บางครั้งชีวิตเราไม่ได้พังเพราะใคร แต่เพราะเรานี่แหละ ที่ค่อย ๆ กัดเซาะความสุขของตัวเองโดยไม่รู้ตัว เพื่อน ๆ เคยเป็นกันบ้างมั้ย อยู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกที่ว่า นี่ฉัดกำลังขัดขวางความสำเร็จ และความสุขของตังเองอยู่รึเปล่า นี่แหละที่เรียกว่า Self-sabotage หรือพฤติกรรมทำลายตัวเองแบบเงียบ ๆ มันอาจมาในรูปของการผัดวันประกันพรุ่ง การปฏิเสธโอกาสดี ๆ หรือแม้แต่การวิ่งหนีจากสิ่งที่เรากลัว จนไม่ได้ลองอะไรใหม่ ๆ ซึ่งหลายครั้งเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังทำอยู่ Self-sabotage สามารถเกิดขึ้นได้กับทุก ๆ ความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะการทำงาน ความรัก การใช้ชีวิต วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ Self-sabotage กัน มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันว่า Self-sabotage มันคืออะไร แล้วมีวิธีรับมือกับมันหรือไม่ !
Self-sabotageคืออะไร ?
หลาย ๆ คนอาจจะกำลังสงสัยว่า Self-sabotage คืออะไร พูดแบบเข้าใจง่าย ๆ เลยคือ ชุดความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมที่ “ ขัดขวาง ” เป้าหมายของเราเอง เช่น ผัดวันประกันพรุ่งทั้งที่รู้ผลเสีย, วิจารณ์ตัวเองเกินเหตุ, ตั้งมาตรฐานสูงเกินจริง จนไม่เริ่มเสียที หรือหาความระแวงในความสัมพันธ์จนผลักคนดี ๆ ออกไป เป็นต้น พฤติกรรมนี้ไม่ได้เกิดจากการขาดความพยายาม แต่มีรากฐานมาจากความรู้สึก ที่ไม่คู่ควรกับสิ่งดี ๆ หรือความกลัวที่ซ่อนอยู่ภายใน เช่น ความกลัวความล้มเหลว หรือแม้แต่ความกลัวความสำเร็จนั่นเองค่ะ
🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀
สาเหตุ Self-sabotage มาจากอะไร ?
สาเหตุที่ซ่อนอยู่ของ Self-sabotage ไม่ได้โผล่มาแบบไร้เหตุผล แต่มันคือ ผลรวมของความเชื่อ ความกลัว และประสบการณ์ที่ฝังลึกอยู่ในใจ และเราได้ทำการรวบรวมสาเหตุหลัก ๆ ของ Self-sabotage มาให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันแล้ว มีอะไรบ้าง มาเช็กลิสต์ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ
- ความเชื่อที่จำกัดตัวเอง ( Limiting beliefs )
หลายครั้งเราโตมากับประโยคที่ฝังใจ เช่น เธอไม่เก่งพอหรอก หรืออย่าฝันให้ไกลเกินไปเลย สิ่งเหล่านี้ กลายเป็นเสียงสะท้อนที่เราพกติดตัว และคอยบอกเราลึก ๆ ว่า “ เราทำไม่ได้หรอก ” ทำให้เราลังเล ไม่กล้าลงมือ หรือบางทีก็จงใจพาตัวเองล้มเหลว เพื่อยืนยันความเชื่อนั้นซะเอง
- ความกลัวความล้มเหลว ( Fear of failure )
บางคนกลัวความผิดพลาดจนไม่กล้าเริ่ม พอใกล้จะสำเร็จกลับถอยหลัง เช่น อ่านหนังสือเตรียมสอบ แต่ไม่กล้าเข้าสอบจริง หรือกำลังมีความสัมพันธ์ดี ๆ แต่กลับตีตัวออกห่าง เพราะกลัวความผิดหวัง ความกลัวนี้ ทำให้เราเลือกทำลายโอกาสตั้งแต่ต้น แทนที่จะลองเสี่ยงดูสักครั้ง
- ความกลัวความสำเร็จ ( Fear of success )
แปลกแต่จริง บางครั้งเราไม่ได้กลัวล้ม แต่กลัวว่า ถ้าสำเร็จแล้วเราจะรักษามันไว้ไม่ได้ หรือกลัวว่า จะถูกคาดหวังมากขึ้นจากบางสิ่ง ที่เราทำสำเร็จไปแล้ว จึงเลือก “ ถอย ” ทั้งที่อยู่ตรงประตูความสำเร็จแล้วแท้ ๆ
- บาดแผลในอดีต ( Past experiences )
ประสบการณ์ไม่ดีที่เคยเจอ เช่น การถูกปฏิเสธ ถูกมองข้าม หรือถูกตำหนิอย่างรุนแรง อาจกลายเป็นเงาที่หลอกหลอน เมื่อสถานการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นอีกครั้ง เราก็เลือกจะทำพังเอง เพื่อไม่ต้องเผชิญความเจ็บปวดซ้ำอีก
- ความรู้สึกว่า ตัวเองไม่คู่ควร ( Low self-worth )
บางครั้งเราไม่เชื่อว่าเราดีพอสำหรับงานที่ดี ความรักที่ดี หรือชีวิตที่ดี ๆ เมื่อมีสิ่งเหล่านี้เข้ามา เรากลับผลักมันออกไป หรือทำลายด้วยน้ำมือของเราเอง เหมือนบอกกับตัวเองว่า “ สิ่งนี้ไม่ใช่ของฉัน ”

ชวนเช็กตัวเอง เราเข้าข่าย Self-sabotage หรือเปล่า ?
อย่าคิดอะไรมาก เอาเป็นว่า มาลองเช็กตัวเองกับหน่อยมั้ย จะได้รู้ไงว่า เราเข้าข่าย Self-sabotage รึเปล่า ที่ว่า ชวนเช็กตัวเอง จริง ๆ แล้วมันเหมือนกระจกที่เราเอามาส่องใจตัวเอง เพื่อดูว่า พฤติกรรม หรือความคิดบางอย่าง ที่เราทำอยู่ทุกวันนั้น แท้จริงแล้วมันคือ Self-sabotage หรือเปล่า เพราะหลายครั้ง มันมาแบบแนบเนียน จนเราไม่รู้ตัวว่า กำลังทำร้ายโอกาส และความสุขของตัวเองอยู่ ฉะนั้นมาลองดูไปพร้อม ๆ กับ
พฤติกรรมนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเราอยากล้มเหลว แต่ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจาก
- ความรู้สึกไม่คู่ควร : ไม่เชื่อว่าตัวเองคู่ควรกับความสำเร็จหรือความรักที่ได้รับ
- ความกลัว : กลัวความสำเร็จ, กลัวการถูกตัดสิน, หรือกลัวความผิดหวัง
สัญญาณที่บอกว่าคุณกำลังทำ Self-sabotage
- ผัดวันประกันพรุ่ง ( Procrastination ) : เลื่อนงานสำคัญ หรือเป้าหมายที่ตั้งไว้ไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายงานไม่สำเร็จ
- มองหาข้อผิดพลาดอยู่ตลอดเวลา : เมื่อมีคนชื่นชม หรือมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น มักจะมองหาจุดที่ผิดพลาด หรือบอกตัวเองว่าสิ่งนี้มัน " ไม่จริง " หรือ " ไม่นานก็จบ "
- สร้างปัญหาในความสัมพันธ์ : ชอบสร้างความขัดแย้ง หรือผลักไสคนที่รัก และดีกับเราออกไป
- ตั้งเป้าหมายที่ไม่มีทางเป็นจริง : ตั้งเป้าหมายที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง เพื่อที่จะมีข้ออ้างให้กับความล้มเหลว เมื่อมันไม่ประสบความสำเร็จ
- เสพติดการทำงาน ( Workaholism ) : ทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน หรือดูแลตัวเอง ซึ่งนำไปสู่การหมดไฟ และล้มเหลวในที่สุด
- การเลือกทำสิ่งที่เป็นอันตราย : หันไปพึ่งพาสิ่งเสพติด, แอลกอฮอล์ หรือการกินอาหารแบบไม่ควบคุม เพื่อหลีกหนีจากปัญหาแทนที่จะเผชิญหน้า
🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀
ชวนเช็กตัวเองแบบง่าย ๆ เรากำลังทำลายตัวเองอยู่รึเปล่า
มาลองเช็กลิสต์กันหน่อย ดูกันว่า เราเข้าข่าย Self-sabotage มั้ย ซึ่งเราได้รวบรวมคำถามสั้น ๆ ตอบแค่ ใช่ / ไม่ใช่ ก็พอค่ะ วิธีเล่นง่ายมาก ซื่อสัตย์ กับตัวเองเท่านั้นพอ แยกออกเป็นหมวดนะ การงาน ความรัก และความคิด ความรู้สึกส่วนตัวของตัวเอง พร้อมมั้ย ถ้าพร้อมแล้ว งั้นเรามาลองเช็กลิสต์ดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ
✴️ เช็กในเรื่องการใช้ชีวิต และการทำงาน
- เวลามีโอกาสดี ๆ เข้ามา เช่น งานใหม่หรือโปรเจกต์ที่น่าสนใจ เรามักหาข้ออ้างเลี่ยงมันหรือไม่ ?
- เราเคยตั้งเป้าหมายไว้ แต่สุดท้ายผัดวันประกันพรุ่ง จนไม่ได้เริ่มจริง ๆ หรือเปล่า ?
- พอใกล้ถึงความสำเร็จ เรากลับทำอะไรบางอย่างให้มันพังลง เช่น ล่าช้า ไม่ส่งงาน ปล่อยให้โอกาสหลุดไป ?
✴️ เช็กในเรื่องความรัก และความสัมพันธ์
- เราเคยผลักคนที่รักเราออกไป ทั้งที่จริง ๆ ก็อยากให้เขาอยู่ใกล้ ๆ หรือเปล่า?
- เวลาความสัมพันธ์กำลังไปได้ดี เรากลับเริ่มหาเรื่องทะเลาะ หรือตั้งกำแพงใส่เขาไหม?
- เรามีความเชื่อในใจว่า “ เราไม่คู่ควรกับความรักดี ๆ ” อยู่บ้างหรือเปล่า?
✴️ เช็กในเรื่องความคิด และความรู้สึกต่อตัวเอง
- ในใจเรามักมีเสียงบอกตัวเองว่า “ ฉันไม่เก่งพอ / ฉันทำไม่ได้ ” บ่อย ๆ ไหม?
- เวลาเริ่มทำสิ่งใหม่ เรามักจินตนาการถึงความล้มเหลว มากกว่าความสำเร็จหรือเปล่า ?
- เราเคยปฏิเสธความสุขง่าย ๆ ของตัวเอง เช่น การพักผ่อน การให้รางวัลเล็ก ๆ กับชีวิต เพราะรู้สึกว่า “ ไม่สมควร ” ไหม ?
ถ้าคำตอบส่วนใหญ่ของเราคือ “ ใช่ ” ก็อาจเป็นสัญญาณว่า เรากำลังอยู่ในวงจร Self-sabotage แบบไม่รู้ตัว แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ เพราะการรู้ตัวคือ ก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนแปลงค่ะ

Self-sabotage ในด้านการพัฒนาตัวเอง
หลาย ๆ คนพออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็อาจจะพอรู้แล้วว่า มันคืออะไร มาดูกันที่หมวดแรก เมื่อ self-sabotage แทรกในการพัฒนาตัวเอง มันเป็นยังไง นี่คือ พฤติกรรมที่เราขัดขวางการเรียนรู้ และการเติบโตของตัวเอง โดยที่เราอาจจะรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ตาม แม้จะตั้งเป้าหมายไว้แล้ว แต่เราก็มักจะหาทางทำลายโอกาสนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า สัญญาณที่บ่งบอกว่า เรากำลัง Self-sabotage ในด้านการพัฒนาตัวเอง มีอะไรบ้าง เรารวมมาให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันแล้วค่ะ
รูปแบบของ Self-sabotage ในการพัฒนาตัวเอง
- ผัดวันประกันพรุ่ง : เลื่อนการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ออกไปเรื่อย ๆ เช่น เลื่อนการสมัครเรียนคอร์สออนไลน์, เลื่อนการเริ่มอ่านหนังสือ, หรือเลื่อนการฝึกทักษะใหม่ ๆ จนสุดท้ายก็ไม่ได้เริ่มทำ
- สร้างเป้าหมายที่สูงเกินจริง : ตั้งเป้าหมายที่ไม่มีทางเป็นไปได้ เช่น ฉันจะอ่านหนังสือให้จบ 10 เล่มในสัปดาห์นี้ ซึ่งเมื่อทำไม่ได้ ก็จะรู้สึกท้อแท้ และล้มเลิกไปในที่สุด
- เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น : มัวแต่มองว่า คนอื่นไปถึงไหนแล้ว และรู้สึกว่า ตัวเองด้อยกว่า ซึ่งทำให้หมดกำลังใจที่จะพัฒนาตัวเองต่อ
- ปฏิเสธโอกาส : เมื่อมีโอกาสดี ๆ เข้ามา เช่น การได้เลื่อนตำแหน่ง, การได้ทำโปรเจกต์ใหม่ ๆ หรือการได้ไปเรียนต่อ ก็มักจะหาข้ออ้าง เพื่อปฏิเสธโอกาสนั้นไป
- ขาดความสม่ำเสมอ : เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ ด้วยความตื่นเต้น แต่ทำได้ไม่นานก็เลิกทำ เพราะขาดวินัย และปล่อยให้ตัวเองกลับไปสู่พฤติกรรมเดิม ๆ
ทำไมเราถึงทำร้ายตัวเองในเรื่องการพัฒนาตัวเอง ?
- ความกลัวความสำเร็จ : การประสบความสำเร็จอาจมาพร้อมกับความคาดหวังที่สูงขึ้น ความรับผิดชอบที่มากขึ้น หรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ซึ่งความกลัวเหล่านี้ ทำให้เราเลือกที่จะอยู่กับที่ หรือทำลายโอกาสดี ๆ ที่เข้ามา
- ความสมบูรณ์แบบ ( Perfectionism ) : เราอาจตั้งมาตรฐานไว้สูงเกินไป จนไม่มีทางทำให้สำเร็จได้ เมื่อทำไม่ได้ตามที่คาดหวัง ก็จะรู้สึกท้อแท้ และล้มเลิกไปในที่สุด แทนที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด และพัฒนาต่อไป
- ประสบการณ์ในอดีต : หากเราเคยผิดหวัง หรือล้มเหลวอย่างรุนแรงในอดีต เราอาจจะเลือกที่จะไม่พยายามอีก เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดซ้ำรอยเดิม
Self-sabotage ในด้านความรัก
ความรักเป็นเรื่องสวยงาม แต่ก็เปราะบางในเวลาเดียวกัน หลายครั้งที่ความสัมพันธ์ไม่ได้ล้มเหลว เพราะอีกฝ่ายทำผิดพลาด แต่เพราะเราเองนี่แหละ ที่ “ เผลอทำลาย ” โดยไม่รู้ตัว Self-sabotage ในด้านความรัก คือพฤติกรรมที่เราทำลายความสัมพันธ์ หรือโอกาสที่จะมีความรักที่ดี โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวว่า กำลังทำสิ่งนั้นอยู่ แม้จะปรารถนาที่จะมีความรักที่มั่นคง และมีความสุขก็ตาม วันนี้เราจะชวนเพื่อน ๆ มาลองเช็กกันดูว่า เมื่อ self-sabotage แทรกในความรัก มันเป็นยังไง
รูปแบบของ Self-sabotage ในความรัก
- ผลักไสคนที่รักออกไป : เมื่อความสัมพันธ์กำลังไปได้ดี เรากลับสร้างปัญหา หรือความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้เกิดช่องว่าง หรือทำให้ความสัมพันธ์จบลง เพราะอาจจะกลัวการผูกพัน หรือกลัวความผิดหวัง
- มองหาข้อผิดพลาดอยู่เสมอ : แทนที่จะโฟกัสกับข้อดีของคู่รัก เรากลับมองหา แต่ข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อหาเหตุผลในการเลิกรา
- สร้างกำแพง : ปิดกั้นตัวเองไม่ให้เข้าถึงความรักอย่างแท้จริง ไม่เปิดใจพูดคุยความรู้สึกที่แท้จริง หรือไม่ยอมให้ใครเข้ามาในชีวิตลึก ๆ เพราะกลัวที่จะถูกทำร้าย
- เปรียบเทียบความสัมพันธ์กับอดีต : ยึดติดกับความรักในอดีต และนำมาเปรียบเทียบกับความสัมพันธ์ปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถมีความสุขกับสิ่งที่กำลังมีอยู่ได้
- เลือกคนที่รู้ว่าไม่ใช่ : เลือกที่จะคบกับคนที่รู้ว่า ไม่สามารถเข้ากันได้ หรือเลือกคนที่ไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์ที่จริงจัง เพื่อจะได้มีข้ออ้างในการจบความสัมพันธ์ตั้งแต่ต้น
ทำไมเราถึงทำร้ายตัวเองในเรื่องความรัก ?
พฤติกรรมนี้มักมีรากฐานมาจากความกลัวที่ซ่อนอยู่ภายใน เช่น
- ความกลัวการถูกทอดทิ้ง : กลัวว่า วันหนึ่งจะถูกทิ้ง เลยเลือกที่จะทิ้งเขาก่อน
- ความรู้สึกไม่คู่ควร : ไม่เชื่อว่า ตัวเองคู่ควรกับความรักที่ดี เลยคิดว่ามันจะต้องพังในที่สุด
- ความกลัวความใกล้ชิด : กลัวการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้ใครสักคนได้เห็น
🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀
ถ้าเป็น Self-sabotage ต้องแก้ไขยังไง ?
เมื่อเรารู้แล้วว่า เรากำลังเป็น Self-sabotage การจะแก้ไขพฤติกรรม Self-sabotage หรือการทำร้ายตัวเองนั้น ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจ และค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และแนวคิดที่ซ่อนอยู่ค่ะ มาดูกันว่า เมื่อเราตกอยู่ในห้วง Self-sabotage เราจะจัดการกับมันยังไงได้บ้าง
- ตระหนักรู้ และยอมรับ : ขั้นแรกที่สำคัญที่สุดคือ การยอมรับว่า เรากำลังมีพฤติกรรมนี้อยู่ ลองสังเกตตัวเองว่า เมื่อไหร่ที่เรามักจะทำร้ายตัวเอง เช่น ในช่วงเวลาที่มีความสุข หรือในตอนที่กำลังจะประสบความสำเร็จ การเข้าใจตัวเองจะช่วยให้เราหยุดพฤติกรรมนั้นได้
- สำรวจความคิด และความรู้สึก : ลองหาต้นตอของปัญหาว่า อะไรคือสาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้เราทำร้ายตัวเอง เช่น ความรู้สึกไม่คู่ควร, ความกลัวความล้มเหลว หรือความกลัวความสำเร็จ การเขียนบันทึกประจำวัน จะช่วยให้เราได้สำรวจความคิด และอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นระบบ
- ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำได้จริง : แทนที่จะตั้งเป้าหมายใหญ่ ๆ ที่อาจจะทำให้เราท้อแท้ ให้เริ่มจากเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำได้ง่าย และเห็นผลจริงก่อน เมื่อทำสำเร็จทีละขั้น จะช่วยสร้างความมั่นใจ และพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นว่า เราทำได้
- ฝึกให้อภัยตัวเอง : ทุกคนเคยทำผิดพลาด การยอมรับ และให้อภัยตัวเองในอดีต จะช่วยให้เราหลุดจากวงจรการลงโทษตัวเองได้ในที่สุด
- เปลี่ยนความคิดด้านลบ : เมื่อมีความคิดด้านลบเข้ามาในหัว เช่น " ฉันไม่มีวันทำสำเร็จ " ให้ลองเปลี่ยนเป็นความคิดที่ให้กำลังใจแทน เช่น " ฉันอาจจะยังทำได้ไม่ดีพอ แต่ฉันจะเรียนรู้จากมัน " จงจำไว้ว่า ความคิดของเรานั้น มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความรู้สึก และการกระทำหลาย ๆ อย่าง ถ้าเราเลือกที่จะคิดแต่เรื่องแย่ ๆ เราก็ไม่อาจหลุดพ้นได้ เพราะฉะนั้นลองค่อย ๆ คิดในแง่ที่บวกขึ้น อย่าพยายามตั้งข้อสงสัย หรืออคติกับตัวเองมากเกินไป เท่านี้ก็ช่วยได้เยอะแล้ว
- หาที่ปรึกษา : หากพฤติกรรมนี้รุนแรง และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การปรึกษานักจิตวิทยาจะช่วยให้เราเข้าใจสาเหตุที่ซ่อนอยู่ และหาวิธีจัดการได้อย่างเหมาะสม
การแก้ไขพฤติกรรมนี้ ต้องใช้เวลา และความอดทน การก้าวเล็ก ๆ ในแต่ละวัน จะช่วยให้เราค่อย ๆ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเอง และเดินหน้าสู่ชีวิตที่ต้องการได้ค่ะ

Self-sabotage ไม่ได้หมายความว่า เราตั้งใจทำลายตัวเอง แต่มันคือ พฤติกรรมที่เกิดจากความไม่มั่นใจ กลัวล้มเหลว หรือกลัวไม่สมบูรณ์แบบจนไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ผลคือ ชีวิตติดอยู่กับที่ และพลาดโอกาสสำคัญ การแก้ไขเริ่มจากการสังเกตตัวเองว่า เรามีพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่ เช่น ชอบผัดงาน ยกเลิกแผนบ่อย ๆ หรือไม่ยอมรับคำชื่นชม เมื่อรู้ตัวแล้ว ลองปรับทีละนิด ให้โอกาสตัวเองได้ลอง ได้พลาด และได้เรียนรู้ เพราะบางครั้งความก้าวหน้ามาเริ่มจากการยอมรับว่า เราไม่ต้องสมบูรณ์แบบ ก็มีความสุขได้
สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย
ขอขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ : freepik และข้อมูลจากเว็บไซต์ : ทำไมเราถึงเหลือเชื่อกับตัวเอง? กดเบรกหายนะก่อนระเบิดตัวเองไปพร้อมกับคนอื่น / การทำร้ายร่างกายตัวเอง (self-injury) ที่ไม่ใช่แค่การกดดัน ตำหนิตัวเอง / ใครจะสู้ก็สู้ไป ฉันจะนอน! รับมืออย่างไรในวันที่ใจ อยากยอมแพ้กับทุกอย่าง?
🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀🌀
บทความแนะนำเพิ่มเติม

พอดแแคสต์ พัฒนาตัวเอง ปี 2025 เป็นตัวเราในแบบที่ดีขึ้น | บทความของ MintPiyada | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/recommended-self-improvement-podcasts-94740

ไม่เซลฟ์แคร์แล้วใครจะแคร์! รวม 10 เช็กลิสต์ Self Care ดูแลและพัฒนาตัวเองง่ายๆ ทำได้ในทุกวัน ❤ | บทความของ Ppom | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%259F%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%258C-%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A1-10-%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%258A%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%258C-Self-Care-%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B9%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2592%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2586-%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2589%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599--id=93625

Masculine Energy ใช่เราไหม ? เอเนอร์จี้สาวแกร่งพลังชาย อ่อนไหวไม่เป็น | บทความของ pumxpurin | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/what-is-masculine-energy-213656

พลังของคำพูดในที่ทำงาน สำคัญแค่ไหน? แล้วมีประโยคไหนที่ไม่ควรพูดบ้าง? | บทความของ pumxpurin | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/202789

คู่ชีวิตกับแฟน สังเกตไหมต่างกันยังไง ? เลือกแบบไหนให้ไม่ตั้งความหวังมากเกินไป ? | บทความของ ManooFK | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B9%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%2599-%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2587-%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2589%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%259B--id=96993