บทที่ 22
ทางด้านอวิ่นเยว่ที่ปิดประตูห้องนอนลงแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพึงใจ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอนของลูกชาย…
เช้าวันรุ่งขึ้นลฎาภาตื่นตั้งแต่เสียงนาฬิกาในโทรศัพท์ยังไม่ปลุก เป็นการนอนที่ยากจะหลับลงจริง ๆ ถึงแม้ว่าแอร์จะเย็น เตียงจะใหญ่เเละนุ่มมากก็ตาม แต่สมองของเธอกลับนอนไม่หลับ
โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ป้าผ่องก็คงจะกลับมาแล้ว เธอคงขอลากลับบ้านไปอาบน้ำเเละเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่
ลฎาภาขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงหยิบเสื้อผ้าของเธอที่ใส่เมื่อวานเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
ตายล่ะ ! ไม่ได้แปรงฟันตั้งแต่เมื่อคืน
หญิงสาวยกมือเขกศีรษะตัวเองแล้วยืนดิ้นอยู่สักพัก ก่อนยกฝ่ามือขึ้นมาที่ปากแล้วผ่อนลมหายใจออกมา
“อี๋…ปากเน่าแล้วมั้งเนี่ย” ลฎาภาใช้น้ำกลั้วในปากหลาย ๆ ครั้งก่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เมื่อจัดการกิจวัตรประจำวันในช่วงเช้าเสร็จแล้ว ลฎาภาเดินลงมาจัดเตรียมโต๊ะอาหารเเละทำอาหารมื้อเช้าในห้องครัว ซึ่งพอดีกับที่ชายหนุ่มเเละเด็กชายลงมา
“อีกสักพักป้าผ่องจะมาถึง คุณกลับไปพักเถอะ” อวิ่นเยว่พูดขึ้นในขณะที่เดินเข้ามานั่ง เขาส่งสายตามองใบหน้าของหญิงสาวที่ดูเหมือนอดหลับอดนอนมา อดคิดไม่ได้ว่านอนไม่หลับเพราะแปลกที่ หรือเพราะอะไรกันแน่
ชายหนุ่มทำหน้านิ่งก้มลงแล้วตักอาหารเข้าปาก ทว่าสายตาก็เหลือบมองหญิงสาวอยู่เป็นพัก ๆ จนกระทั่งเธอบอกลากลับไป
“ป๊ะป๋ายิ้มอีกแล้ว”
อวิ่นเยว่หันมองอาหยูก่อนปรับสีหน้านิ่งตามเดิม
“ป๊ะป๋า...” อาหยูมองแม้ว่าจะรู้คำตอบที่ไม่ได้ถามอยู่ในใจแล้ว
ชายหนุ่มได้แต่ทำสีหน้าลำบากใจก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกชายพลางยิ้มให้โดยที่ไม่ปริปากพูดอะไร
อวิ่นเยว่ยอมรับว่าไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้เขาทำแบบนั้นกับเธอทั้งที่มีผู้หญิงอื่นมากมายเข้ามาในชีวิต แต่ไม่เคยสักครั้งที่ทำแบบนี้ตั้งแต่ภรรยาทิ้งให้เขาอยู่ลำพัง ทั้งหมดมันเหมือนกับว่าหัวใจสั่งให้ทำอย่างไรเหตุผล และการที่ทำแบบนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าแย่เลยสักนิด ทุกอย่างตรงกันข้ามเมื่อหัวใจข้างในลึก ๆ กลับมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ความรู้สึกนี้เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“ในวันอังคารหน้าหน้าตอนเย็น มีลูกค้านัดรับประทานอาหารและเจรจาธุรกิจไปด้วย” เจตนิพัทธ์เอ่ยขึ้นขณะที่เดินตามอวิ่นเยว่เข้ามาในห้องทำงาน วันนี้เขาสังเกตเห็นสีหน้าของเจ้านายที่ดูจะมีความสุขมากกว่าทุกวัน
ชายหนุ่มหันมองปฏิทินตั้งโต๊ะที่จดตารางงานไว้คร่าว ๆ ก่อนพูดขึ้น “อังคารหน้าตอนเย็น ฉันไม่ว่าง...เลื่อนมาช่วงบ่ายได้ไหม ?”
“ได้ครับ ตอนแรกผมเห็นว่าคุณเผิงติดประชุม”
“ฉันยกเลิกไปแล้วละ” อวิ่นเยว่พูดก่อนเดินอ้อมเข้ามานั่งที่เก้าอี้ทำงาน เอื้อมมือหยิบแฟ้มงานที่ถูกส่งขึ้นมาเปิดอ่านแล้วพูดต่อไปว่า “นายมีแฟนไหม ?”
เจตนิพัทธ์ตาโตด้วยความตกใจกับคำถามที่ได้ยิน ตลอดหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมาไม่เคยได้ยินเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานสักนิด
“เออ...คุณเผิงถามทำไมครับ ?”
อวิ่นเยว่ส่งสายตาให้เป็นเชิงบอกว่า...ตอบมาซะดี ๆ
“มีครับ เออ...” เจตนิพัทธ์ทำตัวไม่ถูก เมื่อโดยเจ้านายถามถึง
“ช่างเถอะ...มันไม่สำคัญ” อวิ่นเยว่ตัดบทที่จะพูดต่อ เขาก้มหน้าเซ็นเอกสารทันทีก่อนยื่นให้กับเจตนิพัทธ์ “ให้ฝ่ายขายสรุปยอดของเดือนก่อนส่งให้ฉันภายในสี่โมงของวันนี้”
“ได้ครับ” เจตนิพัทธ์เอื้อมมือหยิบแฟ้มงานที่ถูกเซ็นแล้วขึ้นมา
“ถ้าวันนี้มีงานส่งขึ้นมาหลังห้าโมงนายก็จัดการวางไว้ที่โต๊ะฉันได้เลย วันนี้ฉันจะกลับเร็ว”
เจตนิพัทธ์ขานรับอย่างมึน ๆ เพราะปกติแล้วเจ้านายมักทำงานอยู่เลยเวลา เป็นที่รู้กันของคนในบริษัทว่าเจ้านายทำงานล่วงเวลาจนเสร็จรวมถึงบางครั้งบางแผนกก็ต้องอยู่ทำงานที่ด่วนจนเสร็จเช่นกัน
“งั้นผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ”
อวิ่นเยว่ไม่ได้สนใจที่อีกฝ่ายพูด เขาก้มหน้ามองงานที่ต้องรีบจัดการให้เสร็จก่อนเลยเวลางานโปรดติดตามตอนต่อไป...เรื่องนี้คุณเผิงค่าตัวเเพ้งงง กว่าจะออกมา เเต่หลังจากออกมาเเล้วก็เปย์ซะจนอยากเป็นนางเอกแทนน 5555ขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจให้นะคะ