขาปฏิบัติตัวกันยังไง มีแนวทางทำงานแบบไหน ไปถึงจะได้ไม่ Culture Shock กันนะคะซิสขา!

1. อาจจะต้อง ' จุ๊บแก้ม ' ทักทายเพื่อนร่วมงาน ทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก!

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/PbGr34773.jpg

ข้อแรกที่สาวๆ ไทย หรือที่จริงก็ฝั่งเอเชียทั้งหมดนั่นแหละ น่าจะเกิด Culture Shock แน่ๆ ก็คือการทักทายชาวฝรั่งเศสตามธรรมเนียมดั้งเดิมด้วยการ' แนบแก้ม ' หรือที่เรียกว่า La Biseนั่นเอง หากเธอเข้าไปทำงานที่ทำงานใหม่ในฝรั่งเศสเป็นครั้งแรกในตอนเช้า เธอต้องไปแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมงานทีละคน


หากเป็นบริษัทข้ามชาติตามปกติทั่วไปก็จะแค่จับมือและทักทายว่า " Bonjour ( สวัสดี ) " แต่ถ้าเป็นพนักงานหญิงและอยู่ในบ. ฝรั่งเศสดั้งเดิม เธออาจจะช็อกเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้ามาใกล้แทบจะจุ๊บอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ว่าเขาพิศวาสอะไรเธอนะ มันเป็นการทักทายเฉยๆ ค่ะ!

ต้องบอกก่อนว่า แม้จะบอกว่าแนบแก้มหรือจุ๊บแก้ม แต่ก็ไม่ได้เอาปากไปแตะกันจริงๆ หรอกนะ เหมือน ' แกล้งๆ ' แนบแก้มหรือจุ๊บอากาศมากกว่า ไม่ได้สัมผัสเนื้อหนังกันโดยตรงขนาดนั้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่รับได้กับการเข้าใกล้ตัวคนอื่นที่ไม่ได้สนิท ไม่ได้รู้สึกสิเน่หาด้วย


บางคนถึงขั้นยอมมาสายหน่อยเพื่อจะได้เข้าออฟฟิศแล้วทำงานเลย เลี่ยงการทำ La Bise ก็มีค่ะ ( ดีหน่อยที่การแนบแก้มนิยมทำแค่ช่วงเช้า ไม่ต้องทำตอนจะเลิกงานด้วย ไม่งั้นคงขนลุกซู่ไม่เบา เพศเดียวกันยังพอว่า เพศตรงข้ามนี่ทำตัวไม่ถูกเลย )

2. ' เวลาเข้างาน ' ค่อนข้างช้ากว่าออฟฟิศปกติในไทย

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/7aYn34774.jpg

ข้อต่อมา เวลาเข้างาน! หากเธอเคยทำงานออฟฟิศที่ไทยมาก่อน หรือเคยเห็นพ่อแม่ทำงาน ส่วนใหญ่เวลาตอกบัตรเข้าจะอยู่ที่ประมาณ 8 โมงเช้า มากสุด 8 โมงครึ่ง แม้ว่าบริษัทข้ามชาติยุคนี้จะเข้างานสายขึ้นแล้วก็ตาม แต่หลายๆ บ. ก็ต้องแหกขี้ตาตื่นมาตอกบัตรให้ทันอยู่ดี ในขณะที่ฝรั่งเศสไม่เป็นแบบนั้น!


ตามกฎหมายแรงงานของประเทศนี้บอกไว้ว่า จะทำงานได้ไม่เกินวันละ 7 ชั่วโมง หรือสัปดาห์ละ 35 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้บริษัทส่วนใหญ่ในเมืองน้ำหอมจะเข้างาน 8.30 เป็นต้นไปค่ะ

หากเป็นวัยทำงานที่มีครอบครัว มีลูกแล้ว พวกเขาก็จะใช้เวลาก่อนหน้านั้นพาลูกไปส่งที่โรงเรียนก่อนค่อยเข้าออฟฟิศ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาถึงประมาณ 9-9.45 โมง หากบวกไปอีกเจ็ดชั่วโมง ก็จะเลิกประมาณ 5-6 โมงเย็นพอดีค่ะ

( หากใครได้ดูซีรีส์ Emily in Paris จะเห็นฉากที่เอมิลี่มายืนรอหน้าออฟฟิศว่าทำไมไม่เปิด สรุปคือเปิด 11 โมงจ้าา ใช่ค่ะ วัฒนธรรมการทำงานของฝรั่งเศสเป็นแบบนี้แหละ! )

3. มีช่วง ' พักดื่มกาแฟ ' ช่วงสายๆ และช่วงพักกลางวันอีก 2 ชั่วโมง!

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/F48r34775.jpg

ใครที่เคยทำงานในบริษัทที่มีวัฒนธรรม ' เข้างานเมื่อไหร่ ต้องทำงานยิงยาวจนกว่าจะเลิกงาน พักกลางวันก็พักได้ไม่เต็มชั่วโมง! ' ซึ่งมักจะเป็นกับบริษัทส่วนใหญ่ในเอเชีย มาเจอการทำงานแบบฝรั่งเศสไป คงเหมือนอยู่กันคนละโลกเลยทีเดียว!

เพราะฝรั่งเศสคือเจ้าหญิงแห่งวงการพักผ่อน พักเบรกตอนสายๆ 10.15 นาที จิบกาแฟ คุยเรื่องแพลนที่จะทำวันนี้ สักพักพักกลางวัน ไปหาอะไรกินตามอัธยาศัย ก็ยิงยาว 2 ชั่วโมงไปเลยจุกๆ ช่วงบ่ายสามบ่ายสี่ก็พักจิบกาแฟอีก ไปเรื่อยจนกว่าจะเลิกงานค่ะ

การพักจิบกาแฟของเขา ก็คือพักจิบกาแฟจริงๆ บางทีก็คุยเรื่องงานไปด้วย ไม่ได้แอบไปอู้ ไปงีบแต่อย่างใด


และจะต่างกับวัฒนธรรมกาแฟของคนไทยตรงที่ว่า เราจะเน้นดื่มกาแฟหวานๆ หรือปรุงรสให้กลมกล่อม แต่คนฝรั่งเศสจะดื่มกาแฟดำ หรือเอสเพรสโซ่ช็อตเพียวๆ ขมๆ

ถ้าเธอจะพักน้อย เร่งทำงานให้เสร็จอยู่คนเดียวก็ไม่มีใครว่า ( แต่อาจจะโดนมองแปลกๆ ) แต่ถ้าไปกดดัน หาเรื่องคนที่เขาพักอยู่ให้มาทำงานกับเธอด้วย อันนี้มีปัญหาแน่นอน เพราะถือว่าเธอไปรบกวน ล้ำเส้นช่วงเวลาพักของพวกเขานะคะ

4. เข้างานช้า เลิกงานก็ช้า เร็วสุดคือประมาณหกโมงครึ่ง!

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/wWgQ34771.jpg

แม้ในกฎหมายแรงงานของฝรั่งเศส จะย้ำอย่างชัดเจนว่าลูกจ้างจะต้องไม่ทำงานเกินกว่าสัปดาห์ละ 35 ชั่วโมง แต่ในความเป็นจริงแล้วพนักงานส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เลิกงานเร็ว เป๊ะตามเวลาขนาดนั้น! อาชีพบางสายงานไม่ได้คำนวณเวลาทำงานของตัวเองด้วยซ้ำ เช่น สายไอที บัญชี วิศวกร HR หรือช่างเทคนิค


และมักจะอยู่เกินเวลา 35 ชั่วโมงเสมอ งานสายนี้จะเรียกว่างานบริษัท / งานนั่งโต๊ะหรือ white collar ( Cadres ) จะเลิกงานแบบปิดคอม คว้ากระเป๋ากลับบ้านจริงๆ เร็วสุดคือ 6 โมงครึ่งเป็นต้นไปค่ะ

ในอีกด้านหนึ่ง งานที่ไม่ใช่งานบริษัททั่วไปและนับจำนวนชั่วโมงทำงานชัดเจน จะเรียกว่า Non- Cadres เลิกงานไวกว่า แต่ส่วนใหญ่ก็จะไม่ออกก่อน 6 โมงเย็นอยู่ดี จึงทำให้มีกฎหมายออกมาว่า ต้องมีเวลาที่อยู่นอกเวลาทำงานไม่ต่ำกว่า 11 ชั่วโมง หรือไม่ให้ทำงานติดต่อกันนานจนเกินไป


แต่ถ้ามองโดยรวมจริงๆ คนฝรั่งเศสก็มักทำงานล่วงเวลากันนิดๆ หน่อยๆ แหละ แต่ไม่มีอยู่จนห้าทุ่มเที่ยงคืนเป็นแรงงานทาสแน่นอนค่ะ


5. ' การแต่งกาย ' ไปทำงาน ส่วนใหญ่เน้นแต่งเนี้ยบ ค่อนข้าง formal

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/TKZb34769.jpg

เนื่องจากประเทศฝรั่งเศสขึ้นชื่อเรื่องเมืองแฟชั่น ศิลปะวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ที่สวยงาม จึงส่งผลต่อการดูแลรูปลักษณ์เรื่องเครื่องแต่งกายด้วยเช่นกัน แม้เธอจะเข้ามาทำงานในบริษัทแนว Start Up เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นก็ตาม


หากมาอยู่ในฝรั่งเศส ธรรมเนียมการแต่งตัวจะค่อนข้างเนี้ยบ เท่ คลาสซี่ มีสไตล์กว่าชาติอื่นๆ ไม่ถึงกับต้องเป็นยูนิฟอร์มเหมือนกันหมด แต่ก็จะมีแฟชั่นไอเทมบางชิ้นที่เป็นภาคบังคับกลายๆ ว่าควรใส่ เช่น เบลเซอร์ สูท เดรส รองเท้าส้นสูง เป็นต้น

บางบริษัทต้องแต่งเนี้ยบทุกวัน แต่จะมีวันศุกร์ที่ประกาศให้เป็นวันสบายๆ แต่งตัวแบบไหนมาทำงานก็ได้ เรียกกันว่า ' Casual Friday ' แต่ไม่ใช่ว่าจะใส่เสื้อยืดคอกลม กางเกงเล รองเท้าแตะมาได้นะ ก็ต้องใส่ให้ดูดีระดับนึง

ถ้ามีพบลูกค้ากะทันหันต้องไปได้ทันที นึกถึงการแต่งกายแบบ Business Casual น่ะค่ะ เสื้อเชิ้ต ยีนส์ รองเท้าผ้าใบสนีกเกอร์ ฟีลนั้นเลย

6. หลายๆ ครั้งที่การประชุม ' ไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ' แต่เน้น ' คุย ' มากกว่า

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/CZPL34772.jpg

ข้อนี้คิดว่าสาวๆ ที่เคยทำงานบริษัทฝรั่งในไทยมาก่อน อาจจะรู้สึกหงุดหงิดบ้าง อันนี้เข้าใจได้! เพราะการประชุมในบริษัทฝรั่ง เช่น อเมริกัน ทุกมีตติ้งมีจุดประสงค์และต้องได้ผลลัพธ์ที่นำไปใช้ได้จริง หาทางออกและการแก้ไขปัญหาร่วมกัน พยายามหาวิธีแก้ปัญหาให้ได้ในวันนั้น ออกจากห้องปัญหาต้องจบ ไม่ยืดเยื้อ


แต่ถ้าไปทำงานในฝรั่งเศส หลายครั้งเวลานัดรวมประชุมกันจะเป็นแค่การ ' คุย ' หรือถกเถียงในลักษณะโต้วาที ( debate ) เมื่อความเข้าใจไม่ตรงกัน แต่สุดท้ายก็อาจจะไม่ได้ข้อสรุป เน้นแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมากกว่า

หัวข้อที่มักนำมาดีเบตกันในห้องประชุมฝรั่งเศสก็เช่น ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานหรือโปรเจคต์นี้, ประเด็นต่างๆ ในการทำงานที่อยากขยายรายละเอียด, สิ่งที่ควรนำมาด้วยเมื่อนัดประชุมครั้งต่อไป เป็นต้น


ถ้ามองในแง่ร้คนใจร้อน ก็จะดูว่ายืดเยื้อไม่รู้จักจบจักสิ้น แต่ถ้ามองอีกแง่ เราก็อาจได้มุมมองใหม่ๆ หรือวิธีแก้ปัญหาแบบคาดไม่ถึงจากการคุยกันปกติก็ได้

7. มีวันหยุดลางานขั้นต่ำ 5 สัปดาห์ ( สูงสุด 8-10 สัปดาห์ต่อปี )

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/5twi34770.jpg

ข้อสุดท้ายนี้เป้นธรรมเนียมที่สาวไทยต้องตาลุกวาว เพราะในไทยหาบริษัทแบบนี้ได้ยากมากถึงมากที่สุด แต่มันคือเรื่องทั่วไปมากในฝรั่งเศส! เวลาจะทำธุรกิจอะไรกับคนฝรั่งเศส เราต้องดูด้วยว่าใกล้จะถึงช่วงเทศกาลวันหยุดของเขารึยัง


เพราะเขาอาจจะหายไปยาวๆ เป็นเดือนเพราะกำลัง ' พักผ่อน ' อยู่ก็เป็นได้ ต่างจากบริษัทไทยหรือแถบเอเชียที่หยุดยาวเกิน 3 วันก็แย่แล้ว บางที่ต้องสลับกะมาเฝ้าบ. ด้วยซ้ำ

คนฝรั่งเศสจะได้รับสิทธิ์วันหยุดพักผ่อน ลาได้ติดต่อกัน 5 อาทิตย์ต่อปี แต่พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่อาจจะลาสูงสุด 8-10 สัปดาห์ หรือสองเดือนกว่าๆ เลยทีเดียว ช่วงหน้าร้อน ( กรกฎาคม-สิงหาคม ) ทางบริษัทจะกึ่งๆ บังคับให้ลาไปพักผ่อน Summer Holiday ขั้นต่ำ 3 อาทิตย์


ดังนั้นพนักงานที่ทำงานอยู่อาจจะหายไปเกินครึ่งในสองเดือนนี้! เดือนพฤษภาคมและธันวาคมก็เป็นช่วงที่วันหยุดราชการเยอะเช่นกัน ดังนั้นทำงานที่นี่ไม่ต้องห่วงทำงานจนตายคาโต๊ะ หรือทุ่มกับงานจน work life balance พัง เธอจะได้ทำงานตามสมควร พร้อมๆ กับได้ชาร์จพลังชีวิตไปด้วย บอกเลยว่าแจ่ม! #อยากให้ที่ไทยมีแบบนี้บ้าง

รูปภาพ:https://data.whicdn.com/images/352762549/original.gif

----------------------------------------อ่านจบถึงตรงนี้แล้ว มีความเลิกคิ้ว แอบอิหยังวะในใจกันบ้างไหมเอ่ย เราเชื่อว่าต้องมีบ้างแหละน่า! ถ้ามองแบบกลางๆ แม้แต่ในไทย วัฒนธรรมของที่ทำงานแต่ละที่ยังแตกต่างกันเลย นี่มาอยู่ต่างประเทศ ต่างภาษา ก็คงมีสิ่งที่เราไม่คุ้นชินหรือรู้สึกขัดเขินที่จะทำเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งทุกวัฒธรรมมันก็มีข้อดีข้อเสีย ถ้าอยากทำงานกับพวกเขาให้ราบรื่น ก็ต้องปร้บตัวให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกมองเป็นตัวประหลาด หรือทำงานติดขัดได้ ( ยิ่งเป็นคนต่างชาติก็อาจจะถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษด้วย เพราะฉะนั้นยิ่งต้องขยันและพยายามเป็นพิเศษเนอะ )เราเชื่อว่าสกิลเอาตัวรอดและกลมกลืน คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกอยู่แล้ว ทำตามกฎของสังคม อยู่ร่วมกันให้ได้แต่อย่าถึงขั้นสูญเสียความเป็นตัวเอง และโฟกัสประสิทธิภาพการทำงานของตัวเองก็เพียงพอ ธรรมเนียมไหนแอบไม่จอยก็ช่างมัน อย่างน้อยก็มีข้อดีที่มีวันหยุดยาวนะ ^^ สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อน ใครมีแพลนไปทำงานที่ฝรั่งเศสอยู่แล้ว ก็ขอให้โชคดีและมีความสุขนะคะ เจอกันใหม่ค่า Au Revoir!