สมัยนี้ ผู้ชายเริ่มเป็นของล้ำค่าที่หายากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพื่อนสาวก็เยอะ เราไปชอบเขา แต่เขาไม่ชอบเราก็มีอีกแยะ อกหักช้ำรักคุดเป็นเรื่องธรรมดามาก!
ดังนั้น เมื่อวันหนึ่งมีเหยื่อมาติดกับ เอ๊ย! มีแฟนกับเขาจนได้ สาวๆ หลายคนจึงมีอาการ' อวดผ.' เข้าสิง อยากป่าวประกาศให้คนทั่วโลกได้รับรู้ไงล่ะ
เพราะเป็นเจ้าแม่โซเชียลมาตลอด บอกปากเปล่าไม่พอ ขอบอกให้ official กว่านั้นด้วยการตั้ง In A Relationship กับแฟนใน Facebook ซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!
//ไม่ถามความหงความเห็นผู้ชายที่นั่งข้างๆ ซ้ากกกกคำ
ช้าก่อนค่ะแม่เสือสาว! เรารู้ว่าเธอจริงใจ อยากแสดงความรัก ไม่อยากหลบๆ ซ่อนๆ แต่นั่นแหละ ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ ._. #แฟนเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน ยังคงใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย บางคนยินดีกับเธอ แต่บางคนอาจอิจฉา หมั่นไส้และหาทางแทงข้างหลังเธอ หรือบางคนก็รังเกียจไปเลย ( ในกรณีที่เธออัพรูปคู่ทุกห้านาที )
ที่แน่ๆ คือเธอจะถูกจับตามองจากเพื่อนๆ ในเฟสว่า
" มีแฟนแล้ว "
เธอจะถูกตั้งคำถามจากทุกสเตตัส ทุกรูปถ่าย ทุกคลิปและแคปชั่นว่าสื่ออะไรถึงอีกฝ่ายหรือเปล่า แอบปวดหัวอยู่นิดๆ เหมือนกันนะเนี่ย //ผู้ชายบางคนจึงเลือกที่จะไม่ขึ้นสเตตัสไปเลย ตัดปัญหา
ถ้าเธอเป็นสาวคนหนึ่งที่อยากประกาศว่าตัวเอง In A Relationship with someone ลองอ่านบทความที่กล่าวถึงข้อดี-ข้อเสียนี้ก่อน บางทีความคิดของเธออาจเปลี่ยนไปก็ได้ มันไม่ได้มีแค่ข้อดีอย่างที่คิดหรอกนะเออพร้อมแล้วหรือยัง...เริ่มค่ะ!
ข้อดี
1. ครอบครัวและเพื่อนๆ ของทั้งสองฝ่ายจะเห็นความเป็นไปของทั้งผู้ชายและผู้หญิง
' โซเชียลเน็ตเวิร์ค ' ย่อโลกทั้งใบให้มาอยู่ใกล้กัน หากคบกันแบบจริงจัง เปิดตัวกับครอบครัวเรียบร้อยแล้ว การอัพรูป อัพสเตตัสว่าคู่ของเธอมีความเป็นอยู่อย่างไร ก็ทำให้ที่บ้านของทั้งสองฝ่ายรู้สึกอบอุ่น ไม่พลาดข่าวสาร รับรู้ชีวิตประจำวันของทั้งเธอและเขาได้ตลอดเวลา ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังนี่เนอะ!
2. แสดงให้คนอื่นเห็นว่า " คู่ของเธอใช้ชีวิตอย่างไร "
ข้อนี้เหมาะกับคู่รักที่ ' ไม่แคร์เวิลด์ ' ไม่สนสายตาชาวโลกว่าจะมองแบบตัดสิน เหน็บแนม หรือมาวิเคราะห์ตัวเธออย่างไร ถ้าเธอมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายหรือศีลธรรม เธอก็มีสิทธิ์เต็ม 100% ที่จะโพสต์อะไรก็ได้ มันเป็นสิทธิส่วนตัวของเธอนี่นา #ไม่ชอบก็ unfollow ไปสิคะคุณ!
3. เป็นประสบการณ์และหลักฐานความรักของทั้งสองฝ่าย
เพราะเธอมั่นใจในรักครั้งนี้สุดๆ จึงอยากเก็บหลักฐานและความทรงจำ / ความประทับใจทุกอย่างที่เคยมีร่วมกันไว้ เก็บไว้ดูได้ชั่วลูกชั่วหลาน #ภูมิใจมากที่ได้ผู้ชายคนนี้มาร่วมชีวิต ( ภูมิใจกับขี้อวดไม่เหมือนกันนะเออ! ) ของแบบนี้อยู่ที่เจตนาค่ะ เธออยากให้คนอื่นรู้ว่า " เธอมีแฟนเบ้าหน้าดี " หรืออยากบอกคนอื่นว่า " เธอมีแฟนนิสัยดี " การอัพรูปแต่หน้าหล่อๆ ของแฟน กับอัพรูปดีๆ ที่เป็นความประทับใจไม่เหมือนกันนะคะ ลองกลับไปทบทวนใหม่ให้ดีๆ!
ข้อเสีย
1. ดูเรียกร้องความสนใจและผูกมัด ไม่มีอิสระซึ่งกันและกัน
ผู้ชายบางคนก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวในความสัมพันธ์บ้าง แต่แฟนสาวกลับไม่คิดแบบนั้น เธอคิดว่าเป็นคนรักกันก็ต้องตัวติดกันตลอดเวลา ต้องรู้ทุกเรื่องแม้แต่ในโซเชียล! จะให้หน้า Wall ของฝ่ายชายโล่งๆ เงียบๆ ไม่ได้ ต้องบังคับให้เขากดรับ relationship เข้าไปไลค์ คอมเมนต์ประกาศศักดารัวๆ ว่า ' คนนี้ฉันจองแล้วนะยะ! ' บ่อยครั้งเข้าผู้ชายก็เริ่มเบื่อ ทะเลาะ และขอแยกทางในที่สุด
จำไว้นะคะว่า การที่มีคอมเมนต์ของเธอทั่วเฟสบุ๊คของเขา ไม่ได้การันตีว่านั่นคือชีวิตคู่ที่มีความสุข ปล่อยๆ เขาบ้างเถ้อะะะ!
2. เพื่อนกับครอบครัวเห็นว่า 'จำเป็นต้องทำ'
จริงๆ เธอก็ไม่ได้อยากทำหรอก ตั้งสเตตัสเปิดตัวแฟนเนี่ย แต่หลวมตัวพาผู้ชายไปแนะนำกับที่บ้านเรียบร้อยแล้ว พอปล่อยเฟสร้าง ทั้งพ่อแม่พี่น้อง วงศาคณาญาติ และเพื่อนๆ ก็เริ่มทักแชทมาถามว่า ' ทำไมไม่ลงรูปคู่บ้างเลย ', ' ยังคบกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย ' //ก็ออกไปเที่ยวด้วยกันแทบทุกวัน แค่ไม่ได้อัพรูปลงเฟสเนี่ยนะ// ตั้งสเตตัสเปิดตัวเป็นทางการไปเลยก็ได้ ตัดรำคาญ!
เธอไม่ควรฟังหรือแคร์ความเห็นของคนอื่นมากเกินไป สิ่งที่เธอควรแคร์จริงๆ คือความรู้สึกของผู้ชายที่อยู่ข้างๆ มากกว่า ถ้าเขายินดีก็แล้วไป แต่ถ้าเขาก็อึดอัดก็อย่าโพสต์เลยค่ะ ชีวิตคู่มีมากกว่า Facebook นะเออ
3. ถ้าไม่ยอม ' อวดผ. ' อีกฝ่ายจะงอน
ตัวเธอเองน่ะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก จะปล่อยให้เฟสร้างเป็นปีๆ เลยก็ได้ แต่คนรู้ใจนี่สิ เป็นเจ้าพ่อโซเชียลสุดๆ! เขาอยากอวดสายตาประชาชีเป็นร้อยคนว่ามีแฟนแล้ว และบังคับแกมอ้อมวอนให้เธออัพรูปคู่ / เช็คอินคู่กัน / ตั้งสเตตัสหวานๆ ด้วยกัน ถ้าไม่ทำก็งอนสามวันเจ็ดวันไม่จบสักที เธอจึงต้องยอมทำให้ ตัดปัญหาไป ขี้เกียจมานั่งง้อ - -
ชีวิตคู่ที่ดีต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันค่ะ! ถ้าเธอเป็นพวกโลกส่วนตัวสูง ไม่อยากให้ใครมารู้เรื่องชีวิตส่วนตัวมากเกินไป เขาก็ไม่ควรบังคับให้เขาทำอะไรฝืนใจตัวเอง ไม่อย่างนั้นเธอเองจะเริ่มอึดอัด เบื่อ และเป็นสาเหตุของการเลิกราในที่สุด ถึงไม่ตั้งสเตตัสก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตจริงจะไม่รักนี่จ๊ะ
ผลเสียที่ ( อาจจะ ) เกิดขึ้น
1. ถูกมองว่า ' ไม่เชื่อใจอีกฝ่าย '
การประกาศคบกันอย่างเป็นทางการใน Facebook ไม่ใช่สิ่งยึดเหนี่ยวหรือมีผลใดๆ ในทางกฎหมาย ( หรือแม้แต่ความรู้สึก ) ได้ทั้งนั้น กดรับไปก็ใช่ว่าเขาจะหนีไปมีกิ๊กไม่ได้! พฤติกรรมและคำสัญญาที่มาจากปากของอีกฝ่ายจริงๆ ต่างหากที่สำคัญ
ถ้าเธอคิดว่า ตั้ง relationship กับแฟนแล้วจะไม่ให้เขาคิดนอกใจ บอกเลยว่าคิดผิด! คนจะนอกใจ อัพรูปคู่แต่งงานแล้วยังมีผู้หญิงอื่นได้เลยค่ะ ระบบซ่อน tag ก็มี ออพชั่นแชทลับก็มี หรือจะหนีไปมีกิ๊กในโซเชียลอื่นก็ได้ มันการันตีอะไรไม่ได้หรอก พูดเลย!
ที่สำคัญ ผู้ชายที่คิดมากจะพาลมองว่า เธอไม่เชื่อใจในความรักของเขาด้วยนะเออ
2. ทำให้คนอื่นๆ เช่น แฟนเก่า, แก๊งสาวโสด รู้สึกไม่ดี
ถ้าเธอคิดว่า การตั้ง relationship กับหนุ่มคนปัจจุบันจะทำให้แฟนเก่าหึง เราขอถามกลับว่า เธอจะทำแบบนั้นไปทำไม = = #เลิกแล้วก็ควรจบ #หรืออยากกลับมารีเทิร์น #หรือเป็นการสมน้ำหน้าแบบเนียนๆ ไม่ว่าทางไหนก็ไม่ดีต่อหัวใจของใครทั้งนั้นแหละค่ะ
บางคนก็ใช้วิธีนี้ในการ ' อวดผ. ' ต่อหน้าแก๊งสาวโสดว่า 'ฉันไม่ว่างแล้วนะจ๊ะ' เราไม่รู้หรอกว่าคนอื่นคิดกับเรายังไงบ้าง กับเพื่อนสนิทอาจไม่เป็นไรเพราะรู้ใจกันดี แต่กับสาวโสดคนอื่นที่เราไม่รู้จักมักจี่ อาจจะเกิดความหมั่นไส้และเกลียดเราก็ได้ #คนเราร้อยพ่อพันแม่ นะเออ
3. เป็นการสนองความ ' ฟิน ' ส่วนตัวให้อีกฝ่ายเท่านั้น
ถ้าเธอไม่ได้กดรับ relationship ในเฟสบุ๊คด้วยความเต็มใจ แต่กดเพราะมีอีกฝ่ายมาจับมือให้กด เพื่อสร้างความภูมิใจ ความฟินส่วนตัวของผู้ชาย //กดช้ามีโทรมาเร่งด้วย// แบบนี้เริ่มไม่ใช่แล้วล่ะค่ะ!
ถ้าเธออยากเก็บชีวิตคู่ไว้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ก็ไม่อยากทำให้แฟนเสียใจ ลองถามผู้ชายตรงๆ แบบเปิดอกคุยว่า ' จะอยากได้ relationship ในโซเชียลไปทำไม ' แล้วอธิบายถึงเรื่องความปลอดภัย คนรอบข้างบางคนที่อาจไม่หวังดี ฯลฯ ให้ฟัง หากเขามีเหตุผลโต้แย้งได้ก็ต้องรับฟังด้วย หากเจอกันครึ่งทางได้จะมีความสุขทั้งสองฝ่ายค่ะ ^^
หนุ่มๆ และมุมมองเรื่องบอกความสัมพันธ์ใน ' โซเชียล '
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าเธอถามแฟนหนุ่มว่า ' เปิดตัวคบกันใน Facebook เลยดีไหม? ' ไม่ค่อยมีผู้ชายคนไหนจะโอเค แฮปปี้ดี๊ด๊าที่จะกด say yes สักเท่าไหร่หรอกค่ะ - - ถ้าจะกดก็เพราะผู้หญิงอ้อน ร้องขอ แต่น้อยรายมากที่จะเป็นฝ่ายขอตั้ง in a relationship เอง ยาก! นั่นก็เพราะเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระยังไงล่ะคำว่า ' ไร้สาระ ' ที่ว่าคือ จะให้กดก็ได้ หรือจะกดยกเลิกตอนไหนก็ได้ เพราะมันไม่เกี่ยวกับเรื่องในชีวิตจริงเลยแม้แต่น้อย สาวๆ ส่วนใหญ่อัพรูปคู่เพื่อย้ำเตือนว่าเรายังรักกันหวานชื่น ในขณะที่หนุ่มๆ ปล่อยเฟสร้างเป็นเดือนเป็นปี แต่นอกจอเขาก็ยังสวีทกับแฟนดี ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรสักนิดแต่นั่นแหละ....ก็ยังมีหนุ่มๆ บางคนคิดว่าการเปิดตัวแฟนใน Facebook หรือในโซเชียลอื่นๆ เป็นเรื่องจำเป็นเช่นกัน ลองไปฟังเหตุผลของพวกเขากันดูค่ะ
เมื่อไหร่ที่หนุ่มๆ คิดว่าควรเปิดตัวแฟนใน ' Facebook '
แต่ละคนก็มีระยะเวลาในความพร้อม ' เปิดตัวแฟนอย่างเป็นทางการ ' ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความมั่นใจ เชื่อใจในตัวอีกฝ่ายว่าพร้อมจะเป็นตัวจริงแล้วหรือยัง ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงต่างก็กังวลในเรื่องนี้ได้ทั้งนั้น เชื่อเถอะว่าถ้าความรู้สึกในใจลึกๆ ยังไม่ชัวร์ รู้สึกว่าคนนี้ยังไม่ใช่ จะเกิดความลังเลและไม่ได้กด in a relationship แน่ๆ ค่ะเรามาดูกันดีกว่าว่า ผู้ชายส่วนใหญ่คิดว่า ' เวลาที่เหมาะสมในการเปิดตัวแฟนในโซเชียลอย่างเป็นทางการ ' คือเมื่อไหร่ ไปดูกันเล้ย!
1. คบกันในชีวิตจริงมาเกิน 1 เดือน( ไม่นับเวลาศึกษาดูใจ ) ถ้ารู้สึกแน่ใจในความสัมพันธ์ นัดเจอกันเรื่อยๆ อย่างน้อย 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ต่อเนื่องกันเป็นเดือนๆ แล้ว ผู้ชายจะไม่ตะขิดตะขวงใจกับสเตตัส in a relationship ในโซเชียลแล้วล่ะค่ะ2. เมื่อเปิดตัวแฟนกับเพื่อนๆ และคนในครอบครัวเรียบร้อยแล้วเชื่อเถอะว่า หนุ่มๆ ส่วนใหญ่ไม่ชอบเรื่องเซอร์ไพรส์! เขาคงไม่ปลื้มถ้ามีสเตตัส ' in a realtionship ' โชว์หราในเฟสบุ๊คส่วนตัวทั้งที่คนรอบตัวของเขาไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน เพราะปรากฎการณ์แถบแชทในเฟสบุ๊คจะถล่มทลายแน่นอน ด้วยคำถามที่ว่า ' ใครน่ะ ทำไมฉันตกข่าว ', ' มีลูกสะใภ้ให้แม่แล้วเหรอลูก พามาหาแม่สิ ' #เพิ่งคบกันสองวันเองครับแม่ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว อย่างน้อยไปเจอกันในชีวิตจริงก่อน จะตั้งว่าคบกันก็ยังไม่สายค่ะ
3. เมื่อเขาแน่ใจแล้วว่า ' จะเดินเคียงข้างไปกับเธอตลอดชีวิต 'ผู้ชายบางคนจริงจังกับความรักมาก เขาจะไม่ตั้งสเตตัส in a relationship กับใครเล่นๆ แม้จะเป็นแฟน คบกันมานานหลายปีแล้วก็ตาม เขาถือว่าถ้าไม่แต่งงาน ก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เมื่อเข้าสู่ประตูวิวาห์เท่านั้นแหละ จาก single กลายเป็น married with... ให้คนทั้งเฟสงงเป็นไก่ตาแตกกันเลยทีเดียวค่ะถ้าเธออายุยังน้อย แต่เจอผู้ชายประเภทนี้ ก็คงต้องบอกให้ทำใจสถานเดียวล่ะค่ะ
ทำไมผู้ชายดีๆ บางคนไม่อยากเปิดตัวแฟนใน ' Facebook '
ทั้งนี้ทั้งนั้น....ก็ยังมีผู้ชายจำนวนมากที่หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เปิดสถานะ ' in a relationship ' ใน Facebook หรือในโซเชียลใดๆ เป็นอันขาด และนี่คือเหตุผลของพวกเขาค่ะ1. รู้สึกว่า ' เลี่ยน ', ' น้ำเน่า 'ผู้ชายบางคนก็นิสัยแมนสุดๆ ไม่ชอบประกาศเรื่องแบบนี้ออกสื่อ เพราะเขารู้สึกว่ามันเลี่ยน น้ำเน่าเหมือนละครหลังข่าว ( จะบอกว่าสะเหร่อก็คงแรงไป ) พอเลิกกันก็ลำบากใจจะมากดลบ แถมยังติดอยู่ใน history และความทรงจำของคนอื่นๆ ไปแล้วด้วย ไม่ต้องมีแต่แรกจะดีกว่า
2. รู้สึกว่า ' มันไม่จำเป็น 'ผู้ชายที่ไม่คิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จะมองว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น ก็แค่แถบแถบเดียวที่บอกว่าคบกับใครในเฟสบุ๊ค การันตีอะไรไม่ได้สักหน่อย แค่พ่อแม่ในชีวิตจริงรับรู้ก็พอ จบ!
3. รู้สึกว่า ' มันอึดอัด! '
ผู้ชายบางคนก็เป็นพวกโลกส่วนตัวสูงมากกก ก ไก่ล้านตัว #สูงกว่าระดับน้ำทะเลไปอีก #ขอบันไดเลื่อนด้วยค่ะ พวกเขาจะมีพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครมารุกล้ำ ไม่อยากประกาศว่าคบกับคนนั้นคนนี้ให้คนอื่นรับรู้ หรืออีกประเภทคือเป็นพวก ' กลัวการผูกมัด ' การมีชื่อแฟนอยู่ในเฟสบุ๊คจะรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังเจอสายตาจ้องมองของเพื่อนในเฟส มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาพร้อมซ้ำเติมได้ทันที อย่ามีแต่แรกเลย!4. รู้สึกว่า ' มันยังไม่ถึงเวลา 'ผู้ชายประเภทนี้มักเป็นพวกซีเรียส จริงจังไปซะทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่อง ' ความรัก ' แค่คบเป็นแฟน เดทกันไปวันๆ ไม่ใช่คู่ชีวิต เขาจะคิดว่าเธอเป็น ' เพื่อนสาวคนสนิท ' เท่านั้น ถ้ายังไม่แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว ฝันไปเถอะที่จะตั้งสเตตัสพวกนั้น ( ผู้ชายบางคนนิ่งๆ เงียบๆ มาตลอดในเฟส รู้ตัวอีกทีโพสรูปการฺ์ดแต่งงานหรามาเลยก็มีค่ะ )
5. รู้สึกว่า ' ความสัมพันธ์ดูเปราะบาง 'ผู้ชายบางคนคิดว่า ความรักที่มั่นคงนั้น รู้กันสองคนก็เพียงพอแล้ว เรารู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ แค่เชื่อใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน การเที่ยวบอกคนอื่นไปทั่วว่า ' เราคบกัน ' ทำให้เขาสงสัยและตั้งคำถามว่า ' มันเปราะบางเกินไปไหม ถ้าไม่กดรับจะขอเลิกไหม ' เกิดเป็นปัญหาให้ทะเลาะกันขึ้นมาอีกซะงั้น
====================================
เล็คเชอร์กันมาตั้งนาน ขอสรุปเลยแล้วกันว่า การตั้งสเตตัสคบกันใน Facebook นั้น...เป็นเรื่องนานาจิตตังค่ะ! ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่จะปฏิเสธ แต่หลายคนก็ไม่อยากเผยความสัมพันธ์ให้เป็นเรื่องสาธารณะมากเกินไป #ลางเนื้อชอบลางยา จริงๆ
แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกค่ะ! การคบกัน สร้างความสัมพันธ์นั้นมีเรื่องที่ต้องคิด ตัดสินใจมากมาย ซึ่งเรื่องในโซเชียลถือว่าสำคัญเป็นอันดับท้ายๆ เลยด้วยซ้ำ! สิ่งที่เธอควรโฟกัสคือความรัก เชื่อใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกันมากกว่ามานั่งนับไลค์, คอมเมนต์ในเฟสบุ๊คที่จับต้องไม่ได้นะคะ
ถ้าแฟนหนุ่มของเธอไม่สะดวก อึดอัดที่จะตั้งสเตตัสนั้น ก็ปล่อยเขาไป และใช้พฤติกรรมในชีวิตจริงของเขาเป็นตัวตัดสิน จำไว้ค่ะ ตั้งคบก็มีกิ๊กได้ ไม่ตั้งคบก็ไม่ได้หมายความว่าจะนอกใจ เป็นแฟนกันต้องเชื่อใจกันนะ เราคงไม่อยากบังคับใจคนที่เรารักหรอก จริงไหมล่ะ ^^
====================================
Cr. Facebook Official Relationship: Is Your Guy Ready for It? [ lovepanky ]
http://www.lovepanky.com/women/understanding-men/facebook-official-relationship
บทความที่เกี่ยวข้อง
15 กฎเหล็ก สำหรับ 'คู่รัก' ที่ไม่ควรทำบน Facebook
https://sistacafe.com/summaries/6380
10 กฎเหล็ก ในการ 'อ่อยผู้ชาย' บน Facebook
https://sistacafe.com/summaries/3157
6 เคล็ดลับ มัดใจผู้ชาย ผ่าน Facebook
https://sistacafe.com/summaries/803