Chapter 01 ll คู่หมั้น

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของนักเขียนเท่านั้น เนื้อเรื่อง สถานที่ วัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา เเละตัวละครไม่มีอยู่จริง ผู้อ่านที่น่ารักโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยจ้า ทั้งหมดคือการสมมุติเพื่อเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งหมดค่ะ

รูปภาพ:

บทที่ 1 การปรากฏตัวของว่าที่ภรรยาคุณเทียด


ปีคริสต์ศักราช 20XX

ภายในห้องชุดคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง เสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น หญิงสาวรูปร่างเพรียวส่วนสูงราวกับนางแบบ ใบหน้าสวยหวาน ดวงตาสีดำกลมโต ริมฝีปากอิ่มเข้ากับรูปหน้า กำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุขขณะที่เลือกหยิบเสื้อผ้าอยู่หน้ากระจก รอยยิ้มหวานปรากฏออกมาครั้นนึกถึงคำพูดของแฟนหนุ่มเมื่อสามวันก่อนที่ดังก้องในหัว

‘ที่รัก...เราแต่งงานกันนะ’

มิราวดีหยิบเสื้อผ้าขึ้นทาบตัวครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ยังไม่พอใจ วันนี้แฟนหนุ่มกำชับให้แต่งตัวสวยที่สุดด้วยแล้วยิ่งทำให้มั่นใจว่าจะต้องมีอะไรมาเซอร์ไพรส์อีกแน่นอน ดวงตากลมหันมองเสื้อผ้าหลายสิบชุดที่กองรวมอยู่บนเตียง หยิบยกขึ้นมาดูหลายทีโดยที่ยังตัดสินใจไม่ได้

ครืน ครืน

พอได้ยินเสียงสั่นข้อความเข้าจึงเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดอ่าน


รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าอย่างมีความสุข มองตัวอักษรที่ส่งผ่านทางข้อความอย่างเขินอาย มิราวดีวางโทรศัพท์ก่อนหันไปเลือกชุดต่อเมื่อรู้ว่าเสียเวลาไปนานพอสมควร มือหยิบชุดขึ้นทาบมองตัวเองสะท้อนจากหน้ากระจก ก่อนตัดสินใจเลือกชุดเดรสสั้นเหนือเข่าเข้ากับสีผิวและผมสีน้ำตาลเข้ม

เมื่อเลือกเสื้อผ้าที่จะสวมไปทานมื้อค่ำได้แล้ว หญิงสาวจึงรีบอาบน้ำออกมาแต่งหน้าทำผมใช้เวลาร่วมหนึ่งชั่วโมงกว่า มิราวดีส่องมองตัวเองหน้ากระจกอีกครั้งด้วยความมั่นใจ หยิบกระเป๋าและสวมรองเท้าที่เข้ากับชุดเดินออกจากห้องไป

ประตูห้องเปิดปิดอัตโนมัติผ่านลายนิ้วมือ เพราะยุคสมัยเปลี่ยนเทคโนโลยีความปลอดภัยจึงถูกปรับให้สะดวกสบายมากขึ้น มนุษย์แทบไม่ต้องทำอะไรเอง แม้จะเคยได้ยินคำบอกเล่าของย่าสมัยเด็กว่า เมื่อก่อนไม่ได้สะดวกสบายแบบนี้

“รอนานไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาหาแฟนหนุ่ม

ณัฏฐ์ แฟนหนุ่มของมิราวดีละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมองพลางส่งยิ้มให้

เธอสังเกตสีหน้าของแฟนหนุ่มดูไม่ดีนักจึงถามขึ้นว่า

“มีอะไรไม่สบายใจไหมคะ”

“มะ...ไม่มีหรอก” ชายหนุ่มยิ้มกลบเกลื่อน พลางลุกขึ้นจากโซฟา

“วันนี้คุณสวยมาก”

หญิงสาวยิ้มเขิน เมื่อได้รับคำชมจากอีกฝ่าย

“วันนี้มีอะไรเหรอ ทำไมถึงให้ฉันแต่งตัวสวย ๆ”

“ก็ดินเนอร์น่ะ” ณัฏฐ์ตอบพลางยิ้มเจื่อน ๆ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ในใจก็วิตกจนแทบทำอะไรไม่ถูก ถึงกระนั้นก็ยังยิ้มสู้แล้วพูดเสียงหวานให้แฟนสาว

“เราไปกันเถอะ เดี๋ยวจะหิวเอานะ”

“ค่ะ”

มิราวดีพยักหน้าเดินออกไปกับแฟนหนุ่ม เธอมีความสุขและไว้ใจเขามากที่สุด ณัฏฐ์คือคนเดียวที่คอยอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดตั้งแต่พ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน เปรียบเสมือนคนในครอบครัว ยิ่งมารู้ว่าเขาขอแต่งงานและพร้อมที่จะสร้างชีวิตเคียงคู่แล้ว ยิ่งทำให้มีความสุขราวกับว่าสวรรค์ไม่ได้ทอดทิ้งไปไหน

เสียงดนตรีขับบรรเลงในยามค่ำคืนของร้านอาหารบนดาดฟ้าโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมือง มิราวดีมองด้วยความตกใจและตื่นเต้นทันทีที่เดินเข้ามา ทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่มองจากตึกสูง แสงไฟบนถนน ดอกไม้ และเสียงเพลง รวมถึงกลิ่นหอมจากเทียนอ่อน ๆ ชวนผ่อนคลาย

ณัฏฐ์เดินเข้ามาสวมกอดหญิงสาวจากทางด้านหลัง กระชับวงแขนแน่นพลางจุมพิตที่ไหล่มน

“ชอบไหม”

“ชอบค่ะ ชอบมาก” หญิงสาวปริ่มยิ้มอย่างสุขใจ ทุกครั้งที่เขาบอกว่าอยากให้เธอมีความสุข ก็ไม่เคยที่จะผิดหวัง ทั้งยังได้อยู่ในอ้อมกอดด้วยกันแบบนี้ก็ไม่มีสิ่งใดมาเทียบได้อีก

“ฉันรักคุณนะคะ”

เป็นคำพูดที่ไม่ต้องใช้เวลาไตร่ตรองให้นาน เธอพูดออกมาด้วยความรู้สึกยินดี

“คุณหิวแล้ว เรามากินข้าวกันเถอะ” ณัฏฐ์เอ่ยพลางยกมือบอกให้บริกรเสิร์ฟอาหารที่สั่งไว้ เขาพาเธอมานั่งรับประทานอาหารมื้อค่ำที่จัดเตรียมไว้พิเศษ ทั้งเมนูโปรด เสียงเพลงและความเป็นส่วนตัว

เธอตักอาหารเข้าปากพลางเหลือบมองชายหนุ่ม ก่อนวางช้อนส้อมลงเอื้อมมือหยิบน้ำดื่ม

“ขอบคุณมากนะคะ ความจริงแล้วให้ฉันทำอาหารกินด้วยกันก็ได้ค่ะ แค่ได้อยู่กับคุณก็พอ”

“แต่วันนี้เป็นวันพิเศษนะ วันที่เราพบกันครั้งแรกไง ผมอยากให้คุณเซอร์ไพรส์”

“ขอบคุณค่ะ เอ่อ...แล้วเรื่องงานแต่ง...” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเพราะเกรงว่าการเตรียมจัดงานแต่งจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานที่กำลังก้าวหน้าของเขา

ณัฏฐ์นิ่งเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม

“เรื่องงานแต่งคุณไม่ต้องห่วง”

“ค่ะ ฉันกลัวว่าคุณจะไม่มีเวลาก็เลย...”

ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือของหญิงสาวและเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม

“ที่รัก ผมมีเวลาให้เสมอนะ ไม่ว่างานจะเยอะแค่ไหน ผมก็อยากให้วันแต่งงานของเราสองคนเป็นวันที่ดีที่สุด”