1. SistaCafe
  2. [ Novel ] หนีรักมาพบคุณ : บทที่ 9

บทที่ 9

ถลัชนันท์ส่งสายตามองด้วยความตกใจเล็กน้อย มือและร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่ แน่นอนว่าไม่เคยลืมเลยว่ารถคันนี้เป็นของใคร


ผู้ชายเลว ๆ คนนั้นนั่นเอง...


ดวงตากลมมองด้วยความตกใจและสั่นเทา ถลัชนันท์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหันมองศรันภัทรทันทีที่รถหยุดจอดลง แล้วฝืนยิ้มหวานให้ชายหนุ่มตรงหน้าราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไร


“ขอบคุณค่ะ” ทันทีที่กล่าวจบก็รีบหันตัวเพื่อเปิดประตูออก ทว่า...


“แฟนคุณใช่ไหม ?” ศรันภัทรก็เอ่ยถามออกมาทำให้เธอหยุดชะงักลง


ถลัชนันท์หันกลับมา “ก็แค่เคยนี่คะ ทำไมหรือคะ?”


“เปล่า” ศรันภัทรตอบเสียงสูงแล้วเงียบนิ่งไม่พูดอะไรอีก จนกระทั่งหญิงสาวเปิดประตูลงจากรถไปแล้ว เขาก็ส่งสายตามองไปยังรถที่จอดอยู่ตรงหน้านั้นทันที นั่นเป็นสิ่งที่เดาไม่ผิดอย่างแน่นอนว่าเธอยังคงมีใจให้ผู้ชายคนนั้นอยู่ ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ชายหนุ่มมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง


ทางด้านถลัชนันท์ก็เดินมาที่หน้าประตูโดยไม่คิดจะสนใจรถที่จอดอยู่ แม้ว่าเจ้าของนั้นจะเดินก้าวเข้ามาหาก็ตาม


“เดี๋ยวสิรัก คุยกับพี่ก่อน” อรรถนนท์วิ่งเข้าไปหาและเอื้อมมือคว้าที่ต้นแขน ทำให้ถลัชนันท์หันมามองด้วยสายตาที่ไม่พอใจก่อนจะใช้แรงพยายามสะบัดออกอย่างทันที

“เอามือสกปรกออกไป ! ”


“ฟังพี่ก่อนสิ ได้ไหม? “


ถลัชนันท์ส่งสายตามองอย่างสมเพช “จะตอแหลอะไรอีกล่ะ ? ”


“รัก ! ทำไมพูดกับพี่แบบนี้ !” อรรถนนท์ไม่พอใจ


“ทำไม !” ถลัชนันท์ข่มน้ำเสียงส่งสายตาจ้องมองด้วยความขุ่นเคือง ที่ผ่านมาตลอดหลายปีไม่เคยนอกใจเขาสักนิดทั้งยังพยายามทำตัวให้ดีขึ้น แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นเขาที่ทรยศต่อความรักของเธอ “กลับไปเถอะ รักไม่อยากจะคุยอีก...”


อรรถนนท์ตั้งสติใหม่อีกครั้ง แล้วสบตามองหญิงสาว “รัก...พี่ขอโทษ ให้โอกาสพี่อธิบายได้ไหม มันไม่ใช่แบบที่รักเข้าใจนะ”


“พอเถอะค่ะ เรื่องของเรามันจบลงแล้ว”


ถลัชนันท์พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า


“ในร้านอาหารที่รักเห็นมันไม่ใช่เลยนะ”


หญิงสาวหัวเราะอย่างสมเพช “เหอะ ! ร้านอาหารงั้นเหรอ แต่ที่รักเห็นคือพี่นอนกับผู้หญิงคนนั้น ! และคบกันลับหลังมาตั้งหนึ่งปี นี่น่ะเหรอที่จริงใจ”


อรรถนนท์สะอึกโดยไม่กล้าพูดอะไรต่อ

“อย่ามาที่นี่อีก อย่าให้รักขยะแขยงมากกว่านี้...”


เมื่อพูดจบถลัชนันท์ก็เดินเข้าไปในบ้านทันทีทิ้งให้อีกฝ่ายยืนอึ้งอยู่โดยไม่สนใจ ครั้นเดินเข้ามาในห้องรับแขกพบว่าน้องสาวกำลังนอนดูโทรทัศน์อย่างสบายใจ ทั้งท่าทางที่นอนกึ่งนั่ง และขนมในมือแล้วช่างน่าอิจฉาเสียจริง


“กลับมาแล้วเหรอ?”


“อืม กลับมาแล้ว” ถลัชนันท์ตอบด้วยน้ำเสียงเอื่อย ๆ พลางวางกระเป๋าแล้วนั่งลงที่โซฟาข้างน้องสาว


“เป็นไง ? ทำไมทำหน้าตาแบบนั้น”


หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างหนักเมื่อได้ยินคำถาม เธอไม่รู้ว่าจะเรียงคำพูดอย่างไรเพื่อเล่าเรื่องอัดอั้นทั้งหมดให้ฟังดี ทั้งที่จริงแล้วจะตอบปฏิเสธงานแต่งไปตั้งแต่คราวก่อนก็ได้แล้วแท้ ๆ แต่เพราะว่าความขุ่นเคืองและน้อยใจยังคงมีอยู่ จึงไม่สามารถพูดปฏิเสธงานแต่งไป


“ไม่รู้สิ”


“เรื่องพี่อาร์ตเหรอ ? เมื่อกี้จอมเห็นเขามาหาพี่นะ กดกิ่งถามหาอยู่แต่จอมบอกพี่ไม่อยู่น่ะ ไม่รู้ป่านนี้กลับไปแล้วหรือยัง” ลฎาภาเอ่ยขณะที่สายตายังจ้องมองโทรทัศน์อยู่



ถลัชนันท์ถอนหายใจออกมาเสียงดังโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ลฎาภาขยับตัวลุกขึ้นแล้วหันมาถาม “พี่จะดูต่อใช่ไหม ? งั้นอย่าลืมปิดด้วยละ”“ไม่ละ ปิดไปเลย”ลฎาภามองก่อนเดินไปปิดและถอดปลั๊กออก“ไปนอนละ พี่ก็รีบนอนได้ละนะ”หลังจากที่น้องสาวเดินลับสายตาไปแล้วถลัชนันท์ก็ยังคงนั่งอยู่ไม่ไปไหน นานเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าที่จะลุกขึ้นเดินมายังห้องนอน...ผ่านมาแล้วไม่รู้กี่วันที่ชีวิตของลฎาภายังคงว่างงานอยู่ แม้จะลองหางานที่อื่นๆ ดูระหว่างรอผลสัมภาษณ์ แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า อาจเป็นเพราะเธอเลือกสถานที่ทำงานที่เดินทางสะดวกด้วยก็เป็นได้จึงทำให้ยังไม่ได้งานสักทีครืน—ครืน


แรงสั่นจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ลฎาภาเอื้อมมือหยิบดูก่อนกดรับทันทีที่รู้ว่าคนที่โทร.มาคือเพื่อนสนิทสมัยมัธยม“ว่าไงจ๊ะ คุณครูคนสวย” หญิงสาวเอ่ยทักทาย[ยัยจอม โทษทีนะ ฉันเพิ่งหาเวลาว่างได้]“แล้ว...”[แกว่างไหม ช่วงนี้น่ะ]“ก็ว่างอยู่หรอก แต่จะไปไหนเหรอ?” ลฎาภาเอ่ยถามขึ้นเพื่อรอคำตอบของอีกฝ่ายก่อนตกลง[ไปกินบุฟเฟต์ไหม ? วันนี้มีโปรโมชั่นลดอยู่ มีเรื่องอยากคุยเยอะเลย]ถ้าแค่กินก็โอเคเพราะเดินช้อปปิ้งด้วยเธอคงไม่ไหวอย่างแน่นอน อีกอย่างช่วงนี้ต้องใช้เงินเก็บอย่างประหยัดทั้งที่ไม่อยากนำเงินเก็บออกมาใช้จ่ายเลยแท้ ๆ จนกว่าจะหางานใหม่ได้ก็คงต้องตัดรายจ่ายไม่จำเป็นออกไป“ถ้าแค่บุฟเฟต์ก็ได้อยู่นะ แต่เรื่องช้อปปิ้งฉันบาย” หญิงสาวพูดขึ้นทันที เพราะเกรงว่าถ้าหากไปเดินด้วยกันแล้วอาจจะอดใจไม่ไหว “แกไม่ได้จะไปเดินช้อปปิ้งด้วยใช่ไหม ?”อาจจะเป็นการปฏิเสธแบบแล้งน้ำใจไปเสียหน่อย แต่จะให้ทำอย่างไรได้กันในเมื่อตอนนี้ยังว่างงานอยู่[ไม่ช้อปหรอก ฉันแค่อยากคุยเล่นแหละ งั้นศุกร์นี้เจอกันนะ]


“โอเค แล้วเจอกันจ้า” ลฎาภาตอบรับทันที ขณะที่อีกฝ่ายตอบแล้ววางสายไปหญิงสาววางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะถอนหายใจออกมา แล้วเปิดอีเมลเพื่อส่งจดหมายสมัครงานต่อก่อนจะเดินออกจากห้องมายังห้องครัวเพื่อทำอาหารกินมื้อกลางวันลฎาภาใช้เวลาทำอาหารและรับประทานในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เดินกลับเข้ามาในห้องนั่งอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์เช่นเดิม คราวนี้ไม่ได้นั่งหาบริษัทเพื่อสมัครงาน แต่กลับเป็นการหาละครย้อนหลังดู จนกระทั่งมีอีเมลเด้งขึ้นมา หญิงสาวจึงกดพักละครเอาไว้แล้วเปิดอ่านทันทีดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ริมฝีปากอ้าค้างก่อนจะกรี๊ดลั่นออกมาเสียงดังแล้วลุกขึ้นวิ่งไปรอบห้องราวกับถูกรางวัลที่หนึ่งเธอได้งานทำแล้ว !ลฎาภาตั้งสติและเดินเข้ามาอ่านอีเมลอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเป็นที่สุดเหมือนว่าได้โชคใหญ่เข้ามา  ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้เข้าไปทำงานในบริษัทใหญ่ทั้งที่ใจนั้นไม่กล้าคาดหวังเลยสักนิดแน่นอนว่าวันนี้เป็นวันดีที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา...เรื่องนี้จะทยอยอัปให้นะคะ ขอบคุณทุก ๆ คนที่ติดตามมาก ๆ ค่าจะมาเเจ้งว่าติดตามนักเขียนช่องทางที่ลงไว้ในโปรไฟล์ได้เพื่อติดตามข่าวสารการอัปเดทนิยายเรื่องอื่น ๆ นะคะ

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้