1. SistaCafe
  2. ความแตกต่างของคน 4 เจเนอเรชั่น ทำความเข้าใจเพื่อลดช่องว่างระหว่างวัย

" 4 Generation "ความแตกต่างของคน 4 เจเนอเรชั่นนั้นมีมาให้เห็นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะการแสดงออกถึงจุดยืนทางพฤติกรรมและความคิด ที่ทำให้สามารถเกิดความขัดแย้งของเรื่องนั้นๆ เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะปัจจุบันในวัยทำงานที่สามารถพบเจอคนทั้ง 4 Gen นี้ได้ไม่ว่าจะเป็นคนในทีม ในแผนก หรืออาจจะเป็นพนักงานในที่ทำงาน บางครั้งส่งผลถึงการเสนอความคิดที่ขัดแย้งเนื่องจากการมองภาพของแต่ล่ะช่วง Gen นั้นมีความแตกต่างกันดังนั้นแล้วเราจึงควรมาทำความเข้าใจให้ชัดเจนของคนในกลุ่มทั้ง 4 Gen นี้ตั้งแต่สภาวะแวดล้อม แนวคิด ความเชื่อ รวมถึงพฤติกรรมนั้นๆ เพื่อให้เราสามารถปรับเปลี่ยน mindset ให้มีความเข้าใจตรงกัน และลดช่องว่างของความแตกต่างนี้ลง


ความแตกต่างของคน 4 เจเนอเรชั่น ทำความเข้าใจเพื่อกระชับสัมพันธ์

✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


ความแตกต่างของคน 4 เจเนอเรชั่น สภาวะแวดล้อม พฤติกรรม ความคิดและความเชื่อ

ความแตกต่างของคน 4 เจเนอเรชั่น Gen Baby Boomer

ช่วงของ Gen นี้จะเกิดในช่วง พ.ศ. 2489 - 2507 ยุคสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่สงครามได้มีความสงบลง ทำให้ผู้ที่รอดพ้นในช่วงสงครามนั้นต้องเริ่มกลับมาฟื้นฟูให้ประเทศกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง จึงทำให้คนในยุคนั้นค่อนข้างที่จะมีลูกหรือทายาทสืบทอดค่อนข้างเยอะ เนื่องจากช่วงสงครามทำให้สูญเสียประชากรในประเทศเยอะมาก ดังนั้นจึงต้องเร่งเพิ่มประชากรและจำนวนแรงงานเพื่อมาช่วยในการพัฒนาประเทศส่งผลให้ Gen Baby Boomer รับรู้ถึงความลำบากในการใช้ชีวิต ความแร้นแค้นของเศรษฐกิจ จนทำให้มีความอดทนสูง สู้งาน ชอบทำงานและประสบความสำเร็จด้วยตนเองและคนในช่วงวัยนี้ จะได้รับการอบรมสั่งสอนให้เป็นคนที่ประหยัดอดออม ใช้จ่ายอย่างรอบคอบและระมัดระวัง จนถูกจัดในกลุ่มของ “ อนุรักษ์นิยม ” ที่เคร่งครัดในเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีด้วยนั่นเอง


ความแตกต่างคน 4 เจเนอเรชั่น Gen X

คือคนที่เกิดช่วง พ.ศ.2508-2522 เป็นช่วงที่กำลังเติบโตในการเปลี่ยนเทคโนโลยีแบบ Analog ไปสู่ Digital จนทำให้มีอีกชื่อหนึ่งว่า Yuppie หรือ Young Urban Professionals ที่หมายถึง ความมั่งคั่งของเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่าง วิดีโอเกม คอมพิวเตอร์ สไตล์เพลงฮิปฮอป เป็นต้น ทั้งยังเป็นยุคที่มีการควบคุมประชากร เนื่องจากค่านิยมของยุค Baby Boomer ส่งผลให้มีเด็กมากเกินไปจนทำให้ทรัพยากรในกระเทศไม่เพียงพอปัจจุบัน Gen X จะอยู่ในช่วงวัยทำงาน หรือที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป และยังอยู่ในช่วงรอยต่อของ Gen Baby Boomer ที่มีหัวอนุรักษ์นิยม จึงทำให้ได้รับอิทธิพลทั้งความคิดและแนวทางของการทำงาน ทำให้ทำงานแบบถวายหัว อดทน สามารถที่จะทำงานได้ในภาวะที่มีความกดดัน และเมื่อปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ๆ เริ่มเข้ามาจนได้รับการเปลี่ยนแปลงเลยทำให้มีทางเลือกไม่ติดกรอบ เปิดใจยอมรับความคิดใหม่ๆ หรือสิ่งใหม่ๆ เข้ามา


ความแตกต่างคน 4 เจเนอเรชั่น Gen Y

เป็นช่วง พ.ศ. 2523-2540 คน Gen Y จะเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี Digital จึงทำให้มีความเป็นสากลมากขึ้น ทั้งยังได้รับอิทธิพลหรือวัฒนธรรมใหม่ๆ เข้ามา อย่างเช่น Teen Pop ที่มองว่าการชื่นชอบศิลปินต่างชาตินั้นเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดา สามารถที่จะมีเทคโนโลยีที่พกพาไปไหนก็ได้ ด้วยความที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งสภาพแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี จึงทำให้มีแนวคิดและพฤติกรรมแตกต่างไปจาก Gen ก่อนหน้านี้ใครที่อยู่ในยุคของ Gen Y ส่วนมากนั้นจะได้รับการตามใจ มีโอกาสทางการศึกษาที่ดี มีแนวคิดเป็นของตัวเอง เมื่อเข้าสู่ช่วงทำงานจึงมักมองหาความชัดเจนในการทำงาน เช่น ต้องการความชัดเจนว่าสิ่งที่ทำจะมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร คาดหวังการได้รับเงินเดือนที่สูง คาดหวังคำชม แต่ไม่อดทนต่องานที่ทำ ชอบเปลี่ยนงานอยู่บ่อยๆ ดังนั้นผู้คนในยุคนี้จึงสร้างความ balance ในชีวิต เช่น หลังเลิกงานมักจะไปทำกิจกรรมให้ความสุขต่อตนเอง อย่างการไปเล่นฟิตเนส การพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ หลังเวลาเลิกงาน เป็นต้น

ความแตกต่างของ 4 เจเนอเรชั่น Gen Z

คนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2540 ที่เกิดมาจากพ่อแม่รุ่นใหม่อย่าง Gen X และ Gen Y ทำให้เป็นเด็กที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน เรียนรู้รูปแบบการดำเนินชีวิตในสังคมแบบดิจิตัล สามารถติดต่อสื่อสารแบบไร้สายได้ และสื่อบันเทิงต่างๆ แบบ social media ทำให้คนในกลุ่มนี้มักจะเลือกทำในสิ่งที่ตนชื่นชอบ และชอบความสะดวกสบาย ไม่ชอบพีธีรีตอง พิธีการ และสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างในครั้งเดียวเมื่อมาพร้อมความสะดวกสบายพร้อมไปด้วยเทคโนโลยี ส่งผลให้เมื่อโลกนี้ไม่มีมันแล้วจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร แถมเรียกได้ว่าสมาร์ทโฟนก็กลายมาเป็นอวัยวะอีก 1 ส่วนที่ขาดไม่ได้ด้วย ทำให้คนในเจนนี้จะได้รับข่าวสารมากมายอย่างรวดเร็ว ทันโลกและสามารถวิเคราะห์สถิติเรื่องต่างๆ เพื่อคาดการณ์ในอนาคตได้ สามารถตัดสินในทำการทำอะไรสักอย่างได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


ลักษณะของคน 4 เจเนอเรชั่น จุดแข็ง จุดอ่อน และจุดยืนในการแสดงออก

ลักษณะของคน 4 เจเนอเรชั่น Gen Baby Boomer

► มีความอดทนรอคอยความสำเร็จ► มีความจงรักภักดีต่อองค์กรสูง► มีความพยายามและทุ่มเทให้กับการทำงานและองค์กรอย่างมาก► เคารพในกฎเกณฑ์และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด► ยึดมั่นในกรอบหรือหลักการที่เชื่อว่าถูกต้อง และจะไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆคน Gen Baby Boomer จะให้ความสำคัญต่อหลักการทำงาน ยึดถือวัฒนธรรมขององค์กร และเห็นคุณค่าต่อการทำงานอย่างทุ่มเท จนทำให้ถูกมองว่าเป็นพวกอนุรักษ์นิยม หรือล้าหลัง ไม่ทันโลกยุคสมัย ทั้งบางครั้งไม่มีการปรับตัวไปกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน จนทำให้เกิดการเผด็จการเกิดขึ้นบ้าง ส่งผลให้คนในยุคนี้ชอบที่จะอยู่กรอบเดิมๆ มากกว่า


ลักษณะคน 4 เจเนอเรชั่น Gen X

► ตรงไปตรงมา พูดกระชับ และไม่อ้อมค้อม► ไม่ชอบถูกบงการ► ไม่ชอบอยู่กับที่ ชอบอิสระให้กับตนเองโดยกลุ่มนี้นั้นจะให้ความสำคัญสำหรับการสื่อสารเป็นหลัก หากในการทำงานในองค์กร หรือบริษัทการติดต่อสื่อสารต้องมีความชัดเจน และกระชับเข้าใจตรงกัน นอกจากนี้ด้วยความที่ค่อนข้างชอบอิสระจึงมักไม่ชอบงานที่ตีกรอบแคบๆ เพราะต้องการที่จะแก้ไขและหาไอเดียใหม่ๆ ให้กับผลงานตัวเองมากกว่า นั่นเอง


ลักษณะคน 4 เจเนอเรชั่น Gen Y

► ชอบด้านนวัตกรรม พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ มีความเป็นวัตถุนิยมสูง► ใช้เทคโนโลยีดิจิตอลได้อย่างคล่องแคล่ว ทุกคำถามจะมีคำตอบในการเสิร์ชค้นหาผ่าน google► ชื่นชอบการติดต่อสื่อสาร และยังสามารถทำงานหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน► ชอบทางลัด ความสะดวกสบายและรวดเร็วคนในยุคนี้นั้นได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวส่งผลให้สามารถทำกิจกรรมหลากหลายอย่างได้ และพร้อมทืี่จะปรับตัวไปกับสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงได้ดีจนถึงขั้นรู้สึกถึงความท้าทายกับอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ใช้เทคโนโลยีได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย เมื่อต้องทำงานมักจะมองหางานที่ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนเวลางานได้ หรือสถานที่ทำงานไม่จำกัดในที่เดียว เมื่อมีการทำงานเสร็จสิ้นก็พร้อมที่จะได้รับการประเมินเพื่อรับรู้และรีบแก้ไข


ลักษณะคน 4 เจเนอเรชั่น Gen Z

► เลือกทำเพื่อตัวเองก่อน มากกว่าผู้อื่น► เป็นเจ้าหนูจำไม สงสัยทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากรู้► สามารถหาความรู้ได้ทุกที่► ชอบความรวดเร็ว ต้องการเป็นมนุษย์สถิติรักความเป็นอิสระ เชื่อมั่นในตัวเองสูง มีความเป็นปัจเจกบุคคล ยึดติดกับเทคโนโลยีและความรวดเร็ว ใจร้อน ไม่คุ้นชินกับการรอคอย มองหาความต้องการของตนเองเป็นใหญ่ เมื่อเข้าสู่ช่วงทำงานจึงชอบองค์กรหรือบริษัทที่สามารถเปิดใจรับฟังการแสดงความคิดเห็นต่างๆ เพื่อการพัฒนาในอนาคต และพยายามนำ Social หรือแพลตฟอร์มเพื่อเข้ามาในการกระจายและเพื่อความก้าวหน้าให้กับองค์กรหรือบริษัท


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


แฟชั่นของคน 4 เจเนอเรชั่น แต่ละยุคสไตล์ไหนเด่น ?

แฟชั่นของคน 4 เจเนอเรชั่น Gen Baby Boomer

ยุคนั้นเป็นการฟื้นฟูด้านแฟชั่นอย่างเต็มตัว เริ่มจากการส่ง Dior New Look เข้าชิงปฐมฤกษ์จนกลายมาเป็นบรรทัดฐานของหญิงสาวในยุคนั้น นอกจากนั้นดีไซน์ที่เห็นได้ชัดเจนของการแต่งตัวผู้หญิงเลยก็คือ การเน้นให้เห็นสัดส่วนตรงเอวชัดเจน กระโปรงที่บาน และมีระดับความยาวที่หัวเข่า- แบรนด์ดังอย่างกระเป๋าเช่น Hermes และ CHANEL ที่ถูกหยิบจับมาใช้จนกลายมาเป็นความนิยมในยุคนั้น- ไอเทมที่จะขาดไม่ได้ของ ยุค Baby Boomer นั่นก็คือ วิทยุทรานซิสเตอร์ และการส่งจดหมาย- หนังดังที่ฮิตฮอตคือ อวสานอินทรีแดง (2506), ใจเพชน (2506), ปูจ๋า (2510)

แฟชั่นของ 4 เจเนอเรชั่น Gen X

ยุคแห่งความวินเทจอย่างแท้จริงและยังเป็นยุคที่เฟื่องฟูเทรนด์แฟชั่นมากๆ เพราะได้มีรับเอาวัฒนธรรมของหลายๆ ชาติเข้ามา โดยเฉพาะตะวันตก ที่นำมาแต่งตัวจนกลายมาเป็นสไตล์ที่เรียกว่า " ฮิปปี้ " โดยจุดเด่นเลยคือลายผ้าที่ดูซับซ้อนแนวตะวันออก สีสันสดใส กางเกงขาบาน และยังมีสไตล์ " ดิสโก้ " ที่นิยมมากๆ ด้วยในยุคนั้น- แบรนด์ดังอย่างกระเป๋าเช่น Mulberry, Loewe และ The Whiting and Davis Mesh- ไอเทมที่จะขาดไม่ได้คือ เพจเจอร์ , วอล์คแมน และเทปคาสเซ็ท- หนังดังที่ฮิตฮอตคือ ปูจ๋า (2510), อินทรีทอง (2513) และแม่นาคพระโขนง (2521)


แฟชั่นของ 4 เจเนอเรชั่น Gen Y

เป็นยุคที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่สุดในวงการอุตสาหกรรมแฟชั่น เพราะมาพร้อมกับสไตล์ที่จัดหนักจัดเต็มสุดๆ ทั้งความจัดจ้านยึดครองชีวิต เพราะแฟชั่นในยุคนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงและรายการทีวีต่างๆ จึงทำให้เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นพาวเวอร์สูทเสริมไหล่ และยีนส์ฟอก เป็นต้น- แบรนด์ดังอย่างกระเป๋าเช่น CHANEL, Dior, Fendi และ  Hermes- ไอเทมที่จะขาดไม่ได้คือ เกมบอย และโทรศัพท์มือถือ- หนังดังที่ฮิตฮอตคือ กลิ่นสีและกาวแป้ง (2531), ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ (2533) และโลกทั้งใบให้นายคนเดียว (2538)

แฟชั่นของ 4 เจเนอเรชั่น Gen Z

แฟชั่นยุคนี้อย่าง " Y2K " ที่เป็นแฟชั่นยุคปลาย 90 มาถึงยุคกลางอย่าง 2000 ที่เป็นแฟชั่นไอคอนสไตล์ดังที่ต้องแต่งตาม เพราะด้วยอิทธิพลของภาพยนตร์วัยรุ่นชื่อดังอย่าง " Means Girls " ที่ตัวละครหลักมักจะนิยมใส่เสื้อครอปท็อป รองเท้าแตะส้นหนาและชุดวอร์มผ้ากำมะหยี่สีสันที่ค่อนข้างสดใส ทั้งยังกลายมาเป็นสไตล์ที่กลับมาฮิตฮอตในปุจจุบันของเด็ก Gen Z อีกครั้งด้วย- แบรนด์ดังอย่างกระเป๋าเช่น Dior, Louis Vuitton, Motorcycle และ Balenciaga- ไอเทมที่จะขาดไม่ได้คือ สมาร์ทโฟน, เฮดโฟนหรือหูฟังแบบ Y2K และโน้ตบุ๊ค- หนังดังที่ฮิตฮอตคือ แฟนฉัน (2546), ชัตเตอร์กดติดวิญญาณ (2547), สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก (2553)


✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿


ความแตกต่างของคน 4 เจเนอเรชั่นจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าแต่ละยุค แต่ละสมัยมีความแตกต่างกันสุดๆ ทั้งสภาพแวดล้อมที่เติบโต แนวคิด ความเชื่อ รวมถึงพฤติกรรมที่แสดงออกมานั้นต่างก็บ่งบอกได้ชัดเจนแต่เมื่อสังคมทำให้คนในกลุ่มทั้ง 4 Generation ต้องเข้ามารู้จักกันไม่ว่าจะในนามอะไร การปรับตัวและสร้างความเข้าใจจำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งกันไม่ว่าจะด้านไหนและถ้าพูดถึงไอคอนหรือไอเทมแต่ละช่วงก็สร้างกลิ่นอายและเอกลักษณ์กันคนละแบบ บางแฟชั่นการแต่งตัวก็ยังกลับมาฮิตฮอตหรือนำมาเป็นแรงบันดาลในปัจจุบันนี้อีกด้วย อย่างที่มักจะได้ยินว่า" Back to Basic "นั่นเองฉะนั้นแล้วเมื่อเราเข้าใจในความแตกต่างของแต่ละ Gen และพร้อมที่จะรับฟัง ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องทำความเข้าใจในยุคการเติบโตของคนรุ่นเก่า และคนรุ่นเก่าก็ต้องทำความเข้าใจในการเปิดรับความคิดของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้เราสามารถอยู่ร่วมกันโดยปราศจากความขัดแย้งได้นั่นเอง


บทความแนะนำ ที่ซิสต้องไม่พลาด


เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้