ในปัจจุบันสกินแคร์นั้นมีหลากหลายประเภท และแต่ละประเภทนั้นก็เน้นการใช้และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแน่นอนว่าในการใช้สกินแคร์ 1 ครั้งจะใช้สกินแคร์ในการบำรุงใบหน้ามากกว่า 1 ชิ้นขึ้นไป เพราะด้วยปัญหาของผิวในช่วงนั้นที่อาจจะไม่สามารถเลือกใช้แค่ 1 อย่างได้ จำเป็นต้องใช้ตัวสกินแคร์หลายตัวเข้าช่วยแก้ปัญหาพร้อมกับการบำรุงเสริมเกราะป้องกันไปด้วย และนี่จะเป็นตัวเริ่มต้นของปัญหาที่ตามมาสำหรับคนใช้สกินแคร์หลากหลายพร้อมกันอย่างที่รู้ดีว่าสกินแคร์คือตัวบำรุงอย่างล้ำลึกให้กับใบหน้า สรรพคุณจะมีความแตกต่างกันออกไปรวมไปทั้งส่วนประสมที่นำมาประกอบด้วย นั้นจึงทำให้บางตัวของสกินแคร์ที่ใช้ร่วมกันสามารถส่งเสริมกันให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้นได้ แต่กลับกันก็สามารถเป็นตัวที่ยิ่งใช้คู่กันยิ่งทำให้เกราะบนผิวหน้าอ่อนแอลงจนกลายมาเป็นปัญหาที่ไม่สามารถรักษาด้วยตนเองได้เลยทีเดียว เพื่อให้การซื้อสกินแคร์มาแล้วได้รับผลลัพธ์อย่างสูงสุดต้องมาดูถึง สกินแคร์ที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน เพราะยิ่งใช้หน้าจะยิ่งโทนทำร้ายกว่าเดิมกัน


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


จับคู่ผิดชีวิตเปลี่ยน สกินแคร์ที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน มีอะไรบ้าง ?


สกินแคร์ที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน Vitamin C + Benzoyl Peroxide (BPO)

รูปภาพ:

วิตามินซีไม่ควรใช้กับเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ซึ่ง เพราะแน่นอนว่าในส่วนผสมของสกินแคร์ตระกูลที่เป็นกรดอย่างวิตามินซี เรตินอล และ AHA/BHA นั้น สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ดี แต่ในทางสวนกันส่วนของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ก็มีความสามารถในการช่วยละลายหัวสิวสำหรับคนที่รักษาสิวก็จะรู้ดีถึงประโยชน์ในข้อนี้ว่า ตัว BPO ค่อนข้างกัดผิว ละลายหัวสิว จนบางคนมีอาการแสบแดง คัน ระคายเคืองอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเรามาใช้ร่วมกับวิตามินซีเข้าไปก็จะยิ่งเสริมให้หน้าพังกันไปใหญ่ และทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ไม่ทำให้เกิดผลดีกับผิวนอกจากนี้การใช้วิตามินซีกับ BPO จะก่อให้เกิดอาการแสบ แดง ผิวแห้งตึง คันยุบยิบ และระคายเคืองผิวอย่างแน่นอน ฉะนั้นหากต้องใช้ควรแยกกันใช้ไปเลย หรือเราควรที่จะรักษาสิวให้เรียบร้อย แล้วค่อยมารักษารอยจากสิวกันต่อ


สกินแคร์ที่ห้ามใช้ร่วมกัน Salicylic + Glycolic

รูปภาพ:

สองตัวนี้นั้นไม่ควรใช้ด้วยกันอย่างยิ่ง เนื่องจากส่วนผสมสกินแคร์ทั้งสองตัวนี้เป็นกรดที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวกันทั้งคู่หรือนั่นก็คือ AHA และ BHA นั่นเอง ยิ่งถ้าในแต่ละตัวนั้นใส่เปอร์เซ็นต์มาสูงอยู่แล้วก็ยิ่งไม่ควรใช้ร่วมกัน ซึ่งการใช้กรดซาลิไซลิคพร้อมกับกรดไกลโคลิกจะทำให้เรานั้นได้รับการผลัดเซลล์ผิวที่มากเกินไปเกินความจำเป็น ซึ่งผิวหน้าของเรานั้นก็จะเกิดความบอบบางจนทนไม่ไหวทั้งเซลล์ผิวแห้งและสูญเสียน้ำในผิวมากกว่าปกติ จนสามารถส่งผลให้เกิดอาการของผิวลอกง่าย ผิวแห้ง และผิวอ่อนแอเป็นระยะเวลานานได้ซึ่งวิธีใช้กรดซาลิไซลิคและกรดไกลโคลิกที่เหมาะสม คือการเลือกใช้เพียง 1 ตัวเท่านั้น สามารถเลือกได้ตัวใดตัวหนึ่งและควรเว้นระยะในการใช้เพื่อให้ผิวได้พักจากการผลัดเซลล์ผิวด้วย


ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ห้ามใช้ร่วมกัน Retinol + Vitamin C

รูปภาพ:

สรรพคุณทั้งสองตัวนี้นั้นช่วยในการลดริ้วรอย ปรับผิวให้สว่างสดใสมากยิ่งขึ้น ทั้งกระตุ้นคอลลาเจนในผิวให้ผิวดูมีน้ำมีนวล แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรานำมาใช้ร่วมกันนั้นสามารถทำให้หน้าพังได้เลยทีเดียว นั่นก็เพราะทั้งสองตัวนั้นมีค่า pH ที่ไม่เท่ากันโดยเรตินอลจะทำงานได้ดีที่ pH = 5.5-6 ส่วน และส่วนวิตามินนั้นจะทำงานได้ที่ pH > 3 ซึ่งทำให้แทนที่ที่เรานำทั้งสองตัวมาใช้พร้อมกันนั้นนอกจากจะไม่ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นแล้วยังกลายเป็นการลดประสิทธิภาพทั้งสองตัวนี้แทนซึ่งหากต้องการใช้ทั้งสองตัวนี้นั้นสามารถใช้วิตามินซีในตอนเช้า และใช้เรตินอลในกลางคืนเพื่อให้ไม่ให้ผิวไวต่อแสงแดดมากเกินไป


คู่สกินแคร์ที่ห้ามใช้ร่วมกัน AHA/BHA + Vitamin C

รูปภาพ:

แน่นอนว่าสรรพคุณนั้นของทั้งสองตัวเป็นกรดอ่อนๆ ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส แต่เราไม่ควรจับคู่ความเป็นกรดใช้ด้วยกันและส่วนผสมสกินแคร์ที่ผลัดเซลล์ผิวเข้าด้วย เนื่องจากทำให้ค่า pH ของผิวเสียสมดุลเนื่องจากความเป็นกรดที่สูงมากเกินไป นอกจากจะรบกวนผิวมากเกินความจำเป็น ทั้งตัว AHA/BHA จะทำให้ประสิทธิภาพของวิตามินซีลดลง แล้วอาจทำให้ผิวอ่อนแอและก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ เช่นผิวบาง ฝ้า กระ สิว จากการที่ผิวอ่อนแอชั่วคราวได้การเลือกใช้ที่เหมาะสมคือสลับกันใช้แบบวันเว้นวัน เพราะยังได้ประสิทธิภาพที่ดีได้ แต่สิ่งที่ห้ามลืมเลยสำหรับคนที่ใช้พวกนี้อยู่คือการลงครีมกันแดดในทุกๆ เช้าหลังลงสกินแคร์เสร็จ เพราะยิ่งใช้สกินแคร์ที่มีความเป็นกรดนั้นจะยิ่งทำให้ผิวหน้าบอบบาง ฉะนั้นต้องปกป้องผิวจากแสงแดดเพื่อไม่ให้ผิวหน้าของเราไหม้แดดและหมองคล้ำนั่นเอง


Niacinamide + Vitamin C

รูปภาพ:

การใช้ไนอาซีนาไมด์ร่วมกับวิตามินซีพร้อมกันหน้าพังเลยจริงๆ เพราะไนอาซีนาไมด์คือวิตามิน B3 ที่ช่วยในการล็อคความชุ่มชื้นให้กับผิวและเพิ่มเซราไมด์ที่ช่วยในการปกป้องผิวจากการขาดน้ำได้ เมื่อนำมาใช้ร่วมกับวิตามินซีจะทำให้วิตามินซีเปลี่ยนสี นอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพลดลงแล้วจะยิ่งทำให้ส่งผลเกิดความระคายเคืองต่อผิวได้เมื่อต้องใช้นั้นควรใช้สลับกัน อาจจะใช้วันเว้นวัน หรือใช้วิตามินซีในตอนเช้าและใช้ไนอาซีนาไมด์ตอนเย็นได้ ซึ่งมีบางแบรนด์ที่ออกสกินแคร์ที่ใช้ส่วนผสมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน แต่ไม่สามารถเป็นอันตรายต่อผิวเพราะแบรนด์จะมีการจำกัดปริมาณอย่างเหมาะสมแล้ว เพื่อไม่เกิดปฏิกิริยาที่ทำลายประสิทธิภาพของวิตามินซีด้วย

✭ Retinol + Benzoyl Peroxide ✭

รูปภาพ:

เรตินอลห้ามใช้คู่กับเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ เพราะการใช้คู่กันนั้นนอกจากจะลดทอนประสิทธิภาพของกันและกันแล้ว ยังทำให้สามารถเกิดความระคายเคืองต่อผิวได้ เนื่องจากประสิทธิภาพของเรตินอลเป็นการผลัดเซลล์ผิวและลดเลือนริ้วรอยกับใบหน้า แต่ส่วนเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์นั้นจะช่วยในการลดสิวหรือรักษาสิวนั่นเองซึ่งทางที่ดีสำหรับในการใช้นั้น ควรเลี่ยงการใช้ทั้งสองอย่างนี้ร่วมกันเพราะสรรพคุณของสองอย่างนั้นถือว่าค่อนข้างแรง และเสี่ยงทำให้หน้าพังมากๆ เพราะถ้ายังฝืนใช้อยู่อาจทำให้ผิวหน้าแห้ง แสบ และระคายเคืองได้

✭ Vitamin B3 + AHA ✭

รูปภาพ:

แม้ว่าสองตัวนี้นั้นจะไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวขึ้น แต่เมื่อใช้ไปก็ไม่ได้ส่งเสริมประสิทธิภาพให้ดีขึ้นกับผิวหน้า เพราะวิตามิน B3 จะช่วยปรับสมดุลผิวให้แข็งแรงปรับค่า pH ในผิวให้เป็นกลาง แต่ในขณะที่ AHA นั้นเป็นตัวช่วยผลัดเซลล์ผิวและเป็นตัวที่ทำให้ pH บนใบหน้านั้นไม่สมดุล เมื่อนำทั้งสองอย่างนี้มาใช้ร่วมกันจะทำให้วิตามิน B3 ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพยิ่งใช้ร่วมกันไปนานๆ ก็ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้นซึ่งการเลือกใช้ที่ดีนั้นควรจะเลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น เพื่อไม่ให้เป็นการลดประสิทธิภาพของทั้งคู่นั่นเอง

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿

เมื่อรู้มาถึงตรงนี้แล้วย่าลืมเลือกใช้สกินแคร์ให้ดีเพราะอะไรที่ไม่ควรใช้ร่วมกันนั้นนอกจากจะทำให้เราเสียตังซื้อผลิตภัณฑ์ที่แสนจะแพงมาแล้วและยิ่งเมื่อใช้ก็ทำให้ใบหน้าของเราแพ้จนต้องหาสิ่งอื่นมาช่วยแก้ปัญหาเพิ่มส่วนเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นได้ ดังนั้นแล้วอะไรที่ควรหลีกเลี่ยงไว้ได้ก็ควรหลีกเลี่ยงดีกว่า หรือถ้าซื้อมาแล้วนั้นก็ควรศึกษารายละเอียดให้ดีเลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่ง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแล้วค่อยใช้อีกตัวในการส่งเสริมได้

บทความแนะนำ ที่ซิสไม่ควรพลาด