1. SistaCafe
  2. ที่น้ำตาไหล ไม่ได้ดราม่า! รู้จักอาการของ 'โรคตาแห้ง' สาเหตุ และวิธีรักษา เพื่อดวงตาใสปิ๊ง ✧

" เธอออ ร้องไห้ทำไม มีเรื่องอะไรปรึกษาเราได้นะ!! "



สาวๆ เคยสงสัยไหมคะ ทำไมเพื่อนในแก๊งมาทักแบบนี้บ่อยๆ เราไม่ได้มีเรื่องดราม่าอะไรสักหน่อย แค่น้ำตาไหลโดยไม่รู้สาเหตุ...

แต่ช่วงนี้ไม่ใช่แค่น้ำตาน่ะสิ ทั้งเคืองตา ขยี้ตาจนแดงไปหมดก็ยังไม่หาย กำลังแชทกับหนุ่มเพลินๆ บางทีตาก็มัวไปเฉยๆ มองตัวอักษรไม่ชัดซะงั้น


เอ๊ะ หรือเรากำลังเป็นโรคอะไรอยู่รึเปล่า?? #เริ่มกลัวแล้วล่ะสิ (。╯︵╰。)



ถ้าเธอกำลังมีอาการเข้าข่ายเหล่านี้ สงสัยไว้ก่อนเลยค่ะ ว่าสาวๆ อาจเป็น' โรคตาแห้ง 'นั่นเอง!

แต่อย่าเพิ่งกังวลไป ถ้ารู้สาเหตุของโรคนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ เราก็สามารถรักษาได้ง่ายๆ ให้กลับมามีดวงตาใสปิ๊งอีกครั้งค่ะ!




แต่ก่อนอื่น... เราไปดูความหมายของโรคนี้กันก่อนดีกว่า ^ ^




°˖✧ ' โรคตาแห้ง ' คืออะไร °˖✧

' ตาแห้ง ' เป็นโรคตาอย่างหนึ่ง เกิดจากระบบต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติ หรือน้ำตามีการระเหยเร็วเกินไป ทำให้มีปริมาณน้ำตามาหล่อเลี้ยงดวงตาไม่เพียงพอค่ะ


โดยปกติแล้ว ดวงตาจะชุ่มชื้นตามธรรมชาติ แต่หากเราใช้งานดวงตามากเกินไป หรือใช้งานผิดปกติ อาจทำให้ไม่สบายตา เช่น เคืองตา แสบตา เป็นต้น



°˖✧ ' สาเหตุ ' ของโรคตาแห้ง °˖✧

มีหลากหลายปัจจัย ที่จะทำให้เป็น ' โรคตาแห้ง ' ได้ค่ะ ดังนี้- อาการเสื่อมของต่อมน้ำตาไมโบเมียน ( meibomian gland dysfunction: MGD )หรือต่อมที่อยู่บริเวณเปลือกตา มีหน้าที่สร้างน้ำตามาหล่อลื่นดวงตา หากต่อมนี้ทำงานผิดปกติ เราก็จะตาแห้งได้- ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล*โดยเฉพาะในเพศหญิง*ทำให้น้ำตามีคุณภาพลดลง- ใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน ( ยิ่งเป็นยี่ห้อที่ไม่ได้คุณภาพ ค่าอมน้ำต่ำ ก็ยิ่งส่งผลให้ตาแห้งได้เร็วขึ้นค่ะ )

- อาการภูมิแพ้ที่ตา อาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน มลภาวะต่างๆ


- พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ / สมาร์ทโฟนเป็นเวลานานเกินไป *สาวยุคโซเชียล 4.0 ต้องระวัง!*


- การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาต้านซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิตบางชนิด เป็นต้น



°˖✧ ' ใคร ' มีโอกาสเป็นโรคตาแห้งได้บ้าง? °˖✧


สาวๆ บางคนอาจเข้าใจผิดว่า ' โรคตาแห้ง ' เกิดจากคนที่จ้องหน้าจออย่างเดียว ผิดค่ะ! แต่หลายปัจจัยในชีวิตของเรา อาจทำให้เราเป็นโรคนี้ได้โดยไม่รู้ตัว ดังนี้



1. ชอบจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ / จอมือถือ / จอโทรทัศน์เป็นเวลานานๆ โดยไม่พักสายตาเลย


2. ชอบอ่านหนังสือเป็นเวลานาน ( ยิ่งถ้าอ่านในห้องที่มีแสงไม่เพียงพอ ก็ยิ่งปวดตาเพิ่มเข้าไปอีก )


3. แต่งหน้าจัดเกินไป ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฝุ่นผงบ่อยๆ ระหว่างแต่งหน้า ผงเหล่านั้นอาจเข้าตาโดยไม่รู้ตัว นานๆ ไปก็เกิดอาการตาแห้งได้ค่ะ


4. ใส่คอนแทคเลนส์ / ผ่านการทำเลสิก ( LASIK ) มาก่อน


5. ขี่จักรยาน / มอเตอร์ไซค์ ( เพราะเวลาขี่ ดวงตาของเราจะปะทะกับลมแรงๆ ทำให้เคืองตาได้ค่ะ )


6. กินยาบ่อยๆ เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาความดันโลหิตจาง หรือยารักษาโรคซึมเศร้าบางชนิด


7. อยู่ในห้องแอร์นานเกินไป เพราะห้องแอร์จะมีอากาศค่อนข้างแห้ง ทำให้ตาแห้งไปด้วย สาวออฟฟิศต้องระวัง


8. แพ้แสง ทั้งแสงไฟและแสงอาทิตย์ ( แสงอาจทำให้แสบตาได้ )


9. เข้าสู่วัยทอง ( เมื่ออายุมากขึ้น นอกจากสายตา ความแข็งแรงของดวงตาก็จะลดลงด้วยค่ะ )



°˖✧ ' อาการ ' ของโรคตาแห้ง °˖✧

ถ้าสาวๆ มีอาการมากกว่า 1 ข้อ ต้องระวังไว้เลยว่าอาจเป็นโรคตาแห้ง!- คันตา แสบตา ระคายเคืองตา

- มีความรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอม ' คล้ายทรายหรือฝุ่น ' อยู่ในตา แต่ขยี้แล้วก็ไม่ออก

- แพ้แสง แพ้ลม ดวงตาสู้แสงไม่ได้ ถ้าเจอแสงจัดๆ จะเจ็บตากว่าปกติ

- บริเวณตาขาวมีสีแดงจากการอักเสบ ขอบเปลือกตาแดง

- ตามัวในบางขณะ

- ตื่นนอนแล้วรู้สึกไม่สบายตา- มีเมือก หรือมีขี้ตามากกว่าปกติ- น้ำตาไหลมากกว่าปกติ

°˖✧' ผลเสียที่ได้รับ ' หากเป็น โรคตาแห้ง °˖✧

พูดเลยว่าถ้าเป็นแล้ว ไม่ควรปล่อยไว้นานๆ! เพราะหากละเลย จะส่งผลร้ายแรงแน่นอน ดังนี้ค่ะ



- ผิวดวงตาขุ่นมัว


- สายตาสู้แสงไม่ได้


- กระจกตาถลอกเป็นแผล ติดเชื้อ นานๆ ไปอาจตาบอดได้!


- เยื่อบุตาอักเสบ


- กระจกตาบางลง จนถึงขั้นทะลุได้!



°˖✧' วิธีรักษา ' โรคตาแห้ง °˖✧

หากสาวๆ คนไหนค่อนข้างแน่ใจว่าตัวเองมี' อาการตาแห้ง 'แน่นอนแล้ว ก็มาเริ่มดูแลดวงตาให้กลับมาชุ่มชื้น ใสปิ๊ง! ได้เลย ตามวิธีด้านล่างนี้ค่ะ ( ´ ∀ `)ノ~ ♡



ทำตาให้ชุ่มชื้นเสมอ เช่น หยอดน้ำตาเทียม


กะพริบตาให้บ่อยขึ้น ขณะอ่านหนังสือ เล่นมือถือ หรือจ้องจอคอม


เพิ่มความชื้นในห้องนอน หรือห้องทำงาน


สวมแว่นกันแดดเวลาเจอแดด


กินอาหารเสริมประเภทที่มี Omega-3 เช่น ถั่ว อะโวคาโด ปลาแซลมอน บร็อคโคลี่



ดื่มน้ำมากๆ ( เป็นน้ำเปล่าได้จะดีที่สุดค่ะ )


-----------------------


เป็นยังไงบ้างคะสาวๆ พอจะรู้จัก ' โรคตาแห้ง ' มากขึ้นบ้างแล้วหรือยังใครยังไม่เป็นก็รีบรักษาดวงตาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะ แต่หากใครเป็นโรคนี้แล้ว ก็ลด ละ เลิกพฤติกรรม / ปัจจัยที่กระตุ้นให้ยิ่งอาการหนักลง ควบคู่กับรักษาดวงตาด้วยวิธีธรรมชาติหากดวงตาอักเสบมาก หรือติดเชื้อ อาจต้องพบแพทย์เพื่อรับยาเพิ่มเติมค่ะ



ชีวิตเรา ตั้งแต่เกิดจนตายก็มีดวงตาเพียงคู่เดียว *ไม่มีอะไหล่ดวงตามาเปลี่ยนให้นะ* ยิ่งอายุมากขึ้น ดวงตาก็ค่อยๆ เสื่อมลงใช่ว่าตาใสๆ สมัยวัยรุ่นของเรา จะยังใช้การได้เหมือนเดิมเมื่อเราอายุ 40+ 50+ ดังนั้นทะนุถนอมดวงตาของเราให้ดีที่สุดนะคะ ^ ^วันนี้เราขอตัวไปก่อนน้า แล้วกลับมาพบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบาย


-----------------------



เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้