สวัสดีค่าาา สาวๆSistaCafeคนดีคนเดิมของเรา ( ̄З ̄)เดี๋ยวนี้เทรนด์สุขภาพที่เคยเป็นกระแสมาแรง แทบจะกลายเป็นกระแสหลักในบ้านเราไปแล้ว เพราะคนไทยเริ่มตื่นตัวกับเรื่องสุขภาพ การเป็นโรคก่อนวัยอันควร อยากอายุยืน แข็งแรง หุ่นเป๊ะกันมากขึ้น แม้หลายคนจะยังชื่นชอบอาหารแคลอรีสูงๆ พาอ้วนอยู่ก็ใช้วิธีปรับส่วนผสมให้คลีนขึ้น มีประโยชน์มากขึ้น และสิ่งที่สำคัญแทบจะอันดับหนึ่งของผู้หญิงก็คือดังนั้นถ้าเป็นอาหารเฮลท์ตี้ที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ น้ำหนักลดได้แม้ไม่ได้ออกกำลังกาย ก็จะยิ่งได้แต้มต่อ' เมตาบอลิซึม ' หรือระบบเผาผลาญนั้น จะทำงานได้ดีหรือแย่อยู่ที่ระบบหลายส่วนในร่างกายมาทำงานร่วมกัน หากหนึ่งในระบบเหล่านั้นไม่มีประสิทธิภาพ ก็ทำให้การเผาผลาญไม่ดีเท่าที่ควร หากมีเมตาบอลิซึ่มสูง เรียกได้ว่าแต้มบุญดีกว่าหลายๆ คน เพราะแม้จะนั่งอยู่เฉยๆ ร่างกายก็เผาไขมันไปได้เรื่อยๆใครที่ไม่ได้มีร่างกายแบบนั้นโดยกรรมพันธุ์ ก็สามารถกินอาหารช่วยได้ หากไม่รู้จะกินเมนูไหน ลองมาส่องสูตรง่ายๆ ใน' 7 อาหารเฮลท์ตี้ ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ ผอมไวได้ถึงเป้าหมาย 'ในบทความนี้กันได้เลยค่า(。- ω -)

1. สมูทตี้มัทฉะมินต์ ( plant-based )

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/dEOa38524.jpg

หากสาวๆ อยากเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยสมูทตี้กระตุ้นการเผาผลาญ ละลายไขมัน จะมีอะไรดีไปกว่า ' ชาเขียวมัทฉะ ' จากญี่ปุ่น ที่มีงานวิจัยค้นพบว่าสาร epigallocatechin gallate ( EGCG ) ช่วยสลายไขมันและขัดขวางการก่อตัวของไขมันหน้าท้องได้! ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะโพลีฟีนอล

ลดความเสี่ยงการเกิดโรคร้าย ชะลอความเสื่อมของเซลล์ แต่ถ้าดื่มเปล่าๆ รสชาติอาจจะจืดค่อนไปทางขม จึงแนะนำให้เพิ่มรสชาติด้วยน้ำผึ้งและใบมินต์ หากโรยดาร์กช็อกโกแลตด้วยก็ยิ่งช่วยเผาผลาญยิ่งขึ้น เป็นเครื่องดื่มเฮลท์ตี้ที่ซิสไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

ส่วนผสม- กล้วยแช่แข็ง 1 ผล หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ- ผักโขม baby spinach 1/2 ถ้วย- น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา- ใบมินต์สด 1 กำมือ- ผงชาเขียวมัทฉะ 1 ช้อนชา- ผงต้นอ่อนข้าวสาลี 1 ช้อนชา- ก้อนน้ำแข็ง 1/2 ถ้วย- น้ำเปล่า 3/4 ถ้วยวิธีทำ

- โยนส่วนผสมทุกอย่างลงไปในเครื่องปั่น เริ่มปั่นจากความเร็วต่ำ แล้วค่อยๆ เพิ่มความเร็วเป็นปั่นแรงสุด ใช้เวลา 1-2 นาที หรือจนกว่าเนื้อจะนุ่มเนียน พร้อมเสิร์ฟ*สามารถเพิ่มท็อปปิ้งได้ตามอัธยาศัย เช่น ดาร์กช็อกโกแลต ผลไม้สด เป็นต้น

2. แพนเค้กโฮลเกรนทาเนยถั่วมะม่วงหิมพานต์ ( plant-based )

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/5ahY38523.jpg

แม้' แพนเค้ก 'มักเป็นภาพจำของมื้อเช้าอ้วนๆ เพิ่มน้ำหนักของฝรั่ง แต่ถ้าเรารู้จักเลือกส่วนผสมที่มีประโยชน์ จากอาหารที่มีแต่แป้งกับไขมัน ก็กลายเป็นอาหารเฮลท์ตี้เพิ่มการเผาผลาญได้ เช่นเปลี่ยนประเภทแป้งแพนเค้กปกติ เป็นสูตรโฮลเกรน! ทำให้ร่างกายอิ่มนานขึ้น ได้สารอาหารเยอะขึ้น

เมื่อผสมกับนมกัญชงหรือนมจากพืชทั้งหลาย ก็ช่วยเพิ่มรสชาติหอมมันจากถั่วโดยที่แคลอรีน้อยนิด เนยถั่วมะม่วงหิมพานต์เป็นแหล่งไขมันดี ช่วยกระตุ้นให้เบิร์นไขมันได้ดีกว่าเดิม เมื่อท็อปปิ้งด้วยผลไม้เบอร์รีและน้ำผึ้ง ก็ได้วิตามิน แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระควบคู่กันแบบครบเซต

ส่วนผสม- แป้งทำวาฟเฟิลหรือแพนเค้กสูตรโฮลเกรน 1 ถ้วย- นมกัญชง ( hemp milk ) *ถ้าไม่มีใช้นมอัลมอนด์ นมพิสตาชิโอก็ได้- เนยถั่วมะม่วงหิมพานต์ 2 ช้อนโต๊ะ- บลูเบอร์รี 1/2 ถ้วย- สตรอว์เบอร์รี 1/2 ถ้วย- กล้วย 1/2 ถ้วย- น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ1. ใช้ที่ตีไข่ ผสมแป้งทำแพนเค้กกับนมกัญชงให้เข้ากันในชามใบกลาง จนกระทั่งได้เนื้อเนียนไม่เป็นก้อน อุ่นกระทะเหล็กด้วยความร้อน medium-high เทส่วนผสมแป้งแพนเค้กลงไป 1/2 ถ้วย ทิ้งไว้จนแป้งเริ่มสุกเป็นฟองๆ ประมาณ 3 นาที พลิกกลับด้านอีก 1 นาที

2. ตักเนยถั่วมะม่วงหิมพานต์ลงไป โปะบนหน้าแพนเค้ก ( ถ้าอยากได้แพนเค้กตั้งเป็นทรงสูงสวยๆ ก็โปะเนยถั่วแล้วนำมาประกบเรียงกัน ) เสิร์ฟพร้อมผลไม้ ราดด้วยน้ำผึ้งเป็นอันเสร็จ

3. สมูทตี้ส้มสีเลือดใส่หัวบีท

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/uBPG38522.jpg

' หัวบีท 'ขึ้นชื่อในคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยให้ตับทำงานดีขึ้น เป็นแหล่งของธาตุเหล็กและวิตามินบีรวม หากกินสดๆ แล้วรสชาติไม่น่ารื่นรมย์เท่าไหร่ เราแนะนำให้นำมาปั่นเป็นสมูทตี้รวมกับ' ส้มสีเลือด 'ที่มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง เพื่อเพิ่มรสกลมกล่อมและความสดชื่น


ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ เพิ่มภูมิคุ้มกัน เบิร์นไขมันได้ดีเยี่ยม สูตรนี้ยังช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย ขับล้างสารพิษให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ใครที่กินหนัก กินเยอะ หรือเป็นสายดื่มแอลกอฮอล์ ต้องการกู้ร่างไวๆ สมูทตี้สูตรนี้คือนัมเบอร์วัน!

ส่วนผสม- หัวบีทหัวเล็ก 1 หัว- ส้มสีเลือดปอกเปลือกแล้ว 1 ผล- ขิงสดขูด 1 ช้อนชา- น้ำส้มคั้นสด 180 มิลลิลิตร- น้ำแข็ง 1/2 ถ้วยวิธีทำ- ผสมทุกอย่างลงไปในเครื่องปั่น เริ่มปั่นด้วยความเร็วระดับต่ำ เมื่อส่วนผสมเริ่มละเอียดแล้วปั่นระดับสูงสุด 1-2 นาทีจนเนื้อเนียนนุ่ม พร้อมเสิร์ฟได้เลย

4. เชียพุดดิ้งโกลเด้นมิลค์

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/vozy38520.jpg

เมล็ดเชียหรือ Chia Seeds เป็นที่รู้กันว่าสารอาหารสูงปรื๊ด! กินแล้วอิ่มนาน ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย เพราะเป็นแหล่งของไขมันดีและไฟเบอร์ ช่วยต่อต้านการอักเสบในร่างกาย ทำให้เผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น จะกินเพื่อลดน้ำหนัก คุมน้ำหนัก หรือแค่อยากกินวีแกน/ คีโต เมนูนี้ก็ตอบโจทย์เช่นกัน!

แนะนำให้กินเป็นมื้อเช้าแบบเบาๆ ไม่หนักท้องมาก แม้ส่วนผสมจะดูเยอะแต่ทำไม่ยากอย่างที่คิด เพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยขมิ้น อบเชย ขิง ใบกระวาน เพิ่มการเบิร์นไขมันเข้าไปอีก เพิ่มความหอมมันด้วยกะทิและวานิลลา เป็นอาหาร superfoods สุดเฮลตี้ที่ไม่อยากให้ซิสพลาดเลยค่ะ

ส่วนผสม- chia seeds 6 ช้อนโต๊ะ- ผงสตีเวีย ( หญ้าหวาน ) 2 ช้อนโต๊ะ- ขมิ้นผง 1 ช้อนชา- อบเชย 1/2 ช้อนชา

- ขิงขูด 1 ช้อนชา- ผงกระวาน 1/4 ช้อนชา *ใส่หรือไม่ก็ได้- เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา- พริกไทยดำป่นสด 1 หยิบมือ

- กะทิสด full-fat 1 กระป๋อง- Vanilla Extract 1/2 ช้อนชาวิธีทำ

1. เท chia seeds ใส่ชามใบใหญ่ ใช้ที่ตีไข่ผสมน้ำตาลเทียม ขมิ้น อบเชย ขิง ผงกระวาน เกลือและพริกไทยให้เข้ากันจนกระทั่งได้เนื้อเนียน เทกะทิกับวานิลลาลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง ระวังกะทิเป็นก้อน จะไม่อร่อย

2. แบ่งส่วนผสมออกเป็น 4 ชาม แรปปากชามด้วยพลาสติกใส นำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ( แนะนำให้แช่ข้ามคืน ) เพื่อให้เนื้อพุดดิ้งแข็งตัว *แนะนำให้เช็กเนื้อพุดดิ้งหลังแช่ 30 นาที ถ้าเนื้อเป็นก้อนๆ ให้นำออกมาคนให้เข้ากันอีกครั้ง เพื่อเนื้อนุ่มลิ้นนะคะ*

5. ไข่อบเห็ดและผักโขม 10 นาที

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/4H6L38521.jpg

เมนู ' ไข่ ' เชื่อว่าสาวๆ แทบทุกคนคงไม่ปฏิเสธ ทั้งอร่อย ทำอาหารได้แทบทุกชนิด เป็นแหล่งของโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ผสมกับผักโขมที่ช่วยต่อต้านการอักเสบในร่างกาย


เห็ดก็มีแคลอรีต่ำจนแทบจะเป็นศูนย์ คลุกเคล้ากับน้ำมันมะกอกที่เป็นไขมันดี เร่งเมตาบอลิซึม ควบคุมคอเลสเตอรอลในเลือด แถมใช้เวลาอบทั้งหมดแค่ 10 นาทีเท่านั้น เพิ่มไขมันเล็กน้อยด้วยเบคอนหรือแฮม รับรองว่ามื้อนี้อิ่มไปยาวๆ ถึงมื้อต่อไปแน่นอนค่า

ส่วนผสม- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ- หัวหอมสับหัวเล็ก 1 หัว- เห็ดหั่นสไลซ์ 2 ถ้วย- เบคอนหรือแฮม หั่นเป็นแผ่นบางๆ 4 แผ่น- ผักโขมแช่แข็ง ( ละลายน้ำแข็งแล้ว ) 1/2 ถุง หรือผักโขมสด 1 กำมือ- พริกขี้หนูเขียว นำไปย่าง 1/2 กระป๋อง

- เกลือและพริกไทย เพิ่มรสชาติ- ไข่ 4 ฟองวิธีทำ1. อุ่นเตาอบให้ร้อนที่ 190 องศาเซลเซียส อุ่นน้ำมันให้ร้อนในกระทะใบใหญ่ด้วยความร้อนระดับกลาง ใส่หัวหอม ผัดให้สุกประมาณ 3 นาทีหรือจนกว่าหัวหอมจะเป็นสีใสๆ ใส่เห็ดลงไป ผัดต่ออีก 5 นาทีหรือจนกว่าเห็ดจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน2. ใส่เบคอน ผักโขมและพริกขี้หนูเขียวลงไป ผัดต่ออีก 2-3 นาทีหรือจนกว่าผักโขมจะสุกดี หากผักโขมมีน้ำออกมา ค่อยๆ ตักออก เติมรสด้วยเกลือและพริกไทย3. แบ่งส่วนผสมออกเป็น 4 ชาม เทใส่ชามที่เข้าเตาอบได้ ( ทาเนยบางๆ ให้ทั่วก่อนเพื่อป้องกันส่วนผสมติดชาม )

4. ตอกไข่ลงไปในแต่ละชาม ให้ไข่แดงไม่แตกและยังอยู่ด้านบนเพื่อความสวยงาม นำชามเข้าไปอบจนกว่าไข่ขาวจะสุกแต่ไข่แดงยังเยิ้มๆ อยู่ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที พร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ

**หากต้องการโปรตีนเพิ่มเติม ใส่ชีส ไก่ ได้ตามใจชอบ หรือเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นขึ้นด้วยสมุนไพร เช่น พาร์สลีย์ ใบไทม์ โรสแมรี่ และครีม

6. ทาร์ตหน้าผลไม้สดและครีมสด

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/up1B38525.jpg

' ทาร์ตผลไม้ 'ชื่อก็ฟังดูเป็นขนมหวานชวนอ้วนทั่วๆ ไป แต่ถ้าปรับส่วนผสมให้ไขมันน้อยลง แคลอรีต่ำลง ก็กลายเป็นขนมเฮลท์ตี้ที่ช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึมได้นะคะซิส! ตัวแป้งทำจากเพรทเซลและแครกเกอร์ป่นจึงไม่หนักท้องเกินไป ไส้ผลไม้ตระกูลเบอร์รีจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง บำรุงสายตา กระตุ้นการขับถ่าย


หากท็อปปิ้งหน้าขนมด้วยอัลมอนด์ก็ยิ่งเริ่ด เพราะเป็นแหล่งของไขมันดี ช่วยเบิร์นไขมันส่วนเกินในร่างกายได้ด้วยค่ะ หากกลัวจะอ้วนเกินไป ก็เน้นผลไม้ ทาซอสตัสตาร์ดบางๆ ก็พอเนอะ ไปลองทำกันเลยค่า

ส่วนผสม( แป้งทาร์ตและซอสคัสตาร์ด )

- ขนมเพรทเซลแบบไม่ใส่เกลือ ทุบให้แตกละเอียด 2/3 ถ้วย- แครกเกอร์รสจืดป่นละเอียด 2/3 ถ้วย- เนยเหลว 4 ช้อนโต๊ะ- ไข่ขาวที่ตีแล้ว 1 ฟอง / ไข่แดงที่ตีแล้ว 2 ฟอง

- น้ำตาล 1/2 ถ้วย / แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ- เกลือ 1/4 ช้อนชา- นมสด 2 ถ้วย / วานิลลา 1 ช้อนชา( ไส้ผลไม้ 4 ไส้ )

- สตรอว์เบอร์รี, มะม่วง, กีวี, บลูเบอร์รี ทั้งหมดหั่นชิ้น ใช้ไส้ละประมาณ 2 ถ้วย ( ขึ้นอยู่กับว่าอยากได้ไส้ตู้มๆ แค่ไหน )( ท็อปปิ้งตามชอบ )- ถั่วอัลมอนด์

วิธีทำ1. อุ่นเตาอบให้ร้อนที่ 190 องศาเซลเซียสในชามขนาดกลาง ผสมเพรทเซล แครกเกอร์ และเนยเหลวให้เข้ากัน เทไข่ขาวลงไป กดส่วนผสมแป้งทาร์ตให้เท่าๆ กันทั้งบน ล่าง และด้านข้างของถาดอบทาร์ตขนาด 9 นิ้ว

2. นำเข้าเตาอบ 10 นาทีหรือจนกว่าแป้งทาร์ตจะแข็งตัว ทิ้งไว้บนตะแกรงให้เย็น3. ได้เวลาทำไส้ผลไม้! ใส่แป้งข้าวโพด น้ำตาลและเกลือลงไปในหม้อ ต้มและคนให้ส่วนผสมเข้ากัน ค่อยๆ เติมนมลงไป คนต่อด้วยความร้อนระดับกลางจนได้เนื้อเข้มข้นและเป็นฟอง ต้มต่ออีก 2 นาที4. ค่อยๆ ตักซอสในหม้อออกมาครึ่งหนึ่งเพื่อผสมกับไข่แดง ก่อนจะเทไข่แดงทั้งหมดลงไปในหม้อ คนใช้ไฟอ่อนอีก 2 นาที ปิดไฟยกลงจากเตา เติมวานิลลา เทใส่ชาม แร็ปปากชามด้วยพลาสติกใส นำไปแช่ตู้เย็น 1-4 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ โดยเทคัสตาร์ดลงไปในแป้งทาร์ต ท็อปปิ้งด้วยผลไม้ตามชอบได้เลยค่ะ

7. สลัดแตงกวาผักดอง

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/daZl38518.jpg

มาถึงเมนูสุดท้ายที่คนชอบกินผักจะต้องร้องว้าว! แม้วัตถุดิบหลักจะเป็นแตงกวาและหอมแดง แต่รสชาติอร่อยกว่าที่คิดเพราะมีการปรุงรสด้วยพระเอกของเมนูนี้คือ' น้ำส้มสายชูไวน์ข้าว 'ที่นอกจากได้รสเปรี้ยวถูกใจแล้ว ยังช่วยกระตุ้นยีนในร่างกายที่ปล่อยโปรตีนในการเผาผลาญไขมัน


เมื่อกินสลัดผักดองเป็นประจำจึงช่วยให้น้ำหนักลด ระบบเมตาบอลิซึมทำงานได้ดีขึ้น แถมเป็นเมนูที่เฮลท์ตี้สุดๆ ถ้าไม่ใช่สายวีแกน สามารถเติมโปรตีนอย่างเนื้อไก่ เนื้อปลาดอลลี่หรือปลาแซลมอนได้ตามชอบ จะกินเปล่าๆ หรือทำเป็นไซส์แซนด์วิชก็เริ่ดมากเวอร์ ต้องลอง!

ส่วนผสม- แตงกวา 1 ผล สไลซ์เป็นวงกลมบางๆ ขนาดใหญ่- หอมแดงหัวเล็ก 1 หัว สไลซ์บางๆ- น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ- น้ำส้มสายชูไวน์ข้าว 1/4 ถ้วย- น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ- เกลือ 1 ช้อนชา- พริกป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ- ใส่ส่วนผสมทุกอย่างในชามผสม คลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้ซอสซึมเข้าเนื้อประมาณ 15 นาที พร้อมเสิร์ฟ ( เก็บในตู้เย็นได้ 5 วัน )*ถ้าไม่ชอบแตงกวา จะเปลี่ยนเป็นแคร์รอต หัวบีท แรดิช หรือฟักทองได้ตามใจชอบ

---------------------------------------

7 สูตรอาหารเฮลท์ตี้ ช่วยจุดไฟเตาเผาในร่างกายก็จะมีประมาณนี้! เราคัดมาให้แล้วว่ามีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม และทำไม่ยากจนเกินไป ( อย่างสมูทตี้คือแค่โยนทุกอย่างใส่เครื่องปั่น ง่ายกว่านี้ไม่มีแล้ว ) แต่ละสูตรจะมีคุณสมบัติหลักคือช่วยให้ร่างกายนำไขมันเก่าสะสมออกไปใช้ได้ดีขึ้น ระดับเมตาบอลิซึมสูงขึ้น และยังได้ประโยชน์ด้านอื่นๆ ด้วยตามวัตถุดิบเสริมที่ใส่ เช่น ไฟเบอร์จากผัก สารต้านอนุมูลอิสระจากผลไม้ เป็นต้น ก็เลือกสูตรที่ชอบนำไปทำกันตามใจชอบได้เลยนะคะแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอเตือนไว้ก่อนว่า แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แต่มันก็ยังมีพลังงาน มีแคลอรี ถ้ากินเยอะเกินที่ร่างกายต้องการก็อ้วนขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้นควรกินแต่พอดี กินแทนอาหารที่ไม่มีประโยชน์ได้ แต่อย่ากินเกินพิกัด เพราะตอนออกกำลังกายเอาออกมันเหนื่อยนะจ๊ะ อิอิ! วันนี้ขอตัวไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้าค่า บ๊ายบาย (´。• ᵕ •。`)