> <)ノเรียกเราว่า"จานิส"นะคะ จานิสเชื่อว่าหลายคนในช่วงนี้อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน รวมถึงจานิสด้วย บางคนก็เปิดเพลงผ่อนคลายฟังแก้เบื่อไปในแต่ละวัน ฟังเพลงนู่นเพลงนี่ไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็เจอแต่เพลงซ้ำ ๆ ฟังจนร้องได้เกือบทั้งเพลง จานิสก็เป็นค่ะวันนี้ก็เลยอยากมาแชร์แนวเพลงที่จานิสชื่นชอบให้กับชาวซิสได้ลองไปหาฟังกัน ซึ่งเพลงที่จานิสชอบจะเป็นแนวฟังสบาย ๆ หู ดนตรีจะออกแนวชวนฝันหน่อย ๆ เหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกของเทพนิยายประมาณนั้นเลยค่ะซึ่งเพลงแนวนี้หาฟังได้ยากมาก แต่ในที่สุดจานิสก็ได้เจอศิลปินที่มีแนวเพลงตรงกับจริตของจานิสจนได้ นั่นก็คือ สาวMelanie Martinezนั้นเองงง♪♪♪

รูปภาพ:รูปภาพ:

เกือบทุกผลงานเพลงของสาวMelanie Martinezนั้นแทบจะตรงจริตของจานิสมาก ๆ เลยค่ะ แถมเนื้อหาในเพลงก็สอดแทรกข้อคิด และสะท้อนสังคมได้หลาย ๆ อย่างอีกด้วยจานิสก็เลยได้คัดเลือก 7 เพลงในดวงใจของจานิสมาให้ชาวซิสได้ลองฟังกัน เรามาฟังและเจาะเนื้อหาที่สะท้อนสังคมและน่าสนใจพอ ๆ กับแนวเพลงกันเลยดีกว่าค่ะ!٩(◕‿◕)۶

1. Dollhouse

รูปภาพ:

Dollhouse

รูปภาพ:

ถือว่าเพลงนี้เป็นเพลงเดบิ้วต์ของสาว Melanie เพลงแรก ซึ่งสาวเมลได้แต่งเพลงมาจากชีวิตจริงของตัวเองเลย ดูจากชื่อเพลงแล้วเหมือนจะเป็นเพลงสไตล์ใส ๆ บ้านตุ๊กตาน่ารัก ๆ แต่เมื่อเราได้อ่านเนื้อเพลงที่แปลออกมาแล้วไม่สดใสเหมือนกับชื่อเพลงเลย โดยเพลงนี้สาวเมลได้แต่งขึ้นมาสื่อถึงบ้านหลังหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นครอบครัวที่สุขสันต์ เป็น Perfect family สวยงามอย่างกับบ้านตุ๊กตา ทุกคนต่างมองว่าเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉา แต่อันที่จริงแล้วภายในบ้านนั้นซ่อนความเน่าเฟะภายในครอบครัวไว้มากมาย

ถือว่าเพลงนี้เป็นเพลงเดบิ้วต์ของสาว

Melanie

เพลงแรกเลย ซึ่งสาวเมลได้แต่งเพลงมาจากชีวิตจริงของตัวเองด้วย ดูจากชื่อเพลงแล้วเหมือนจะเป็นเพลงสไตล์ใส ๆ บ้านตุ๊กตาน่ารัก ๆ แต่เมื่อเราได้อ่านเนื้อเพลงที่แปลออกมาแล้วไม่สดใสเหมือนกับชื่อเพลงเลยค่ะ โดยเพลงนี้สาวเมลได้แต่งขึ้นมาสื่อถึง

บ้านหลังหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นครอบครัวที่สุขสันต์ เป็น Perfect family สวยงามอย่างกับบ้านตุ๊กตา ทุกคนต่างมองว่าเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉา แต่อันที่จริงแล้วภายในบ้านนั้นซ่อนความเน่าเฟะภายในครอบครัวไว้มากมาย


55

Hey, girl, open the walls, play with your dolls

We’ll be a perfect family.

When you walk away is when we really play

You don’t hear me when I say,

“Mom, please wake up.

Dad’s with a sl*t, and your son is smoking cannabis.”

สาวน้อย เปิดบ้านนี่สิ เล่นตุ๊กตากัน

เราจะเป็นครอบครัวที่แสนสุข

จริง ๆ เวลาที่เธอเลิกเล่น นั่นคือเวลาของเรื่องจริง

เธอไม่เคยได้ยินตอนที่ฉันพูดว่า

“แม่คะ ตื่นเถอะ

พ่อเอาผู้หญิงมานอนด้วย และลูกชายของแม่กำลังเสพกัญชา”

จากเนื้อเพลงก็แสดงได้ถึงความหดหู่ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้เล่นตุ๊กตากับเด็กหญิงอีกคนที่มองว่าครอบครัวของเธอนั้นสุขสันต์และสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อเด็กน้อยคนนั้นได้เลิกเล่นกับเพื่อนแล้ว ก็ต้องกลับมาเจอกับความเน่าเฟะจริง ๆ ภายในบ้านที่ไม่เคยมีใครได้รู้ และตัวของเด็กน้อยก็ต้องแสร้งทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดูดีต่อหน้าคนอื่น

แกล้งเป็นตุ๊กตาที่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

เนื้อหาไม่ใสเหมือนทำนองเลยใช่ไหมล่ะคะ

เราลองมาฟังเพลงเต็ม ๆ กันค่ะ

Watch on YouTube

2. Cry Baby

Cry Baby

รูปภาพ:

Cry Baby

เป็นเพลงที่สาว

Melanie

แต่งออกมาเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนขี้แย หรือคนที่ร้องไห้ได้ง่ายนั้นเอง โดยสาวเมลเคยให้สัมภาษณ์ว่า ในตอนเด็ก ๆ เธอเป็นคนที่ค่อนข้าง Sensitive และอ่อนไหวง่าย ทำให้ร้องไห้ได้บ่อย ๆ เธอจึงมักถูกเรียกว่า

Cry Baby (เด็กขี้แย)

จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อ

เป็นกำลังใจให้กับคนที่เคยถูกล้อเลียน (ว่าเป็นเด็กขี้แย) เหมือนเธอ ว่าเขาไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวบนโลกใบนี้นะ

They call you cry baby, cry baby

But you don’t f*cking care

Cry baby, cry baby

So you laugh through your tears

Cry baby, cry baby

‘Cause you don’t f*cking care

Tears fall to the ground

We’ll just let them drown

พวกเขาเรียกเธอว่าเด็กขี้แย

แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก

เด็กขี้แย เด็กขี้แย

เธอก็เลยหัวเราะออกมาทั้ง ๆ ที่ร้องไห้

เด็กขี้แย เด็กขี้แย

ดังนั้นเธอก็ไม่ต้องสนใจอะไรหรอก

น้ำตาที่ไหลลงไปที่พื้น

ก็ปล่อยให้พวกนั้นมันจมไปเลยละกัน

♡⃛ ────────────⠀♡⃛

They call you cry baby, cry baby

But you don’t f*cking care

Cry baby, cry baby

So you laugh through your tears

Cry baby, cry baby

‘Cause you don’t f*cking care

Tears fall to the ground

We’ll just let them drown

พวกเขาเรียกเธอว่าเด็กขี้แย

แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก

เด็กขี้แย เด็กขี้แย

เธอก็เลยหัวเราะออกมาทั้ง ๆ ที่ร้องไห้

เด็กขี้แย เด็กขี้แย

ดังนั้นเธอก็ไม่ต้องสนใจอะไรหรอก

น้ำตาที่ไหลลงไปที่พื้น

ก็ปล่อยให้พวกนั้นมันจมไปเลยละกัน

ถือว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เข้าใจหัวอกของเด็กขี้แยเลยทีเดียว ซึ่งคนแต่ละคนก็มีความอ่อนไหวที่แตกต่างกัน บางคนอ่อนไหวง่าย บางคนจิตใจแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ควรจะไปล้อเลียนคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวง่ายว่าเป็นเด็กขี้แยเลย แต่ละคนก็ต่างผ่านเรื่องราวมาแตกต่างกันเพลงนี้จึงเป็นเหมือนเพื่อนของเด็กขี้แยทุกคนที่ไม่ต้องไปสนใจถึงคนที่มาล้อเลียน ปล่อยให้มันจมไปกับบ่อน้ำตาของเราไปเลยค่ะ

Watch on YouTube

Mrs. potato head❀⊱┄┄┄┄┄┄┄┄┄┄┄⊰❀

รูปภาพ:

เพลงนี้สาวMelanieแต่งมาเพื่อสื่อถึงความสวยงามของหญิงสาว ที่ต้องแลกมาด้วยพลาสติกบนร่างกาย เพื่อให้ชายที่รักนั้นยังอยู่กับตัวเอง ใช้ความงามเพื่อยึดตัวแฟนหนุ่มไม่ให้นอกใจ ซึ่งชื่อMrs. potato head มาจากตุ๊กตา Mr. potato head ใน Toy story ที่มีจมูกปากที่ชอบหลุดออกจากหน้า ต้องหยิบมาแปะตลอดเวลาสาวเมลจึงนำชื่อตัวละครนี้มาเปรียบกับผู้หญิง โดยใช้ชื่อMrs. potato head สื่อถึงผู้หญิงที่เสพติดการศัลยกรรมนั้นเอง

Oh Mrs. Potato Head, tell me, is it true that pain is beauty?

Does a new face come with a warranty?

Will a pretty face make it better?

Oh Mr. Potato Head, tell me, how did you afford her surgery?

Do you swear you’ll stay forever?

Even if her face don’t stay together

Even if her face don’t stay together

คุณนายหัวมันฝรั่ง บอกฉันทีว่ามันจริงไหม ที่ความเจ็บปวด ก็คือความงดงาม?

โฉมหน้าใหม่ของเธอนั้นมีประกันไหม?

หน้าสวย ๆ จะทำให้อะไรดีขึ้นเหรอ?

นายหัวมันฝรั่ง บอกฉันที ว่านายหาเงินจากไหนมาจ่ายค่าศัลยกรรมให้เธอ?

นายสัญญาว่าจะคบกับเธอเสมอไปใช่ไหม?

แม้หน้าตาของเธอไม่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม?

แม้หน้าตาของเธอเปลี่ยนแปลงไป

โดยสาวMelanieไม่ได้มีเจตนาเหน็บแนมผู้ที่ศัลยกรรมแต่อย่างใด แต่สาวเมลนั้นแต่งเพลงนี้มาเพื่อเตือนใจสาว ๆ เกี่ยวกับเรื่องการศัลยกรรมที่เสพติดมากจนเกินไป ซึ่งอาจจะส่งผลเสียได้ในระยะยาว และการศัลยกรรมกับความรักนั้น ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่า คนรักของเราจะอยู่กับเราตลอดไป คนรักของเราจะรักเราอย่างแท้จริงหรือเปล่า? หรือแค่รักรูปลักษณ์สวยงามภายนอกที่ทำมาจากพลาสติกเท่านั้น

Watch on YouTube

4. Tag you're it

Tag you're it———❅————

รูปภาพ:

Tag, you're it!คือคำที่เด็ก ๆ พูดกันเวลาเล่นเกมไล่จับกัน โดย Tag คือการแปะมือไปยังอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่วิ่งไล่จับคนต่อไป และจะถูกเรียกว่า it เมื่อดูชื่อเพลงแล้วเพลงนี้มองได้ว่าเป็นเพลงใส ๆ อีกเพลงหนึ่ง ที่มีเพียงเด็กวิ่งไล่จับกัน และยังมีการเล่นEeny, meeny, miny, moeก็คือการเล่นโอน้อยออกของบ้านเราสอดแทรกอยู่ในเนื้อเพลงด้วย แต่เมื่อมองลึกเข้าไปในเนื้อหาแล้วสาวเมลแต่งออกมาได้ดูมีความโรคจิต และน่ากลัวมากเลยทีเดียว

Running through the parking lot

He chased me and he wouldn’t stop

Tag, you’re it, tag, tag, you’re it

Grabbed my hand and pushed me down

Took the words right out my mouth

Tag, you’re it, tag, tag, you’re it

Can anybody hear me? I’m hidden under ground

Can anybody hear me? Am I talking to myself?

Saying, “Tag, you’re it, tag, tag, you’re it.”

He’s saying, “Tag, you’re it, tag, tag, you’re it.”

วิ่งฝ่าลานจอดรถไป

เขาวิ่งไล่จับฉัน และไม่ยอมหยุด

แปะ เธอเป็นแล้ว แปะ แปะ เธอเป็นแล้ว

จับมือฉัน และกดฉันลงไป

เธอเอาคำพูดจากปากฉันไปหมด

แปะ เธอเป็นแล้ว แปะ แปะ เธอเป็นแล้ว

มีใครได้ยินฉันไหม? ฉันซ่อนอยู่ใต้ดินนี่ไง

ใครได้ยินฉันไหม? ฉันพูดอยู่กับตัวเองหรือเปล่า

บอกว่า “แปะ เธอเป็นแล้ว แปะ แปะ เธอเป็นแล้ว”

เขาบอกว่า “แปะ เธอเป็นแล้ว แปะ แปะ เธอเป็นแล้ว”

เมื่ออ่านเนื้อเพลงที่แปลแล้วต้องมีความรู้สึกตงิด ๆ กันบ้างว่าสาว

Melanie

แต่งเพลงนี้ออกมาเพื่อสื่อถึงอะไร? แน่นอนว่าไม่ใช่การวิ่งไล่จับกันธรรมดาอย่างที่เราคิดแน่นอน อันที่จริงแล้วเพลงนี้

มีเนื้อหาพูดถึงเด็กหญิงที่โดนลักพาตัวไปข่มขืน! ซึ่งสาวเมลได้บอกว่าแต่งมาจากเรื่องราวข่าวดังในอเมริกาในช่วงนั้นที่คนร้ายได้ลักพาตัวเด็กหญิงโดยการล่อลวงด้วยไอศกรีม แล้วนำไปข่มขืนซ้ำ ๆ ในห้องใต้ดิน

และสาวเมลก็ได้จัดทำเป็นซีรีส์เพลงสองตอนด้วยกัน โดยมีเพลง

Milk and Cookies

ต่อจากเพลง

Tag you're

itด้วย สื่อถึงการล่อลวงเด็กหญิงด้วยขนมหวาน ส่วนเนื้อหาในเพลงก็เป็นการเอาคืนและแก้แค้นคนร้ายค่ะ โดยทั้งสองเพลงนี้

สะท้อนถึงอาชญากรรมของผู้หญิงที่ต้องเจอในสังคมได้อย่างชัดเจน

Watch on YouTube

Orange juice───❖──✿──❖───

รูปภาพ:

เพลงน้ำส้มนี้ สาว

Melanie

ได้แต่งถึงภัยอันตรายของหญิงสาวที่เป็น

โรคคลั่งผอม

หรือที่เรียกว่าโรค

Bulemia nervosa (บูลีเมีย เนอร์โวซ่า)

ซึ่งมีอาการที่กินอาหารแล้วรู้สึกผิด กลัวอ้วน จึงล้วงคอตัวเองให้อาเจียนเอาอาหารที่กินเข้าไปแล้วออกมา จนเมื่อทำไปสักระยะร่างกายเริ่มอาเจียนออกมาหลังจากกินอาหารเองโดยอัตโนมัติซึ่ง

การกินแล้วล้วงคอตัวเองออกมาเปรียบได้เหมือนกับการที่เอาส้มมาทำเป็นน้ำผลไม้ที่มันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก เหมือนเสียตัวตนของตัวเองไปแล้ว

You turn oranges to orange juice

Enter there, then spit it out of you

Your body is imperfectly perfect

Everyone wants what the other one’s working

No orange juice

เธอเปลี่ยนส้มให้กลายเป็นน้ำส้ม

โดยการเอามันเข้าไปในร่างกายเธอ แล้วก็พ่นมันออกมา

ร่างกายของเธอมันสมบูรณ์แบบที่ไม่สมบูรณ์แบบ

ทุกคนต้องการสิ่งที่คนอื่นขวนขวายต่อสู้ให้ได้มา

ไม่ใช่แค่น้ำส้ม

เพลงนี้สะท้อนถึงปัญหาของวัยรุ่นโดยเฉพาะผู้หญิงในปัจจุบันที่มีค่านิยมว่า ผอม หุ่นดีแล้วจะสวย ทำให้เกิดการแข่งขันกันผอมในแบบวิธีที่ผิด ๆ จนทำให้เสียสุขภาพได้ ซึ่งสาวเมลมีเจตนาเพื่อต้องการสื่อว่าความไม่สมบูรณ์แบบของเรานี่แหละ คือความสมบูรณ์แบบชนิดหนึ่งเราต้องมีความภูมิใจในรูปร่างของตัวเองโดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร

Watch on YouTube

Strawberry shortcake✿•————— ♬ —————•✿

รูปภาพ:รูปภาพ:

เพลงนี้สะท้อนถึงปัญหาของ

Victim blaming

ที่เกิดขึ้นได้ในทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งมีค่านิยมเกี่ยวกับผู้หญิงที่ต้องเป็นฝ่ายแบกรับและเซฟตัวเองอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรืออยู่ข้างนอกบ้าน และเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมต่าง ๆ หรือการถูกข่มขืน ทุกคนก็จะพูดว่า

“ผู้หญิงแต่งตัวโป๊เองหรือเปล่า?”

หรือ

“แต่งตัวแบบนั้นก็สมควร”

ทั้ง ๆ

ที่สิทธิในการแต่งตัวนั้นเป็นของทุกคน

It’s my fault, it’s my fault ’cause I put icing on top

Now, the boys want a taste of the strawberry shortcake

That’s my bad, that’s my bad, no one told them not to grab

Now, the boys want a taste of the strawberry shortcake

มันเป็นความผิดฉันเอง เพราะฉันโรยน้ำตาลไอซิงเอาไว้ด้านบน (เหมือนเป็นการเชิญชวน)

ตอนนี้ พวกผู้ชายต่างอยากจะลิ้มลองสตรอว์เบอร์รีช็อตเค้กก้อนนี้

ฉันผิดเองแหละ ไม่มีใครบอกพวกเขาให้มาจับหรอก

ตอนนี้ พวกผู้ชายต่างอยากจะลิ้มลองสตรอว์เบอร์รีช็อตเค้กก้อนนี้

เห็นได้ว่าในเนื้อเพลงนั้น เมื่อมีเรื่องคุกคามทางเพศเกิดขึ้น ผู้ชาย (Not all) แทบจะไม่โดนกล่าวหา หรือได้รับความผิดเลยกลับเป็นผู้หญิงเองที่โดนสังคมกล่าวหาว่ายั่วยวน เชิญชวนผู้ชายให้เข้าหา ทั้ง ๆ ที่ตัวผู้หญิงนั้นเพียงแค่แต่งตัวหรืออยู่แบบเฉย ๆ ก็โดนกล่าวหาว่ายั่วยวนได้แล้วซึ่งในเพลงนี้ก็ยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับค่านิยมของผู้ชาย (Not all) ที่มองผู้หญิงว่าต้องเอวบาง เรียบเนียนแบบตุ๊กตาถึงจะสวย สะท้อนถึงปัญหาBody shamingอีกด้วย

Watch on YouTube
รูปภาพ:

The Principal———— ◦°•♛•°◦ ————

รูปภาพ:

เป็นเพลงที่สาว

Melanie

จิกกัดได้เจ็บแสบสุด ๆ เลยทีเดียว โดยในเพลงนั้นได้กล่าวถึงเนื้อหา

เสียดสีครูใหญ่ของโรงเรียนที่ลุ่มหลงในอำนาจของตัวเองและอำนาจของเงิน จนไม่สนใจความเป็นอยู่ของนักเรียนในโรงเรียน

ไร้ซึ่งความยุติธรรม และยังจิกกัดเหล่าคุณครูในโรงเรียนที่ทำตามคำสั่งของผู้นำ (ครูใหญ่) อีกด้วย ซึ่งเพลงนี้มองได้อีกหนึ่งมุมมองที่ว่า

ครูใหญ่ในบางโรงเรียนก็ไม่ได้หวังดีกับเด็กนักเรียนเสมอไป

I’ve tried to make you listen, but you won’t, it’s your way, right?

Killing kids all day and night, prescription pills and online fights

Shooting at the angels while claiming you’re the good guy

All you want is cash and hype

F*ck our dreams and that’s not right

ฉันพยายามแล้วนะที่จะทำให้เธอฟังฉัน แต่เธอก็ไม่ฟัง มันต้องเป็นวิธีการของเธอเท่านั้น ใช่ไหม?

ฆ่าเด็กทั้งวันทั้งคืน จ่ายยาตามใบสั่ง และทะเลาะกันทางอินเทอร์เน็ต

ยิงเหล่านางฟ้า ในขณะที่อ้างตัวเองว่าเป็นคนดี

ทุกสิ่งที่เธอต้องการก็มีเพียงเงิน และก็ความตื่นเต้น

ทำลายความฝันของพวกเรา และมันไม่ถูกต้องเลย

เมื่อได้อ่านคำแปลแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเพลงหนึ่งที่เสียดสีผู้อำนวยการโรงเรียนได้เจ็บแสบมาก ๆ เลย ถือได้ว่าเพลงนี้สาวเมลแต่งมาเพื่อด่าโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้นะคะ ซึ่งเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อด่าครู่ใหญ่นี้สาวเมลก็น่าจะมีเจตนาแฝงความหมายบางอย่าง (ขอเดาว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง) ในเพลงนี้ก็เป็นได้ค่ะ໒( ●ᴥ ●)ʋ

Watch on YouTube

• • • • • • •

เป็นอย่างไรกันบ้างคะʕ•ᴥ•ʔกับ 7 เพลงเสียดสีเจ็บแสบของสาวMelanie Martinezที่จานิสได้เลือกสรรมา ถูกใจโดนจริตของสาว ๆ ชาวซิสกันบ้างหรือเปล่า? ซึ่งไม่เพียงแต่เนื้อหาในเพลงที่โดนใจโดนจริตของจานิสแล้วจานิสยังชื่นชอบ MV แทบจะทุกเพลงของสาวเมลอีกด้วย ซึ่งในแต่ละ MV นั้นก็มีสีสันสดใส แต่บางเพลงก็แอบมีสตอรีหลอน ๆ นิดหน่อยท่ามกลางโทนสีสันสดใสก็เถอะนะคะถือว่าได้พาชาวซิสไปเปิดโลกเปิดหูเปิดตากับเพลงที่แปลกแหวกแนวกันบ้างแถมยังมีแฟชั่นและคอสตูมน่ารัก ๆ แนวโลลิต้า เหมือนกับได้ดูหนังไปพร้อมกับฟังเพลงเลยละค่ะอีกทั้งเนื้อหาของเพลงที่จานิสได้นำมานั้นสะท้อนถึงปัญหาทางสังคมของผู้หญิงได้มากมายเลยทีเดียวซึ่งสาวเมลเนี่ยก็เป็นศิลปินที่จานิสชื่นชอบมาก ๆ ทั้งแนวเพลง สไตล์การร้องและการแต่งเพลง จานิสก็หวังว่าสาว ๆ ชาวซิสที่ได้อ่านบทความนี้แล้วจะชื่นชอบกันนะคะและจานิสก็ขอฝากสาวตุ๊กตาMelanie Martinezไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ ฝากติดตามผลงานต่าง ๆ ของสาวเมลได้ที่ช่องYoutubeและInstagramด้านล่างนี้ได้เลยค่าาʕっ•ᴥ•ʔっ

Watch on YouTube
รูปภาพ:รูปภาพ:

รูปภาพ:

See you girls~~( ˘ ³˘)♥

•——————————•°•✿•°•——————————

ขอบคุณแหล่งข้อมูลบทสัมภาษณ์ และแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงของ Melanieจาก Channel Youtube ด้านล่างนี้นะคะ

แหล่งข้อมูลโรค Bulemia จากคุณJurairat N.https://www.sanook.com/health/15885/**รูปภาพทั้งหมดจานิสได้ Screen capture มาจากแหล่ง Official โดยตรงและจัดทำเป็น Gif ด้วยตัวเองเลยค่ะ♥ ✿✿✿✿✿✿

Cry Baby

ขอบคุณค่ะ