“ ใช้อย่างไรให้ได้ผล ”เรื่องผิวหน้าปังเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นใคร เมื่อความสวยอยู่ตรงหน้าใครๆ ก็อยากที่จะคว้าเอาไว้กันใช่ไหมล่ะ และหนึ่งในไอเทมที่เริ่มมาเป็นกระแสโด่งดังช่วงนี้สุดๆ เลยคือ ‘เรตินอล’ นั่นเอง เป็นสกินแคร์ที่เหล่าคนดังต่างแนะนำกันต่อสุดๆ เพราะผลลัพธ์ที่ได้รับนั้นได้ผลที่เกินคาด แต่นอกจากนี้ถึงแม้ว่าเรตินอลจะเป็นกระแสแค่ไหน แต่ก็ทำให้มีทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จักกับสกินแคร์ตัวนี้ ฉะนั้นเรามาทำความเข้าใจกับเรตินอล และวิธีใช้อย่างไรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าผลเสียต่อผิวเราไปดูกันเลยว่าการเลือกใช้เรตินอลมีอะไรบ้าง ?

・:・ ⌒♡*:・。 ⌒♥ ✧*:・゚✧

ทำความรู้จักกับ เรตินอล คืออะไร ?

รูปภาพ:

เรตินอลเป็นอนุพันธ์วิตามินเอ ที่สามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์หรือสกินแคร์ที่สามารถลดเลือนริ้วรอยและเรตินอลยังเป็นส่วนหนึ่งในสารประกอบเรตินอยล์ หรือกลุ่ม Anti-Aging ซึ่งเป็นส่วนผสมที่มีงานวิจัยรองรับเป็นจำนวนว่าสามารถลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกจากนั้นยังลดรอยดำจากสิว จุดด่างดำต่างๆ รวมถึงริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดขึ้นตามวัย โดยเฉพาะวัยที่เริ่มเข้าสู่ 30-40 เป็นต้น เพราะสามารถที่จะไปเป็นส่วนช่วยในการทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลง ทั้งไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเร่งการผลัดเซลล์ผิว ส่งผลให้ริ้วรอยค่อยๆ ลดเลือนและเรียบเนียน นอกจากนี้ยังเป็นคำที่ใช้อธิบายอนุพันธ์วิตามินเอต่างๆ อีกด้วย

เรตินอลมีความสำคัญต่อผิวอย่างไร ?

รูปภาพ:

เรตินอลเรียกได้ว่าเป็นสกินแคร์ที่ค่อนข้างมีบทบาทต่อผิว โดยก่อนที่จะไปถึงเรตินอล เรามารู้จักเกี่ยวกับชั้นผิวของเราแบบเบื้องต้นก่อน เมื่อปกติเราอายุมากขึ้นชั้นผิวของเราจะมีการแบ่งตัวช้าและการผลัดเซลล์ผิวเกิดช้าลงตามด้วย โดยปกติการผลัดเซลล์ผิวจะอยู่ที่ประมาณ 28 วัน แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น รอบในการผลัดเซลล์ผิวจะช้าลงไปด้วย  บางคนนั้นถึงกับอยู่ที่ 40-45 วันเลยทีเดียวนอกจากนี้ปัจจัยอื่นที่ทำร้ายผิว Exposome อย่างเช่น รังสี UVA ที่สามารถมีผลทำให้ชั้นผิวบางลงอย่างเห็นได้ชัด และยังมีการทำลายเส้นใยคอลลาเจนในผิวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งปัจจัยภายนอกอื่นๆ เช่น พวกมลภาวะ ฝุ่น PM 2.5 ความเครียดสะสม การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ล้วนทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ที่สามารถทำให้เกิดร่องริ้วรอยร่องลึก อีกทั้งยังผิวดูหมองคล้ำและไม่สดใส ดูแก่กว่าวัยอันควรในที่สุดมีผลวิจัยออกมาอีกว่าเรตินอลนั้นสามารถช่วยรักษา Keratosis Pilaris หรือขนคุด ซึ่งเกิดจากภาวะทางผิวหนังที่เกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขน มักจะพบว่ามีอาการผิวแห้ง เป็นปื้นหยาบ ถ้าเราสัมผัสดูบริเวณที่เป็นขนคุดจะรู้สึกสากๆ มือ โดยอาการเหล่านี้ที่แท้จริงนั้นมาจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วขึ้นแทนที่รูขุมขน จึงทำให้เกิดตุ่มตามผิว แต่มันจะไม่ทำให้คันหรือรู้สึกเจ็บ ซึ่งเรตินอลสามารถลดปัญหาขนคุดได้เช่นกันอีกด้วย

เรตินอลมีประโยชน์อย่างไร ?

รูปภาพ:

- กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่เรตินอลมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ๆ (Cellular Differentiation and Proliferation) หลังจากการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกออก และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นเพื่อเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสและเรียบเนียนกว่าเดิม- ลดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดเลือด

มีผลต่อการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี ที่เป็นสาเหตุของจุดด่างดำ กระ และฝ้า (Melanocyte Funtion Modulation) โดยเป็นการทำร้ายจากแสงแดดและรังสี UV

- ต่อต้านอนุมูลอิสระ

เรตินอลมีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดี จึงมีประโยชน์อย่างมากในการต่อต้านผิวที่ดูมีอายุ

- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

เมื่ออายุมากขึ้นการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติก็ลดน้อยลง เรตินอลสามารถช่วยกระตุ้นการสร้า่งคอลลาเจน ชนิดที่ 1 ได้ ึงมีส่วนช่วยในการลดเลือนริ้วรอย (Stimulates the gene expression of type l collagen production)

การเลือกใช้เรตินอล มีวิธีอะไรบ้าง ?

รูปภาพ:

ครั้งแรกในการเริ่มใช้ให้เลือกปริมาณเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำก่อน และใช้ในปริมาณที่เล็กน้อยในตอนเริ่มแรกเช่น ขนาดเท่าเมล็ดถั่วทั่วทั้งใบหน้าของเราในทุกคืน แนะนำว่าเลือกความเข้มข้นที่ 0.025 เปอร์เซ็นต์จะเป็นจุดเริ่มต้นการใช้ที่ดี เพื่อให้ผิวของเราเริ่มที่จะปรับสภาพรับส่วนผสมนี้ให้ได้เสียก่อน เพราะเรตินอลอาจจะทำให้ผิวเกิดความแห้งได้ ดังนั้นควรเลือกใช้เท่าที่จำเป็นในตอนแรก และค่อยๆ เพิ่มเปอร์เซ็นต์ในการใช้งานเรตินอลให้เหมาะสมกับสภาพผิวเมื่อเวลาผ่านไปหากพบว่าหลังจากการใช้เรตินอลแล้วเกิดผิวแห้งหรือระคายเคืองให้เว้นระยะการใช้จากทุกคืนมาเป็น 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์แทน และหากสังเกตอีกว่าผิวของเราเริ่มปรับสภาพที่ดีต่อการใช้เรตินอลแล้วหลังจากผ่านไป 1-2 สัปดาห์ ก็สามารถเพิ่มเป็นรูทีนประจำก่อนทุกคืนได้และเพิ่มเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นได้เลย

เคล็ดลับในการใช้เรตินอลสำหรับขั้นตอนการใช้ที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ มีขั้นตอนดังนี้1. ใช้เรตินอลในตอนกลางคืนเท่านั้นและเพื่อให้ผิวได้ปรับสภาพและปรับความคุ้นชินกับเรตินอล แนะนำให้ใช้แบบค่อยๆ เพิ่มระดับความถี่ขึ้นทีละน้อยเช่น- สัปดาห์แรก ให้ใช้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง- สัปดาห์ที่ 2 เพิ่มความถี่มาเป็นวันเว้นวัน- สัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไป สามารถใช้ได้ทุกวัน2. ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ตามหลังการใช้เรตินอลสามารถที่จะเพิ่มพรีเซรั่มก่อนได้ เพื่อเตรียมให้ผิวของเรานั้นแข็งแรง3.ในตอนกลางวันแนะนำให้ใช้กันแดดที่มีค่า SPF50+ และมีค่า PA++++เพื่อป้องกันรังสีจาก UV และพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดให้ได้มากที่สุด***สำหรับคนที่ผิวคุ้นเคยกับการใช้เรตินอล หรือผลิตภัณฑ์กลุ่มกรดวิตามินเออยู่แล้วสามารถเริ่มใช้เรตินอลทุกคืนได้เลย ตั้งแต่สัปดาห์แรก

ข้อควรระวังในการใช้เรตินอล

รูปภาพ:

ข้อควรระวังคือไม่ควรจับคู่กับเรตินอลกับส่วนผสมอื่นๆ ที่เป็นกรดเช่นเดียวกันโดยเฉพาะพวกกรดวิตามินซี ซึ่งจะส่งผลให้ได้รับประสิทธิภาพไม่เต็มที่ และอาจเสี่ยงต่อการทำให้เกิดผิวระคายเคืองได้คนที่ผิวบอบบางแพ้ง่ายควรเริ่มใช้เรตินอลอย่างระมัดระวังด้วยหากใช้เรตินอลในตอนกลางคืนจะมีความเหมาะสมมากกว่า แต่ก็ยังสามารถใช้ได้ในช่วงกลางวันเหมือนกัน แม้จะมีโอกาสที่ผิวนั้นไวต่อแสงมากขึ้น แต่หากทาครีมกันแดดเป็นประจำก็สามารถที่จะช่วยแก้ไขในปัญหานี้ได้ ส่วนการใช้เรตินอลในช่วงกลางคืนแล้วตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิกจะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพของความเห็นผลดีมากขึ้น เพราะจะช่วยให้ผิวนั้นมีความชุ่มชื้น ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการระคายเคืองจากเรตินอลได้

・:・ ⌒♡*:・。 ⌒♥ ✧*:・゚✧

เรตินอลเป็นสกินแคร์ทางเลือกที่ใครกำลังประสบปัญหาเรื่องริ้วรอยก่อนวัยหรือร่องรอยดำจากการเกิดสิวที่ดีเป็นอย่างมาก เพราะเรตินอลนั้นก็เหมือนเป็นการที่ค่อยๆ ผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไปอย่างอ่อนโยนจนไม่ระคายเคืองหน้า ให้ใบหน้าของเราเผยผิวใหม่ที่เป๊ะปังมากขึ้น เมื่อเลือกที่จะนำมาแอดเพิ่มในรูทีนแล้วควรที่จะศึกษาถึงเรื่องประสิทธิภาพการเลือกใช้เรตินอลให้ถูกต้องด้วย เพราะถ้าเราใช้ควบคู่ไปกับสกินแคร์ตัวอื่นที่มีกรดเหมือนกันอาจจะทำให้ใบหน้าของเราแย่ลงมากกว่าเดิม และอาจจะส่งผลเสียอีกหลายอย่างในอนาคตอีกด้วย ฉะนั้นแล้วเมื่อตัดสินใจซื้อต้องศึกษาหรือปรึกษาคำแนะนำจากเภสัชกรให้ครบถ้วนถ้าเมื่อเราถูกกับการใช้เรตินอลแล้ว บอกเลยว่าผิวหน้าที่เราตั้งความหวังไว้อาจจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมและประหยัดงบในการเข้ารักษาเพิ่มเติมที่คลินิกได้อีกด้วย

บทความแนะนำ ที่ซิสต้องไม่พลาด

https://sistacafe.com/summaries/94864

https://sistacafe.com/summaries/91004https://sistacafe.com/summaries/89243https://sistacafe.com/summaries/93297https://sistacafe.com/summaries/93428