1. SistaCafe
  2. Higher Self ตัวตนในมิติที่สูงกว่าคืออะไร ? เป็นตัวเราใน Best Version !

เราเป็นคนแบบไหน ดี หรือ ไม่ดียังไง ? ‘ตัวเรา’ เองนี่แหละ ที่จะเข้าใจได้มากที่สุด แต่ถ้าพูดถึงอนาคตนั้น ไม่มีใครรู้ได้เลยว่า ตัวตนของเรามันจะเปลี่ยนไปจากเดิมได้มากแค่ไหนกัน ใครมันจะไปรู้ล่ะ จริงมั้ย ว่าอนาคตนั้น เราจะเดินทางไปในทิศทางไหน แต่ถ้ามีสิ่งที่ทำให้เราสามารถพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้ล่ะ อีกทั้งยังช่วยให้เรารู้จักกับตัวเองที่สูงขึ้น จนเป็นคนที่ดีพอ ที่เราต้องการ มันจะดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ไหม เพราะงั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับ Higher Self ผ่านบทความนี้กัน มันคืออะไร แล้วมันจะช่วยให้เรากลายเป็นคนที่ดีขึ้นยังไง วันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันดีกว่าค่ะ


Higher Selfคืออะไร ?

Higher Self คือ ตัวตนที่สูงขึ้น หรือตัวตนของเราในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด (The Best of Me) ซึ่ง Higher Self เป็นความเชื่อโบราณที่เชื่อมโยงเรากับจักรวาล ที่จะพาคุณไปสู่การพัฒนาตนเองอย่างลึกซึ้ง หากพูดในมุมวิชาการนิดนึง Higher self คือ ตัวตนทางจิตวิญญาณที่มีความรู้จากจักรวาล และเฝ้ามองเราอยู่ตลอดเวลา บางคนเรียกสิ่งนี้ว่า Spiritual guide หรือเทวดาประจำตัว นั่นเอง

ว่ากันว่า การเข้าถึง Higher self จะช่วยให้คุณเห็นแจ้งในสถานการณ์ต่าง ๆ และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ โดยไม่ต้องหาความรู้จากภายนอก เพราะเมื่อไรที่เราสามารถทำการเชื่อมโยงกับเขาได้แล้วนั้น เราก็จะสามารถที่จะขอคำแนะนำ หรือคำตอบสำหรับการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันได้ ผ่านวิธีง่าย ๆ เช่น การพูดคุยกับตัวเองผ่านการนั่งสมาธิ หรือเป็นการตั้งจิตกับเขาผ่านการพูดคุยในใจ เป็นต้น ซึ่งคำตอบที่จะได้รับนั้นมักจะมาในรูปแบบของข้อความ เสียงเพลง หรือความคิดที่เข้ามาในหัว โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ได้คิดเอาเอง คำตอบที่ได้รับคือ คำแนะนำที่ส่งตรงมาเพื่อสะท้อนความรู้สึกลึก ๆ ภายในจิตใจของเราจริง ๆ ซึ่งก็ถูกนำมาถ่ายทอดจากตัวตนที่สูงขึ้นของเรานั่นเองค่ะ


👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑


การรู้จักตัวตนที่สูงกว่า ทำเพื่ออะไร ?

เราเป็นคนนึง ที่ขอตั้งคำถามหน่อยว่า ทำไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร ทำไมเราจะต้องรู้จักตัวเองในเวอร์ชั่นนี้ด้วย ใครที่กำลังตั้งคำถามแบบนี้อยู่ วันนี้เราหาคำตอบมาให้เพื่อน ๆ แล้วค่ะ

เชื่อกันว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเชื่อมต่อตัวเรากับ Higher Self ได้ เราจะเกิดความรู้สึกเบา โล่ง โปร่ง สบาย และเต็มไปด้วยพลังงานบวก ไม่ค่อยตัดสิน หรือแบ่งแยกสิ่งใด เข้าใจอะไร ๆ มากขึ้น โดยไม่ยึดติดกับคำว่า Ego มองเห็นอะไรต่อมิอะไรได้กว้างขึ้น และกล้าที่จะเปิดรับสิ่งต่าง ๆ ได้เยอะขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้เราเข้าถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่ไรเงื่อนไขใด ๆ ต่อผู้คน และสรรพสิ่ง พร้อมสนุกไปกับชีวิต รวมถึงเห็นคุณค่าตัวเองในแบบที่ควรจะเป็น ซึ่งมันดีมาก ๆ ในหลาย ๆ ด้านเลยค่ะ ในทางกลับกันแล้ว หากเราติดอยู่ในภาวะที่ติดลบ หรือ Low - Self Esteem คือ ไม่เห็นคุณค่าในตัวเองเลย เราก็จะมองหาแต่ข้อเสีย และปัญหามากมายที่เกิดขึ้นในชีวิต ความตั้งใจที่จะโฟกัสมีแต่พลังงานที่ส่งผลลบเท่านั้น เพราะงั้นเราควรเรียกรู้ที่จะปล่อยวางพลังงานลบ ๆ ออกไปจากชีวิต และเรียนรู้การดูดซับพลังงานบวกบ้าง เพื่อชีวิตที่มีความสุขมากยิ่งขึ้น



แบบไหนที่เรียกว่า พลังงานด้านลบ ?

เมื่อกี้เราพูดถึงคำว่า Low - Self Esteem คำนี้คือ ภาวะการเห็นคุณค่าในตนเองต่ำ การที่เราจะรู้สึกแบบนี้ได้ นั่นอาจเป็นผลมาจากพลังงานด้านลบรึเปล่า เพราะงั้นขอมาขยายความกันหน่อย พลังงานด้านลบ คืออะไร ก็คือ พลังงานที่ทำให้เรา และจิตใจของเราเกิดความไม่สงบสุข ไม่มีความสุข เช่น ความกลัว ความเครียด ความเศร้า ความอิจฉา ความโกรธ และความรู้สึกว่า ตัวเองนั้นเป็นเหยื่อ เป็นต้น ทั้งหมดนี้จัดอยู่ในพลังงานคลื่นความถี่ต่ำทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก ที่มนุษย์อย่างเราจะมี และปล่อยพลังงานเหล่านี้ออกมา ผ่านทางความคิด และความรู้สึกของเราเป็นหลัก เพราะงั้นจำเอาไว้เลยนะ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเลือกจะปล่อยพลังงานแบบใดออกไป จะดี หรือไม่ดีก็ตาม เราก็จะได้รับพลังงานแบบเดียวกันกลับมา ฉันใดก็ฉันนั้นค่ะ


👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑


เมื่อเราเข้าไปในมิติตัวตนที่สูงกว่า จะเป็นยังไง ?

พลังงานของ Higher Self เป็นคลื่นความถี่สูงใกล้เคียงกับพลังงานของจักรวาลต้นกำเนิด เพราะงั้นมันจึงเต็มไปด้วยพลังงานแห่งความรัก ความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง เมตตา สนุกสนาน และสงบสุข รวมไปถึงการเต็มไปด้วยพื้นที่แห่งความสว่าง เพราะงั้นถ้าถามว่า เมื่อเราเข้าไปในมิตินี้แล้ว มันจะทำให้เรารู้สึกสูงกว่าที่เป็นอยู่ยังไง ตอบแบบเข้าใจง่าย ๆ เลยค่ะ เราจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น และมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากกว่าที่เป็นอยู่นั่นเองค่ะ

ตัวเราในมิตินี้ สามารถดึงดูดพลังงานด้านดีเข้ามาหาตัวเราทางกายภาพได้ด้วย รู้มั้ยว่า มนุษย์เรานั้นจะมี Free Will หรือ อิสระทางเลือก เราสามารถที่จะเลือกเส้นทาง หรือความต้องการของชีวิตได้ ขึ้นอยู่กับว่า เราต้องการที่จะเลือกสิ่งใดเข้ามาในชีวิตของตัวเราเอง ดั่งคำพูดที่ว่า ชีวิตนี้เป็นของเรา เราสามารถกำหนดเส้นทางของตัวเองได้ ว่าจะเลือกไปในทิศทางไหน สุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง ก็เป็นเรื่องของดวง และโชคชะตาแล้วล่ะ ยังคงเป็นคำพูดที่ใช้ได้เสมอ ไม่ใช่แค่เราที่เลือกเองได้ แต่ต้องบวกดวง และโชคตาเข้าไปด้วย

แต่รู้มั้ยว่า เปอร์เซนต์ของดวง หรือโชคนั้น ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น การตัดสินใจเลือกบางสิ่งด้วยตัวเองต่างหากที่มีเปอร์เซนต์มากกว่า แต่คนเราก็กลับหลงลืมมันไป กลับยกให้เรื่องของดวงนำทาง แทนที่จะเลือกเส้นทางด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นจงอย่าลืมไปว่า ตัวเราเองก็สำคัญ การตัดสินใจ การเปิดรับ และการเลือกบางสิ่งบางอย่าง ล้วนเป็นตัวเราเองทั้งนั้นที่จะต้องตัดสินใจ สิ่งนี้มากพอที่จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเราเอง และยังมากพอที่จะส่งผลต่อคนรอบข้างได้ด้วยนะ เพราะงั้นก่อนที่จะเชื่อในเรื่องของโชค เชื่อตัวเองก่อนจะดีกว่าค่ะ


ทริคหา Higher Self ของตัวเอง

หลาย ๆ คนอาจจะกำลังตั้งคำถามว่า แล้วเราจะหา Higher Self ของตัวเองเจอได้ยังไง หาจากที่ไหน คำตอบง่าย ๆ เลยคือ ไม่ต้องหาจากใคร เพราะ Higher Self อยู่ที่ตัวของเราเองอยู่แล้ว วิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้เราเชื่อมต่อกับ Higher Self ได้ เราหยิบมาแชร์แล้วค่ะ

การเชื่อมต่อกับ Higher Self มักเกี่ยวข้องกับการทำสมาธิ การฟังเสียงภายใน การใช้ชีวิตอย่างมีสติ และการมองเห็นความเชื่อมโยงของทุกสรรพสิ่งในชีวิต

วิธีฝึกเชื่อมต่อกับ Higher Self

  • ฝึกสติ และฝึกสมาธิ : นั่งเงียบ ๆ และฟังเสียงข้างในของตัวเอง นั่งสมาธิทุกวัน วันละ 15 นาที
  • จดบันทึก ( Journaling ) : แนะนำให้ตั้งคำถาม ถามตอบกับตัวเองดู เช่น ฉันต้องการอะไร ฉันอยากทำอะไร อยากได้สิ่งใด เป็นต้น
  • ฝึกความรัก และเมตตาต่อตัวเอง : หยุดวิจารณ์ตัวเอง และหันกลับมารัก และยอมรับตัวเองอย่างที่เป็น
  • เชื่อมต่อกับธรรมชาติ : ใช้เวลาในที่เงียบสงบ เพื่อสะท้อนความคิดของตัวเอง อาจจะไปเที่ยงเชิงธรรมชาติ หรือลองใช้ชีวิตเงียบ ๆ กับตัวเองดูสักครั้ง
  • ฝึกปล่อยวาง : ลดความกลัว ความกังวล และความยึดติดกับสิ่งต่าง ๆ ให้ตัวเองได้รู้สึกผ่อนหนักให้เป็นเบา และเรียนรู้ที่จะปล่อยวางบางสิ่ง ที่หนักเกินไปดูบ้าง


รู้ได้ยังไงว่า เราเชื่อมต่อกับ Higher Self แล้ว ?

อะไรคือสิ่งที่จะทำให้เราได้รู้ว่า นี่แหละ ! เราได้เชื่อมต่อกับ Higher Self กับตัวเองแล้ว วันนี้เรามีสัญญาณที่บ่งบอกว่า เพื่อน ๆ ได้ทำการเชื่อมต่อกับ Higher Self แล้ว มาให้ดู จะมีสัญญาณอะไรบ้าง ไปลองเช็กลิสต์ดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ

  • ถ้าคุณเคยเงียบ แล้วอยู่ก็มีบางอย่างในใจพูดขึ้นมาเบา ๆ ไม่ใช่อารมณ์ ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า ความรู้สึกนึกรู้ นั่นแหละคือ Higher Self กำลังสื่อสารกับเราอยู่ เช่น ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันต้องทำแบบนี้ แต่ฉันรู้แค่ว่า มันใช่ นั่นคือ Higher Self กำลังนำทางตัวเราอยู่
  • ถ้าเรารู้สึกอยากให้อภัยใครบางคน โดยไม่ต้องการคำขอโทษ ไม่มีเหตุผล หรือรู้สึกผูกพันใด ๆ นั่นคือ คุณกำลังเชื่อมต่อกับเวอร์ชันสูงกว่างเวอร์ชั่นเดิมของตัวเอง
  • พูดช้า ๆ แต่ทรงพลังกับ Higher Self สม่ำเสมอ Higher Self ไม่ได้พูดเสียงดัง แต่เป็นการสื่อสารกับความนิ่ง และความรู้สึกที่ว่า ฉันไม่จำเป็นต้องฝืนอะไรอีกแล้ว
  • คุณรู้ว่า เป้าหมายของคุณคืออะไรบนโลกนี้ คุณรู้ว่า คุณมาที่นี่เพื่อทำอะไร และต้องการอะไร
  • จิตใจ และร่างกายคุณบางเบา อยู่ ๆ ก็รู้สึกถึงชีวิตชีวา ที่รู้สึกถึงแรงจูงใจ แรงบันดาลใจ และความกระปี้กระเปร่า รู้สึกได้ถึงพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยม
  • รู้สึกพอใจกับตัวเอง คุณจะรู้สึกพอใจกับความเป็นตัวเอง รู้สึกขอบคุณ และซาบซึ้งต่อเหตุการณ์และผู้คน
  • คุณสามารถจัดการ และยอมรับต่ออารมณ์ของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์แบบไหน ทั้งเกิดจากตัวเอง หรือคนรอบข้าง เราก็จะสามารถยอมรับ จัดการ และปล่อยวางได้
  • ไม่ต้องการอยากจะเอาชนะอีกต่อไป รู้สึกเคารพผู้อื่นมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็เคารพตัวเองมากด้วยเช่นกัน
  • ไม่เป็นเหยื่ออีกต่อไป ไม่โทษตัวเอง แต่จะมีเหตุผลในการดำเนินชีวิตมากขึ้น จะรู้ว่า เหตุคืออะไร ผลถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ จะไม่โยนความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับตัวเองเพียงฝ่ายเดียว
  • รู้สึกถึงการเชื่อมโยงของสรรพสิ่ง ทั้งหมดล้วนส่งผลกระทบต่อกัน ฟ้า ดิน คน สรรพสิ่ง เป็นหนึ่ง
  • สามารถใช้พลังในการบำบัดตนเอง รู้จักสร้างสมดุลให้กับตัวเอง ปลดปล่อยพลังงานลบ ๆ และรู้จักดูดซับพลังงานบวก เรียนรู้ที่จะปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ยึดติด
  • ไม่มีคำว่า Ego ไม่ยึดติดกับคำว่า โดดเด่น อีโก้ไม่มี โยนทิ้งไปได้โดยไม่สนใจ
  • รักตัวเองมากขึ้น ไม่ให้ค่ากับสิ่งที่คนอื่นตัดสินเรา ไม่ยึดติดกับสิ่งที่คนอื่นอยากให้เป็น เล็งเห็นคุณในแบบที่ตัวเองเป็น รักตัวเอง และเคารพตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น
  • ฟังเสียง และให้หัวใจนำทาง หันกลับมารับฟังตัวเองมายิ่งขึ้น ฟังเสียงตัวเอง และใช้หัวใจของตัวเองในการนำทางมากขึ้น
  • ไม่มีความกลัวอีกต่อไป กล้างที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการมากขึ้น กล้าที่จะมีเป้าหมาย และกล้าที่จะเผชิญหน้ามากขึ้น ลดความกังวล และความกลัวที่มีลง
  • ไม่รู้สึกยึดติด รู้จักปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ มากกว่าที่จะยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่งเอาไว้ตลอดกาล
  • พร้อมปล่อยพลังงานบวก และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข รู้จักปลดปล่อย และรับพลังงานบวกมากขึ้น อยากมอบความรัก ความหวังดี ความเมตตาด้วยใจที่บริสุทธิ์ต่อคน หรือสรรพสัตว์


ว่าด้วย Higher Self กับมิติที่สามจากภายใน

ดวงจิตของเราหรือ Soul มีการแบ่งพลังงานเอาไว้ไม่ได้ตัดขาด หรือแยกออกจากกันโดยตรง ยังคงมีความเชื่อโยงกันอยู่ แต่เพียงเป็นคนละระดับพลังงานเท่านั้น เช่นเดียวกับดวงจิตของเราในมิติที่ 3 กับ higher self มิติที่สูงกว่า เราสามารถที่จะเชื่อมต่อกันได้ แค่อยู่คนละพลังงานคลื่นความถี่ เป็นต้น

นอกจากกายเนื้อที่เป็นมิติที่ 3 ที่เราอยู่แล้ว ยังมีกายทิพย์ กายแสง หรือไร้ซึ่งรูปกาย ไร้ซึ่งรูปแบบอยู่เต็มทั่วทั้งจักรวาล พลังงานเหล่านี้ จัดอยู่ในระดับพลังงานที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ยิ่งเราพยายามที่จะเชื่อมกับตัวตนที่สูงกว่าของเรา ที่อยู่ในระดับพลังงานที่สูงกว่ามิติที่ 3 ในตอนนี้ เราก็จะยิ่งเข้าใกล้กับดวงจิตดั้งเดิม (Real Soul) ที่มีคลื่นความถี่เดียวกันกับพลังงานต้นกำเนิดของจักรวาล โดยดวงจิตดั้งเดิมนั้น มีต้นกำเนิดมาจากพลังงานต้นกำเนิดที่เรียกว่า Sorce หรือจักรวาล เป็นดวงจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ อุดมสมบูรณ์ ไม่มีสิ่งอื่นใดเจือปน ดวงจิตนี้จึงมักปรากฎอยู่ในช่วงที่เรายังเป็นทารก หรือเป็นเด็กอยู่บ่อย ๆ เพราะในช่วงนี้ เป็นช่วงที่มีจิตใจที่ใสซื่อ ไร้เดียงสา อ่อนโยน มีความสุขสนุกสนานร่าเริง และเป็นตัวของตัวเอง แต่เมื่อพอเราเติบโตขึ้น ตัวตนที่แท้จริงก็จะค่อย ๆ เลือนหายไป เพราะด้วยสภาพแวดล้อมทางสังคมที่อยู่รอบตัวนั่นเอง


👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑


มิติที่สูงกว่าในทางธรรมะศาสนา

ปรมาตมัน หรือบรมอัตตา เป็นการเข้าถึงธรรมกาย (กายแก้ว หรือกายเพชร) ที่เป็นกายที่แท้จริง และสูงสุดของโลกเรา เป็นกายที่เที่ยงแท้ถาวร เป็นอสังขตธาตุ อสังขตธรรม วิราคธาตุ วิราคธรรม เป็นกายที่ใช้เข้านิพพาน และยังเป็นกายนิจจังที่แท้จริง ซึ่งเหล่านี้นั้นมีคุณสมบัติที่สั่นสะเทือน และสะท้อนแสงได้ หากนำมาใช้ในการทำสมาธิ เมื่อทำสมาธิ ก็จะสามารถเปลี่ยนร่างกายของเราให้เป็นช่องทางแห่งแสงสว่าง และเป็นผู้นำเข้าสู่ศูนย์กลางของกายตนเองได้

สรุปคือ Higher Self กับธรรมะศาสนา มีความคล้ายกัน หลัก ๆ คือ การฝึกสมาธิ สร้างเสริมสติปัญหา โดยใช้การนั่งสมาธิเข้ามาช่วย ให้เราสามารถบรรลุธรรมได้อย่างแท้จริง เมื่อเรามีสติ ปัญญาก็จะบังเกิด การดำเนินชีวิตไปด้วยสติ จะทำให้เรามีความเมตตา เข้าใจ และมองเห็นภาพรวมของชีวิตอย่างชัดเจนมากขึ้นนั่นเองค่ะ


สรุป

Higher Self เป็นอีกหนึ่งตัวตนที่อยู่ภายในของตัวเราเอง อย่างที่บอกเลยว่า ไม่ต้องไปหาที่ใคร เพราะ Higher Self คือ “ตัวเราในเวอร์ชันที่ดีที่สุด” เอาจริง ๆ ไม่ต้องมานั่งสะกดจิตหรอก แค่ทำสมาธิวันละ 15 นาที ก็พอ หรือลองคุยกับตัวเอง ใช้เวลากับตัวเองให้เยอะกว่านี้อีกหน่อย เราก็จะสามารถเข้าใจ และเข้าถึง Higher Self ของตัวเองได้แล้ว ถ้าวันนี้เรายังไม่สามารถเชื่อมต่อกับ Higher Selfของตัวเองได้ ไม่ต้องกังวล สักวันเราจะเชื่อมต่อกับเขาได้เองค่ะ หลักสำคัญคือ จงจำเอาไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเป็นตัวเราเองทั้งนั้นที่เลือก ปัจจุยหลักสำคัญคือ การเชื่อมั่นใจสัญชาตญาณของตัวเอง ไม่ว่าเรื่องนั่นจะดี หรือไม่ อย่าดูถูกตัวเอง ฟังเสียงจากข้างในใจตัวเองเยอะ ๆ หน่อย โอเคมั้ย

สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย

ขอขอบคุณภาพจาก : IG @hyeya_pic / @seoa.jjin / pah-agency.com

ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ : มาเป็น The Best Version ของตัวเองกัน / 20 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณได้ตื่นสู่ตัวตนที่สูงขึ้น( Higher Self) / คุณจะเข้าถึง True self และ Higher self ได้อย่างไร



👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑👑



บทความแนะนำเพิ่มเติม

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1