ฮัลโหลเพื่อน ๆ รู้จักหัตถการความงามกันบ้างรึเปล่า? มาเมาท์มอยกันหน่อยค่า แบบว่าส่อง ๆ กระจกไปก็รู้สึกว่า เอ๊ะ! ใบหน้าชั้นน่ะ ถ้าลดตรงนั้นอีกนิด เพิ่มตรงนี้อีกหน่อย มันจะสวยได้มากกว่านี้อีกนะ!! แต่ด้วยความใจป๊อด จะให้เข้าคลีนิก ทุบหน้าใหม่ก็กลัวจะเจ็บเกินไป แถมอาจจะต้องพักฟื้นนาน ๆ ทำใจไม่ไหว

จนได้มาเจอกับนวัตกรรมหัตถการความงาม การปรับรูปหน้าที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น รู้สึกว่าเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน และสำหรับเพื่อน ๆ ที่เคยเล็งการทำหัตถการความงามเอาไว้อยู่บ้าง แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าควรจะทำดีมั้ย ต้องมีงบเท่าไรถึงจะทำได้ ปัญหาใบหน้าแบบเราต้องเลือกหัตถการแบบไหน ถึงจะแก้ปัญหาตรงจุด บทความนี้เราเลยรวมทุกข้อสงสัยมาฝากเพื่อน ๆ แล้ว จะเป็นยังไงลองตามไปดูกันเลย


หัตถการ คืออะไร ?

การทำหัตถการ (Medical procedure) หมายถึง การตรวจ การรักษา การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เข้าสู่ร่างกายผู้ป่วยเพื่อตรวจวินิจฉัยความปกติ และความผิดปกติของโรค เพื่อการบรรเทาอาการทุกข์ทรมานของผู้ป่วย รวมถึงวิธีการต่างๆในการดูแลรักษาผู้ป่วย การทำหัตถการ พยาบาลหรือผู้ดูแลผู้ป่วยจะต้องมีความรู้ มีประสบการณ์และอยู่ภายใต้มาตรฐานวิชาชีพ

หัตถการทางการแพทย์ หมายถึงการรักษาผู้ป่วยที่มุ่งเน้นไปที่การวินิจฉัย การรักษา หรือประคับประคองอาการของโรคหรืออาการต่างๆ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการรักษาโดยมีการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย เช่น การใช้เข็มเจาะน้ำจากช่องปอด การใส่สายสวนหัวใจ การฉีดยาเข้าในข้อ การผ่าตัดต่าง ๆ การเย็บบาดแผล

หัตถการความงาม คือการรักษาที่มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงหรือแก้ไขรูปลักษณ์ภายนอกของร่างกายเพื่อให้ดูดีขึ้น เป็นการเสริมความงามด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ต้องทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ แต่จะแตกต่างกับการศัลยกรรมตรงที่ หัตถการความงามจะไม่มีการผ่าตัด ใช้เวลาทำไม่นาน และไม่จำเป็นต้องพักฟื้น


หัตถการพยาบาล คืออะไร ต่างจากหัตถการความงามยังไง

หัตถการทางการพยาบาล หมายถึงหัตถการขนาดเล็ก เช่น การเจาะเลือด การทำแผล การให้น้ำเกลือ ซึ่งจะแตกต่างกับหัตถการความงามตรงที่ หัตถการความงามคือการทำด้วยฝีมือ เป็นงานที่เล็กกว่าผ่าตัด เช่น ร้อยไหม ฉีดโบท็อกซ์ ยิงเลเซอร์ ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ แต่จำเป็นต้องใช้แพทย์ที่มีฝีมือและชำนาญการสูง


หัตถการความงามมีอะไรบ้าง

หัตถการความงามมีอยู่หลายประเภทมากมาย แต่ละประเภทช่วยแก้ไขปัญหาในจุดต่างๆ แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงวิธีการ ระยะห่างในการทำ และราคาที่แตกต่างกันด้วย ซึ่งแต่ละเทคนิคนั้นเหมาะกับการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น

  • ปรับรูปหน้าให้ดูดี เข้ารูปขึ้นโดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างใบหน้าเดิม เช่น การฉีดฟิลเลอร์
  • ลดริ้วรอย เช่น การฉีดโบท็อกซ์
  • ยกกระชับหน้าด้วยเครื่องมือยกกระชับโดยไม่มีการผ่าตัด เช่น Hifu, Ultraformer, Ulthera, Thermage, Spidey Brow Lift
  • เลเซอร์ให้ผิวกระจ่างใส กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น Pico laser
  • ฟื้นฟูผิวให้สุขภาพดี เช่น การฉีดรีจูรัน การดริปวิตามิน

สำหรับบทความนี้ซิสจะรวมคำถามคำตอบที่เกี่ยวกับหัตถการความงามมาให้คลายสงสัยกัน ตั้งแต่ช่วยเรื่องอะไร เหมาะกับใคร แพงไหม ไปจนถึงเจ็บหรือไม่ ข้อดีข้อเสียคืออะไร บอกหมด จบในบทความเดียวไปเลย เริ่ม!


หัตถการ กลุ่มยกกระชับผิว

รูปภาพ:หัตถการผิวหน้า ช่วยยกกระชับผิว

HIFU


ไฮฟู่ ช่วยเรื่องอะไร

Hifu ย่อมาจากคำว่า High Intensity Focus Ultrasound คือการปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงลงไปในชั้นผิวหนัง SMAS ทำให้ชั้นไขมันและชั้น SMAS เกิดการหดตัว จึงส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นดูเหมือนยกกระชับขึ้นมา และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวบริเวณที่ทำ HIFU ยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้า แก้ม เหนียง คอ รวมถึงต้นแขน ต้นขา และส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวบริเวณที่ทำ HIFU ยืดหยุ่นมากขึ้น กระชับรูขุมขน ลดริ้วรอย


HIFU ต่างจาก Botox ยังไง?

ถึงแม้ว่าทั้ง HIFU และ Botox ต่างก็เป็นหัตถการปรับรูปหน้าให้กระชับได้ทั้งคู่ แต่จะแตกต่างกันตรงที่ Botox จะเป็นยาที่เข้าไปออกฤทธิ์ต่อการทำงานของระบบประสาท ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อลดลง จึงสามารถลดริ้วรอยได้ ส่วน HIFU จะเป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ยิงเข้าไปในชั้นผิว SMAS ช่วยให้ผิวเกิดการหดตัว และยกกระชับขึ้น


ใครเหมาะกับการทำไฮฟู่ และไม่เหมาะกับใคร?

  • คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
  • คนมีริ้วรอยไม่มาก เช่น ร่องใต้ตาร่องแก้มไม่ลึกมาก
  • คนที่ต้องการกระชับผิวด้วยวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด
  • ไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน ไม่มีแผล

ไฮฟู่ ราคา?

ราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับเครื่องมืออื่นๆ ในกลุ่มยกกระชับด้วยกัน จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 - 10,000 บาทขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับจำนวนช็อต)


ทำ ไฮฟู่ เจ็บไหม?

ไฮฟู่เป็นหัตถการที่ทำแล้วอาจจะรู้สึกในระดับหนึ่ง มีความรู้สึกปวดๆ บริเวณใต้ชั้นผิวบ้าง แต่จะรู้สึกเจ็บน้อยกว่าหากเทียบกับเครื่องยกกระชับตัวอื่นๆ ทั้งนี้ระดับความเจ็บของการทำ HIFU ยังขึ้นอยู่เครื่องที่ใช้ทำอีกด้วย


HIFU กี่ช็อตถึงจะเห็นผล / ไฮฟู่อยู่ได้นานไหม?

ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน เช่น ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมัน ความหย่อนคล้อยและสภาพผิว จึงต้องปรึกษากับหมอให้ช่วยประเมินก่อนทำ เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด


หลังทำ HIFU ห้ามทำอะไรบ้าง?

  • หลีกเลี่ยงการซาวด์น่า นวดหน้าด้วยความร้อน
  • ไม่ควรนวดหรือถูใบหน้าแรงๆ หลังทำ 2 สัปดาห์
  • ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพราะเป็นการทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนัง
  • หลีกเลี่ยงการออกแดดกลางแจ้งเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูของคอลลาเจนใต้ผิว

ทำ HIFU ที่ไหนดี?

  • คลินิกได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบการให้ประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข ติดไว้ในบริเวณที่ที่เปิดเผยและเห็นได้ชัดเจน
  • ใช้เครื่อง Ultraformer แท้ มีคุณภาพ
  • แพทย์มีประสบการณ์ สามารถวางแผนและแก้ไขปัญหาได้เหมาะสมตรงจุด มีความชำนาญในการใช้เครื่อง hifu
  • มีการนัดหมายเพื่อติดตามผลคนไข้ในภายหลัง และมีการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวทั้ง ก่อน – หลังทำไฮฟู่ รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อให้คนไข้เข้าใจเป็นอย่างดี

ข้อดี ข้อเสีย ของ HIFU

ข้อดี

  • ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด
  • ไม่มีแผลหรือรอยช้ำ
  • ไม่ต้องพักฟื้น
  • มีความปลอดภัยต่อผิวสูง ไม่ทำร้ายผิวหนังบริเวณชั้นนอก
  • ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอยและสลายไขมันได้บางส่วน

ข้อเสีย

  • หลังทำอาจมีรอยแดงเกิดขึ้นได้ แต่สามารถหายได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง
  • หากเครื่อง Hifu ที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน เป็นเครื่องเกรดต่ำ ให้พลังงานไม่คงที่และสม่ำเสมอ อาจทำแล้วไม่เห็นผล
  • หากพลังงานสูงเกินไปอาจทำให้ผิวไหม้ หรือถ้ายิงโดนเส้นประสาท ทำให้หน้าบวม ปากเบี้ยวได้


Ultraformer


Ultraformer ช่วยอะไร?

เครื่อง Ultraformer มีเทคโนโลยี MMFU (Micro&Macro Focused Ultrasound) ในการทำงานด้วยคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิวแต่ละชั้น รวมถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ทำให้ชั้นไขมัน และชั้น SMAS เกิดการหดตัว เพื่อยกกระชับผิวและสลายไขมัน ซึ่ง Ultraformer จัดอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีเดียวกันกับ Hifu แต่ Ultraformer จะมีความสเถียรของการยิงแต่ละช็อตเข้าไปที่ผิวหนังของเรามากกว่า และสามารถยิงไปที่ชั้น SMAS ได้แม่นยำกว่า Hifu


Ultraformer เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร?

เหมาะกับใคร

  • คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ทั้งบริเวณใบหน้า ลำคอ ช่วงลำตัว และแขนขา
  • คนที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ แก้มตก แก้มห้อย หน้าไม่ได้รูป
  • คนที่มีริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยใต้ตา ร่องแก้ม ริ้วรอยมุมปาก ร่องน้ำหมาก
  • คนที่ต้องการปรับรูปหน้า แต่กลัวเข็ม กลัวการผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น
  • คนที่ต้องการปรับสภาพผิวหน้า กระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว คงความอ่อนเยาว์

ไม่เหมาะกับใคร

  • คนที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์
  • คนที่มีความผิดปกติของระบบไหลเวียนเลือด และการแข็งตัวของเลือด
  • คนมีโรคประจำตัว (หัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิต) ที่ไม่สามารถควบคุมอาการได้
  • คนที่มีการฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ Pacemaker
  • คนเคยได้รับอุบัติเหตุ หรือมีการฝังเหล็ก โลหะบริเวณที่ทำการรักษา
  • กรณีเคยได้รับการผ่าตัดบริเวณใบหน้า ควรเว้นระยะอย่างน้อย 6 เดือน – 12 เดือน
  • กรณีที่ร้อยไหมชนิดละลาย ควรเว้นระยะการทำ อย่างน้อย 3 เดือน
  • กรณีที่ได้ฉีดสารลดเลือนริ้วรอย Botulinum toxin และ Filler ควรเว้นระยะ อย่างน้อย 2 สัปดาห์

Ultraformer ราคา?

ราคาอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 30,000 บาท ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าของแต่ละคน และจำนวนช็อตที่ใช้


Ultraformer เจ็บไหม?

ในระหว่างที่ทำจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย รู้สึกอุ่นๆ และอาจจะรู้สึกถึงความเจ็บจี๊ดๆ บริเวณชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิว ความเจ็บระดับค่อนข้างใกล้เคียงกับ Hifu


Ultraformer เห็นผลในกี่ครั้ง อยู่ได้นานไหม?

เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังยกกระชับหน้าประมาณ 20% แต่จะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดจะใช้เวลา 2-3 เดือน หลังการทำ 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้ประมาณ 5-6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองหลังทำของแต่ละคน


ข้อดี ข้อเสีย ของ Ultraformer

ข้อดี

  • หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล สามารถใช้หน้าได้เลย
  • ช่วยยกกระชับหน้าพร้อมกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ดูเยาว์วัย
  • มีหัวที่ยิงหลากหลาย สามารถเลือกใช้ได้ตามระดับความลึกของผิวในบริเวณนั้น ๆ
  • ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย ความหย่อนคล้อยในอนาคตได้
  • มีความปลอดภัยสูง ไม่ทำร้ายผิวหนังบริเวณชั้นนอก

ข้อเสีย

  • รู้สึกเจ็บ ขณะทำเล็กน้อย
  • หากเครื่องที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน อาจไม่เห็นผลลัพธ์ หรือหากพลังงานไม่คงที่ ทำให้ผิวไหม้ได้
  • หลังทำแล้วหากต้องการรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานต้องกลับมาทำซ้ำ ไม่สามารถทำครั้งเดียวแล้วผลลัพธ์อยู่ได้ถาวร

Ulthera

Ulthera คือ?

Ulthera การยกกระชับโดยใช้เทคโนโลยี MFU-V (Micro-Focused Ultrasound With Visualization) ซึ่งเป็นคลื่นอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจงในระดับความถี่สูง ส่งผ่านคลื่นแสงไปยังชั้นผิว SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า และมีหน้าจอในการดูระดับความลึกของจุดที่ยิงลงไปแบบ Real time คลื่นอัลตราซาวด์จะถูกกระตุ้นให้ภายในชั้นผิวเกิดความร้อนประมาณ 60-70 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดการหดตัวและเกิดการจัดเรียงตัวกันใหม่ของอีลาสตินใต้ชั้นผิว พร้อมกับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวด้วย การทำ Ulthera จึงสามารถช่วยยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อยได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวย เห็นกรอบหน้าชัดมากขึ้น พร้อมกับทำให้ผิวเต่งตึง มีความยืดหยุ่น ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้


Ulthera เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร ทำตอนอายุเท่าไหร่?

เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่มีอายุอยู่ระหว่าง 35-60 ปี
  • ต้องการยกกระชับใบหน้า กังวลเรื่องความหย่อนคล้อย และ ริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า ได้ทั้งบริเวณใบหน้า กรอบหน้า เหนียง ลำคอ
  • ปัญหาผิวหย่อนคล้อย หนังตาตก หางตาตก แต่ไม่ต้องการผ่าตัดและพักฟื้น
  • ผู้ที่มีไขมันที่แก้มไม่เยอะมาก ต้องการปรับหน้าเรียว มีกรอบหน้าที่ชัดขึ้น

ไม่เหมาะกับใคร

  • คนที่มีชั้นไขมันมากอาจทำให้การยิงคลื่นอัลตราซาวนด์ลงไปไม่ลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่ต้องแก้ไข ทำให้อาจไม่ได้ผลลัพธ์ดีเท่ากันในทุกราย
  • คนที่ฝังอุปกรณ์โลหะหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้ในร่างกาย
  • หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • คนที่มีสิวอักเสบ แผลสด ผิวติดเชื้อ หรือเป็นโรคผิวหนังอักเสบ
  • คนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคระบบไหลเวียนโลหิต โรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

Ulthera ราคา?

ราคาเริ่มต้น 10,000 - 80,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิกและจำนวนช็อตที่ใช้ หากเป็นเคสที่มีปัญหาผิวค่อนข้างเยอะก็จะส่งผลให้จำนวนช็อตที่ใช้เพื่อการรักษาเพิ่มตามไปด้วยและทำให้มีราคาที่แพงขึ้น


ทำ อัลเทอร์ร่า เจ็บไหม?

เจ็บ แต่ยังเป็นระดับความเจ็บที่ทนได้ ในขณะทำอาจจะรู้สึกเจ็บ ปวดๆ ตึงๆ หรือรู้สึกจี๊ด ๆ และอุ่นร้อนบริเวณที่ยิง ส่วนใครที่กลัวความเจ็บ สามารถขอแปะยาชาเพื่อบรรเทาความเจ็บได้


Ulthera ทั่วหน้ากี่ช็อต / ควรทำกี่ช็อต?

  • ทั่วหน้า + ลำคอ ใช้ 1,000 ช็อต
  • ยกกระชับหน้า ใช้ 700 ช็อต
  • ยกแก้ม + เหนียง ใช้ 500 ช็อต
  • รอบดวงตา ใช้ 200 ช็อต
  • ยกแก้มหย่อนคล่อย ใช้ 300 ช็อต

*หากเป็นเคสที่มีปัญหาผิวค่อนข้างเยอะก็จะส่งผลให้จำนวนช็อตที่ใช้เพื่อการรักษาเพิ่มตามไปด้วย


ทำ อัลเทอร์ร่า ที่ไหนดี?

เลือกดูที่เครื่องที่คลินิกใช้ สามารถเช็กเลขเครื่องเพื่อตรวจสอบว่าเป็นเครื่องปลอมหรือเครื่องแท้ได้ เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ เครื่องมือทันสมัย แพทย์มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญ ราคาก็เป็นตัวกรองได้ระดับหนึ่ง หากราคาถูกไปอาจจะเป็นเครื่องที่ไม่ได้มาตรฐาน คลินิกที่เป็นที่นิยมและได้มาตรฐาน เช่น iSKY Center, Klinique, สุรีย์​พร​คลินิก หรือโรงพยาบาลรามาธิบดี


ข้อดี ข้อเสียการทำ Ulthera?

ข้อดี

  • เป็นการยกกระชับหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • มีความปลอดภัยสูง
  • ไม่มีรอย ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
  • ทำเพียงครั้งเดียวผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 1 ปี

ข้อเสีย

  • ราคาค่อนข้างสูง
  • หลังทำคนไข้บางรายอาจมีรอยแดงเกิดขึ้น สามารถหายได้เอง ภายใน 1 ชั่วโมง
  • หลังทำอาจ บวม แดง ช้ำ หรือชา แต่สามารถหายได้เองภายในระเวลา 1-2 สัปดาห์

Thermage

เทอมาจ คืออะไร ช่วยอะไร?

Thermage เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยยกกระชับหน้าและกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว โดยการปล่อยคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) เปลี่ยนเป็นมวลความร้อนลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้คอลลาเจน

หดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เพื่อช่วยให้ผิวกระชับอย่างต่อเนื่อง สามารถยิงพลังความร้อนลงได้ลึกถึง 3 ชั้นผิว เพื่อให้สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และ เด่นในการลดชั้นไขมันที่ใบหน้า เพราะสามารถสลายไขมันสะสมส่วนเกินบริเวณใบหน้าไปพร้อมๆกัน ทำให้ได้ผลลัพธ์ คือ ผิวแน่น กระชับ มีความยืดหยุ่นและช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น


เทอร์มาจ กับไฮฟู ต่างกันยังไง?

Thermage ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ส่วน HIFU ใช้หลักการปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์ ซึ่งคลื่น RF จาก Thermage จะลงไปสู่ชั้นหนังแท้ ช่วยลดไขมันรวมถึงกระชับรูขุมขนได้ ส่วนคลื่นอัลตราซาวด์ของ HIFU จะลงสู่ชั้น SMAS ของผิว ช่วยให้ผิวยกขึ้น เต่งตึงขึ้น ผิวแน่นและดูกระจ่างใสขึ้น


Thermage เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร?

เหมาะกับใคร

  • คนที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ต้องการให้ริ้วรอยลดลงและใบหน้ากลับมาดูอ่อนวัยได้อีกครั้ง
  • คนที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย เปลือกตาตก หางคิ้วตก แก้มห้อย
  • คนที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณใบหน้า คนที่ใบหน้าดูบวม มีแก้ม มีเหนียง และต้องการให้ใบหน้าเล็กลง กรอบหน้าชัดขึ้น
  • คนที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณลําตัว อย่างบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา
  • คนที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี

ไม่เหมาะกับใคร

  • ผู้หญิงที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์
  • มีวัสดุโลหะในร่างกาย
  • คนที่เป็นโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจ หรือใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker) อยู่
  • คนที่เป็นโรคลมชัก โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนเข้ารับการทำหัตถการ

เทอร์มาจ ราคา?

  • เริ่มต้นที่ 30,000 - 100,000 บาทขึ้นไปซึ่งราคาของแต่ละคลินิกนั้นก็จะมีความแตกต่างกันออกไป
  • เช่น การทำ Thermage ที่ศิริราชนั้นราคาจะแบ่งออกเป็น
  • บริเวณใบหน้าและคอ 600 ช็อต ราคา 78,000 บาท
  • 900 ช็อต ราคา 94,000 บาท

ผลจากการทำเทอร์มาจจะสามารถอยู่ได้ประมาณ 1 ปี จึงควรทำซ้ำทุกปี เพื่อให้ผิวกระชับไปตลอด


เทอร์มาจ เจ็บไหม?

การทำ Thermage จะเหมาะสำหรับคนที่ทนความเจ็บได้ในระดับสูง เพราะยิ่งพลังงานลงลึก ความเจ็บก็จะมากขึ้นตามไปด้วย เลยทำให้ในระหว่างการทำอาจจะมีความรู้สึกปวดขึ้นมาได้ โดยเฉพาะช่วงกระดูกกรามที่อาจมีความรู้สึดจี๊ดๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ความรู้สึกเจ็บนั้นจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากกังวลสามารถแจ้งแพทย์เพื่อทำการการแปะยาชาก่อนเริ่มทำหัตการได้ค่ะ


Thermage ควรทำกี่ shot กี่ครั้งเห็นผล?

จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวทันทีหลังทำ โดยผิวจะมีความแน่นกระชับมากขึ้น ผิวเต่งตึง ไขมันสะสมใต้ชั้นผิวดูเบาตัวลง แก้มและเหนียงลดน้อย ผิวมีความเนียนละเอียดมากขึ้น รูขุมขนดูน้อยลง ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดภายใน 1-3 เดือน และผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 1-2 ปี

  • Thermage บริเวณแก้มและเหนียง ใช้ประมาณ 450 ช็อต
  • Thermage ทั่วใบหน้า ใช้ประมาณ 900 ช็อต
  • Thermage บริเวณต้นแขน หน้าท้อง สะโพก และต้นขา ใช้ประมาณ 900ช็อต

แต่ทั้งนี้ก่อนทำควรเข้าปรึกษาหมอก่อนทุกครั้ง เนื่องจากปัญหาและสภาพของแต่ละคนไม่เท่ากัน จึงต้องมีการคำนวณจำนวนช็อตที่ใช้ต่างกันด้วย


ข้อดี ข้อเสีย ของ เทอร์มาจ

ข้อดี

  • ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1 - 2ปี* (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
  • ไม่ต้องพักฟื้น
  • ไม่มีร่องรอยหรือบาดแผลหลังการทำ สามารถกลับมาทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • ช่วยสลายไขมัน และยกกระชับผิว ลดแก้ม ลดเหนียง
  • กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน ผิวเปล่งปลั่งขึ้น
  • สามารถทำได้ทั้งใบหน้าและลำตัว
  • เรียวเล็ก กรอบหน้าชัด ผิวเด็กลง โดยไม่ต้องผ่าตัด

ข้อเสีย

  • ราคาสูง
  • อาจมีรอยแดงหรือรอยนูนเกิดขึ้น แต่ไม่นานก็หายได้เองโดยไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เกิดขึ้น ซึ่งเกิดแค่เพียงในคนไข้บางรายเท่านั้น

Spidey Brow Lift

Spidey Brow Lift คืออะไร?

Spidey Brow Lift คือ การดึงคิ้วโดยการใช้เทคนิคเย็บแบบใยแมงมุม ซึ่งเป็นเทคนิคที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัดในการทำ มีรอยเย็บที่มีลักษณะคล้ายกับใยแมงมุม ยกกระชับผิวที่เกิดการหย่อนคล้อยให้มีการกระชับที่มากขึ้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีภาวะคิ้วตก (brow ptosis) ซึ่งมักเกิดเมื่อเข้าสู่วัยที่อายุมากขึ้นหรือวัยสูงอายุ


Spidey Brow Lift เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร ทำตอนอายุเท่าไหร่?

เหมาะกับใคร

  • คนที่เริ่มเข้าสู่วัยสูงอายุ
  • คนที่ต้องการแก้ปัญหาหนังตาหย่อนคล้อย ไม่สามารถแก้ได้ด้วยเครื่องยกกระชับ
  • คนที่ต้องการยกกระชับผิวแต่ไม่ต้องการผ่าตัดและใช้เวลาพักฟื้นนาน

*ยังไม่มีข้อมูลมากพอในส่วนของหัวข้อว่า Spidey Brow Lift ไม่เหมาะกับใคร ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมก่อนเข้ารับบริการ


Spidey Brow Lift ราคาเท่าไหร่?

เริ่มต้นที่ 20,000 บาท


Spidey Brow Lift ความเจ็บ?

จะรู้สึกตึงและเจ็บบริเวณที่มีแผลเย็บใยแมงมุม


Spidey Brow Lift อยู่ได้นานไหม?

ผลลัพธ์จะไม่ได้อยู่ตลอด และต้องทำซ้ำอีกในอนาคต


Spidey Brow Lift ที่ไหนดี?

เนื่องจาก Spidey Brow Lift ในไทยยังไม่เป็นที่นิยมและแพร่หลาย ทำให้จำนวนคลินิกที่สามารถทำเทคนิคนี้ได้ค่อนข้างน้อย ก่อนจะตัดสินใจทำควรหาข้อมูลคลินิกให้ครบถ้วน ตรวจสอบมาตรฐานของคลินิก ความเชี่ยวชาญของแพทย์ และดูรีวิวจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนทำ


Spidey Brow Lift ข้อเสีย ข้อดี?

ข้อดี

  • ไม่ต้องผ่าตัดและพักฟื้น
  • มีแผลหลังทำน้อยกว่าการ Brow lift ปกติ

ข้อเสีย

  • หากไปทำในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อใบหน้าเราตามมาได้
  • ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ได้อยู่ตลอด จะต้องทำซ้ำอีกในอนาคต หากอยากที่จะคงผลลัพธ์เดิมไว้ก็ต้องกลับมาทำซ้ำนั่นเอง


หัตถการ กลุ่มปรับรูปหน้า

รูปภาพ:หัตถการ ช่วยปรับรูปหน้า

Filler

ฟิลเลอร์ คืออะไร?

ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic Acid หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า HA ผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ใช้ทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว คอลลาเจนและไฮยาลูรอน ที่ร่างกายจะสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น

การฉีดฟิลเลอร์ ใช้เพื่อเติมเต็มส่วนที่ยุบตัว หรือหย่อนคล้อยของผิวหนัง ที่มีสาเหตุทั้งจากอายุ โรคประจำตัว หรือ ร่างกายที่เสื่อมลงตามวัย โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม แก้มตอบ ขมับ ก็จะใช้วิธีฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเติมเต็มเพื่อให้พื้นที่บริเวณนั้นดูอิ่มขึ้น ดูเต็มขึ้น


ฟิลเลอร์ เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร?

เหมาะกับใคร

  • คนที่ต้องการลดและแก้ปัญหาริ้วรอยล่องลึก ตามบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า เช่น หน้าผาก รอบตัวตา ร่องลึกมุมปาก
  • คนที่ต้องการแก้ไขปรับแต่งรูปหน้า อย่างเช่น เติมริมฝีปาก ร่องแก้ม คนที่ต้องการลดแก้มให้ดูตอบลง
  • คนที่ต้องการบำรุงผิวหน้าอ่อนเยาว์ สดใส เปล่งปลั่ง มีปัญหาเรื่องรูขุมขน และหลุมสิวบนใบหน้า

ไม่เหมาะกับใคร

  • คนที่ผิวหนังที่ติดเชื้อหรือมีอาการอักเสบ เป็นลมพิษ โดยควรทำการรักษาอาการให้หายขาดก่อน
  • คนที่มีปัญหาเลือดออกมาก
  • คนที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง
  • คนที่มีอาการแพ้สารประเภทคอลลาเจน ไข่ หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์

ฟิลเลอร์ ราคาเท่าไหร่?

เริ่มต้นที่ 10,000 - 20,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับชนิดและยี่ห้อของฟิลเลอร์


ฉีดฟิลเลอร์ใช้กี่ CC ?

โดยทั่วไปการจะฉีดฟิลเลอร์กี่ cc นั้น ขึ้นอยู่กับจุดที่ฉีด และลักษณะปัญหาของแต่ละคน เพราะแต่ละคนจะใช้ปริมาณ cc ฟิลเลอร์ไม่เท่ากัน ต้องให้แพทย์ที่มีประสบการณ์ประเมินใบหน้า


ฉีดฟิลเลอร์ เจ็บไหม?

การฉีดฟิลเลอร์จะมีความเจ็บ แต่ยังอยู่ในระดับที่ทนไหว หากรู้สึกกลัวหรือกังวลสามารถทายาชาก่อนฉีดได้ นอกจากนี้ฟิลเลอร์บางชนิดก็จะมีส่วนผสมของยาชาอยู่ด้วย ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับบริการ


ฟิลเลอร์ กี่ครั้งเห็นผล / อยู่ได้นานไหม?

ฟิลเลอร์จะเห็นผลตั้งแต่ฉีด และจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน - 1 ปี แต่ต้องระวังฟิลเลอร์ปลอม ที่เป็นซิลิโคนเหลว ฉีดเข้าไปแล้วไม่สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ อาจเกิดปัญหารูปร่างผิดเพี้ยนในอนาคต จะเป็นอันตรายและต้องทำการขูดออก


ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี?

ต้องดูองค์ประกอบหลายๆ อย่างประกอบกัน โดยหัวข้อหลักที่ต้องพิจารณา คือ ต้องเป็นฟิลเลอร์แท้ ฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ภายใต้คลินิกที่ได้มาตฐาน มีการติดตามผล


ฟิลเลอร์ ข้อดี ข้อเสีย?

ข้อดี

  • ช่วยปรับโครงสร้างใบหน้า
  • เห็นผลทันที ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น
  • มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองจากอย.
  • แก้ไขในจุดที่เป็นปัญหาได้อย่างแม่นยำ ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
  • ใช้แก้ปัญหาในจุดที่ต้องการความละเอียดสูงได้ดี เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม

ข้อเสีย

  • หากฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่เป็นที่น่าพอใจ ต้องไปฉีดสลายฟิลเลอร์
  • กรณีฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านอย. หรือฟิลเลอร์ปลอม จะเกิดก้อนแข็งไหลย้อย อาจเกิดการติดเชื้อและอักเสบ ส่งผลให้ใบหน้าผิดรูป ต้องแก้ไขด้วยการขูดฟิลเลอร์ออกหรือใช้วิธีผ่าตัด

หัตถการ กลุ่มลดริ้วรอย

รูปภาพ:หัตถการ ช่วยลดริ้วรอย

Botox

Botox คืออะไร?

โบท็อกซ์ เป็นชื่อของสาร “โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ” (Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างจากเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ออกฤทธิ์โดยการไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้

🩷 การฉีดโบท็อกซ์ถูกนำมาใช้แก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า เพราะเมื่อคนเราอายุมากขึ้น จะเกิดริ้วรอยขึ้นบนใบหน้าไม่ว่าจะเป็นบริเวณ หางตา ระหว่างคิ้ว หน้าผาก ก็ล้วนเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ดังนั้นเมื่อใช้ Botox ฉีดเข้าไปบริเวณที่ต้องการรักษา กล้ามเนื้อก็จะคลายตัว ทำให้รอยย่นหายไปชัดเจนใน 1-2 อาทิตย์ได้ และมีฤทธิ์อยู่ได้นาน 3-4 เดือน หลังจากนั้นกล้ามเนื้อถึงจะค่อยๆ กลับมาหดตัวได้ตามปกติ

🩷 สามารถใช้ Botox เพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อ ให้มีขนาดเล็กลงได้เช่นกัน เช่น ลดกราม กล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อหัวไหล่ เป็นต้น

🩷 นอกจากนั้น Botox ยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อแล้ว ปลายประสาทที่ถูกยับยั้งยังเป็นปลายประสาทชนิดเดียวกับที่กระตุ้นต่อมเหงื่อให้หลั่งเหงื่อด้วย เพราะฉะนั้นจึงสามารถนำ Botox มาใช้รักษาภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) ที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ที่รักแร้ และยังสามารถลดกลิ่นตัวจากเหงื่อในผู้ป่วยภาวะนี้ได้ด้วย


โบท็อกซ์ เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร ทำตอนอายุเท่าไหร่?

เหมาะกับใคร

  • คนที่ต้องการปรับรูปหน้า หน้าเรียว ลดกราม
  • คนที่รูปหน้าหรือกรอบหน้าไม่ชัด
  • คนที่มีปัญหาผิวเกี่ยวกับริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า ลดริ้วรอยหน้าผาก หางตา ขมวดคิ้ว
  • คนที่ต้องการลดโหนกแก้มใหญ่
  • คนที่ต้องการลดขนาดกล้ามแขน ลดกล้าม ลดบ่า รักษาอาการ Office Syndrome
  • คนที่ต้องการลดเหงื่อรักแร้ ลดเหงื่อฝ่ามือ ฝ่าเท้า ลดกลิ่นตัว
  • สามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป โดยวัยรุ่นส่วนใหญ่มักจะฉีดเพื่อลดกรามและปรับรูปรูปหน้า แต่สำหรับการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดเลือนริ้วรอยจะนิยมเริ่มฉีดในกลุ่มคนวัย 30 ปีขึ้นไป

ไม่เหมาะกับใคร

  • คนที่มีอาการแพ้สาร Botulinum
  • คนมีความผิดปกติทางกล้ามเนื้อและระบบประสาท เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ เพราะอาจทำให้อาการแย่ของโรคลง
  • หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร

Botox ราคา?

เริ่มต้น 3,000 - 10,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับ UNIT ที่ใช้และบริเวณในการทำ


ฉีด Botox เจ็บไหม?

จะรู้สึกเหมือนมดกัด เจ็บนิดๆ ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยมักเจ็บกว่าการฉีดกราม เนื่องจากบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยมักเป็นบริเวณที่บอบบาง เช่น บริเวณริมหน้าผาก จึงทำให้เจ็บมากกว่า แต่หากกลัวเจ็บมากๆ สามารถทายาชาและประคบน้ำแข็งเพื่อลดความเจ็บจากเข็มได้


Botox กี่ครั้งเห็นผล อยู่ได้นานไหม?

  • หลังฉีดโบท็อกซ์สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ใช้ โดยที่
  • โบท็อกซ์ลดริ้วรอยส่วนใหญ่จะเริ่มรู้สึกตึงบริเวณรอบๆ ที่ฉีดภายใน 3-7 วัน และเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์
  • ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม จะเริ่มเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 4-6 สัปดาห์ โดยที่กล้ามเนื้อบริเวณที่กล้ามจะเริ่มนิ่มและค่อยๆ เล็กลง
  • ฉีดโบท็อกซ์ลิฟต์กรอบหน้า จะเริ่มเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์
  • ฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อ บริเวณรักแร้หรือฝ่ามือจะเริ่มเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์

แต่ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ไม่ได้อยู่ถาวร โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-6 เดือน ซึ่งหลังจากฉีด 1 ครั้ง จะต้องเว้นระยะห่างประมาณทุก 3 - 6 เดือน จึงจะฉีดอีกรอบได้เพื่อลดความเสี่ยงของการดื้อยาที่อาจเกิดขึ้น


Botox ยี่ห้อไหนดี?

โดยปัจจุบันโบท็อกซ์มีหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น โบท็อกซ์อเมริกา โบท็อกซ์อังกฤษ โบท็อกซ์เกาหลี และโบท็อกซ์เยอรมัน ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป

🩷 โบท็อกซ์ยี่ห้อ ALLERGAN ประเทศอเมริกา โบท็อกซ์แบรนด์แรกของโลกที่นำสารโบทูลินัม ท็อกซิน ไทป์ เอ (Botulinum Toxin Type A) มาใช้เพื่อการเสริมความงาม ลดขนาดกล้ามเนื้อ และช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดเด่นของโบท็อกซ์ Allergan คือ มีความบริสุทธิ์ของตัวยาสูงมากที่สุด (99.5%) จึงทำให้เกิดอาการแพ้ หรืออาการดื้อยาหลังจากการฉีดได้น้อยมาก คงผลลัพธ์หลังการฉีดได้นาน 5-8 เดือน

🩷 โบท็อกซ์ยี่ห้อ XEOMIN ประเทศเยอรมัน โบท็อกซ์จากประเทศเยอรมัน ขึ้นชื่อเรื่องความบริสุทธิ์ของตัวยาสูงมาก ไม่มีการปนเปื้อนของคอมเพล็กโปรตีนในตัวยา ซึ่งมีงานวิจัยที่ออกมารับรองว่า Xeomin ให้ผลลัพธ์ที่ดีในเคสที่มีปัญหาดื้อโบท็อกซ์ (โดยจะต้องหยุดฉีดโบท็อกซ์มาอย่างน้อย 2-3 ปี) หลังฉีดอยู่ได้นาน 3-6 เดือน

🩷 โบท็อกซ์ยี่ห้อ DYSPORT ประเทศอังกฤษ มีความบริสุทธิ์ของตัวยาสูง มีขนาดโมเลกุลเล็กกว่า Allergan ของอเมริกาเล็กน้อย จุดเด่นของโบท็อกซ์อังกฤษ คือมีการกระจายตัวได้กว้าง เมื่อฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อจะไม่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่แคบๆ จึงเหมาะกับการฉีดในกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ต้องการพื้นที่หวังผลกว้าง เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ลดต้นแขน ลดน่อง ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว หลังฉีดอยู่ได้นาน 4-6 เดือน

🩷โบท็อกซ์ยี่ห้อ NABOTA ประเทศเกาหลี โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี โดดเด่นด้วยตัวยาที่มีความบริสุทธิ์มากถึง 98.7% ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) ราคาย่อมเยาว์กว่าตัวอื่นๆ หลังฉีดอยู่ได้นาน 3-4 เดือน


เลือกฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดีที่สุด?

คำถามที่มักพบได้บ่อยคือ โบท็อกซ์เกาหลี กับโบท็อกซ์อเมริกา เยอรมัน อังกฤษ แบบไหนดีกว่ากัน ควรเลือกฉีดโบท็อกซ์ไหนถึงจะดีที่สุด ปัจจัยที่ใช้เลือกยี่ห้อโบท็อกซ์ในการรักษามีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัย ได้แก่

  • บริเวณที่ต้องการฉีดโบท็อกซ์ เช่น บริเวณที่มีกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ เช่น ต้นแขน น่อง และกราม ที่ได้ผลดี เห็นผลไว แพทย์อาจแนะนำให้ใช้โบท็อกซ์ Dysport ที่ตัวยากระจายตัวได้กว้าง หรือใช้โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลีที่มีราคาถูกกว่า
  • ระยะเวลาที่โบท็อกซ์จะคงอยู่ สำหรับคนที่ต้องการคงผลลัพธ์หลังการฉีดได้นานกว่า เน้นตัวยาที่บริสุทธิ์เพื่อลดโอกาสการดื้อยา จะเหมาะกับโบท็อกซ์ฝั่งยุโรปมากกว่าโบท็อกซ์จากฝั่งเกาหลี
  • ราคาต่อยูนิต การเลือกใช้ยี่ห้อโบท็อกซ์นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการ และงบประมาณของคนฉีดด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งราคาของโบท็อกซ์ฝั่งยุโรปก็จะสูงกว่า แต่ข้อดีคือคงผลลัพธ์หลังการฉีดได้นานกว่า ในขณะที่โบท็อกซ์ฝั่งเกาหลี ราคาก็จะย่อมเยากว่า แต่จะคงผลลัพธ์หลังการฉีดได้ไม่นานเท่าโบท็อกซ์จากฝั่งยุโรป

Botox ข้อดี ข้อเสีย?

ข้อดี

  • ลดเลือนริ้วรอยบนผิวหน้า
  • แก้ไขรูปหน้าให้เรียวเล็กลงได้
  • ช่วยยกกระชับ จัดรูปกรอบหน้า และลำตัวให้ชัดขึ้น
  • แก้ปัญหากลิ่นรักแร้เหงื่อออกมาก
  • รักษาอาการ Office Syndrome

ข้อเสีย

  • ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ไม่ได้อยู่ถาวร ต้องไปเติมทุกๆ 3-6 เดือน
  • อาจมีอาการดื้อยาเกิดขึ้นได้ หากไม่เว้นระยะการฉีดให้เหมาะสม
  • อาจมีอาการบวม แดง ช้ำ เขียว ตรงบริเวณที่ฉีด
  • หากใช้โบท็อกซ์ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้หน้าดูแข็งตึง รู้สึกว่าไม่สามารถบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้ ในกรณีร้ายแรง อาจทำให้ ตาตก ปากเบี้ยว หรือว่ายิ้มไม่สุด

หัตถการ กลุ่มเลเซอร์

รูปภาพ:หัตถการผิวหน้า เลเซอร์ผิว

Pico Laser

Pico laser คืออะไร มี่กี่แบบ?

Pico laser เป็นเลเซอร์ที่สามารถปล่อยพลังงานแสงสูงออกมาในช่วงเวลาที่สั้น ในระดับความเร็ว 1 ต่อล้านๆ วินาที ทำให้สามารถยิงได้แทบทุกปัญหาผิว ไปพร้อมๆ กันในเครื่องเดียว โดยที่เครื่อง Pico Laser จะไปทำให้เม็ดสีเมลานินในผิวแตกละเอียดเป็นทราย และหลังจากเม็ดสีแตกละเอียดแล้ว เม็ดเลือดขาวก็จะสามารถเข้าไปกำจัดพวกเม็ดสีได้ง่ายขึ้น ทำให้จุดด่างดำค่อยๆ จางลงไปด้วย นอกจากนั้นความพิเศษของเครื่องนี้คือสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังได้ เลยช่วยแก้ปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยของการสูญเสียคอลลาเจนในผิวได้อีกด้วย ซึ่งหมายความว่านอกจากจะทำให้ผิวขาวใสขึ้นจากการกำจัดเม็ดสีแล้ว ยังทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น หลุมสิวตื้นขึ้น ลดเลือนริ้วรอย จากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่นั่นเอง


ชนิดของ Pico laser

🩷 PicoSure เป็น Pico Laser รุ่นแรกของโลก จากบริษัท Cynosure สหรัฐอเมริกา ขึ้นชื่อในด้านการจัดการกับปัญหาเม็ดสีดูดซับเมลานิน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ บริเวณใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น ฝ้า กระ กระลึก จุดด่างดำ หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ

🩷 Picoway จากบริษัท Candala ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษารอยที่พบได้บ่อยในผิวหนังเช่น รอยสัก และรอยดำจากสิว โดยใช้เทคโนโลยี Fractional laser ซึ่งจะกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังแข็งแรง และมีความยืดหยุ่น

🩷 PicoPlus จากบริษัท Korea C & P Co., Ltd ประเทศเกาหลีใต้ ใช้เทคโนโลยี Laser Fractional และ Laser Q-switched ในการส่งพลังงานทำให้ผิวเกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวหนังใหม่ ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน สม่ำเสมอ และลดการเกิดริ้วรอย รอยแตก และความหมองคล้ำของผิวหน้าได้

🩷 Enlighten จากบริษัท Cutera ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เทคโนโลยี Dual Pulse ในการส่งพลังงานที่สามารถกำหนดได้ทั้งรูปแบบ nanosecond และ picosecond ทำให้เครื่อง Enlighten สามารถกำจัดสีใต้ผิวหนังที่เกิดจากเม็ดสีผิดปกติหรือรอยสักได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

🩷 Discovery Pico จากบริษัท Quanta System ประเทศอิตาลี โดดเด่นในเรื่องของความแม่นยำ และความรวดเร็วในการรักษา เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการรักษาที่สั้นกว่าเครื่องอื่นๆ ปลดปล่อยพลังงานเลเซอร์ที่ความเร็วระดับ picosecond หรือ 1 ต่อล้านล้านวินาที ส่งผลให้เม็ดสีแตกละเอียดมากที่สุด โดยที่ไม่ทำให้เนื้อเยื่อรอบข้างเสียหาย ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาผิวและปรับสภาพผิวให้ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน


Pico laser เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร?

เหมาะกับใคร

  • คนที่มีปัญหาเม็ดสีผิดปกติ จุดด่างดำ ฝ้า กระ
  • คนที่มีปัญหาหลุมสิว รอยดำรอยแดงจากสิว
  • คนที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง
  • คนที่มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวคล้ำ ผิวหน้าไม่กระจ่างใส
  • คนที่มีปัญหาเหงือกและริมฝีปากคล้ำ
  • คนที่มีปัญหารอยแตกลาย ทั้งรอยแตกลายเกิดใหม่หรือลึกสะสมมาหลายปี
  • คนที่ต้องการลบรอยสัก

ไม่เหมาะกับใคร

  • หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
  • ผู้ป่วยโรคผิวหนัง
  • คนที่มีแผลสด แผลผ่าตัดที่ยังไม่ครบ 6 เดือน
  • คนที่มีสิวอักเสบหรือสิวหนอง ควรรับการรักษาก่อนทำเลเซอร์หน้า
  • คนที่ผิวหนังบอบบาง แพ้ง่าย เพราะอาจเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย

Pico laser ราคาเท่าไหร่?

เฉลี่ยต่อครั้งอยู่ที่ประมาณ 10,000 ถึง 30,000 บาทขึ้นไป หากมีราคาที่รับบริการต่ำจนเกินไปอาจจะต้องดูว่าทางคลินิกแห่งนั้นใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐานหรือเป็นของแท้จริงหรือไม่


Pico laser เจ็บไหม?

จะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยคล้ายกับโดนจี้ ดีดผิวเบาๆ ซึ่งเป็นความเจ็บในระดับที่สามารถทนได้โดยไม่ต้องใช้ยาชา หรือหากกังวลก็จะมีการแปะยาชาก่อนการรักษาประมาณ 30 – 60 นาที และยังมีการเป่าลมเย็นในขณะรับการรักษา ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเจ็บได้มาก


Pico laser กี่ครั้งเห็นผล?

จะเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่ผลลัพธ์ของการรักษาจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน

  • ถ้ามีปัญหาผิวไม่มาก สามารถทำเพียง 1-3 ครั้งก็อาจเห็นผลแล้ว แต่หากมีปัญหาผิวลึก จำเป็นต้องทำซ้ำ 3-5 ครั้ง หรือมากกว่านั้น
  • ปัญหากระแดดต้องทำเลเซอร์ประมาณ 1-2 ครั้ง
  • ปัญหาฝ้า กระลึกต้องทำเลเซอร์อย่างน้อยประมาณ 5-6 ครั้ง
  • การลบรอยสัก จะขึ้นอยู่กับความเข้มและคุณภาพของสีที่ใช้ในการสัก

ทำ Pico laser ที่ไหนดี?

ต้องเลือกคลินิกน่าเชื่อถือมีมาตรฐานสูง มีแพทย์ผู้ชำนาญการคอยให้คำปรึกษา มีเทคโนโลยีอุปกรณ์ทันสมัย หรือมีรีวิวเพื่อประกอบการตัดสินใจ ตัวอย่างคลินิกที่เป็นที่นิยม เช่น iSKY Center, กังนัมคลินิก, THE RITZ clinic, ศูนย์ผิวหนัง มศว (SWU Skin Center)



Pico laser ข้อเสีย ข้อดี?

ข้อดี

  • เจ็บน้อย เมื่อเทียบกับเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ
  • เห็นผลเร็ว เพียง 1-2 ครั้ง ก็สามารถเห็นผลได้ชัดเจน
  • สามารถจัดการกับปัญหาผิวหลายประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
  • มีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ไม่มีผลข้างเคียง

ข้อเสีย

  • อาจเกิดรอยแดง บริเวณที่ทำเลเซอร์เล็กน้อย แต่จะหายไปเองภายในไม่กี่วัน
  • สำหรับบางกรณีอาจต้องทำการรักษาหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หัตถการ กลุ่มฟื้นฟูผิว

รูปภาพ:หัตถการผิวหน้า ช่วยฟื้นฟูผิว

ดริปวิตามินผิว

ดริปวิตามิน คืออะไร?

การดริปวิตามินผิวหรือที่รู้จักกันในชื่อ IV Drip (Intravenous Vitamin therapy) คือการนำสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ยกตัวอย่างเช่น วิตามิน A, C, E รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์มาอยู่ในรูปแบบที่ร่างกายพร้อมจะนำไปใช้งานได้ทันที ละลายอยู่ในสารน้ำเพื่อนำมาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ทางสายน้ำเกลือ


ดริปวิตามิน ขาวจริงไหม ?

เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การดริปวิตามินเข้าไปจะเป็นการช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระ เพื่อนำไปสร้างคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงผิวหนังจึงช่วยบำรุงผิวได้อย่างดี แต่ทั้งนี้การดริปวิตามินก็เป็นเพียงการให้สารอาหารกับร่างกายเพื่อให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมฟื้นฟูตนเองดีขึ้นเท่านั้น ไม่มีสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาผิวได้โดยตรง และต้องใช้เวลาเพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมฟื้นฟูตนเอง ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์เมื่อไหร่นั้นขึ้นกับสุขภาพร่างกายของแต่ละคนด้วยค่ะ


ดริปวิตามินผิว เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร?

เหมาะกับใคร

  • คนที่มีปัญหาผิวอ่อนแอ และต้องการเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว
  • คนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย นอนน้อย หน้าโทรม
  • คนที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก และได้ผลโดยไม่ต้องใช้เวลานาน
  • คนที่มีปัญหาในการย่อยหรือดูดซึมแร่ธาตุและวิตามิน

ไม่เหมาะกับใคร

  • คนที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
  • คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต และระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคฮีโมฟีเลีย เป็นต้น
  • คนที่เป็นโรคไต และโรคตับ
  • คนที่มีภาวะวิตามินหรือแร่ธาตุเกิน

ดริปวิตามิน ราคา?

มีตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหมื่น ขึ้นอยู่กับสูตรและตัวยาที่ใช้


ดริปวิตามินผิว เจ็บไหม?

อาจจะรู้สึกเจ็บเหมือนมดกัดตอนแทงเข็มฉีดยาเข้าสู่ผิว และอาจมีอาการรู้สึกแสบตอนเริ่มเดินยาเข้าไป


ดริปวิตามินผิวอันตรายไหม?

แม้ว่าการดริปวิตามินจะเป็นการเพิ่มสารที่เป็นประโยชน์ให้กับร่างกาย แต่หากทำหัตถการชนิดนี้บ่อย ๆ ก็อาจเกิดภาวะวิตามินและแร่ธาตุเกินจนส่งผลเสียต่ออวัยวะในร่างกายได้ เช่น ตับและไต ฉะนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง แนะนำให้ตรวจระดับวิตามินในเลือดก่อนเริ่มรับการรักษาและควรเลือกสถานพยาบาลที่แพทย์หรือพยาบาลที่มีความชำนาญ มีสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัย ตัวยาและวิตามินที่ใช้เป็นสารที่มีความปลอดภัย สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.)


ดริปวิตามินผิว กี่ครั้งเห็นผล?

ประมาณ 3-4 ครั้งกว่าจะเริ่มเห็นผล ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายสามารถนำสารอาหารนี้ไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่หรือไม่และสามารถซ่อมแซมฟื้นฟูได้เร็วแค่ไหน การดริปวิตามินก็เป็นเพียงการให้สารอาหารกับร่างกายเพื่อให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมฟื้นฟูตนเองดีขึ้นเท่านั้น ไม่มีความสามารถในการเข้าไปแก้ไขปัญหาผิวโดยตรง จึงต้องใช้เวลาเพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมฟื้นฟูตนเอง


ดริปวิตามิน ข้อห้าม

  • ห้ามฉีดในหญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ห้ามฉีดในผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
  • ห้ามฉีดในผู้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ และผู้ที่มีภาวะเหล็กเกิน
  • ห้ามฉีดในผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
  • ห้ามฉีดในโรคความดันโลหิตสูง
  • ห้ามฉีดในผู้ป่วยโรคหัวใจ
  • ห้ามฉีดในผู้ป่วยโรคตับ
  • ห้ามฉีดในผู้ป่วยโรคไต
  • ห้ามฉีดในผู้ป่วยที่มีภาวะวิตามินหรือแร่ธาตุเกิน
  • อาจเกิดอาการแพ้สำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาบางชนิด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด

ดริปวิตามิน โรงพยาบาลไหนดี?

  • การเลือกสถานที่ดริปวิตามินควรศึกษาข้อมูลแต่ละคลินิกอย่างละเอียดก่อนจะเข้าใช้บริการ
  • ต้องเป็นเป็นคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับการรับรองและมีใบประกอบสถานพยาบาลอย่างถูกต้อง
  • สามารถขอดูรายละเอียดสูตรยาที่ใช้ได้และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) เพื่อลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
  • เป็นคลินิกที่มีแพทย์เฉพาะทางคอยให้คำปรึกษาและทำหัตถการด้วยตนเอง
  • มีช่องทางในการติดต่ออย่างชัดเจน เพื่อที่ผู้เข้าบริการจะสามารถสอบถามได้อย่างทันท่วงที

ดริปวิตามินผิว ข้อดี ข้อเสีย?

*หัตถการดริปวิตามินผิวเพื่อความงามเนื่องจากผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้หากทำโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญหรือมีความรู้ทางการแพทย์

ข้อดี

  • ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิว ผิวเต่งตึง ดูสุขภาพดี
  • ช่วยบำรุงผิวให้ดูสุขภาพดี เพิ่มความกระจ่างใส
  • ปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง
  • ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ
  • กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • ลดอาการอ่อนเพลีย

ข้อเสีย

  • ผลจากการทำหัตถการดริปวิตามินผิวไม่สามารถอยู่ได้อย่างถาวร จึงอาจต้องทำการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่องถึงจะได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
  • หากทำหัตถการดริปวิตามินผิวบ่อยหรือมากเกินไป อาจส่งผลอันตรายต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้ ฉะนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง
  • แม้ว่าสารน้ำที่ใช้ในการดริปวิตามินจะมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากเป็นวิตามินและแร่ธาตุตามธรรมชาติ แต่ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ หากเกิดอาการแพ้, คลื่นไส้อาเจียน หรือมีผื่นลมพิษ ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที

รีจูรัน

รีจูรัน คืออะไร?

อีกหนึ่งหัตถการบำรุงผิวสวยยอดฮิตที่กำลังมาแรงเป็นอย่างมากก็คือ รีจูรัน ซึ่งเป็นสกินบูสเตอร์ที่จัดอยู่ในกลุ่มของเมโสหน้าใส ที่มีส่วนประกอบหลักจาก โพลีนิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide) ที่สกัดจากชิ้นส่วน DNA จากปลาแซลมอน โดยจะมีความคล้ายคลึงกับ DNA มนุษย์ถึง 98 % คุณสมบัติเด่นของโพลีนิวคลีโอไทด์คือ สามารถเชื่อมต่อหลอดเลือดเล็ก ๆ ในเซลล์ (microvessel) ได้ จึงสามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมหรือเสียหายให้ดีขึ้น ต้านการอักเสบ กระตุ้นการหลั่ง Growth Factor และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินรวมถึงเส้นใย fibroblast ในการฟื้นฟูผิวได้ เมื่อนำมาฉีดจึงช่วยปรับผิวให้ผิวแข็งแรงขึ้น แก้ปัญหาผิวไม่เรียบเนียน ลดเลือดริ้วรอยได้ดี ช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง ช่วยปรับผิวให้ดูฉ่ำวาว


รีจูรัน เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร ทำตอนอายุเท่าไหร่?

เหมาะกับใคร

  • คนที่ต้องการให้ผิวดูสุขภาพดี เรียบเนียน เป็นธรรมชาติ
  • คนที่เริ่มมีอายุ 20 ปีปลายๆ ที่เริ่มประสบปัญหาหน้าแห้งกร้าน
  • คนที่มีปัญหาหลุมสิว
  • คนที่ต้องการผิวหน้าเต่งตึง กระชับ และดูสดชื่น
  • คนที่ต้องการลดริ้วรอยบนใบหน้าให้ดูจางลง

ไม่เหมาะกับใคร

  • หญิงตั้งครรภ์
  • คนที่แพ้ปลาแซลมอน หรืออาหารทะเล

รีจูรัน ราคาเท่าไหร่?

รีจูรันราคาอยู่ที่ประมาณ 9,000 - 20,000 บาทขึ้นไป


ฉีด รีจูรัน เจ็บไหม?

ขั้นตอนการฉีดจะเจ็บเล็กน้อย โดยความรู้สึกขณะฉีดจะรู้สึกแสบ ๆ ผิวเมื่อเดินตัวยา สามารถบรรเทาอาการแสบได้ด้วยการประคบเย็น


รีจูรัน กี่ครั้งเห็นผล / อยู่ได้นานไหม?

รีจูรัน จะใช้เวลาในการซ่อมแซมผิวประมาณ 4 สัปดาห์ถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน เนื่องจากการฉีดรีจูรันเป็นการกระตุ้นผิวให้ จึงต้องฉีด 3 ครั้งขึ้นไปถึงจะสามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ โดยต้องเว้นระยะห่างการฉีด 2-3 สัปดาห์ และผลลัพธ์หลังฉีดรีจูรันจะอยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง


รีจูรัน ที่ไหนดี?

  • คลินิกที่ได้มาตรฐานเปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีเลขที่ใบอนุญาต
  • ให้บริการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
  • ก่อนฉีดรีจูรันต้องสามารถแจ้งทางคลินิกแกะกล่องให้ดูต่อหน้าได้ เพื่อให้มั่นใจว่ายาที่ฉีดให้เรานั้นเป็นยาแท้

ข้อดี ข้อเสีย ของ รีจูรัน

ข้อดี

  • ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์
  • รูขุมขนเล็กลง
  • แก้ปัญหาจุดด่างดำได้ดีขึ้น
  • ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิวผิวเรียบเนียน สุขภาพดี
  • ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ

ข้อเสีย

  • ต้องฉีดหลายๆ ครั้งเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยจำนวนครั้งนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน
  • หลังฉีดบางรายอาจมีอาการบวมแดง เกิดรอยแดง รอยเข็มขึ้น จึงควรพักหน้าหลังฉีดอย่างน้อย 1-2 วัน
  • ไม่เหมาะกับคนที่แพ้อาหารทะเล เนื่องจากเป็นสารสกัดจากปลาแซลม่อน


อัปเดต 10 คลินิกหัตการยอดฮิต 2024

Aura Bangkok Clinic

รูปภาพ:Aura Bangkok Clinic

Aura Bangkok Clinic คือศูนย์ความงามระดับโลก ที่ผ่านการรับรองจากแพทย์ผิวหนังแห่งสหรัฐอเมริกา โดยก่อตั้งขึ้นในปี 2016 เราให้บริการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับมาตรฐานสากล นอกจากเครื่องมือที่ทันสมัย พร้อมทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างมาก แถมคลินิกนี้มีโยชิเป็น Presenter อีกด้วย ใครอยากสวยมงลงแบบโยชิ ต้องมาที่นี่เลยกับ Aura Bangkok Clinic


จุดเด่น

  • ประสบการณ์มากกว่า 100,000 เคส
  • แพทย์มีความเชี่ยวชาญในด้านผิวหนังและการฉีดลงบนกล้ามเนื้อ
  • ยาแท้ที่ตรวจสอบได้
  • มีหลายสาขา
  • ราคาดีจับต้องได้

ราคา 3,500 บาท พร้อมย้ำฟรีทุกบริเวณ


เวลาทำการ เปิดบริการทุกวัน 11.00 - 20.30 น.


พิกัด https://aurabangkokclinic.com/about-us#branch



LBC Clinic

รูปภาพ:LBC Clinic

LBC Clinic แพทย์ทีมเดียว ฉีดสวยเรียลกว่าแสนเคส ราคาไม่แรง แต่สวยแพงมาก ทำแล้วเห็นผลจริง การันตีจากรีวิวและคำชมมากกว่า 1000+ คอมเมนต์ ลูกค้าบอกปากต่อปาก แถมมั่นใจว่าได้รับยาสดใหม่ไม่ค้าง Stock เพราะคนเยอะ เคสแน่น ที่สำคัญได้พบหมอก่อนทำทุกเคส


จุดเด่น

  • ให้คำปรึกษา ดูแล และฉีดโดยแพทย์ทุกเคส
  • ทำสวยมามากกว่า 100,000 เคส
  • ติดอันดับ Tier 1 รางวัลยอดซื้อสูงสุด
  • ราคาดี เข้าถึงได้
  • ยาสด ยาใหม่ ไม่มีค้าง เพราะลูกค้าเยอะ เคสแน่น

ราคา มีให้เลือกหลายไซส์ ดูราคาได้ที่นี่เลย https://lbc-clinic.com/services/botox-all-sizes


เวลาทำการ จันทร์ - อาทิตย์ 10.00 - 21.00 น.


พิกัด เลขที่ 9 อาคารภคินท์ ชั้น 1 ห้องเลขที่ 110 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400


Gangnam Clinic

รูปภาพ:Gangnam Clinic

เป็นคลินิกที่ให้บริการแบบสไตล์เกาหลี โดยไม่ต้องบินไปให้เสียเวลา จุดเด่นของ กังนัมคลินิกคือ เราพยายามสรรหานวัตกรรมที่ดีและปลอดภัยที่สุด มารอให้บริการคุณในราคาสบายกระเป๋าที่ทุกคนเอื้อมถึง กังนัมคลินิก พร้อมที่จะเปิดเผยความงามที่ดีที่สุดในแบบของคุณ


จุดเด่น

  • ราคาสบายกระเป๋า
  • มีหลายสาขา
  • มีแบบทดลองให้ลอง
  • เคสเยอะ รีวิวแน่น

ราคา มีหลายบริเวณและจำนวนครั้งให้เลือกด้วย สามารถดูราคาได้ที่นี่เลย https://www.gangnamclinicth.net/picoway/


เวลาทำการ เปิดบริการทุกวัน 11.00 - 20.00 น.


พิกัด https://www.gangnamclinicth.net/


V Square Clinic

รูปภาพ:V Square Clinic

คลินิกเสริมความงาม V Square Clinic เป็นคลินิกเสริมความงามที่สั่งสมประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้ามาอย่างยาวนาน เน้นยํ้าเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่งเสมอ และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ตัวยาเปิดใหม่ พร้อมทั้งพัฒนาเทคนิคการปรับรูปหน้าการเสริมความงามและนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการจะได้รับความพึงพอใจที่สุด


จุดเด่น

  • มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้ามาอย่างยาวนาน
  • ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ตัวยาเปิดใหม่
  • รางวัล ฉีดฟิลเลอร์อันดับ 1 อย่างแท้จริง 6 ปีซ้อน
  • รีวิวจริงกว่า 200,000 เคส ทั่วประเทศ
  • ใช้เทคนิคพิเศษเฉพาะ V Square Clinic
  • พัฒนาเทคนิคการปรับรูปหน้าการเสริมความงามและนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา

ราคา มีหลายผลิตภัณฑ์ตัวยาให้เลือกเองเลย ดูราคาได้ที่ https://vsquare.clinic/must-know-about-filler/


เวลาทำการ เปิดทำการทุกวัน 12.00 น. - 19.30 น.


พิกัด https://vsquare.clinic/contact/


MEGA CLINIC

รูปภาพ:MEGA CLINIC

MEGA CLINIC คลินิกปรับรูปหน้ายอดนิยมที่ได้รับความไว้วางใจ จากลูกค้าทุกวัยมากกว่า 200,000 คน ให้บริการฟิลเลอร์, โบท็อก, Thermage, Ultraformer III และอีกหลายหัตถการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ดูแลทุกเคสด้วยความพิถีพิถัน เน้นความปลอดภัย และผลลัพธ์ชัดเจน มีการติดตามผลหลังทำทุกเคส การันตีโดยรางวัลระดับประเทศมากมาย


จุดเด่น

  • ได้รับความไว้วางใจ จากลูกค้าทุกวัยมากกว่า 200,000 คน
  • เป็นคลินิกปรับรูปหน้ายอดนิยม
  • ราคาสบายกระเป๋า
  • การันตีด้วยรางวัล 6 ปีซ้อน

ราคา มีหลายฟิลเลอร์หลายรุ่นให้เลือกลองเลย สามารถดูราคาได้ที่ https://megaclinicthailand.com/services/filler/


เวลาทำการ 11.00 - 20.30 น.


พิกัด https://megaclinicthailand.com/contact/


Sera Clinic

รูปภาพ:Sera Clinic

เซราคลินิก มีหลากหลายนวัตกรรมที่ช่วยยกกระชับผิวให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง ทั้งนวัตกรรมเครื่อง New Ulthera SPT, Thermage FLX Pro, และ Ultraformer II ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกสรรได้ตามความต้องการอย่างตรงจุด และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลเองทุกเคส


จุดเด่น

ทำเลเซอร์โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ทุกครั้งที่รับบริการ

มีโล่ Certificate ยืนยันว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นเครื่องแท้

ได้รับรางวัลคลินิกที่มียอดใช้ Ultraformer II สูงสุดอันดับ 1 ใน 8 ของประเทศไทย

โชว์ Shot หลังทำทุกครั้ง


ราคา

Ulthera SPT : 36,000 บาท

Ultraformer II : เริ่มต้น 5,900 บาท, 350 Shots 9,900 บาท

Thermage FLX Pro : 55,000 บาท


วันเวลาเปิดทำการ

วันจันทร์ - วันอาทิตย์ 11:00 - 20:00 น.


พิกัด https://www.seraclinics.com/branch/rama9/


SLC Clinic

รูปภาพ:SLC Clinic

SLC Clinic ได้รับรางวัลการใช้หัวอัลเทอราสูงสุดในประเทศไทยในปี 2566 ด้วยเทคโนโลยี Ultherapy SPT ที่สามารถมองเห็นชั้นผิวได้แบบเรียลไทม์ ช่วยยกกระชับผิว กระตุ้นคอลลาเจนด้วยคลื่นอัลตราซาวน์ที่ช่วยทำให้โครงสร้างใต้ผิวอิ่มฟู ผิวกระชับ เรียบเนียน


จุดเด่น

  • ได้รับรางวัลการันตีเครื่อง Ultherapy SPT แท้ 13 ปีซ้อน ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย.ของไทย
  • มีเครื่องพร้อมให้บริการทุกสาขา
  • ได้รับความเชื่อมั่นจากเหล่า ดารา บล็อกเกอร์ เซเลบต่่าง ๆ ที่เข้ามาใช้บริการมากมาย

ราคา 29,900 บาท


วันเวลาเปิดทำการ ทุกวัน 10:00 - 20:00 น.


พิกัด https://www.slcclinic.com/contact.php?gclid=Cj0KCQjw9vqyBhCKARIsAIIcLMEdsagRRdpiIj9JcwLJwEA7euPkwwNqy6TFC0DW3-NBqh4Ve2I5To8aAuTaEALw_wcB


Mediwelle

รูปภาพ:Mediwelle

Mediwelle มี IV Therapy ให้เลือกถึง 18 สูตรที่เหมาะกับปัญหาแบบต่าง ๆ โดยมี Vital Grow เป็นสูตรที่ช่วยบำรุงและปรับให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น และยังมีโปรแกรม Face IV ที่ช่วยส่งวิตามินเข้มข้นและอาหารผิวเข้าสู่ใต้ชั้นผิว ด้วยเทคโนโลยีแรงดันน้ำโดยไม่ต้องใช้เข็ม


จุดเด่น

  • ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • มีวิตามินหลายสูตรให้เลือกตามความต้องการและปัญหาที่อยากแก้ไข
  • เทคโนโลยีผ่านการรับรองจาก USFDA(องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา)

ราคา Face IV 10 ครั้ง 35,000 บาท


วันเวลาเปิดทำการ ทุกวัน 10:00 - 20:00 น.


พิกัด 10 FL. Gaysorn Tower, Ratchadamri Road, Bangkok, Thailand


EMMA Clinic

รูปภาพ:EMMA Clinic

EMMA Clinic ได้นำเข้ารีจูรันมาจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งช่วยทำให้สีผิวสม่ำเสมอ เรียบเนียน ใสและฉ่ำโกลว์ ด้วยส่วนผสมที่สกัดมาจาก DNA ของแซลมอนที่ใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ ที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาจับตัวกันของโปรตีน และกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่


จุดเด่น

  • ใช้รีจูรันของแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. เกาหลี และ อย. ไทย
  • แพทย์ให้คำปรึกษาและประเมินเคสต่อเคส
  • ดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และได้รับการอบรมในการใช้รีจูรันเรียบร้อยแล้ว

ราคา 2CC 8,999 บาท


วันเวลาเปิดทำการ ทุกวัน 10:00 - 19:00 น.


พิกัด https://emmaclinicthailand.com/%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2/



Teeraporn Clinic

รูปภาพ:Teeraporn Clinic

Teeraporn Clinic กับเทคนิค Sub-Brow Lock ที่ช่วยยกกระชับผิวบริเวณหน้าผาก คิ้วหรือหนังตา ช่วยแก้ปัญหาคิ้วตก ทำให้ได้รูปคิ้วที่สวยเป็นธรรมชาติ ดวงตาที่ดูโต สดใสขึ้นและยังทำให้หน้าดูมีมิติขึ้นด้วยเช่นกัน


จุดเด่น

  • มีทีมอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดทุกกรณี
  • ดูแลและรับประกัน 1 ปี
  • จ่ายราคาเดียว ไม่มีเก็บค่าบริการเพิ่มเติมภายหลัง

ราคา ประมาณ 75,000 บาท


วันเวลาเปิดทำการ

จันทร์-เสาร์ : 12.00 – 22.00 น.

อาทิตย์ : 12.00 – 20.00 น.


พิกัด สำนักงาน สถานพยาบาลธีรพรการแพทย์ เลขที่ 2 ถนนเจริญนคร แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กทม.10600 หรือ แผนที่ธีรพรการแพทย์



สรุปหัตถการผิวหน้า ดีไหม?

หัตถการถือว่าดีและเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเสริมรูปลักษณ์ภายนอกของร่างกายเพื่อให้ดูดีขึ้น โดยเฉพาะบางส่วนที่เราอาจจะรู้สึกว่าเป็นจุดด้อย ทำให้เสียความมั่นใจ หัตถการก็สามารถเข้ามาแก้ไขในส่วนนั้นและเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเรามากขึ้น พอเรามั่นใจ ออร่ามันก็จะออกมาโดยอัตโนมัติ ความสวยความสับมาเต็มสิบ แต่ยังไงก็ตาม การจะเริ่มทำหัตถการไม่ว่าจะเป็นหัตถการประเภทไหน อย่าลืมว่าเราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอย่างแรก ยิ่งในยุคที่คลินิกผุดเพิ่มเป็นดอกเห็ด เราต้องมีสกิลพิจารณาและมีสติ ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าคลินิกนั้นได้มาตรฐานไหม ทำหัตถการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงหรือเปล่า และของที่จะใช้หรือฉีดเข้าสู่ร่างกายเรานั้นสามารถตรวจสอบที่มาและผ่านมาตรฐานหรือไม่ อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องพูดคุยกับแพทย์ให้แน่ใจ ทั้งความเสี่ยงและอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำหัตการนั้นด้วย


ซิสอยากฝากไว้อีกซักเล็กน้อยก่อนบ๊ายบายกันไปวันนี้ ด้วยความที่เทรนด์หัตถการมาแรงจริงอะไรจริง หลายคนอาจจะรู้สึกกดดันจากสังคม เพราะไม่ว่าใครๆ ก็เริ่มเข้าคลินิก จนกลายเป็นเริ่มจะไม่มั่นใจในตัวเองไปด้วย แน่นอนว่าหัตถการสามารถเสริมภาพลักษณ์เราได้จริง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องทำกันทุกคนน้า และยังต้องใช้เงินอีกเป็นจำนวนมากเพราะหลายๆ หัตถการต้องการการทำอย่างต่อเนื่องถึงจะเห็นผลลัพธ์ ซึ่งยังมีทางเลือกอื่นๆ ที่จะสามารถช่วยให้เราดูดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลตัวเอง หมั่นทาสกินแคร์ รับประทานอาหารให้ถูกหลัก ควบคู่กับการนอนหลับให้เพียงพอ เพราะการมีสุขภาพที่ดีก็เป็นพื้นฐานของการมีภาพลักษณ์ที่ดีแถมสุขภาพจิตก็ดีไปด้วยนั่นเองจ้า

🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷


ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับหัตถการความงามกันไปแล้ว จะเห็นได้ว่าหัตถการความงามมีอยู่หลากหลายแบบให้เลือกสรรเลย ไม่ว่าจะเป็นหัตถการอย่างการทำ Pico laser ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ส่วนใครที่อยากปรับหน้าตึงยกกระชับ ต้องลอง Hifu Ultraformer Ulthera Thermage ถ้าคิ้วตกยกไม่ไหวก็ต้องไป Spidey Brow Lift หรือคนที่อยากเติมหรือลดบางส่วนบนใบหน้า ก็เลือกหัตถการปรับรูปหน้า อย่าง ฟีลเลอร์ ปัญหาริ้วรอยใดๆ ก็ให้เป็นหน้าที่ของโบท็อกซ์จัดการ และอย่าลืมฟื้นฟูผิวด้วย รีจูรัน หรือ ดริปวิตามิน ให้ผิวสุขภาพดี เปล่งปลั่ง ฉ่ำวาว ปัง ปัง ปัง! ซิสหวังว่าบทความนี้จะพอช่วยเพื่อน ๆ ในการตัดสินใจเลือกหัตถการที่เหมาะกับตัวเองได้บ้างนะคะส่วนวันนี้ขอตัวไปก่อนแล้ว บ๊ายบายค่ะไว้เจอกันครั้งหน้าที่ sistacafe


🩷🩷🩷🩷🩷🩷🩷


Designer : tt.

Writer : BabyPeachy


อ้างอิง

https://www.fda.gov/consumers/consumer-updates/dermal-filler-dos-and-donts-wrinkles-lips-and-more

https://www.healthline.com/health/thermage-vs-ultherapy

https://www.healthline.com/health/vitamin-iv-therapy#effectiveness

https://www.bbc.com/future/article/20240503-are-there-long-terms-health-risks-to-using-botox

https://dermnetnz.org/topics/picosecond-laser#:~:text=Potential%20side%20effects%20from%20picosecond,x%2Dradiation)%20are%20used.

https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/sirirajonline2021/Article_files/1166_1.pdf

https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1022

https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/thermage-2

https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/beauty-fashion/1050558


บทความแนะนำ