บทที่ 11

“ป๊ะป๋าบอกว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้า คุณป้าเป็นคนแปลกหน้า”

คุณป้า ?!

หญิงสาวรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย เมื่อได้ยิน แต่เพราะความน่ารักและแก้มทั้งสองข้างนั้น ทำให้เธอใจอ่อนอีกครั้ง

“ยัยจอม ดูท่าแกจะชอบเด็กคนนี้มากเลยนะ” เกณิกาเดินเข้ามาหา

“ก็น่ารักนี่ ฉันชอบเด็กผู้ชาย แก้มกลม ๆ ตาตี๋ น่าร้ากอะ” หญิงสาวพูดขณะที่มองเด็กชายหันหน้าหนีและเล่นลูกบอลเพียงลำพัง ก่อนหันมาเอ่ยถามเกณิกาต่อไปว่า “แล้วพ่อของเขาจะมารับตอนไหนล่ะ”

เกณิกาเมื่อได้ยินก็ถอนหายใจออกมา ไม่กล้าพูดเพราะเกรงใจเพื่อนรักนั่นเอง ทั้งที่เป็นฝ่ายนัดแท้ ๆ

“ฉันไม่รู้เหมือนกัน ขอโทษนะแก เด็กคนนี้ถ้าวันไหนที่พ่อของเขามารับช้า ครูเวรประจำวันบางครั้งต้องอยู่รอจนกว่าจะมารับ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะมารับตอนไหน...”

ลฎาภาส่งสายตามองไปที่เด็กน้อยอีกครั้งหนึ่ง “แล้วแม่ของเขาล่ะ ทำไมไม่มารับแทน”

“ฉันก็ไม่รู้นะตั้งแต่เด็กคนนี้เข้าเรียน ก็มีแต่พ่อของเขาที่มารับ อีกอย่างแกก็ดูไม่ใช่เด็กมีปัญหาอะไรด้วย”

หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับ แล้วเดินเข้าไปหาเด็กชายอีกครั้ง

รูปภาพ:

“มาโยนบอลเล่นกันไหม ?”เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจแล้วพูดขึ้นว่า “คุณป้าจะเล่นเหรอ”ลฎาภาฉีกยิ้มหวานแล้วกัดฟันพูดว่า “ต้องเรียกพี่สาวสิจ๊ะ”“ไม่เอา”หญิงสาวยังคงฉีกยิ้มหวานให้เด็กน้อยอยู่ทั้งที่ในใจก็รู้สึกขุ่นเคืองกับคำพูดเกินอายุ เธอยังไม่แก่มากขนาดนั้นสักหน่อย เรียกซะเสียหายหมด

“งั้น เรามาเล่นกันเถอะ”เมื่อพูดจบก็เดินไปแล้วหยิบบอลขึ้นมา เด็กชายมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจสักเท่าไหร่ ครั้นหญิงสาวโยนบอลส่งให้เด็กน้อยรับและโยนส่งกลับใบหน้าที่บูดบึ้งก็ค่อย ๆ มีรอยยิ้มปรากฏออกมาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานมากขนาดไหนที่ลฎาภาโยนบอลเล่นกับเด็กชายจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าลงเรื่อย ๆ กำลังแรงกายของเธอก็ตกเพราะเหนื่อยล้าจากการวิ่งไปมานั่นเอง หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ ยกมือขึ้นโบกพัดใบหน้าคลายความร้อน“ฉันไปล้างหน้าก่อนนะแก” ลฎาภาเดินเข้าไปหาเกณิกาแล้วหันมองเด็กชายที่กำลังโยนบอลเล่นอยู่เพียงลำพังต่อโดยไม่สนใจเธอ ครั้นเพื่อนสาวพยักหน้ารับเธอจึงเดินเข้าไปข้างในเพื่อล้างหน้าล้างตาให้หายเหนื่อย ก่อนจะเดินออกมาพอดีกับที่สายตามองเห็นเด็กชายเดินจูงมือผู้ชายคนหนึ่งออกไปหญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นในทันที “เด็กคนนั้นกลับแล้วเหรอ ?”

รูปภาพ:

เกณิกาพยักหน้าแทนคำตอบก่อนพูดขึ้น “งั้นแกรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปเอาของก่อน”

ลฎาภาพยักหน้าก่อนจะเดินมาหาที่นั่งรอที่โต๊ะหินอ่อน ไม่นานนักเกณิกาเดินออกมาพร้อมสัมภาระและสะกิดเรียก “ไปกันเถอะ”

หญิงสาวทั้งสองเดินออกมาจากรั้วโรงเรียนและโบกแท็กซี่เพื่อไปยังจุดหมาย แต่กว่าที่จะเดินทางมาถึงและเลือกร้านเข้ามานั่งกินกันได้ใช้เวลาเกือบชั่วโมง แน่นอนว่าตอนนี้ความหิวได้ครอบง่ำจิตใจของลฎาภาไปเรียบร้อย ทันทีที่ที่เนื้อหมูสดถูกเสิร์ฟลงมาบนโต๊ะหญิงสาวก็หยุดบทสนทนาลงและใช้ตะเกียบคีบเนื้อหมูลงกระทะอย่างทันที เมื่อเต็มเตารอให้สุกแล้วหญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อเปิดบทสนทนาต่อไป

“จริงสิ เห็นว่าพี่รักจะแต่งงานในเร็ว ๆ นี้แล้วนะ”“หา !” เกณิกาส่งเลียงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนถามต่อไปว่า “กับพี่อาร์ตอะไรนั่นใช่ไหม ? ”ลฎาภาส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมา “ไม่รู้เหมือนกัน”เกณิกาเมื่อได้ฟังก็ขมวดคิ้วชนกันด้วยความงุนงง“พี่รักเลิกกับพี่อาร์ตแล้วน่ะ ส่วนผู้ชายที่จะแต่งงานด้วยฉันไม่รู้จักหรอก” ลฎาภาพูดด้วยสีหน้าหนักใจ เพราะเป็นห่วงเรื่องการแต่งงาน แต่นั่นเป็นความต้องการของพี่สาว ซึ่งเธอเองก็ได้เพียงแต่หวังให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี อีกอย่างตอนนี้ให้ล้มเลิกงานแต่งคงไม่ทันการแล้ว เพราะแจกการ์ด ตัดชุดอะไรเสร็จเรียบร้อย ไม่คิดว่าจะรวดเร็วปานสายฟ้าแลบในเวลาไม่ถึงเดือน“แกคิดว่า คนที่เพิ่งเจอจะรักกันตอนแต่งงานไหม”เกณิกายิ้มที่มุมปากหัวเราะออกมา “จอม เรื่องความรักมันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน เราไม่รู้หรอกวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร”หญิงสาวยิ้มเจื่อนที่มุมปากราวกับว่าไม่ค่อยเชื่อในความรักสักเท่าไหร่“ไม่นะ ฉันไม่ค่อยสนใจกับเรื่องแบบนี้”“แกควรจะสนใจหน่อยก็ดีนะ”“ไม่อะ ขี้เกียจมีปัญหาตามมาทีหลัง”เมื่อเกณิกาได้ยินก็ส่ายหน้าออกมาคบกันมาเป็นสิบปี ใช่ว่าเพื่อนของเธอไม่มีผู้ชายเข้ามาจีบ แต่เจ้าตัวกับสร้าง กำแพงขึ้นมาปฏิเสธความรักที่เข้ามาเพียงบอกแค่ว่า ‘รักกันมากแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องเลิกกันอยู่ดี’“แกก็เป็นซะแบบนี้” เกณิกามองเพื่อนสนิทแล้วถอนหายใจออกมา“เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะ” ลฎาภาตัดบททันทีก่อนก้มหน้าก้มตากินโดยไม่สนใจอะไร ไม่มีความรักก็ไม่ได้ตายสักหน่อย อยู่แบบนี้ไปก็มีความสุขดีแล้วติดตามผลงานนักเขียนได้ที่ Mamaya Writer