1. SistaCafe
  2. 9 วิธีแก้ปัญหาพิชิต 'เชื้อรา' บนหนังศีรษะ



คนไทยในปัจจุบันส่วนใหญ่ มักจะมีอาการของเชื้อราบนหนังศีรษะซึ่งเป็นปัญหากวนใจ เลยเอาวิธีรักษาแบบง่ายๆ มาให้ได้ลองทำดูค่ะ ^^




เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการคัน หนังศีรษะหลุดลอก และลุกลามไปถึงผมร่วง ที่อาจจะทำให้ผมบริเวณที่ร่วงนั้นจะไม่ขึ้นอีกเลยก็ได้ เหมือนจะเป็นปัญหาเล็กๆ แต่ถ้าสะสมไปนานๆ ก็อาจเป็นปัญหาใหญ่ได้


เชื้อราบนหนังศีรษะ


เกิดจาก


รังแค


ที่มีปริมาณเยอะ จนเข้าไปอุดตันรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้หนังศีรษะระบายไขมันที่จะต้องผลัดทุก



28 วัน

ออกมาไม่ทัน เกิดการอักเสบของผิวหนัง ทำให้เชื้อราเติบโตมากกว่าปกติ ผิวหนังบริเวณนั้นจะลอกล่อน ออกมาเป็นสีเหลืองขุ่นๆ และเกิดอาการคันแบบผิดปกติ ถ้าในรายที่มีรังแคอยู่มาก ก็จะทำให้ผิวหนังแดง และอักเสบอย่างรุนแรง


ก่อนอื่นก็ต้องแก้ที่

รังแค

ก่อน เพราะเริ่มต้นจากการมีรังแค จึงลุกลามมาสู่การเป็น


เชื้อรา

การเกิดรังแคนั้นมาจาก อาการแห้งของหนังศีรษะ ที่เกิดจากการสระผมบ่อย หรือการใช้แชมพูที่ออกฤทธิ์รุนแรงเกินไป รวมไปถึงการอยู่ในห้องแอร์ที่มีความชื้นต่ำ ทำให้หนังศีรษะแห้งจนเกินไป


9 วิธีรักษาเชื้อราบนหนังศีรษะ

1. สระผมสัปดาห์ละ 3 ครั้งและเลือกยาสระผมที่อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ

สระผมแค่สัปดาห์ละ 3 ครั้ง และเลือกยาสระผมที่อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ

มีมอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงความชุ่มชื้น และในขณะที่สระผม ให้นวดเบาๆ ที่หนังศีรษะ

ห้ามเกาแรงเด็ดขาด เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นให้ผิวอักเสบได้เร็ว และง่ายกว่าเดิม




หรืออาจเลือกใช้ยาสระผมที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องรังแคและความคันโดยเฉพาะเพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้ตรงจุดเช่นHead & Shoulders ANTI DANDRUFF SHAMPOO Itchy Scalp Care+ที่เป็นแชมพูผสมสารขจัดรังแค จึงช่วยหยุดและลดความคันบนหนังศีรษะ และยังมีสารสกัดจากยูคาลิปตัสช่วยให้ลดความคันได้ยาวนานจนกว่าจะถึงวันสระผมอีกครั้งด้วย แนะนำว่าเวลาใช้ให้ชโลมลงบนผมเปียก นวดเบาๆ ที่หนังศีรษะแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ใช้อย่างต่อเนื่องแล้วลองสังเกตผลลัพธ์ดู ราคาเริ่มต้นแค่ 25 บาท



2. ใช้น้ำยานวดหนังศีรษะโดยเฉพาะ

ใช้ครีมนวด หรือน้ำยานวดหนังศีรษะโดยเฉพาะ หลังจากการใช้แชมพูทุกครั้งที่สระ แล้วนวดเบาๆ กดไปด้วย เวลาที่นวดให้ใช้ออกแรงเล็กน้อยไม่ต้องแรงมาก เพื่อกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตไขมันออกมาให้ทันใช้ได้ตามปกติ และกระตุ้นให้ผิวเก่าลอกล่อนออกมา แล้วทิ้งไว้ 15 นาที จึงค่อยล้างออก



3. ใช้แชมพูยาเท่าที่จำเป็น

ใช้แชมพูยาในรายที่เป็นหนัก ควรใช้แค่เมื่อยามจำเป็น 1 ครั้ง / สัปดาห์เท่านั้น

และเมื่ออาการดีขึ้นก็ให้หยุดใช้ทันที เพื่อไม่ให้รังแคดื้อยา

แชมพูยานั้นมีหลากหลายยี่ห้อ แล้วแต่ระดับความรุนแรงในการเป็นให้เลือกใช้ตามร้านขายยา

และห้างสรรพสินค้าทั่วไป



4. สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิปกติหรือน้ำเย็น

สระผมด้วยน้ำเย็น หรือน้ำที่มีอุณหภูมิปกติ อย่าใช้น้ำร้อนหรืออุ่นเด็ดขาด เพราะน้ำอุ่นจะเข้าไปล้างทำลายไขมันตามธรรมชาติ และทำให้ผิวยิ่งอักเสบหนักขึ้น



5. เป่าผมด้วยลมเย็น

เมื่อสระผมเสร็จแล้ว ให้ผึ่งแห้งด้วยลมเย็นเท่านั้น งดใช้ลมร้อนเป่าผม ถ้าผมสั้นให้แห้งไปเองด้วยลมธรรมชาติ แต่ถ้าผมยาวให้ใช้ลมเย็นเป่า แต่อย่าเป่าไปโดนหนังศีรษะมาก แต่ให้เน้นเป่าที่ตัวผมมากกว่า


6. ใช้หวีห่างและหวีอย่างเบามือ

หวีเบาๆ โดยหวีจากโคนสู่ปลายตามปกติ แต่อย่าให้โดนหนังศีรษะ เว้นช่วงนั้นไว้ แล้วค่อยๆ หวี อย่ากระตุกผมแรง เพราะจะทำให้สะเทือนไปจนถึงหนังศีรษะ และเกิดอาการอักเสบเพิ่มขึ้น ให้ใช้หวีซี่ห่าง ไม่ควรใช้หวีแปรงในช่วงที่เป็นรังแค หรือเชื้อรา



7. หลีกเลี่ยงการทำสีผม

งดย้อมผม โกรกสีผม หรือทำอะไรที่จะทำให้หนังศีรษะโดนสารเคมีกัดอย่างรุนแรง ในช่วงที่มีอาการอยู่


เพราะจะยิ่งไปทวีความรุนแรงของอาการให้มากขึ้น และจะทำให้หายช้าลงไปอีกด้วย


8. ปรับอุณหภูมิห้องให้อยู่ที่ 25 องศา

ถ้าใครที่อยู่ห้องแอร์ให้ปรับอุณหภูมิไปที่ 25 องศาเท่านั้น อย่าต่ำกว่านี้ เพราะจะทำให้หนังศีรษะแห้งจนเกินไป และก่อให้เกิดรังแคได้



9. พบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาและหาสาเหตุที่แท้จริง

แต่ถ้าวิธีข้างต้น ทำแล้วยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนัง เพื่อหาทางแก้ไข เพราะอาจจะต้องใช้ยารักษาเชื้อราเฉพาะทาง เพื่อแก้ไขสำหรับคนที่อาจจะมีอาการเชื้อราลุกลามขั้นรุนแรง


ในปัจจุบันมียาสระผมที่ผลิตออกมาเพื่อขจัดรังแคโดยเฉพาะมากมายหลายยี่ห้อผู้ใช้จึงต้องศึกษาข้อมูลของตัวผลิตภัณฑ์ให้ดีๆ ก่อนการตัดสินใจซื้อใช้เพราะยาสระแต่ละตัวจะถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้แก้ไขในแต่ละปัญหา มีจุดเด่น จุดด้อย ที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้แก้ปัญหาที่ตรงจุดจึงต้องรู้ให้ละเอียดก่อน เวลาซื้อมาจะได้ไม่ก่อปัญหาให้เราเพิ่มและเป็นตัวช่วยที่จะทำให้เราหายจากอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้ได้จริง


บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้