1. SistaCafe
  2. ชีวิตช่วงนี้น่าเบื่อสุด! 8 ’มุมมองคิดบวก' สร้างแรงบันดาลใจ ใช้ชีวิตทุกวันให้ Happy ♡
div-gpt-ad-1738652799410-173875694

ฮัลโหลล สาวๆSistaCafeที่กำลัง' เซ็งเป็ด 'ทุกคนค่ะ (`ー´)เอาจริงๆ ก็อิจฉาคนโลกสวยที่คิดบวกได้ตลอดเวลา เหมือนวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนกันนะ ในสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้ มีแต่เรื่องตึงเครียดตั้งแต่เช้าจนเข้านอน มองไปก็มีแต่คนทะเลาะกัน ข่าวสารก็ไม่ค่อยมีเรื่องดีๆ ไหนจะความกดดันกับอนาคตข้างหน้าของตัวเองอีก 25 ต้องได้เที่ยวรอบโลก 30 ต้องมีบ้านมีรถเป็นของตัวเอง etc.พาลคิดลบจนส่งผลกับสุขภาพจิต ต้องหาหมอก็มีมากมาย คำถามคือ ช่วงเวลาที่แทบไม่เอื้อให้เรามีความสุขได้ เราจะ ' คิดบวก ' ได้ยังไง มันไม่ใช่จะทำกันง่ายๆ เด้อ (⇀‸↼‶)

เราอาจจะพูดเหมือนพวกหนังสือจิตวิทยา how to ทั่วไปที่มีขายดาษดื่นในร้านหนังสือนะคะ แต่การคิดบวก หรือ positive thinking มันต้องเริ่มจากตัวเราก่อน เคยได้ยินใช่ไหมว่า' แค่เปลี่ยนมุมมอง ชีวิตก็เปลี่ยนได้ 'หากเธอเอาแต่คิดลบ เครียดเป็นเวลานานๆ โดยไม่แก้ไข มันจะส่งผลถึงความมั่นใจกับตัวเอง ความภูมิใจในตัวเอง ( self-esteem ) ลดลง ไร้แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต สุดท้ายก็ไม่ต่างกับใบไม้ที่เหี่ยวเฉาวันนี้เราจึงขอมาแนะนำ 8 ' มุมมองบวก ' ที่อยากให้เธอลองคิดตามดู ไม่แน่ว่าใบไม้ที่ใกล้แห้งตายใบนี้ อาจฟื้นคืนชีพด้วยน้ำที่เรียกว่า ' กำลังใจ ' ก็ได้นะคะ ^____^ไม่ลองก็ไม่รู้~ เปิดใจกว้างๆ ทำใจสบายๆ แล้วเลื่อนลงมาอ่านข้างล่างกันเลย**คำเตือน : หากทำตามนี้แล้วไม่หาย หรือมีแนวโน้มเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า อาจเป็นที่ฮอร์โมนไม่สมดุล แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรักษาอย่างตรงจุดนะคะ

1. ขอบคุณตัวเองที่ยัง 'ตื่นมาในทุกๆ วันใหม่'

สำหรับเรา เรามองว่าถ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีสิทธิ์แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดได้เสมอ ' คนที่หมดโอกาส คือคนที่ตายไปแล้ว ' หากสาวซิสยังมีลมหายใจ ยังลืมตาตื่นขึ้นมาได้ในทุกๆ เช้าวันใหม่ ได้ยินเสียงนกร้องจิ๊บๆ ในทุกรุ่งสาง นั่นหมายถึงเธอได้รับโอกาสในการใช้ชีวิตอีกครั้ง

ในขณะที่บางคนการนอนหลับเมื่อคืน อาจเป็นการใช้ชีวิตครั้งสุดท้ายของพวกเขา แต่เธอรอด เธอได้ตื่นขึ้นมา ดังนั้นจงขอบคุณตัวเอง ขอบคุณพระเจ้าที่ยังมอบของขวัญสุดพิเศษนี้ให้ นั่นคือ

' เธอยังมีชีวิตอยู่! '



ในชีวิตคนรุ่นใหม่ เรามักนึกวาดฝันถึงเรื่องที่ใหญ่เกินตัว และเมื่อทำไม่สำเร็จก็จะคิดลบมากจนเกินไป เรื่องเล็กๆ ก็กระทบกระเทือนจิตใจจนอยากตายๆ ไปเสีย แต่เราไม่อยากให้ละเลย ' ชีวิต ' ที่เราอุตส่าห์ได้รับมา ในเมื่อสักวันทุกชีวิตก็ต้องจากไปอยู่แล้ว ทำไมเราไม่ใช้ชีวิตตอนนี้ให้คุ้มค่าที่สุดล่ะ?

จงตื่นมาอย่างสดชื่น ล้างหน้าล้างตา เปิดเพลงฟังคลอเบาๆ สูดหายใจลึกๆ พร้อมรับวันใหม่กันดีกว่าค่ะ



2. ไม่ต้องฟังความเห็นของ 'คนที่อคติกับเรา' ไม่มีประโยชน์!

ไม่ว่าใครบนโลกย่อมต้องมี ' คนที่รัก ' และ ' คนที่เกลียด ' เสมอ ไม่มีใครไม่เคยถูกเกลียด ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนก็ตาม เราจะมีคนที่รักเราสุดหัวใจ กับคนที่เราเสียสละเพื่อเขาแค่ไหน เขาก็ยังเกลียดเราอยู่ดี อ้างว่าไม่ถูกชะตา เห็นหน้าก็ไม่ชอบแล้ว หรือที่เขาเรียกว่า ' อคติ ' นั่นแหละ

ซึ่งก็แปลกที่พวกนี้แทนที่เกลียดแล้วจะไม่สนใจ กลับตามติดเรายิ่งกว่าแฟนคลับตัวยง แถมชอบวิจารณ์อะไรที่ตัวเองรู้ไม่จริงอีกด้วย ไม่ใช่แค่ดาราเซเลบหรอกค่ะ คนธรรมดาก็เจอแบบนี้ได้ และมักจะมาในรูปแบบ เพื่อนสมัยเรียนเอย ป้าข้างบ้านเอย รุ่นพี่ที่ทำงานเอย #หวังดีกันเหลือเกิน!



การเป็นคนใส่ใจคนอื่น แคร์คนรอบข้างน่ะเป็นสิ่งดี แต่เราต้องเลือกคนที่แคร์ด้วยเด้อ! เอาเฉพาะคนที่เขารักเรา ตักเตือนเพราะอยากเห็นเราได้ดีก็พอ ( เชื่อว่าทุกคนแยกออก มองสีหน้าแววตาท่าทาง คำพูดคำจามันบอกชัดเจนอยู่ละ )


แล้วเมินคำด่าที่ไม่ให้ประโยชน์อะไร เหมือนที่แม่ชม อารยาบอกว่า ' พวกนี้ยังไงก็เกลียดเราอยู่แล้วถูกไหม จะให้ราคามันทำไม '

เราไปกราบขอร้องใครให้มาชอบเราไม่ได้ ตราบใดที่เราไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรมใคร live your life ค่ะ เชิดๆ ใช้ชีวิตให้เต็มที่ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง



3. อย่าเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่น คนเราไม่เหมือนกัน!

ก็ต้องยอมรับว่า ต้นทุนชีวิตมนุษย์แต่ละคนไม่เหมือนกันเนอะ

บางคนเกิดมาในชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง ได้เรียนโรงเรียนดีๆ ที่มีคอนเนคชั่น พ่อแม่ไม่กดดัน แถมเรียนเก่ง ต่อเมืองนอกเมืองนา ได้ทำตามฝัน ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย


ในขณะที่บางคนเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางค่อนไปทางล่าง เรียนโรงเรียนใกล้บ้านถูกๆ พี่น้องเยอะต้องช่วยกันทำงาน จะเลือกเรียนต่อก็ต้องเอาคณะที่รายได้แน่นอนไว้ก่อน เรื่องความฝันส่วนตัวอย่าคิดว่าจะได้ทำ แค่จะใช้ชีวิตในแต่ละวันก็เหนื่อยแล้ว

นี่คือความจริงที่ต้องยอมรับค่ะ



สาวๆ บางคนที่เป็น perfectionist และอายุระดับนึงแล้ว อาจมีอาการนอยด์ๆ อิจฉาหรือเสียใจที่เพื่อนร่วมรุ่นไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว แต่เรายังย่ำอยู่ที่เดิม เงินเดือนก็ไม่สูง บ้านรถก็ยังไม่มี แต่ที่จริงมัน completely fine มันไม่เป็นไรเลย เป็นเรื่องปกติมากๆ


จุดสตาร์ทเราไม่เท่ากัน ยิ่งไปเทียบคนอื่นจะยิ่งจิตตกเปล่าๆ เอาแค่ว่า เธอมีความพยายาม ไม่หยุดฝัน แม้จะเขยิบได้ช้ากว่าเพื่อน แต่ไม่มีคำว่าถอยหลัง ในที่สุดเธอจะถึงเป้าหมายได้อย่างภูมิใจแน่นอน!


4. บางครั้งการอยู่เฉยๆ ก็แย่กว่า 'การยอมรับความเสี่ยงสักครั้ง'

การอยู่เฉยๆ หรือการหลีกหนีความจริงน่ะ ใครๆ ก็ทำได้ แค่ปิดโลกของตัวเอง ไม่ต้องรับรู้อะไร ไม่ต้องแบกรับความรู้สึกของใคร ไม่กล้าลงทุน ไม่กล้าเสี่ยงอะไรสักอย่าง มันก็ง่ายสบายตัวดี แต่ถ้าทำแบบนั้นไปนานๆ ชีวิตของเธอก็จะไม่พัฒนาไปไหนเหมือนกัน!

ยิ่งในยุคนี้ การอยู่นิ่งไม่ทำอะไร ก็เหมือนขยับเท้าถอยหลังไปแล้วเรียบร้อย จึงแนะนำว่า อยากให้เธอลองเสี่ยงกับ ' สิ่งที่ดีกว่า ' บ้างสักครั้งค่ะ



ยกตัวอย่างเช่น การย้ายที่ทำงาน ถ้าเธออิ่มตัวกับที่เก่าแล้ว อยากเติบโตในสายงานและมีข้อเสนอที่ดีกว่า แม้การทำงานในสถานที่ใหม่ บรรยากาศใหม่ เพื่อนใหม่จะทำให้เธอรู้สึกกลัว แต่ในที่สุดแล้วสักวันเธอก็ต้องก้าวจาก comfort zone อยู่ดี โอกาสมาแล้วอย่าปล่อยให้หลุดมือไป!

เสี่ยงทำสิ่งใหม่ๆ อย่างการย้ายที่ทำงาน ไปเที่ยวรอบโลก ทำธุรกิจส่วนตัว etc. ตั้งแต่อายุยังน้อย หากผิดพลาดก็ยังถือว่าได้ลองแล้ว ไม่ต้องนึกย้อนไปแล้วเสียใจทีหลัง แถมลุกขึ้นเริ่มใหม่ได้เร็วกว่าไปทำตอนอายุ 40 50 ด้วยนะคะซิส



5. อะไรที่ผ่านไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ ก็ปล่อยให้มันผ่านไป!

มนุษย์ทุกคน ไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาดหรอกค่ะ! บางอย่างเราก็คิดไว้แล้วว่ามันจะต้องพัง แต่บางอย่างเราก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่สถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ ก็อาจให้ผลลัพธ์ที่เลวร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้าเราทำดีที่สุดแล้วก็ควร let it be ปล่อยให้มันผ่านไป

อย่าไปเจ้าคิดเจ้าแค้น คิดวกไปวนมาซ้ำๆ ซากๆ นอกจากจะกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว ยังทำให้สุขภาพจิตดิ่งลงเสียเปล่าๆ (〒﹏〒)



สิ่งที่ควรคิดไม่ใช่ว่า ' ฉันจะกลับไปแก้ไขยังไงดี ' แต่ควรเป็น ' เรื่องเกิดขึ้นแบบนี้แล้ว ฉันจะทำยังไงไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดซ้ำอีก ' หาจุดบกพร่องจากเรื่องนั้นแล้วหาหนทางอุดรูรั่วนั้นเสีย คราวนี้หากมีเรื่องเดิมเกิดขึ้นอีก เธอก็เตรียมพร้อมรับมือแล้ว

หรือหากเป็นเรื่องที่หนักหนามากและมีผลกระทบกับเราไปยาวๆ ก็ต้องหาทางใช้ชีวิตต่อเพื่ออยู่ร่วมกับมันให้ได้ค่ะ



6. อย่ารีบตัดสินคนอื่น เพราะชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน

บางทีสาวๆ อาจสงสัยการกระทำ พฤติกรรมของคนนั้นคนนี้ว่า ' ทำไมเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้? ', ' ทำไมตัดสินใจแบบนั้น ไม่ฉลาดเอาซะเลย ', ' เงินก็เยอะทำไมรสนิยมแย่ ' etc. ซึ่งพฤติกรรมชอบตัดสินคนอื่นล่วงหน้าแบบนี้ ควรแก้ไขด่วนๆ


เธอจะคิดว่าทุกคนต้องมีบรรทัดฐาน รสนิยม ทัศนคติตรงกับเธอทั้งหมดไม่ได้ เพราะคนเราแต่ละคนเติบโตมาไม่เหมือนกัน ถูกกล่อมเกลาด้วยสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน เราเองยังไม่อยากให้ใครมาวิจารณ์เลยถูกไหม ก็อย่าทำแบบนั้นกับคนอื่นสิ!



แทนที่จะหาแต่จุดแย่ๆ จากการกระทำของเขา ลองคิดมุมกลับเพื่อทำความเข้าใจดูไหมว่า ' ทำไมเขาถึงเลือกจะทำแบบนั้น ', ' เขาคงมีเหตุผลอะไรสักอย่างแหละ เราเป็นคนนอก เราคงคิดแทนเขาไม่ได้หรอก

'

นอกจากจะเป็นการเคารพการตัดสินใจของคนคนนั้นแล้ว ยังทำให้เราเข้าใจคนอื่นๆ มากขึ้น ไม่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางโลกมากจนเกินไปค่ะ



7. โฟกัสความสุขเล็กๆ ที่มีในชีวิต แม้ว่ามันจะเล็กแค่ไหนก็ตาม

เวลาเราอ่านบทสัมภาษณ์ของคนที่ชีวิตสงบ มีความสุข วันๆ อยู่แต่ในโลกส่วนตัว ไม่หาเรื่องทะเลาะกับใคร ไม่วุ่นวายเรื่องของคนอื่น แทบจะ 100% มักจะมีคติข้อนึงว่า ' หาความสุขเล็กๆ ที่ทำให้ยิ้มได้ในทุกวัน '

แม้ในช่วงนี้สถานการณ์จะค่อนข้างแย่ มีอุปสรรคให้ต้องก้าวผ่านมากมาย แต่ไม่ว่าชีวิตใครก็มักจะมีมุมเล็กๆ ที่ทำให้เราคิดบวกได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเล็กแค่ไหนก็ตามที



รถไฟฟ้าเสีย รถติดอยู่บนถนน แทนที่จะคิดว่า " โอ๊ย เบื่อ ร้อน รถเฮงซวย เมื่อไหร่รถจะขยับเนี่ย!! " ก็ลองคิดอีกมุมแทนว่า จะได้มีเวลาฟังเพลงหรือ podcast ที่ชอบให้นานขึ้น ได้สังเกตคนรอบตัวว่าแต่ละคนมีท่าทาง ลักษณะนิสัยอย่างไร แบบไหนที่น่าเอาไปทำตาม แบบไหนที่เราไม่ควรไปยุ่งด้วย


หรือหากไปกินข้าวที่ร้าน แต่เมนูที่ชอบหมด ก็อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย แต่ให้คิดซะว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองเมนูใหม่ๆ บ้าง ไม่แน่ว่าเมนูใหม่นั้น อาจขึ้นแท่นเมนูโปรดแทนในอนาคตก็ได้ สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่ความคิดของเราค่ะ



8. มองให้รอบด้าน แม้ในเรื่องแย่ๆ ก็ยังมี 'โอกาส' ให้มองเห็น

แม้แต่ในสถานการณ์ที่ดูแย่ ชีวิตพังทลายสุดๆ อย่างการถูก lay off จากงาน, ลงทุนแล้วขาดทุนย่อยยับ, ถูกแฟนทิ้ง, สอบมหาลัยที่อยากเข้าไม่ติด etc. มันจะดูคิดในแง่ดีไม่ได้เลยก็ตาม แต่เราเชื่อว่า แม้ในเรื่องที่แย่ที่สุดในโลก ก็ยังมีมุมดีๆ ให้คิดถึงได้เสมอ

ไม่มีอะไรที่ดาร์ค 100% เพียงเราปรับวิธีคิดเท่านั้นค่ะ



อย่างเรื่องที่ถูกเชิญออกจากงาน ก็คิดซะว่าดวงเรากับบริษัทนี้ไม่เข้ากัน เขาสูญเสียของดีอย่างเราไปแล้ว ได้เวลาหางานใหม่ที่ดีกว่านี้, แฟนทิ้ง ก็แค่เสียผู้ชายห่วยๆ คนนึงในชีวิตไป เราก็แค่หาคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม หรือถ้าสอบไม่ติดทั้งที่พยายามแล้ว ก็คิดซะว่าไม่ติดตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าเข้าไป เรียนไม่ไหวแล้วต้องรีไทร์


มันมีวิธีคิดได้เสมอแหละค่ะ เดี๋ยวเวลาผ่านไปนานๆ มานั่งนึกย้อน อาจจะนั่งขำหรือนึกขอบคุณบางเหตุการณ์ก็ได้ ที่ทำให้ชีวิตของเธอเจริญขึ้นกว่าเดิม!  //ไหว่ห้างจิบชา

♡ (˘▽˘>)



--------------------------------------


ครบทั้งหมดแล้วกับ 7 ข้อมุมมองบวก ที่อยากให้สาวๆ ได้ไปลองปรับใช้กัน มีงานวิจัยออกมาว่า การคิดบวกไม่ใช่การคิดเข้าข้างตัวเองไปวันๆ แต่มันช่วยเรื่องสุขภาพกายและจิตได้ดีมาก ลดอาการซึมเศร้า ลดความดันโลหิตสูง และอาการต่างๆ อันเนื่องมาจากความเครียด รวมถึงดูอ่อนเยาว์กว่าวัยอีกด้วย

เพียงแค่หาความสุขเล็กๆ ในชีวิตที่ทำให้เรายิ้มและหัวเราะได้ จะนึกฝัน จินตนาการจนคนว่าเพ้อบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้ามันช่วยเยียวยาหัวใจไม่ให้เราแตกสลาย มีกำลังใจใช้ชีวิตมากกว่าเดิม จริงไหมคะ ^^ มาเป็นสมาชิกชมรม positive thinking club ด้วยกันนะคะ เรารอต้อนรับเสมอ  ♡\( ̄▽ ̄)/♡

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้