รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/15/d0/93/15d093cdcb8ee8a3a97641d6f0994ce5.jpg

สวัสดีค่าา ^^ วันนี้แวะมาชวน Talk เรื่องที่ใกล้ตัวและสำคัญมากๆ อย่างกันค่ะไม่ว่าเพื่อนๆ จะทำอาชีพไหนก็ตาม ทั้งพนักงานออฟฟิศหรือทำงานอิสระ เราเชื่อว่าทุกคนก็คงอยากมีเงินเก็บไว้กับตัว สำหรับหยิบออกมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแบบไม่ขัดสน รวมทั้งมีเงินใช้จ่ายในยามจำเป็นกันทั้งนั้นใช่มั้ยล่ะคะแต่ดูเหมือนว่าการมีเงินเก็บติดบัญชีไว้จะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน เพราะหลังจากที่เงินเดือนออกแล้วก็มีค่าใช้จ่ายนู่นนี่นั่นมากมาย แถมในบางครั้งก็เผลอใช้เงินเกินตัวแบบไม่ทันระวังรู้ตัวอีกทีเงินเดือนหลักหมื่นก็เหลือน้อยเหมือนเงินทอนเลยทีเดียวแล้วสำหรับคนที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองรับปีใหม่ และอยากเริ่มต้นออมเงินเพื่ออนาคตที่มั่นคง ทางเราก็มีเทคนิคเริ่มต้นเก็บเงินอย่างง่ายและต่อยอดมาแชร์ให้ได้ลองทำตามกันโดยเราจัดมาให้ครบทั้งเทคนิคการออมเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือนและมนุษย์ฟรีแลนซ์ ว่าแล้วก็ตามไปดูพร้อมกันได้เลยค่ะ

・・・・・・・・・


【 เทคนิคเริ่มต้นเก็บเงินและต่อยอด ฉบับมนุษย์เงินเดือน vs มนุษย์ฟรีแลนซ์ 】


เทคนิคเริ่มต้นเก็บเงินแบบฉบับมนุษย์เงินเดือน

เริ่มต้นด้วยเทคนิคเก็บเงินและต่อยอดแบบฉบับมนุษย์เงินเดือนก่อนเลยค่ะ ชาวซิสคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าข้อดีของมนุษย์ออฟฟิศก็คือมีรายได้ประจำและสม่ำเสมอรู้ว่าเงินเดือนจะเข้าวันที่เท่าไหร่ของทุกเดือน จึงมีความมั่นคงทางรายได้มากกว่าเมื่อเทียบกับอาชีพอิสระ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์เงินเดือนจะมีโอกาสเก็บเงินสำเร็จมากกว่ามนุษย์ฟรีแลนซ์นะคะ เพราะหากใช้จ่ายเกินตัว จ่ายเงินออกรัวๆ แบบไม่ระมัดระวังก็มีโอกาสที่ยอดเงินในบัญชีจะร่อยหรอและติดลูปใช้เงินแบบเดือนชนเดือนจนไม่เหลือเงินเก็บได้เหมือนกัน แล้วถ้ามนุษย์เงินเดือนอยากเริ่มต้นเก็บเงินก็ลองทำตามเทคนิคด้านล่างนี้ได้เลย


➀ ทำรายรับ-รายจ่าย แบ่งสัดส่วนค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/736x/06/b6/47/06b6470be68587691aa8729b1ce497f9.jpg

เคล็ดลับสุดเบสิกที่ทุกคนควรฝึกทำให้เป็นนิสัยก็คือการทำรายรับ-รายจ่ายค่ะ เพราะการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นวิธีที่ช่วยทำให้วางแผนการเงินได้ง่ายขึ้นเยอะเลย โดยการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายจะช่วยให้มองเห็นพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของตัวเองว่าเผลอใช้จ่ายไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น หรือใช้เงินไปกับส่วนไหนมากเกินไปรึเปล่าหลังจากที่รู้ตัวแล้วก็ต้องปรับเปลี่ยนและลดค่าใช้จ่ายที่ฟุ่ยเฟือยในแต่ละเดือนลงแล้วเดี๋ยวนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องจดบัญชีราย-รับรายจ่ายให้ยุ่งยาก เพราะแค่ดาวน์โหลดแอปฯ มาเป็นตัวช่วยจดบันทึกค่าใช้จ่ายบนสมาร์ทโฟน ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกมากมากๆ เลยค่ะ นอกจากมนุษย์ออฟฟิศควรทำรายรับ-รายจ่ายแล้ว ก็ต้องไม่ลืมแบ่งสัดส่วนค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนด้วยนะ โดยสูตรการออมเงินที่นิยมใช้กันก็คือสูตร 50-30-20ที่แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน-ค่าใช้จ่ายส่วนตัว-เงินสำหรับเก็บออมสูตรการออมเงินนี้ก็จะช่วยให้เรากำหนดการใช้จ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพขึ้นค่ะ


➁ กำหนดเงินรายวัน ป้องกันการใช้เงินเกินตัว

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/33/54/11/3354117b0737ed902055e6bc67c83adf.jpg

มนุษย์เงินเดือนที่ตั้งใจเก็บเงินแต่ก็ทำไม่สำเร็จสักที มันอาจเกิดจากนิสัยการจับจ่ายใช้เงินในแต่ละวันแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง เดี๋ยวซื้อของกินบ้าง ซื้อของจุกจิกบ้าง ซื้อเสื้อผ้าบ้าง เพราะคิดว่าเดี๋ยวยังไงก็มีเงินเดือนเข้าเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว เราจึงอยากแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองซะใหม่ โดยควรวางแผนการเงินก่อนใช้จ่ายและกำหนดเงินรายวันด้วยการนำเงินเดือนมาหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่างๆ ออกไปเช่น ค่าบ้าน ค่ารถ สาธารณูปโภค ค่าเดินทาง ฯลฯแล้วลองคำนวณดูว่าในแต่ละวันเราต้องใช้เงินเท่าไหร่ และกำหนดให้พกเงินติดตัวได้แค่นั้นเทคนิคนี้ก็จะช่วยป้องกันการใช้เงินเกินตัว และทำให้เรารู้จักคิดก่อนหยิบเงินออกไปใช้ทุกครั้ง เพราะต้องใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุดและไม่เกินจำนวนเงินที่กำหนดให้ใช้ได้ในแต่ละวัน รับรองเลยว่าพอทำวิธีนี้เป็นประจำแล้วต้องมีเงินเก็บมากขึ้นแน่ๆ


➂ สายช้อปตั้งกฎจ่ายออกเท่าไหร่ก็เก็บเท่านั้น

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/f9/94/1f/f9941f4f30d439e372f5ec77bec1e0a7.jpg

เงินเดือนออกปุ๊บก็รีบใช้เงินปั๊บ โดยเฉพาะสายช้อปที่พอข้อความแจ้งเตือนเงินเดือนเข้าดังเมื่อไหร่ ก็รีบพุ่งตัวไปช้อปปิ้งแบบด่วนจี๋ หรือช้อปออนไลน์กระหน่ำแบบไม่เกรงใจยอดเงินในบัญชี พฤติกรรมนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนไม่เหลือเงินเก็บค่ะ เราจึงอยากแนะนำเทคนิคเก็บเงินสำหรับชาวออฟฟิศที่เป็นขาช้อปด้วยการหักดิบและตั้งกฎกับตัวเองว่าช้อปปิ้งเท่าไหร่ก็ต้องเก็บเงินไว้ในบัญเท่านั้นเช่น ซื้อเสื้อผ้า 1,000 บาท ก็ต้องเก็บเงิน 1,000 บาทไว้ในบัญชีเงินออม เป็นต้น เทคนิคนี้ก็จะช่วยให้สายช้อปดึงสติตัวเองกลับมาก่อนใช้จ่ายเงินออกไปรวมทั้งช่วยให้มีเก็บเงินมากขึ้นแทนที่จะใช้จ่ายเงินออกไปกับการช้อปอย่างเดียวเรียกง่ายๆ ว่ายิ่งช้อปหนักก็ต้องยิ่งเก็บเงินมากขึ้นตามไปด้วยค่ะ


➃ เปิดบัญชีเงินฝากประจำ กันการกดเงินออกมาใช้

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/1b/f4/a1/1bf4a158bdd43eb1fb089a531184938e.jpg

เพื่อนๆ คนไหนรู้ตัวว่าตัวเองที่เป็นคนหักห้ามใจเรื่องการใช้เงินไม่เก่ง พอเห็นยอดเงินในบัญชีหรือเงินเก็บจำนวนมากๆ แล้วอดใจไม่ไหวและต้องกดเงินออกมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยทุกครั้ง ก็ต้องลองใช้เทคนิคเก็บเงินด้วยการเปิดบัญชีเงินฝากประจำสำหรับเงินออมค่ะ สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าบัญชีเงินฝากประจำมันคืออะไร? บัญชีเงินฝากประจำก็คล้ายๆ กับบัญชีเงินฝากทั่วไปของแต่ละธนาคารที่หลายคนมีกันอยู่แล้ว แต่จะมีความแตกต่างตรงที่เราไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้จ่ายได้ตามใจชอบ เพราะบัญชีเงินฝากประจำจะกำหนดระยะเวลาการฝากเงินติดต่อกันเรื่อยๆ เช่น 6 เดือน, 12 เดือน, 18 เดือน, 24 เดือน เป็นต้นแล้วถ้ามีการถอนเงินก่อนกำหนดก็จะไม่ได้รับดอกเบี้ยตามที่ธนาคารระบุไว้ซึ่งการเปิดบัญชีเงินฝากประจำจะช่วยป้องกันการกดเงินออกมาใช้จ่าย แถมยังมีข้อดีตรงที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากแบบธรรมดาด้วยค่ะ


➄ ต่อยอดเงินให้งอกเงยด้วยการลงทุนเพิ่ม

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/a2/12/23/a21223d5e9af4ee0dc314378c4d9e750.jpg

สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินออมในบัญชี แต่แอบรู้สึกว่ายอดเงินมันนิ่งเกินไปและอยากต่อยอดเงินให้งอกเงยขึ้นการลงทุนเพิ่มก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่เบาเลยนะ อย่างเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่ต้องการเก็บเงินและต่อยอดก็อาจเริ่มต้นจากการลงทุนใน“ กองทุนรวม ”ค่ะสำหรับคนที่สงสัยว่าการลงทุนประเภทนี้คืออะไร…กองทุนรวมก็คือการระดมเงินทุนจากนักลงทุนรายย่อยหลายรายมารวมเป็นเงินลงทุนก้อนใหญ่ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เป็นผู้ดูแล และทำหน้าที่นำเงินกองทุนเหล่านั้นไปลงทุนตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมตามนโยบายกองทุนที่ตัวเองสนใจ เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund), กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund: FIF), กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF), กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF) เป็นต้นแต่ทั้งนี้เพื่อนๆ ต้องศึกษาการลงทุนต่างๆ ให้รอบคอบก่อนทุกครั้ง เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงจึงไม่ควรรีบตัดสินใจโดยที่ยังไม่ได้ทำความเข้าใจเงื่อนไขและผลตอบแทนต่างๆ เด็ดขาดเลยนะคะ


เทคนิคเริ่มต้นเก็บเงินแบบฉบับมนุษย์ฟรีแลนซ์

หลังจากที่ส่องเทคนิคการเก็บเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือนไปแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลามาแวะมาดูเทคนิคเริ่มต้นเก็บเงินและต่อยอดแบบฉบับมนุษย์ฟรีแลนซ์บ้างแล้วค่ะ ส่วนใหญ่แล้วคนมักจะมองว่าอาชีพอิสระหรือที่หลายคนเรียกว่าฟรีแลนซ์เป็นอาชีพที่ไม่แน่ไม่นอน ไม่มีความมั่นคง เพราะรายได้ในแต่ละเดือนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่ามีงานจ้างเยอะแค่ไหนและได้รับค่าจ้างตรงกำหนดรึเปล่าแล้วหากเจ็บป่วยหรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็อาจทำให้รายได้ขาดหายไป แต่อาชีพอิสระก็มีข้อดีอยู่ตรงที่มีอิสระในการทำงานและสามารถหารายได้จากหลายช่องทางแล้วถ้ายิ่งรู้จักเก็บเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ก็มีเงินเก็บก้อนใหญ่ได้ และสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคตได้ไม่แพ้มนุษย์เงินเดือนเลยค่ะ


รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/01/c1/1b/01c11b8b4c57f35e0f60679e715e98f1.jpg

➀ บันทึกรายรับ-รายจ่ายเป็นประจำ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/f9/21/79/f92179e03bb03b402b627db1aee08bf1.jpg

อย่างที่เราบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าเคล็ดลับเริ่มต้นเก็บเงินสำหรับมือใหม่ที่ควรฝึกทำให้ชินก็คือการทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายเป็นประจำค่ะ โดยเฉพาะมนุษย์ฟรีแลนซ์ที่รายได้ไม่แน่นอน บางเดือนได้เงินเยอะ บางเดือนได้เงินน้อย หรือบางเดือนแทบจะไม่มีรายได้เข้ามาเลย ก็ยิ่งต้องทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายทุกเดือนเลยนะ ซึ่งการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายจะทำให้เรารู้และเห็นภาพพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองได้อย่างชัดเจนขึ้นว่าในแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง หรือตัวเราใช้จ่ายเงินส่วนไหนมากเกินไปจนกระทบต่อรายได้รึเปล่า เช่น การช้อปปิ้งเสื้อผ้า การกินอาหารนอกบ้าน การซื้อเครื่องสำอาง / สกินแคร์ราคาแพง เป็นต้น พอมีบันทึกรายรับ-รายจ่ายก็จะทำให้รู้ว่าควรปรับสัดส่วนค่าใช้จ่ายยังไงให้เหมาะสม รู้จักใช้เงินอย่างรอบคอบมากขึ้นและมีเงินเก็บเหลือในแต่ละเดือนด้วยค่ะ


➁ หารายได้ให้มากกว่า 1 ช่องทาง

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/2e/65/33/2e65332b64acf5746e2e918edbb8e514.jpg

ถ้ามนุษย์ฟรีแลนซ์อยากจะมีเงินเก็บไว้สำหรับใช้จ่ายในอนาคตหรือยามฉุกเฉิน ก็ไม่ควรหารายได้เพียงช่องทางเดียวเชียวนะคะ เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมา อย่างเช่นลูกค้าไม่จ้างงานต่อ หรือมีเรื่องติดขัดให้ไม่สามารถทำงานตรงนั้นได้ต่อไป ก็อาจทำให้รายได้หายไปและกระทบต่อสถานะการเงินแบบไม่ทันตั้งตัว เพื่อนๆ ที่ทำงานอิสระจึงควรหารายได้ให้มากกว่า 1 ช่องทางเสมอรวมทั้งต้องพยายามเรียนรู้และอัปเดตสกิลใหม่ๆ ให้กับตัวเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อต่อยอดอาชีพและเพิ่มช่องทางการหารายได้ให้กับตัวเองพอมีงานจ้างเพิ่มขึ้น ทำงานได้หลากหลายและเยอะขึ้น ก็จะส่งผลให้มีรายได้เข้ามามากขึ้นกว่าเดิม และสามารถเก็บเงินไว้สำหรับใช้จ่ายได้แบบไม่ติดขัดค่ะ


➂ ตั้งเป้าออมเงินปีละครั้ง

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/15/79/88/157988cd738ac93b1ccf173d879dd1b6.jpg

รายได้ในแต่ละเดือนของมนุษย์ฟรีแลนซ์ที่ไม่แน่นอน แตกต่างจากมนุษย์เงินเดือนที่ได้รับเงินเดือนเป็นประจำทุกเดือน อาจเป็นหนึ่งในอุปสรรคที่ทำให้การเก็บเงินเป็นไปได้ยาก ดังนั้น แทนที่จะออมเงินแบบรายเดือนก็ควรลองเปลี่ยนมาใช้วิธีออมเงินปีละครั้งค่ะ เพราะรายได้ของคนที่ทำอาชีพอิสระในแต่ละเดือนไม่เท่ากัน บางเดือนที่มีงานจ้างเยอะๆ ก็อาจได้เงินมาก หรือบางเดือนที่ไม่ค่อยมีงานก็อาจได้เงินน้อยหน่อย เพื่อนๆ จึงควรคำนวณดูคร่าวๆ ว่าในแต่ละปีเราจะมีรายได้ประมาณเท่าไหร่จากนั้นก็มองภาพรวมรายได้และตั้งเป้าเงินออมที่ต้องเก็บให้ได้ในปีนั้นๆ แทนแต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าในแต่ละเดือนจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแบบไร้สติ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่เหลือเงินสำหรับเก็บออมรายปีเหมือนกันค่ะ


➃ ออมเงินสำหรับกรณีฉุกเฉินล่วงหน้า

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/f5/2d/08/f52d08e7e06a38580c6dd78ec5198dfe.jpg

ถ้าใครกำลังทำอาชีพอิสระอยู่ในตอนนี้ ก็คงรู้ดีว่าช่วงไหนที่ขาดรายได้ก็เหมือจะขาดใจตามไปด้วยเลยนะคะ เพราะรายจ่ายในแต่ละเดือนมันไม่ได้ลดน้อยลงตามรายได้ที่ถดถอยลงไปซะหน่อย แบบนี้เพื่อนๆต้องไม่ลืมออมเงินสำหรับกรณีฉุกเฉินล่วงหน้าหรือกรณีที่ขาดรายได้ด้วยนะคะ โดยควรจะสำรองเงินไว้ให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 6 เดือนเพื่อความอุ่นใจและเป็นหลักประกันว่าถ้ามีช่วงที่เราขาดรายได้หรือไม่สามารถทำงานได้ ก็อาจดึงเงินสำรองในส่วนนี้ออกมาใช้จ่ายในยามจำเป็นไปก่อนไม่ต้องไปหยิบยืมคนอื่นหรือสร้างหนี้สินเข้ามาเพิ่มความไม่มั่นคงให้กับชีวิตค่ะ


➄ แบ่งเงินออมสำหรับประกันสุขภาพและการลงทุน

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/b3/59/09/b359095a129cda307e8691bad061d58a.jpgรูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/42/1d/a8/421da87dbf7b63c1b4ce8c6e7b537d53.jpg

นอกจากมนุษย์ฟรีแลนซ์จะต้องวางแผนค่าใช้จ่ายและเก็บเงินสำรองในกรณีฉุกเฉินแล้ว ก็สามารถต่อยอดเงินและสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองได้ด้วยเช่นกันค่ะ โดยคนที่ทำอาชีพอิสระควรแบ่งเงินออมไว้สำหรับลงทุนเรื่องสุขภาพและลงทุนเพื่อต่อยอดเงินให้งอกเงยขึ้นนั่นก็เพราะว่าฟรีแลนซ์เป็นอาชีพที่รายได้ขึ้นอยู่กับการทำงานที่มาก-น้อยในแต่ละเดือน ถ้าเกิดการเจ็บไข้ไม่สบายขึ้นมาก็ไม่สามารถลาป่วยหรือใช้สวัสดิการรักษาพยาบาลได้เหมือนมนุษย์ออฟฟิศ พอหยุดทำงานก็เท่ากับขาดรายได้ จนต้องดึงเงินออมที่ตั้งใจเก็บไว้มาใช้กับรักษาตัว มนุษย์ฟรีแลนซ์จึงควรทำประกันสุขภาพเพื่อชดเชยรายได้และค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ค่ะแล้วเงินออมอีกหนึ่งส่วนที่ควรแบ่งไว้ก็คือเงินออมสำหรับการลงทุนเพื่อให้เงินทำงานแทนเรา เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ กองทุนรวม เป็นต้นแต่ก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้งก็ต้องศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนนั้นๆ ให้ละเอียดรอบคอบด้วย อย่าใจเร็วด่วนได้เด็ดขาด!

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/b3/59/09/b359095a129cda307e8691bad061d58a.jpg

・・・・・・・・・

เรื่องเงินเรื่องใหญ่… ไม่เกินจริงเลยค่ะซิส!!! วันนี้เราลิสต์เทคนิคเริ่มต้นเก็บเงินอย่างง่ายและต่อยอดมาฝากเหล่ามนุษย์เงินเดือนและมนุษย์ฟรีแลนซ์กันแบบจัดเต็มไม่กั๊กเลยนะคะ แม้ว่าคนที่ทำงานประจำและคนที่ทำอาชีพอิสระจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไปแต่ถ้าอยากเริ่มต้นเก็บเงินให้สำเร็จ สิ่งที่ต้องทำเหมือนกันก็คือการวางแผนใช้เงินอย่างรอบคอบ รู้จักเก็บออมเงินสำหรับอนาคต ลองมองหาช่องทางต่อยอดเงินให้งอกเงย แล้วที่สำคัญก็คือการมีวินัยในการใช้เงิน ต้องรู้จักหักห้ามใจของตัวเองให้ได้เพราะต่อให้หาเงินได้เยอะหรือเก็บเงินได้จำนวนมาก แต่ถ้าหยุดพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินอันแสนฟุ่มเฟือยไม่ได้ ก็มีโอกาสที่เงินเก็บจะค่อยๆ หมดไปได้ในที่สุดค่ะ


・・・・・・・・・Designer :namoodong

Writer :Pearrisa

>>> ลิงก์รวมรูปสำหรับ Cover + OG ค่ะhttps://drive.google.com/drive/folders/16OjSp6OlwYjSLdQDAkNidJJ9ant6J2eo?usp=sharing