1. SistaCafe
  2. ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก~ แจก 7 สูตรขนม / ของหวานจาก 'กล้วย' ที่ใครๆ ก็ทำได้ แถมรสชาติอร่อยเหาะ 🍌

โครกกก… ครากกก… สารภาพมาซะดีๆ ว่านี่มันเสียงท้องร้องด้วยความหิวของใคร???


เรารู้ว่าสำหรับสาวสายกิน เรื่อง‘ ความหิว ’มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยใช่มั้ยล่ะ… วันนี้เราเลยไม่พลาดที่จะมาแชร์เมนูแสนอร่อยกับสาวซิสทุกคนอีกเช่นเคยซึ่งเมนูที่เรายกขบวนมาฝากกันคราวนี้เป็นเมนูของหวานจากซึ่งถือเป็นผลไม้ที่หาซื้อง่าย หากินง่าย รสชาติอร่อย มีประโยชน์ต่อร่างกายบอกเลยว่าเหมาะสำหรับสาวๆ ที่อยากกินขนมหวานแบบคลีนๆ หน่อย เพราะว่ากล้วยเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง แคลอรี่ต่ำ กินแล้วอิ่มท้อง แถมยังช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้กลายเป็นคนกินง่าย ถ่ายคล่องสุดๆ


ดังนั้น หากสาวคนไหนกำลังอยากกินอะไรหวานๆ แบบไม่รู้สึกผิด ก็รีบตามไปส่อง7 สูตรขนม / ของหวานจาก ‘ กล้วย ’เมนูง่ายๆ ที่ใครก็ทำตามได้ แถมรสชาติอร่อยเหาะ กินแล้วต้องติดใจแน่นอน


■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■


① กล้วยบวชชี

เริ่มต้นด้วยเมนูกล้วยจานแรกกับ‘ กล้วยบวชชี ’ที่หลายคนคุ้นหน้า คุ้นตา คุ้นลิ้นกันมาตั้งแต่เด็กเพราะว่ากล้วยบวชชีเป็นขนมหวานไทยที่ทำง่าย ขั้นตอนไม่ซับซ้อนแถมยังมีรสชาติอร่อยละมุนลิ้นอีกต่างหากเพราะด้วยความหวานจากกล้วยน้ำว้า ที่ผสมผสานเข้ากับความหอม มัน กลมกล่อมของกะทิได้แบบลงตัวเรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ถูกใจคนทุกเพศ ทุกวัยเลย กินบ่อยแค่ไหนก็ไม่มีเบื่อเลยค่ะเพื่อนสาว

ส่วนผสม

• กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี• หางกะทิ 500 มิลลิลิตร

• ใบเตย 2 ใบ• น้ำตาลปี๊บ 4 ช้อนโต๊ะ

• น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ• เกลือปริมาณเล็กน้อย

• หัวกะทิ 400 มิลลิลิตร


วิธีทำ

(1) ขั้นตอนแรกนำกล้วยน้ำว้าต้มในน้ำเดือด ทิ้งไว้ประมาณ 3 - 5 นาที จนบริเวณผิวกล้วยเริ่มแตก

(2)ตักกล้วยที่ต้มเสร็จแล้วขึ้นมา ปอกเปลือกออก แล้วหั่นกล้วยเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ

(3) ใส่หางกะทิกับใบเตยลงในหม้อ ต้มจนเดือดแล้วใส่กล้วยที่หั่นเตรียมไว้ ใส่น้ำตาลปิ๊บ น้ำตาลทราย และเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ แล้วต้มจนเดือดอีกครั้งแล้วใส่หัวกะทิตามลงไป ต้มต่อไปประมาณ 3 นาทีจนเดือด แล้วตักกล้วยและน้ำกะทิใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟได้เลย


② กล้วยทอดอินโด

ใครที่ชอบกินอะไรที่มีความกรุบกรอบ เคี้ยวเพลิน ถ้าได้ลองชิม‘ กล้วยทอดอินโด ’แล้วจะต้องตกหลุมรักแน่นอนเพราะว่าเมนูนี้เป็นการนำกล้วยเล็บมือนางมาพันด้วยแป้งเป็นเกลียวแล้วนำไปทอดในน้ำมันจนแป้งกรอบกัดเข้าไปคำแรกเจอกับความกรอบเบอร์แรงของแป้ง แต่พอกัดโดนเนื้อกล้วยด้านในก็นุ่มละมุนลิ้นยิ่งนำไปจิ้มกินกับนมข้นหวานหรือช็อกโกแลตก็ยิ่งเพิ่มความฟินไปอีก#อ้วนก็ยอม

ส่วนผสม

• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 360 กรัม• มาการีน 125 กรัม

• น้ำตาลทราย 50 กรัม• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

• น้ำเปล่า 150 มิลลิลิตร• กล้วยเล็บมือนาง


วิธีทำ

(1) สิ่งแรกที่ต้องทำคือผสมแป้งสาลีกับมาการีนในถ้วยผสม แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นก็เติมน้ำตาลทรายและกลิ่นวานิลลาลงไป แล้วกวนให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง

(2) ค่อยๆ เติมน้ำเปล่าลงไปทีละนิด แล้วนวดให้เนื้อเนียน เติมน้ำเปล่าที่เหลือจนหมดแล้วนวดให้ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน

(3) นำแป้งที่นวดเสร็จแล้วมาคลึงให้บาง แล้วหั่นแป้งให้เป็นแนวยาวขนาดเท่าๆ กัน

(4) ลงมือปอกเปลือกกล้วยออก แล้วนำกล้วยมาพันด้วยแป้งที่หั่นเตรียมไว้ให้เป็นเกลียว

(5) ตั้งกระทะโดยเทน้ำมันให้ท่วม รอจนน้ำมันร้อนแล้วจึงนำกล้วยลงไปทอด โดยทอดจนแป้งเหลืองกรอบดูน่ากิน นำกล้วยที่ทอดเสร็จแล้วขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน ใส่จานเสิร์ฟคู่กับนมข้นหวานได้เลย หรือใครอยากจะลองจิ้มกล้วยทอดอินโดกินกับช็อกโกแลตหรือน้ำผึ้ง ก็เลือกได้ตามใจชอบเลยจ้า


③ กล้วยปิ้งราดน้ำกะทิ

เวลาที่ไปเดินเล่นหาของกินตามห้างสรรพสินค้าหรือตลาดนัด เราเชื่อว่าคุณสาวๆ ต้องได้กลิ่น‘ กล้วยปิ้งราดกระทิ ’ลอยโชยมาเตะจมูก กระตุ้นต่อมความหิว จนอดไม่ได้ที่จะต้องแวะไปซื้อมากินให้หายอยากกันแน่ๆก็เพราะว่ากล้วยปิ้งร้อนๆ ที่มีความเหนียวนุ่มเคี้ยวเพลินพอเจอกับน้ำกะทิเข้มข้นรสชาติหวานเข้าไปก็มีความลงตัวและเข้ากันได้ดีมากๆ อร่อยจนไม่อยากจะแบ่งใครเลย#หวงแหละ...​ ดูออก


ส่วนผสม

• กล้วยน้ำว้า ( ไม่สุกเกินไป ) 1 หวี• น้ำตาลปี๊บ 1½ถ้วย

• กะทิ 1 ถ้วย• เกลือ 1 หยิบมือ

• เนยสด 2 ช้อนชา


วิธีทำ

(1) เริ่มด้วยการนำกล้วยมาปอกเปลือก หั่นเป็นแว่นๆ แล้วเสียบไม้ไว้สำหรับนำไปปิ้ง

(2) เตรียมเตาถ่าน ( การใช้เตาถ่านจะช่วยทำให้กล้วยปิ้งมีกลิ่นหอมน่ากินกว่าวิธีอื่นๆ ) หรือถ้าใครที่เน้นความสะดวกก็สามารถใช้เตาแก๊สแทนได้ โดยให้วางตะแกรงปิ้งไว้บนไฟอ่อนๆ แล้วก็นำกล้วยที่เสียบไม้เสร็จเรียบร้อยแล้วไปปิ้งได้เลย

(3) ในส่วนของน้ำกะทิสำหรับราด ให้นำน้ำตาลปี๊บมามาเคี่ยวกับน้ำกะทิ 1 ส่วน จนน้ำตาลละลาย แล้วเติมเนยสดลงไปเคี่ยวให้เข้ากัน จากนั้นก็ใส่กะทิส่วนที่เหลือลงไปเคี่ยวต่อ พอเคี่ยวจนส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกันแล้วก็นำลงจากเตา พักไว้ให้เย็นก่อน

(4) พอกล้วยที่ปิ้งไว้เริ่มสุกดีแล้ว ก็นำมาทับให้แบนด้วยการใช้ไม้คลึงแป้ง หรืออาจจะใช้มีดปังตอมาทับให้กล้วยแบนก็ได้เหมือนกัน เสร็จแล้วจัดใส่จานแล้วราดน้ำกะทิให้ชุ่ม หรือจะตักน้ำกะทิใส่ถ้วยเล็กๆ แยกไว้จิ้มกิน ก็เลือกได้ตามสไตล์ที่ชอบกินเลย


④ ขนมปังกล้วยน้ำว้าโฮลวีท

คราวนี้สำหรับคนที่เป็นสายเฮลท์ตี้ หรืออยากจะไดเอทลดหุ่นเลยไม่ค่อยอยากจะกินขนมหวานสักเท่าไหร่ งั้นลองเปลี่ยนมาทำเมนูเบเกอรีจากกล้วยแทนบ้างก็ได้นะทางเราเองก็ไม่พลาดที่จะนำสูตร‘ ขนมปังกล้วยน้ำว้าโฮลวีท ’เมนูสุขภาพดีที่ไม่ควรพลาดมาแชร์กันโดยเมนูนี้เป็นได้ทั้งเมนูอาหารเช้า หรือจะเป็นเมนูอาหารว่างแก้หิวระหว่างวันที่กินแล้วอิ่มท้องแบบไม่ต้องกลัวอ้วนเลยล่ะคุณผู้ชมมม~


ส่วนผสม ( ของแห้ง )

• เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา• แป้งโฮลวีทเนื้อละเอียด 1½ ถ้วย

• ผงฟู 1 ช้อนชา• เกลือทะเล ½ ช้อนชา ( ถ้าใช้เกลือไอโอดีนอาจต้องลดปริมาณลง )


ส่วนผสม ( ของเหลว )

• ไข่ไก่ 2 ฟอง• กล้วยน้ำว้าบด 250 - 300 กรัม

• กรีกโยเกิร์ต ½ ถ้วย• น้ำผึ้ง ¼ ถ้วย

• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา


วิธีทำ

(1) เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส แล้วเตรียมพิมพ์ขนมปังพร้อมฉีดสเปรย์น้ำมันบางๆ

(2) นำส่วนผสมของแห้ง ทั้งแป้งโฮลวีท เบกกิ้งโซดา ผงฟู และเกลือ ผสมให้เข้ากันแล้วพักไว้ แล้วนำส่วนผสมของเหลว ทั้งไข่ไก่ กล้วยบด กรีกโยเกิร์ต น้ำผึ้ง และกลิ่นวานิลลาผสมกัน ( ใช้เครื่องปั่น )

(3) เทส่วนผสมของเหลวลงในส่วนผสมของแห้ง คนตะล่อมให้เข้ากัน แต่อย่าคนนานเกินจนเหนียว

(4) เทส่วนผสมใส่พิมพ์ขนมปัง เอาเข้าเตาอบประมาณ 30 - 40 นาที แล้วเช็กความสุกด้วยไม้จิ้มฟัน

(5) ถ้าขนมปังสุกแล้วก็ให้นำออกจากเตา พักไว้ประมาณ 10 นาทีเพื่อคลายความร้อน แล้วแซะเนื้อขนมปังออกจากพิมพ์ออกมาพักต่อให้เย็นบนตะแกรง เสร็จแล้วก็หั่นขนมปังเป็นแผ่นตามชอบได้เลย


⑤ เค้กกล้วยหอมนึ่ง

เรามั่นใจว่าเมนู‘ เค้กกล้วยหอม ’คงจะเป็นเมนูโปรดของสาวๆ หลายคนอย่างแน่นอน ก็เพราะว่ารสชาติหวานกลมกล่อม ความหอมนุ่มของเนื้อเค้ก และเนื้อสัมผัสที่แน่นเต็มคำ กินเมื่อไหร่ก็อร่อยฟินทุกครั้งเลยก็ว่าได้ซึ่งสูตรเค้กกล้วยหอมที่เราหยิบมาแนะนำกันวันนี้ จะเป็น‘ เค้กกล้วยหอมนึ่ง ’ที่สามารถทำตามแบบง่ายๆ ได้ที่บ้านแถมยังอร่อยเด็ดไม่แพ้กับที่วางขายตามร้านเบเกอรีเลย ลองดู!!!


ส่วนผสม• แป้งเค้ก 200 กรัม• ผงฟู 1½ ช้อนชา• เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา• เกลือป่น ½ ช้อนชา• ไข่ไก่ 2 ฟอง• น้ำตาลทราย 165 กรัม• เนยเค็ม 80 กรัม                          • นมข้นจืด ½ ถ้วย• กล้วยหอมสุกบด 2 ลูกวิธีทำ(1) สิ่งแรกที่คุณสาวๆ ต้องทำคือร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือป่นรวมกัน แล้วพักไว้ก่อน(2) ตามด้วยการตีไข่ไก่ใส่ชามผสม แล้วใส่น้ำตาลทรายตามลงไป ตีจนน้ำตาลละลายแล้วใส่เนยเค็ม ( ที่ละลายแล้ว ) และนมข้นจืด จากนั้นก็ตีให้ส่วนผสมเข้ากัน(3) ทยอยใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้วลงในไข่ไก่ ค่อยๆ ตีต่อไปจนแป้งหมด และเริ่มเป็นสีขาวเนียนขึ้นฟู(4) เทกล้วยบดลงไป แล้วใช้พายค่อยๆ ตะล่อมให้กล้วยบดกับแป้งผสมเข้ากันดี(5) หลังจากที่เตรียมส่วนผสมแป้งเค้กเสร็จแล้ว ก็ให้ตั้งหม้อสำหรับนึ่ง ระหว่างรอน้ำเดือดก็เตรียมแม่พิมพ์สำหรับใส่แป้งเค้กไปพลางๆ ด้วยก็ได้นะ(6) หยอดแป้งเค้กลงไปในแม่พิมพ์ แต่ไม่ต้องใส่จนเต็มพิมพ์ ควรเหลือพื้นที่เผื่อตอนเนื้อเค้กขึ้นฟูด้วย(7) นำแป้งเค้กที่ใส่ในพิมพ์เรียบร้อยแล้วไปนึ่ง ใช้เวลานึ่งประมาณ 15 นาที แต่ถ้าใช้พิมพ์อันเล็กใช้เวลานึ่งแค่ 12 นาทีก็พอแล้วล่ะ หรือถ้าสังเกตเห็นสีของเค้กเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลก็ถือว่าสุกแล้ว


⑥ มูสกล้วยหอม

โอ๊ยยย อากาศร้อนอบอ้าวเบอร์นี้มันต้องหาอะไรหวานๆ เย็นๆ มากินคลายร้อน ( และความหัวร้อน ) กันซะหน่อยแล้ว ถ้าสาวซิสรู้ตัวว่าตัวเองชอบกินของหวานเย็นชื่นใจ เราขอแนะนำเมนู‘ มูสกล้วยหอม ’สูตรนี้เลยค่ะเพราะว่าเป็นสูตรที่จัดเต็มทั้งเนื้อกล้วยหอม ครีม คาราเมล และช็อกโกแลตเรียกว่าเป็นส่วนผสมรสชาติอร่อยโดนใจสายของหวานทั้งนั้นพอมารวมอยู่ในเมนูนี้ก็บอกได้คำเดียวว่าดีงามมาก!


ส่วนผสม• กล้วยหอมสุกงอม 1½ ลูก• นมสด 1 ถ้วยตวง• ครีมสด ½ ถ้วยตวง• นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ• น้ำเชื่อมกลิ่นคาราเมล 2 ช้อนโต๊ะ• แผ่นเจลาติน ( แช่น้ำจนนิ่ม ) 1 แผ่น• ช็อกโกแลตซอส 1 ช้อนโต๊ะ• คาราเมลซอสและช็อกโกแลตซอสสำหรับตกแต่ง• กล้วยหอมหั่นแว่นสำหรับกินคู่กับมูสวิธีทำ(1) สเต็ปแรกเริ่มด้วยการหั่นกล้วยหอมเป็นชิ้น แล้วนำไปปั่นกับนมสด ครีมสด และนมข้นจืด จนส่วนผสมทั้งหมดกลายเป็นเนื้อเดียวกัน(2) นำกล้วยที่ผสมแล้วไปตั้งไฟอ่อน เมื่อส่วนผสมเริ่มเดือดจึงใส่แผ่นเจลาตินลงไป คนจนแผ่นเจลาตินละลาย แล้วยกลงจากเตาทันที จากนั้นก็ใส่น้ำเชื่อมกลิ่นคาราเมลแล้วคนให้เข้ากัน พักทิ้งไว้(3) แบ่งส่วนผสมกล้วยที่เริ่มอุ่นออกมาประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากับช็อกโกแลตซอสแล้วพักไว้(4) ตักส่วนผสมกล้วยลงในพิมพ์ หรือภาชนะที่ต้องการ เคาะเบาๆ เพื่อให้หน้าขนมเนียนเสมอกัน แล้วใส่ส่วนผสมกล้วยที่นำไปผสมกับช็อกโกแลตซอสบนหน้าขนม แล้วเกลี่ยเบาๆ เพื่อให้เรียบอีกครั้ง(5) นำตัวขนมไปแช่ตู้เย็น ( ช่องธรรมดา ) ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือแช่ทิ้งไว้จนเริ่มอยู่ตัว เสร็จแล้วก็นำตัวมูสกล้วยหอมมากินกับคาราเมลซอส ช็อกโกแลตซอส และกล้วยหอมที่หั่นเป็นแว่นได้เลย


⑦ โรลกล้วยหอมไร้แป้ง

Ba-ba-ba-ba-ba-nana!!! ถ้าอยากได้เมนูขนมจากกล้วยที่ไม่กินแล้วไม่อ้วน ไม่รู้สึกผิด ก็ต้องรีบทำตามสูตร‘ โรลกล้วยหอมไร้แป้ง ’กันแบบด่วนจี๋เลยนะเพราะว่าเมนูนี้เป็นเมนูที่ใช้เวลาทำไม่นานใช้ส่วนผสมเพียงไม่กี่อย่างก็สามารถทำเป็นโรลกล้วยหอมแสนอร่อยแบบไร้แป้งเป็นเมนูคลีนๆ ที่รสชาติดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย แถมยังอิ่มท้องนานอีกด้วยขอบอกเลยว่าสายคลีนไม่ควรพลาดเด็ดขาดนะจ๊ะ

ส่วนผสม

• ผงถั่วเหลืองดอยคำ 4 ช้อนโต๊ะ

• ไข่ไก่ 1 ฟอง

• นมสดจืด 100 มิลลิลิตร ( สูตรนี้ใช้นมวัวแดง )

• กลิ่นวนิลา ½ ช้อนชา

• กล้วยหอม


วิธีทำ

(1) ขั้นตอนแรกให้เทส่วนผสม ได้แก่ ผงถั่วเหลืองดอยคำ ไข่ไก่ นมสดจืด และกลิ่นวนิลา ผสมจนเข้ากันให้เนื้อเหลวๆ หน่อย แต่หากเนื้อหนืดเกินไปก็สามารถเทนมสดเพิ่มเข้าไปได้

(2) ฉีดสเปรย์น้ำมันบนกระทะเทฟล่อน แล้วตักส่วนผสมที่เตรียมไว้ทอดในกระทะ กลิ้งส่วนผสมให้ทั่วกระทะเหมือนกับแป้งเครป แล้วกลับด้านอย่างเบามือ เพื่อระวังไม่ให้แผ่นโรลขาด

(3) พอตัวแผ่นโรลสุกแล้วก็ตักมาพักไว้ นำกล้วยหอมวางไว้ที่ปลายแผ่นโรล ค่อยๆ ม้วนให้เหมือนกับเวลาม้วนซูชิ แล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผลไม้หรือราดท็อปปิ้งตามใจชอบ


■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■ □ ■


เอ้าาา งานนี้สาวๆ บ้านไหนที่ซื้อกล้วยมาตุนไว้เยอะเกินไปจนกินไม่ทัน แล้วไม่อยากปล่อยให้กล้วยเน่าจนเสียดายสตางค์ หรือจะให้ฝืนกินก็คงไม่ไหวแน่ๆ ก็ลองนำกล้วยที่มีอยู่เต็มบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยเล็บมือนาง ฯลฯ มาทำตามที่เราแชร์ไปทั้ง 7 เมนูดูสิคะ คอนเฟิร์มเลยนะว่าต่อให้จะเป็นคนที่ทำอาหารไม่เก่ง ก็สามารถทำตามได้ง่ายๆ รสชาติอร่อยเหมือนกันทุกคนแน่ๆ หรือแม้แต่สาวสายสุขภาพที่อยากกินอาหารที่มันคลีนๆ หน่อย เมนูจากกล้วยเหล่านี้ก็ตอบโจทย์แบบสุดๆ ไปเลยนะ… ทางเราคงต้องขอตัวไปทำเมนูอร่อยๆ จากกล้วยกินก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่คราวหน้า รับรองว่ามีสูตรเมนูอร่อยมาแจกอีกแน่นอน ( ๑˃̵ ᴗ ˂̵ )و ♥


เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้