1. SistaCafe
  2. Hifu คืออะไร ? ถาม-ตอบทุกข้อสงสัยสำหรับไฮฟู่ เทรนด์หัตถการยอดฮิต

ปัจจุบันมีนวัตกรรมทางด้านความงามเกิดขึ้นมากมายซะเหลือเกิน แค่ย่างกรายเข้าคลินิกก็มีคอร์สความงามต่าง ๆ มาให้เลือกทำเต็มไปหมด แล้วเพื่อน ๆ เคยสงสัยกันบ้างไหมคะว่าแต่ละอย่าง มีไว้ทำอะไร? แล้วช่วยแก้ปัญหาในด้านไหนให้เรายังไงบ้าง? วันนี้ซิสอยากชวนทุกคนมาไขข้อสงสัยและทำความรู้จักกับหนึ่งนวัตกรรมความงามยอดฮิตอย่าง "Hifu" ก่อนเลยละกัน Hifu คืออะไร? ช่วยเรื่องอะไร? ดีไหม? อยู่ได้นานแค่ไหน? และกี่วันเห็นผล? รวมทุกคำตอบชวนสงสัย แบบเน้น ๆ ถ้าพร้อมแล้วตามไปอ่านกันเล้ยย~


Hifu คืออะไร ?

HIFU หรือชื่อเต็มคือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในชั้นผิวในระดับลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ทำให้ผิวชั้นนี้หดตัว (คล้ายกับการเย็บที่เนื้อ) จนเกิดการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมานั่นเอง จากการหดตัวที่เกิดขึ้นและการเรียงตัวที่เป็นระเบียบกว่าเดิมของคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ จะส่งผลทำให้ผิวกระชับ ริ้วรอยลดลง ผิวเรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์ลงได้ โดยเห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ และจะค่อยๆ เห็นชัดขึ้นอีกจนกระทั่งคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างโดยสมบูรณ์

HIFU นั้นสามารถทำได้ทั่วทั้งใบหน้า รวมไปถึงต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง โดยจำนวนช็อตของการทำจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษา


Hifu เหมาะกับใครบ้าง ?

ยิ่งเราเริ่มมีอายุ ผิวของเราก็จะยิ่งผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าของเราไม่เรียบเนียนเต่งตึงเหมือนเดิม เพราะ Hifu จะเข้าไปช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาดังนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
  • ผู้ที่มีริ้วรอยน้อยๆ ร่องใต้ตาร่องแก้มไม่ลึกมาก
  • ผู้ที่ต้องการกระชับผิวด้วยวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ฉีด
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น หลังทำใช้หน้าได้เลย ไม่มีแผล
  • ร่องแก้มอาจจะจบได้ด้วย Hifu หรือฟิลเลอร์ ! แต่ถ้าเจอไม่ปัง หน้าเราก็พังได้เลยทันทีนะ ! จากที่จะกลับมาดูอ่อนเยาว์ดูสวยสมวัย อาจไปไกลถึงหน้าเปลี่ยนสปีชีส์ไปเลยก็ได้แบบ ลิงลพ !!!! กรี๊ด !!!!! แบบนี้ก็ไม่ไหวนะซิส ใครที่คิดอยากจะฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มก็ลองอ่านข้อมูลเพิ่มเติมต่อได้เลยที่....
  • _______________________________________

Hifu ช่วยอะไรบ้าง ?

Hifu เป็นนวัตกรรมความงามที่ช่วยด้านลดเลือนริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และเพิ่มความกระชับให้กับบริเวณผิวหน้าและร่างกาย จุดเด่นการทำ Hifu คือช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ให้กลับมาแน่นกระชับ จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย

Hifu ช่วยให้สามารถกระตุ้น Collagen ได้ในทุกชั้นของผิว กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ โดยเนื้อเยื่อที่สร้างใหม่นี้จะแน่นกว่าของเดิม กระชับกว่า ทำให้ผิวยกกระชับ รูขุมขนดีขึ้น ผิวเนียนนุ่มขึ้น หน้าเรียบเนียนใสและอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

- ข้อดี ของ Hifu -

  • ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด
  • ไม่มีรอยแดงช้ำ
  • ไม่ต้องรอการพักฟื้นนานๆ
  • มีความปลอดภัยต่อผิวสูง ไม่ทำร้ายผิวหนังบริเวณชั้นนอก
  • ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอยและสลายไขมันได้บางส่วน
  • ไม่เป็นอันตรายต่อสายตา จึงสามารถช่วยเน้นที่บริเวณใต้ตาและรอบดวงตาได้โดยตรง
  • ทำได้บ่อยครั้งและหลังการทำ Hifu ยังสามารถทำการรักษาอย่างอื่นอีกได้

_______________________________________

ข้อควรระวังในการทำ Hifu


สำหรับการทำ HIFU นั้นถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัย ในเรื่องข้อควรระวัง หรือข้อเสียค่อนข้างมีโอกาสพบได้น้อยมาก รวมไปถึงความเสี่ยงหลังทำก็มีอยู่น้อยด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นหัตถการที่ไม่ต้องฉีด ผ่าตัด เจาะ หรือยิงเลเซอร์ อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อควรระวังของ HIFU ที่อาจพบเจออาจมีดังนี้

 1. รู้สึกตึง หรือเมื่อยหน้า อาการข้างเคียงที่พบได้หลังการทำนั้นคือ ความรู้สึกตึงผิว หรือรู้สึกเมื่อยหน้าบริเวณที่ทำ HIFU เนื่องจากผิวบริเวณดังกล่าวถูกทำให้กระชับ ทำให้รู้สึกตึง และเมื่อยหน้า โดยทั่วไปจะหายภายใน 1 – 2 วัน

 2. อาการหน้าชาหลังทำ HIFU หนึ่งใน HIFU ข้อควรระวังที่พบได้น้อยมาก คืออาการหน้าชาหลังทำ HIFU โดยพบว่าส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุภายนอก เช่น การขาดประสบการณ์ของแพทย์ผู้รับหน้าที่ทำหัตถการ หรือเกิดจากเครื่องทำ HIFU ที่ไม่ได้มาตรฐานจากสถานเสริมความงามที่ไม่เชี่ยวชาญ เป็นต้น

 3. ปัญหาผิวรุนแรง สำหรับ HIFU ข้อควรระวังในระดับรุนแรง อาจจะเกิดปัญหาผิวจากความร้อนสะสมในผิวหนังชั้นตื้น เช่น ปัญหาผิวไหม้ แสบแดง , เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ , ตุ่มน้ำบนผิว แต่ก็พบได้น้อยมาก จะมีโอกาสพบก็ต่อเมื่อหากทำหัตถการกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ หรือสถานเสริมความงามที่ไม่ได้มาตรฐานที่ไม่ผ่านการขึ้นทะเบียน

 เพื่อหลีกเลี่ยงข้อควรระวัง และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำ HIFU ควรเลือกทำ HIFU กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ดูแลการทำ HIFU โดยตรง ที่สำคัญควรใช้บริการสถานเสริมความงามที่เชื่อถือได้ด้วยนะคะ

- ใครที่ไม่เหมาะจะทำ Hifu -

แม้ HIFU ข้อเสีย และผลข้างเคียงที่มีนั้นจะน้อยมาก แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือกำลังอยู่ในสภาวะผิดปกติทางร่างกายบางอย่าง อาจจะยังไม่เหมาะกับการทำ HIFU ดังนี้

  • สตรีมีครรภ์ ลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงต่อเด็กในท้อง
  • ผู้ที่กำลังมีปัญหาผิวอักเสบ รวมไปถึงผู้ที่มีการฝังโลหะในผิว หรือแผลถลอก
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนของเลือด หรือมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิตที่ต้องใช้การกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจร่วมด้วย
  • ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง
  • ผู้ที่มีปัญหาการรับรู้บกพร่องทางความรู้สึก

_______________________________________

Hifu เจ็บไหม ? แล้วกี่วันถึงจะเห็นผล ?

หลายๆ คนก็ยังมีข้อสงสัยว่าทํา Hifu เจ็บมไหม ต้องบอกเลยว่าเจ็บแน่นอนค่ะ! การทำ Hifu ที่ได้ประสิทธิภาพนั้น ขณะทำต้องมีความรู้สึกปวดๆ ตึงๆ บริเวณใต้ชั้นผิวบ้างแต่จะไม่ได้ถึงขึ้นแสบร้อนจนทนไม่ไหว เนื่องจากมีการยิงคลื่นเสียงเข้าถึงชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ (SMAS) อาการหลังทำ Hifu จะมีความบวมเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ยุบบวมไปเอง ภายใน 2 – 3 ชั่วโมง หรือยาวนานได้ถึง 3 – 7 วัน แต่หากพบว่ามีอาการที่ผิดแปลกไป หรือมีอาการรุนแรงขึ้นควรรีบเข้าพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและรักษาอาการต่อไป

ผลการทำ Hifu อยู่ได้ 6 เดือน และสามารถมีระยะเวลาถึง 1 ปี แต่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม Hifu/Ulthera SPT จึงมักมีคำกล่าวว่า ยิ่งเจ็บ ยิ่งสวย

หลังทำ Hifu จะเห็นผลทันทีประมาณ 20% เพราะชั้นผิวจะหดจากความร้อนที่ Focus ลงใต้ผิว 60°C-70°C โดยไม่ทำให้ผิวชั้นบนร้อน ไม่ทำให้ผิวไหม้ หลักการคล้ายกับเนื้อที่เราวางลงบนกระทะร้อนๆ เนื้อจะหด ผลการทำ Hifu จะเห็นผลเต็มที่ในระยะ 2-3 เดือน


_______________________________________

Hifu แพงไหม ราคาเท่าไหร่ ?

ราคาการทำ HIFU มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อเครื่อง จำนวนช็อต (line/shot) ประสบการณ์แพทย์ และโปรโมชั่นของคลินิก โดยภาพรวมมีดังนี้

  1. ทำทั่วหน้า (คลินิกมาตรฐาน) ประมาณ 10,000–30,000 บาท/ครั้ง
  2. ไล่ตามจำนวนช็อต (line/shot)

การเลือกทำ Hifu ไม่ควรมองหาที่ราคาถูก เพราะราคาถูกกว่าปกติอาจหมายถึงใช้เครื่องไม่ได้มาตรฐาน หรือยิงจำนวนน้อย/แรงต่ำ ซึ่งอาจทำให้เห็นผลน้อยหรือเสี่ยงผิวไหม้ ลงทุนในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้เครื่องแท้ และแพทย์มีประสบการณ์ ผลลัพธ์จะคุ้มค่าและปลอดภัยกว่านะคะ


_______________________________________

Hifu ดีกว่า โบท็อกซ์ จริงไหม ?


คำถามว่า “ Hifu ดีกว่า โบท็อกซ์ จริงไหม? ” ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและปัญหาของผิวแต่ละคน เพราะ Hifu และโบท็อกซ์เป็นหัตถการคนละประเภท มีข้อดี–ข้อเสียต่างกันค่ะ

ความแตกต่างของ Hifu และ โบท็อกซ์

ผลลัพธ์ :

  • Hifu เด่นเรื่อง กระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย สร้างคอลลาเจนใหม่
  • โบท็อกซ์ เด่นเรื่อง ลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น หน้าผาก ตีนกา

ระยะเวลาเห็นผล :

  • Hifu เริ่มเห็นบางส่วนทันที เห็นผลชัดใน 1–3 เดือน
  • โบท็อกซ์ เห็นผลใน 3–7 วัน ชัดสุดใน 2 สัปดาห์

อยู่ได้นาน :

  • Hifu 6 เดือน – 1 ปี
  • โบท็อกซ์ 3–6 เดือน

สรุปได้ว่าทั้ง 2 อย่างเป็นหัตถการคนละรูปแบบ แก้ปัญหากันคนละจุด บอกได้ว่า HIFU ไม่ได้ดีกว่าโบท็อกซ์ในทุกกรณีแต่ เหมาะกับคนละปัญหาผิว แพทย์มักแนะนำให้ทำ HIFU + โบท็อกซ์ร่วมกัน เพื่อผลลัพธ์ดีที่ปังมากขึ้น เช่น Hifu ยกหน้า + Botox ลดริ้วรอยรอบตา เป็นต้น


_______________________________________

สรุปทำ Hifu ดีไหม ?

มาถึงบทสรุป หลังจากทำความรู้จัก Hifu ไปแล้ว เชื่อว่าทุกคนน่าจะอยากได้ข้อสรุปแบบฟันธงเลยว่า ทำ Hifu ดีไหม ? ขอให้คำตอบว่า "ดีหรือไม่ดี" ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความคาดหวังของสาวๆ ค่ะ

ถ้าเป้าหมายของเราคือ ยกกระชับผิวโดยไม่ผ่าตัด และยอมรับได้ว่า ผลลัพธ์ไม่ถาวร , เห็นผลช้าหน่อย , แต่ปลอดภัยชัวร์ และไม่ต้องเจ็บตัวหรือพักฟื้น ก็สรุปได้ว่า Hifu คือ “ตัวเลือกที่ดี” เพราะ Hifu ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ปลอดภัย แต่ต้องเลือกทำกับ คลินิกที่มีมาตรฐาน เครื่องแท้ และแพทย์เชี่ยวชาญเป็นคนทำให้ด้วยนะคะ


_______________________________________

เพื่อน ๆ คงจะรู้จักกับเจ้า Hifu ขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมล่ะคะ จะเห็นได้ว่า Hifu เป็นการดูแลและยกกระชับผิวหน้าที่เห็นผลอย่างชัดเจน บางคนแม้ทำเพียงครั้งแรกก็ให้ความรู้สึกถึงผลลัพธ์ของก่อนทำและหลังทำได้ดีแบบสุด ๆ การทำ Hifu จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าลองของผู้ที่ต้องการดูแลผิวตั้งแต่อายุไม่มากนักด้วยนะ ว่าแล้วก็เกียมเก็บเงินเข้าคลินิกด่วน ๆ เลย ><

อย่างไรก็ตาม ควรใช้บริการคลินิกที่มีมาตรฐาน และทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยนะคะ สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วน้าาบ๊าย บาย~


ขอบคุณภาพประกอบ www.freepik.com

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง www.vsquareclinic.com


บทความแนะนำ

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1