เซย์ไฮค่ะสาว ๆกลับมาวันนี้พร้อมกับบทความใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมมีใครเลื่อนฟีด tiktok ไปเจอเธรดManifestationกันบ้าง ส่วนตัวเราก็คือเต็มเลยค่ะ แต่มีใครที่นั่งฟังเขาอธิบายคลิปแล้วคลิปเล่าก็ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรคือการมูหรือเปล่า นี่คือการเข้าสายมูเหรอ เราจะขอสปอยก่อนว่าไม่ใช่ค่ะแต่จะว่าจริง ๆ แล้วมันคืออะไรแล้วนั้น แล้วเราจะทำมันให้เห็นผลเนี่ยต้องทำยังไง วันนี้เรารวบรวมเอาวิธีในการทำ Manifestation หลัก ๆ มาไว้ตรงนี้แล้ว จะมีอะไรกันบ้าง ไปติดตามกันเลย

รูปภาพ:

┆ ° ♡ • ➵ ✩ ◛ °

Manifestation คืออะไร

รูปภาพ:

ข้อแรกเลยการmanifestไม่ใช่เวทมนต์อะไรนะคะทุกคน จริงแล้วก็เป็นอีกทฤษฎีที่แตกออกมาจากกฎแรงดึงดูดและถึงทั้งสองอย่างนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธมานานแล้ว แต่ในปี 2006หนังสือที่มีชื่อว่าThe secretก็ทำให้มันกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง มีคนมากมายที่เริ่มให้ความสนใจจนทุกวันนี้

ซึ่งในปัจจุบันนี้มีผู้คนให้ความสนใจเรื่องการ Manifest เป็นจำนวนมาก สังเกตได้จาก

ยอดการเข้ารับชมคลิปวิดีโอภายใต้แฮชแท็ก Manifestation

มากกว่า 2 ล้านคน

แต่ถึงอย่างนั้นก็จะมีการอธิบายที่แตกต่างกันออกไป แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าจริง ๆ แล้วมันคืออะไร อธิบายง่าย ๆ เลยคือ

การทำให้บางสิ่งที่ต้องการนั้นเกิดขึ้น ได้ด้วยการใช้ความคิดเป็นหลัก ความเชื่อ และการตัดสินใจลงมือทำ

ฟัง ๆ ดูแล้วเหมือนกับ สิ่งที่เราจำเป็นที่จะต้องลงมืออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แต่ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นค่ะ

รูปภาพ:

“ ถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้อย่างแน่นอน ”

เราอยากให้ทุกคนลองคิดถึงคำคมหรือคำพูดของใครสักคนในชีวิตนี้ที่เคยพาเราผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมาได้ หรืออะไรบางอย่างที่ดลใจให้เราก้าวไปสู่บางสิ่ง เริ่มต้นเป็นคนใหม่ เริ่มก้าวแรกกับอะไรสักอย่าง แล้วเราอยากให้ทุกคนสังเกต ไม่ใช่คำคมพวกนั้นอย่างเดียวหรอกใช่ไหมล่ะคะที่ทำให้เราผ่านมาได้ แต่เพราะมันทำให้เรา“ เชื่อ ”เราถึงทำได้ นั่นแหล่ะค่ะ เหมือนกันกับทฤษฎี Manifestation เพราะเรามีสิ่งที่มาทำให้ตัวตนเราลึก ๆ เชื่อแล้วว่าเราทำได้ เราจึงผ่านไปได้แต่ในกรณีนี้ สิ่งที่ทำให้เราผ่านไปได้ ไปพิชิตเป้าหมายของเรา ไม่ใช่คำคมหรือคำพูดของใครอื่น แต่มันต้องมากจากเราเองค่ะ

เพราะอย่างนั้นสิ่งที่ค่อนข้างที่จะสำคัญในการทำ Manifestation คือการมีความเชื่อมั่นในตัวของตัวเอง หรือบางคนก็อาจจะเอาความเชื่อนั้นไปที่จักรวาลค่ะ บางคนเลยมีความคิดที่ว่า ถ้าเราอยากได้อะไรให้พูดออกไป แล้วจักรวาลจะได้ยินเรา และอีกกรณีนึง ที่เราคิดว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก ทุกคนเคยได้ยินคำว่า “You are the entire universe in yourself” ไหมคะ ที่จะแปลให้เข้าใจได้ง่ายคือ เราทุกคนต่างมีจักรวาลในตัวของตัวเอง และแต่ละคนคือจักรวาลที่แตกต่างกันเราคือจักรวาลดวงนึงเลยนะ !อะไรประมาณนี้ค่ะ

Manifestation มีวิธีทำแบบไหนบ้าง

ในการทำManifestationนั้น แน่นอนว่าความเชื่อในสิ่งที่เราต้องการต้องชัดเจน และเราต้องแน่วแน่ต่อสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้ และอย่างนึงที่สำคัญเลยก็คือถ้าเราอยากได้อะไรที่เราไม่เคยมี เราต้องยอมทำอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อนแน่นอนล่ะว่าเราไม่สามารถที่จะคาดหวังให้ชีวิตเปลี่ยนไปโดยไม่ลงมือทำอะไรใหม่ ๆ เลย แต่ถึงอย่างไรก็ดีนะทุกคน จักรวาลนี้นั้นก็ไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นเราต้องเปิดใจยอมรับกับสิ่งที่ไม่แน่แน่อนาคตนั้นเป็นสิ่งที่เราต่างทำได้เพียงแค่คาดหวัง และลงมือทำกับปัจจุบัน แต่ถึงจะผิดหวังกันบ้าง ถ้าเราแน่วแน่ไว้ เราก็เชื่อว่าทุกคนจะสามารถที่จะไปถึงเป้าหมายได้แน่นอน

เอาหล่ะ เรามาดูกันบ้างว่ามีวิธีไหนในการทำ Manifest ได้บ้าง

รูปภาพ:

1) การทำ Vision Board

ในส่วนของการทำ Vision Board เองเราจะมีการเขียนบทความเฉพาะอธิบายไว้ ทุกคนสามารถไปลองอ่านเพิ่มเติมแบบเฉพาะเจาะจงได้นะคะ แต่ในที่นี้เราจะมาอธิบายกันคร่าว ๆ ด้วยว่ามันคืออะไร การทำ Vision Board ก็คือการทำกระดานความฝัน/ความต้องการของเราด้วยการนำรูปภาพต่าง ๆ มาแปะ แล้วนำมันไปวางไว้ในที่ที่เราสามารถมองเห็นได้ในชีวิตประจำวันเพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าเป้าหมายของเราคืออะไร และนอกเหนือกว่านั้น การมีกระดานความฝันนี้ยังช่วยให้เราได้มองเห็นชีวิตหรือตัวตนที่เราต้องการแบบภาพรวม ๆ ด้วย

2) คิดถึงเป้าหมายเราก่อนนอน

ในยุคที่ชีวิตเราวุ่นวายขนาดนี้ วัน ๆ นึงเราต่างได้รับข่าวสารมากมาย จนเรากลายเป็นคนคิดมาก วิตกกังวลกันไป ซึ่งส่วนมากเราก็มาคิดมากยิ่งกว่าเดิมตอนก่อนจะนอนนี่หล่ะค่ะ แต่ทุกคนรู้ไหมว่า

การที่เรานึกถึงสิ่งที่เราต้องการ ความฝัน เป้าหมายก่อนนั้นจะเป็นสิ่งที่ช่วยมาก ๆ เพราะจะให้เราตื่นพร้อมกับอารมณ์ที่ดีขึ้น

เป็นการปูให้จิตใต้สำนึกเราเชื่อมั่นว่าเราจะได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการอย่างยั่งยืนด้วยนะ ต้องไปลองดูกันซะหน่อยแล้ว

รูปภาพ:

3) รายล้อมไปด้วยพลังงานบวก

แน่นอนหล่ะว่าการมีพลังงานบวกนั้นทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมากกก ซึ่งพอมานึกถึงข้อนี้แล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงต้องใช้ชีวิตให้มันยากด้วยการรับพลังงานลบ ๆ จากสื่อหรือผู้คนมามากมายนักใช่ไหมหล่ะคะ ในเมื่อเราเลือกที่จะใช้ชีวิตอีกแบบได้ ชีวิตที่แฮปปี้ ทำไมเราถึงไม่เลือกกันนะ รู้งี้แล้วนั้น ต่อไปเราต้องพาตัวเองไปอยู่กับคนที่เขาคิดบวกบ่อย ๆ เพราะว่าการอยู่กับคนที่มองโลกในแง่ดีนั้นจะทำให้สุขภาพจิตของเราดีอยู่ตลอด ทำให้เรามี self-esteem ที่ดีซึ่งนั่นคือพื้นฐานของการ Manifest เลยค่ะ

4) ใช้วิธี 369มีใครเคยได้ยินวิธีนี้บ้าง369 manifestation methodแล้วมันคืออะไรกันนะ การ manifest ด้วยวิธีนี้นั้นถูกคิดค้นโดย นิโคลัส เทสลา ค่ะ เขาคือคนที่มีความเชื่อในเรื่องของตัวเลข ส่วนวิธีในการที่จะทำ 369 นั้นก็คือ การที่เราเขียนลงไปค่ะ คือการย้ำเตือนถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการตอนเช้าระหว่างวัน และในช่วงเย็นเรียกได้ว่าเป็นการพยายามจดจ่อในสิ่งที่เราต้องการอยู่ตลอดแทบทั้งวัน ซึ่งหลายคนนำวิธีนี้ไปใช้แล้วค้นพบว่ามันได้ผลมาก ๆ เพราะเชื่อกันว่า ความต้องการนั้นคือสิ่งที่กำหนดวิธีคิดของเรา และวิธีคิดของเราคือสิ่งที่เลือกการตัดสินใจในการลงมือทำ

รูปภาพ:

5) การเขียนบันทึก

ในส่วนสุดท้ายนี้หลายคนคงอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง เพราะเป็นวิธีหลัก ๆ ในการทำ manifest เลยค่ะ คือการหยิบหนังสือหรือกระดาษมาเขียนลงไปให้ชัดเจนว่าเราต้องการอะไร ลิสต์ออกมาเป็นข้อ ๆ เลย แล้วให้เชื่อค่ะ เชื่ออย่างสุดใจ ถ้าใครอยากได้งานใหม่ที่ดีให้นึกถึงว่าเราเดินเข้าไปทำงานที่นั่นวันแรกเป็นอย่างไร ให้นึกถึงบรรยากาศของออฟฟิศใหม่นึกถึงกลิ่นกาแฟแก้วแรกที่กินในออฟฟิศนั้นอะไรแบบนี้เลยค่ะ เราต้องชัดเจน และเขียนให้เหมือนกับว่าเราได้มันมาแล้วห้ามเขียนคำในทางลบอย่างเช่นฉันจะไม่เป็นคนขี้เกียจแล้ว แต่ให้เขียนว่า ฉันคือคนขยัน แบบนี้แทนค่ะ ให้เราเป็นพลังบวกแก่ตัวเองและมองไปข้างหน้าอยู่เสมอ อย่าลืมว่าเราต้องเชื่อมั่นจริง ๆ

-ˏ͛⑅ ‧̥̥͙‧̥̥ ̥ ̮ ̥ ⊹ ‧̫‧ ⊹ ̥ ̮ ̥ ‧̥̥‧̥̥͙ ⑅ˏ͛-

บทส่ง

รูปภาพ:

เป็นไงกันบ้างคะกับManifestationหวังว่าทุกคนจะสามารถนำวิธีที่เรานำเสนอในวันนี้ไปปรับใช้กันนะคะ อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญคือการเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อว่าเราทำได้แน่นอน บอกตัวเองเอาไว้ค่ะ ต่อให้จะล้มแต่เราก็จะลุกขึ้นมาได้ เราต้องเดินต่อไป แบบนี้นะคะ และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือความแน่วแน่ในตัวเอง การยึดมั่นในสิ่งที่เคยพูดออกไป อย่างเช่นคนที่บอกว่า ฉันจะเป็นคนรวยให้ได้ก็ต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้แก่ตัวเองให้ได้ เพราะความฝันและความเชื่อไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้หากเราไม่ลงมือพยายามอะไรเลย

ขอให้ทุกคนโชคดีแล้วพบกันในบทความต่อไปที่https://sistacafe.com/นะคะ

บทความแนะนำ ที่ซิสต้องไม่พลาด