บทที่ 27

ลฎาภาทำงานพาร์ทไทม์เป็นสาวใช้จิปาถะ มาเกือบสามสัปดาห์แล้ว ทุกอย่างล้วนเหมือนจะผ่านไปด้วยดี ทุก ๆ วันของเธอ คือการทำงานบ้าน งานครัว และดูแลอาหยู การที่ได้มาทำงานแบบนี้เดิมทีก็ไม่มีอะไร เพียงแต่ ‘เผิงอวิ่นเยว่’ เจ้านายที่มีอารมณ์ยากจะคาดเดา ไม่รู้ว่าเขาสนุกกับการทำให้เธอหวั่นไหวหรือเปล่า ถึงได้ทำอะไรที่อันตรายต่อหัวใจขนาดนี้

“เฮ้อ...ช่างมันเถอะ”

ลฎาภาบ่นขณะที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงในห้อง

ครืน—ครืน แรงสั่นของโทรศัพท์มีข้อความเข้ามา ทำให้หญิงสาวขยับตัวเอื้อมมือไปหยิบอย่างขี้เกียจ

อวิ่นเยว่ : นอนหรือยัง

ลฎาภา : สวัสดีค่ะ ใครคะ

หญิงสาวมองไอดีที่ไม่คุ้นชินว่าเคยรับเป็นเพื่อนตอนไหน หรือเคยให้ไอดีใครไป

อวิ่นเยว่ : ผมได้ไอดีมาจากลูก เขาให้ผมมาบอกว่าคุณฝากมาให้

เธองุนงงและนึกอยู่นานก็ถึงบางอ้อ แต่จำได้ว่าที่อาหยูมาขอเพราะบอกว่า

‘ป๊ะป๋าอยากได้ที่ติดต่อกับคุณป้าแบบไม่โทร.

ในความหมายของเด็กที่เธอเข้าใจคือไอดีแอปพลิเคชันแช็ตที่ใช่อยู่ ตอนนั้นก็ให้แบบไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าอย่างชายหนุ่มไม่น่าจะสนใจ แต่เธอก็ดันให้ไอดีจริงไปซะนี่ รู้แบบนี้เขียนหลอก ๆ ให้ไปก็ดีหรอก

ลฎาภา : คุณเผิงเหรอคะ ฉันนึกว่าคุณบอกให้อาหยูมาขอฉันซะอีก

อวิ่นเยว่ : อืม นอนหรือยัง

ลฎาภา : กำลังค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ

อวิ่นเยว่ : เปล่าไม่มีอะไร ไปนอนเถอะ

ลฎาภา : ราตรีสวัสดิ์นะคะ

อวิ่นเยว่ : ฝันดีนะ

เมื่อเห็นข้อความว่า ‘ฝันดีนะ’ เป็นข้อความสุดท้ายจากเขา เธอจึงรีบกดปิดออกทันที ลฎาภาไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่อยู่ภายในมันคืออะไร เธอไม่รู้สึกว่าโกรธหรืออะไรตรงกันข้ามกลับดีใจเสียด้วยซ้ำที่เขาเป็นฝ่ายทักมา

“ไม่หรอกน่าจะไปหลงเขาได้ไง ผู้ชายคนนี้แต่งงานมีลูกแล้วนะ !”

ถึงจะบอกย้ำกับตัวเองแบบนั้นแต่ถ้าหากเขาทำดีกับเธอ ทั้งยังเป็นแบบนี้ต่อไปสักวันกำแพงหัวใจต้องทลายลงแน่นอน

ช่วงนี้ทุกวันที่มาทำงานอวิ่นเยว่ดูอารมณ์ดีมากกว่าเมื่อก่อน เจตนิพัทธ์สังเกตมาตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วว่าเจ้านายนั้นดูมีความสุขมากกว่าแต่ก่อนทั้งเรื่องงานก็ไม่ค่อยเคร่งอีก แม้กระทั่งในการประชุมวันนี้แม้จะเต็มไปด้วยความเครียดเขาก็มีท่าทีแตกต่างไปจากทุกที

“คุณเผิงครับ คือว่า...” หัวหน้าแผนกฝ่ายขายกลุ่มหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังจากที่รายงานเสร็จสิ้นเพราะรู้ดีว่ายอดขายสินค้านั้นตกลงทั้งยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นสักนิด แน่นอนว่าเขาเตรียมใจรับชะตากรรมนี้ไว้แล้ว “ในเดือนหน้าผมจะแก้ปัญหาและไม่ทำให้ยอดขายตกลงกว่านี้...”

“หรือว่าเราต้องใช้โฆษณาช่วย...” อวิ่นเยว่พูดขึ้นขณะที่ใช้ความคิด ซึ่งทุกคนในห้องประชุมต่างอึ้งและพากันตกใจ ปกติแล้วถ้าเป็นเหตุการณ์นี้แล้วละก็เจ้านายจะต้องพูดว่า ‘ผมคิดว่าพวกคุณไม่สนใจงานที่ทำมากกว่านี้’

แน่นอนว่าเลยครึ่งเป็นเรื่องจริง เพราะนอกจากการดูรายงานแล้วบางครั้งอวิ่นเยว่มักจะเดินลงมาสำรวจการทำงานของแต่ละแผนกด้วยตัวเอง

“เออ...เรื่องนี้”

อวิ่นเยว่นั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแม้สินค้าตัวนี้จะยังไม่มีการเปิดโฆษณาทางโทรทัศน์แต่ก็มีโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ไปบ้างแล้ว ทว่าผลตอบรับก็ยังไม่ดีขึ้น หรืออาจจะเป็นเพราะรสชาติที่ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่สนใจ

“ให้ฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายจัดส่งข้อมูลสินค้านี้มาให้ผมภายในวันนี้ รวมถึงสินค้าที่เพิ่งออกวางขายไป ผมต้องการก่อนพรุ่งนี้เช้า แล้วเราจะมีประชุมอีกครั้งในช่วงบ่าย”

ก็ยังเป็นเจ้านายคนเดิม...ทุกคนต่างก้มหัวและคิดในใจ

“ครับ” ทุกคนต่างตอบกันอย่างพร้อมเพรียงในขณะที่อวิ่นเยว่ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกไป เมื่อเจ้านายใหญ่ออกไปแล้วทุกคนก็ต่างพากันลุกขึ้นเดินกลับไปทำงานกันเช่นเดิม

อวิ่นเยว่เดินออกจากลิฟต์ด้วยสีหน้าที่มีความสุข ขณะที่มือลวงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเข้าแอปพลิเคชันที่มีแค่หญิงสาวเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว เขาพิมพ์ข้อความและกดส่งในทันที

อวิ่นเยว่ : เย็นนี้อยู่กินข้าวด้วยกันไหม ?

อวิ่นเยว่เดินเข้ามาให้ห้องทำงานแล้วนั่งลง เวลานี้ก็เกือบเที่ยง แต่ยังมีงานที่ต้องสะสางให้เสร็จอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มเปิดโทรศัพท์เพื่อดูข้อความที่ถูกส่งเข้ามาแต่ไม่มี จึงได้แต่รอและหยิบงานขึ้นมาทำ ไม่นานเกินสิบนาทีข้อความจากอีกฝ่ายจึงถูกส่งกลับมา เขาวางมือจากงานทำอยู่เพื่อเปิดอ่านทันที

ลฎาภา : ไม่ค่ะ คุณเผิงเป็นเจ้านายนะคะ

อ่า...เขาตอบไปต่อไม่ถูกเลยจริง ๆ ถึงจะบอกว่าเป็นเจ้านายก็เถอะ อวิ่นเยว่จ้องมองข้อความตอบกลับที่ใช้เวลานานว่าจะพิมพ์อะไรตอบกลับไปดี

ลฎาภา : อีกอย่างวันนี้ฉันกลับเร็วด้วยค่ะ คงจะไม่ได้เจอกัน

อวิ่นเยว่ : ถ้าฉันกลับเร็วจะได้เจอเธอใช่ไหม ?

อวิ่นเยว่รอข้อความที่ไม่ถูกอ่านและไม่มีการตอบกลับ เกือบสิบนาทีจนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่หญิงสาวไม่ตอบ เขาจึงเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจและหันกลับมาทำงานให้เสร็จทันเวลา

โปรดติดตามตอนต่อไป...