☽
สวัสดีค่ะชาวซิสสส~~ > <)ノเรียกเราว่า "จานิส" นะคะ จานิสเชื่อว่าหลายคนในช่วงนี้อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน รวมถึงจานิสด้วย บางคนก็เปิดเพลงผ่อนคลายฟังแก้เบื่อไปในแต่ละวัน ฟังเพลงนู่นเพลงนี่ไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็เจอแต่เพลงซ้ำ ๆ ฟังจนร้องได้เกือบทั้งเพลง จานิสก็เป็นค่ะ วันนี้ก็เลยอยากมาแชร์แนวเพลงที่จานิสชื่นชอบให้กับชาวซิสได้ลองไปหาฟังกัน ซึ่งเพลงที่จานิสชอบจะเป็นแนวฟังสบาย ๆ หู ดนตรีจะออกแนวชวนฝันหน่อย ๆ เหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกของเทพนิยายประมาณนั้นเลยค่ะ ซึ่งเพลงแนวนี้หาฟังได้ยากมาก แต่ในที่สุดจานิสก็ได้เจอศิลปินที่มีแนวเพลงตรงกับจริตของจานิสจนได้ นั่นก็คือ สาว Melanie Martinez นั้นเองงง ♪♪♪
❀

เกือบทุกผลงานเพลงของสาว Melanie Martinez นั้นแทบจะตรงจริตของจานิสมาก ๆ เลยค่ะ แถมเนื้อหาในเพลงก็สอดแทรกข้อคิด และสะท้อนสังคมได้หลาย ๆ อย่างอีกด้วย จานิสก็เลยได้คัดเลือก 7 เพลงในดวงใจของจานิสมาให้ชาวซิสได้ลองฟังกัน เรามาฟังและเจาะเนื้อหาที่สะท้อนสังคมและน่าสนใจพอ ๆ กับแนวเพลงกันเลยดีกว่าค่ะ! ٩(◕‿◕)۶

Dollhouse (Official Music Video)
ถือว่าเพลงนี้เป็นเพลงเดบิ้วต์ของสาว Melanie เพลงแรกเลย ซึ่งสาวเมลได้แต่งเพลงมาจากชีวิตจริงของตัวเองด้วย ดูจากชื่อเพลงแล้วเหมือนจะเป็นเพลงสไตล์ใส ๆ บ้านตุ๊กตาน่ารัก ๆ แต่เมื่อเราได้อ่านเนื้อเพลงที่แปลออกมาแล้วไม่สดใสเหมือนกับชื่อเพลงเลยค่ะ โดยเพลงนี้สาวเมลได้แต่งขึ้นมาสื่อถึงบ้านหลังหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นครอบครัวที่สุขสันต์ เป็น Perfect family สวยงามอย่างกับบ้านตุ๊กตา ทุกคนต่างมองว่าเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉา แต่อันที่จริงแล้วภายในบ้านนั้นซ่อนความเน่าเฟะภายในครอบครัวไว้มากมาย
จากเนื้อเพลงก็แสดงได้ถึงความหดหู่ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้เล่นตุ๊กตากับเด็กหญิงอีกคนที่มองว่าครอบครัวของเธอนั้นสุขสันต์และสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อเด็กน้อยคนนั้นได้เลิกเล่นกับเพื่อนแล้ว ก็ต้องกลับมาเจอกับความเน่าเฟะจริง ๆ ภายในบ้านที่ไม่เคยมีใครได้รู้ และตัวของเด็กน้อยก็ต้องแสร้งทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดูดีต่อหน้าคนอื่น แกล้งเป็นตุ๊กตาที่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เนื้อหาไม่ใสเหมือนทำนองเลยใช่ไหมล่ะคะ เราลองมาฟังเพลงเต็ม ๆ กันค่ะ

Cry Baby (Official Music Video)
เป็นเพลงที่สาว Melanie แต่งออกมาเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนขี้แย หรือคนที่ร้องไห้ได้ง่ายนั้นเอง โดยสาวเมลเคยให้สัมภาษณ์ว่า ในตอนเด็ก ๆ เธอเป็นคนที่ค่อนข้าง Sensitive และอ่อนไหวง่าย ทำให้ร้องไห้ได้บ่อย ๆ เธอจึงมักถูกเรียกว่า Cry Baby (เด็กขี้แย) จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่เคยถูกล้อเลียน (ว่าเป็นเด็กขี้แย) เหมือนเธอ ว่าเขาไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวบนโลกใบนี้นะ
ถือว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เข้าใจหัวอกของเด็กขี้แยเลยทีเดียว ซึ่งคนแต่ละคนก็มีความอ่อนไหวที่แตกต่างกัน บางคนอ่อนไหวง่าย บางคนจิตใจแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ควรจะไปล้อเลียนคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวง่ายว่าเป็นเด็กขี้แยเลย แต่ละคนก็ต่างผ่านเรื่องราวมาแตกต่างกัน เพลงนี้จึงเป็นเหมือนเพื่อนของเด็กขี้แยทุกคนที่ไม่ต้องไปสนใจถึงคนที่มาล้อเลียน ปล่อยให้มันจมไปกับบ่อน้ำตาของเราไปเลยค่ะ
❸
Mrs. potato head
❀⊱┄┄┄┄┄┄┄┄┄┄┄⊰❀

Mrs. Potato Head (Official Music Video)
เพลงนี้สาว Melanie แต่งมาเพื่อสื่อถึงความสวยงามของหญิงสาว ที่ต้องแลกมาด้วยพลาสติกบนร่างกาย เพื่อให้ชายที่รักนั้นยังอยู่กับตัวเอง ใช้ความงามเพื่อยึดตัวแฟนหนุ่มไม่ให้นอกใจ ซึ่งชื่อ Mrs. potato head มาจากตุ๊กตา Mr. potato head ใน Toy story ที่มีจมูกปากที่ชอบหลุดออกจากหน้า ต้องหยิบมาแปะตลอดเวลา สาวเมลจึงนำชื่อตัวละครนี้มาเปรียบกับผู้หญิง โดยใช้ชื่อ Mrs. potato head สื่อถึงผู้หญิงที่เสพติดการศัลยกรรมนั้นเอง
โดยสาว Melanie ไม่ได้มีเจตนาเหน็บแนมผู้ที่ศัลยกรรมแต่อย่างใด แต่สาวเมลนั้นแต่งเพลงนี้มาเพื่อเตือนใจสาว ๆ เกี่ยวกับเรื่องการศัลยกรรมที่เสพติดมากจนเกินไป ซึ่งอาจจะส่งผลเสียได้ในระยะยาว และการศัลยกรรมกับความรักนั้น ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่า คนรักของเราจะอยู่กับเราตลอดไป คนรักของเราจะรักเราอย่างแท้จริงหรือเปล่า? หรือแค่รักรูปลักษณ์สวยงามภายนอกที่ทำมาจากพลาสติกเท่านั้น
❹
Tag you're it
————❅————

Tag, You're It/Milk and Cookies Double Feature
Tag, you're it! คือคำที่เด็ก ๆ พูดกันเวลาเล่นเกมไล่จับกัน โดย Tag คือการแปะมือไปยังอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่วิ่งไล่จับคนต่อไป และจะถูกเรียกว่า it เมื่อดูชื่อเพลงแล้วเพลงนี้มองได้ว่าเป็นเพลงใส ๆ อีกเพลงหนึ่ง ที่มีเพียงเด็กวิ่งไล่จับกัน และยังมีการเล่น Eeny, meeny, miny, moe ก็คือการเล่นโอน้อยออกของบ้านเราสอดแทรกอยู่ในเนื้อเพลงด้วย แต่เมื่อมองลึกเข้าไปในเนื้อหาแล้ว สาวเมลแต่งออกมาได้ดูมีความโรคจิต และน่ากลัวมากเลยทีเดียว
เมื่ออ่านเนื้อเพลงที่แปลแล้วต้องมีความรู้สึกตงิด ๆ กันบ้างว่าสาว Melanie แต่งเพลงนี้ออกมาเพื่อสื่อถึงอะไร? แน่นอนว่าไม่ใช่การวิ่งไล่จับกันธรรมดาอย่างที่เราคิดแน่นอน อันที่จริงแล้วเพลงนี้มีเนื้อหาพูดถึงเด็กหญิงที่โดนลักพาตัวไปข่มขืน! ซึ่งสาวเมลได้บอกว่าแต่งมาจากเรื่องราวข่าวดังในอเมริกาในช่วงนั้นที่คนร้ายได้ลักพาตัวเด็กหญิงโดยการล่อลวงด้วยไอศกรีม แล้วนำไปข่มขืนซ้ำ ๆ ในห้องใต้ดิน และสาวเมลก็ได้จัดทำเป็นซีรีส์เพลงสองตอนด้วยกัน โดยมีเพลง Milk and Cookies ต่อจากเพลง Tag you're it ด้วย สื่อถึงการล่อลวงเด็กหญิงด้วยขนมหวาน ส่วนเนื้อหาในเพลงก็เป็นการเอาคืนและแก้แค้นคนร้ายค่ะ โดยทั้งสองเพลงนี้สะท้อนถึงอาชญากรรมของผู้หญิงที่ต้องเจอในสังคมได้อย่างชัดเจน
❺
Orange juice
───❖──✿──❖───

Orange Juice [Official Music Video]
เพลงน้ำส้มนี้ สาว Melanie ได้แต่งถึงภัยอันตรายของหญิงสาวที่เป็นโรคคลั่งผอม หรือที่เรียกว่าโรค Bulemia nervosa (บูลีเมีย เนอร์โวซ่า) ซึ่งมีอาการที่กินอาหารแล้วรู้สึกผิด กลัวอ้วน จึงล้วงคอตัวเองให้อาเจียนเอาอาหารที่กินเข้าไปแล้วออกมา จนเมื่อทำไปสักระยะร่างกายเริ่มอาเจียนออกมาหลังจากกินอาหารเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งการกินแล้วล้วงคอตัวเองออกมาเปรียบได้เหมือนกับการที่เอาส้มมาทำเป็นน้ำผลไม้ที่มันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก เหมือนเสียตัวตนของตัวเองไปแล้ว
เพลงนี้สะท้อนถึงปัญหาของวัยรุ่นโดยเฉพาะผู้หญิงในปัจจุบันที่มีค่านิยมว่า ผอม หุ่นดีแล้วจะสวย ทำให้เกิดการแข่งขันกันผอมในแบบวิธีที่ผิด ๆ จนทำให้เสียสุขภาพได้ ซึ่งสาวเมลมีเจตนาเพื่อต้องการสื่อว่าความไม่สมบูรณ์แบบของเรานี่แหละ คือความสมบูรณ์แบบชนิดหนึ่ง เราต้องมีความภูมิใจในรูปร่างของตัวเองโดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร
❻
Strawberry shortcake
✿•————— ♬ —————•✿

Strawberry Shortcake [Official Music Video]
เพลงนี้สะท้อนถึงปัญหาของ Victim blaming ที่เกิดขึ้นได้ในทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งมีค่านิยมเกี่ยวกับผู้หญิงที่ต้องเป็นฝ่ายแบกรับและเซฟตัวเองอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรืออยู่ข้างนอกบ้าน และเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมต่าง ๆ หรือการถูกข่มขืน ทุกคนก็จะพูดว่า “ผู้หญิงแต่งตัวโป๊เองหรือเปล่า?” หรือ “แต่งตัวแบบนั้นก็สมควร” ทั้ง ๆ ที่สิทธิในการแต่งตัวนั้นเป็นของทุกคน
เห็นได้ว่าในเนื้อเพลงนั้น เมื่อมีเรื่องคุกคามทางเพศเกิดขึ้น ผู้ชาย (Not all) แทบจะไม่โดนกล่าวหา หรือได้รับความผิดเลย กลับเป็นผู้หญิงเองที่โดนสังคมกล่าวหาว่ายั่วยวน เชิญชวนผู้ชายให้เข้าหา ทั้ง ๆ ที่ตัวผู้หญิงนั้นเพียงแค่แต่งตัวหรืออยู่แบบเฉย ๆ ก็โดนกล่าวหาว่ายั่วยวนได้แล้ว ซึ่งในเพลงนี้ก็ยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับค่านิยมของผู้ชาย (Not all) ที่มองผู้หญิงว่าต้องเอวบาง เรียบเนียนแบบตุ๊กตาถึงจะสวย สะท้อนถึงปัญหา Body shaming อีกด้วย
❼
The Principal
———— ◦°•♛•°◦ ————

The Principal [Official Music Video]
เป็นเพลงที่สาว Melanie จิกกัดได้เจ็บแสบสุด ๆ เลยทีเดียว โดยในเพลงนั้นได้กล่าวถึงเนื้อหาเสียดสีครูใหญ่ของโรงเรียนที่ลุ่มหลงในอำนาจของตัวเองและอำนาจของเงิน จนไม่สนใจความเป็นอยู่ของนักเรียนในโรงเรียน ไร้ซึ่งความยุติธรรม และยังจิกกัดเหล่าคุณครูในโรงเรียนที่ทำตามคำสั่งของผู้นำ (ครูใหญ่) อีกด้วย ซึ่งเพลงนี้มองได้อีกหนึ่งมุมมองที่ว่า ครูใหญ่ในบางโรงเรียนก็ไม่ได้หวังดีกับเด็กนักเรียนเสมอไป
เมื่อได้อ่านคำแปลแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเพลงหนึ่งที่เสียดสีผู้อำนวยการโรงเรียนได้เจ็บแสบมาก ๆ เลย ถือได้ว่าเพลงนี้สาวเมลแต่งมาเพื่อด่าโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้นะคะ ซึ่งเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อด่าครู่ใหญ่นี้ สาวเมลก็น่าจะมีเจตนาแฝงความหมายบางอย่าง (ขอเดาว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง) ในเพลงนี้ก็เป็นได้ค่ะ ໒( ●ᴥ ●)ʋ
• • • • • • •


See you girls~~ ( ˘ ³˘)♥
จาก Channel Youtube ด้านล่างนี้นะคะ
https://www.sanook.com/health/15885/
**รูปภาพทั้งหมดจานิสได้ Screen capture มาจากแหล่ง Official โดยตรงและจัดทำเป็น Gif ด้วยตัวเองเลยค่ะ ♥ ✿✿✿✿✿✿
Comments