รูปภาพ:https://i.pinimg.com/originals/d9/0c/bf/d90cbff2c30e78be5710c94693aff039.gif

กำหนดเป้าหมายทีไรก็ทำไม่ได้ผลสักที ทำไงดีล่ะเนี่ย?เราน่าจะต้องเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้กันบ่อย ๆ ใช่ไหมล่ะคะ ตั้งเป้าหมายทีไรก็ทำไม่เคยจะได้ซ้ากที~ ก็จริงอยู่ที่ว่าหลาย ๆ ครั้งมันอาจจะมีปัจจัยภายนอกมารบกวนจนทำให้เป้าหมายมันทำได้ไม่สำเร็จเช่น จะตั้งใจอ่านหนังสือทุกวัน แต่ก็ดันมีการบ้านให้ทำเยอะจนดึกดื่นไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลย มันก็แอบเซ็ง ๆ ใช่ไหมละคะ แต่ถ้าทำไม่สำเร็จเพราะเกิดจากปัญหาภายในอย่างความเชื่อมั่นในตัวเองหรือความเชื่อเนี่ย เป็นอะไรที่เจอได้บ่อยสุด ๆ เลยละค่ะ และเพื่อไม่ให้ทุกคนตั้งเป้าหมายแล้วล้มเหลว เราก็อยากจะชวนทุกคนมารู้จัก" Manifestation ( มานิเฟสเทชัน ) "กันค่า มันคืออะไร ทำแล้วได้ผลจริงไหม อยากรู้กันแล้วละสิ อยากรู้แล้วก็มาส่องกันโลดจ้าาา ♥



☁ Manifestation คืออะไร? ☁

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/12/50/a6/1250a67c302606e46cabdc76a19b8c8e.jpg

หลายคนน่าจะสงสัยยุบยิบในใจกันละว่ามันคืออะไรManifestationก็คือการสร้างความสำเร็จด้วยความเชื่อมั่นนั่นเองค่ะ หลายคนอาจจะเอ๊ะ? มันก็เหมือน ๆ กับการตั้งเป้าหมายทั่วไปรึเปล่า จะบอกว่าคล้าย ๆ ค่ะ คือการตั้งเป้าหมายทั่วไปมันอาจจะแค่เจาะจงในสิ่งที่อยากทำ อยากเป็น ลงมือทำให้สำเร็จ แต่การ Manifestation เนี่ยมันจะเพิ่มความเชื่อมั่นเข้าไปด้วย ฟีลประมาณว่า" ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ "ซึ่งเราจะมีแค่ความเชื่อมั่นอย่างเดียวไม่ได้นะคะ เราจะต้องลงมือทำด้วยไม่งั้นก็ไม่สำเร็จน้า หลักการมันอาจจะฟังดูเหมือนเน้นไปทางความเชื่อ ความเชื่อมั่นสักหน่อย มีความมูเตลูนิด ๆ แต่มันสามารถเอามาปรับใช้ได้จริงนะเออ จะปรับใช้กับเรื่องไหนได้บ้างก็มาดูกันต่อเลยจ้า


☁ Law of Attraction กับ Manifestation เหมือนกันไหม? ☁

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/originals/a2/a0/b6/a2a0b69d8beda8bb2339337b0111477c.jpg

ต้องอธิบายก่อนว่า

Law of Attraction

คืออะไร มันก็คือกฎของแรงดึงดูดนั่นเองค่ะ โดยส่วนใหญ่ใครที่ยึดหลักการนี้ก็จะคิดว่าถ้าเราทำอะไรเราก็จะได้สิ่งนั้นกลับมาเราเป็นคนยังไงคนแบบนั้นก็จะดึงดูดเข้ามาหาเราเอง มันเป็นกฎของจักรวาลค่ะ อธิบายง่าย ๆ คือ ถ้าเราปาลูกบอลลงพื้น มันก็จะเด้งกลับมาหาเรา เป็นจริงตามแบบของวิทยาศาสตร์ ส่วนManifestationก็อย่างที่บอกเลยค่ะว่ามันคือหลักการที่เชื่อว่ามันจะสำเร็จได้และก็ต้องลงมือทำคือมีความมูเตลูหน่อย ๆเน้นไปที่จิตใจของเรามากขึ้นแต่ก็ไม่ได้ดูเพ้อเจ้องมงายเพราะก็ต้องลงมือทำด้วย สรุปแล้วส่วนตัวเราคิดว่า2 อย่างนี้มีความแตกต่างกันนะคะ แต่สามารถเอามาใช้ร่วมกันได้เช่น เราตั้งใจเรียน ผลของมันก็คือสามารถเข้าใจเนื้อหา สามารถทำข้อสอบได้และได้เกรดเฉลี่ยที่ดี มันเป็นไปตามความเป็นจริง คือเราทำอะไรก็ได้อย่างนั้น แต่เพื่อให้มันสำเร็จแน่นอน เราก็ต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองด้วยใช่ไหมละคะว่าเราจะทำมันได้ ถ้าเราท้อใจไปซะก่อน โอกาสที่จะสอบตกหรือเกรดไม่ดีก็มีสูงมากเลย รู้แบบนี้แล้วก็เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้นะคะ :-D


☁ Manifestation สามารถปรับใช้ได้กับเรื่องอะไรบ้าง? ☁

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/81/c5/d2/81c5d23b85bf51cc21d7e8661fe1cf5a.jpg

จากการอธิบายความหมายไป บางคนอาจจะรู้สึกว่ามันใช้ได้กับแค่เรื่องงานหรือการเรียนรึเปล่า? คือจริง ๆ แล้วมัน

สามารถใช้ได้กับทุกเรื่อง

เลยค่ะ เราจะตั้งเป้าหมายด้านไหนก็ใช้ได้หมดเลย ไม่ว่าจะการเรียน การงาน การเงิน ความรัก สุขภาพก็ใช้ได้หมดเลยขอแค่เรามีความเชื่อในสิ่งนั้นมาก ๆ ก็พอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัด ๆ สักนิดนึง เช่น เราจะไปพูดรายงานหน้าชั้น แล้วเราคิดว่าเราต้องทำพลาดแน่ ๆ พูดผิดแน่ ๆ จำไม่ได้แน่ ๆ มันก็จะส่งผลลบกับเราทันที เพราะเราเหมือนไปดึงพลังลบให้มันเข้ามา ถ้าเราเปลี่ยนเป็นมั่นใจ! ฉันทำได้ ซ้อมมาแล้วหนิ ไม่ต้องกลัว สะดุดยังไงก็เอาให้ผ่าน การคิดแบบนี้จะดึงพลังบวกมาให้ ทำให้เราสามารถผ่านมันไปได้ด้วยดีนั่นเอง ยังไงก็ลองไปปรับใช้กันนะคะ ♥


☁ แล้ว Manifestation มันเกิดขึ้นได้จริงไหม? เห็นผลรึเปล่า? ☁

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/90/5b/b2/905bb27cda71c9eb5505419ca20aa60b.jpg

เรื่องที่ว่าถ้าทำแล้วจะได้ผลจริงเปล่า หรือมันจะสำเร็จใช่ไหม? เรื่องแบบนี้ก็ตอบได้ยากค่ะเพราะมันก็มีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่อาจจะขวางให้เราไม่สามารถที่จะทำมันสำเร็จได้หรือต่อให้เชื่อมั่นมากแค่ไหนบางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวังตั้งใจแต่อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะล้มเหลว มันจะไม่เวิร์คตั้งแต่เริ่มน้า ให้เราเชื่อไว้ก่อน ถ้ามันไม่เป็นตามที่หวังเราก็ค่อยมาเยียวยาสภาพจิตใจจากความผิดหวังในภายหลังก็ยังไม่สายตั้งมั่นไว้เลยค่ะว่าเราทำได้ เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราทำได้ถ้าใครยังไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ ก็ไปดู " วิธีสร้างความมั่นใจ " ในบทความด้านล่างนี้ก่อนได้เล้ย~


☁ แล้วมีวิธีในการทำ Manifest บ้างไหมน้า? ☁

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/736x/b5/4a/2e/b54a2e322d8ef1d3f81f7bce3e0b7eec.jpg

จริง ๆ มันไม่มีกฎตายตัวนะคะว่าทำแบบไหนมันถึงจะสำเร็จ แต่การจะทำให้เห็นผลเลย ก็พอจะมีข้อแนะนำอยู่บ้างค่ะ

1. เราต้องรู้ข้อดีข้อเสียของตัวเอง: การรู้ข้อดีข้อเสียของตัวเองจะช่วยให้ เราสามารถรู้ว่าต้องปรับปรุงหรือพัฒนาอะไรตรงไหน แล้วก็ยังทำให้รู้ลิมิตในการตั้งเป้าหมายด้วย

2. เริ่มตั้งเป้าหมายที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง: เรารู้แล้วว่าเราเก่งอะไร ไม่เก่งอะไร เป้าหมายที่ควรตั้งแรก ๆ ก็ควรจะตั้งให้สามารถทำได้จริงก่อน เมื่อเราพัฒนาตัวเองมากขึ้นค่อยตั้งเป้าหมายใหม่ที่สูงขึ้น

3. มีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นก็ให้ยินดีกับตัวเอง: การยินดีกับความสำเร็จหรือเรื่องราวดี ๆ เพียงเล็กน้อยในแต่ละวัน ก็ช่วยให้สภาพจิตใจเราดีขึ้น แล้วก็จะช่วยให้เรามั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้นด้วย

4. ยืดหยุ่นบ้าง อย่าใจร้อน: บางครั้งเราอาจจะเชื่อมั่นจนทำให้เครียดหรืออยากให้มันเกิดขึ้นเร็ว ๆ ซึ่งการคิดแบบนี้มันจะส่งผลให้การ Manifesting ของเราพังได้ ให้พยายามเชื่อมั่นในการกระทำของเราแทน ทำอย่างสม่ำเสมอ ทำเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันก็จะประสบผลเองค่า



เป็นยังไงกันบ้างค้า? ได้รู้จักกับ Manifestation กันไป มีใครอยากลองทำบ้างไหมเอ่ย...

หวังว่าจะมีคนสนใจอยากลองทำดูน้า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้มีแค่มุมที่ดูเป็นสายมูเพียงอย่างเดียว แต่มีมุมในการทำให้เราเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นอีกด้วย อยากให้ทุกคนลองเอาไปปรับใช้กับเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตดูนะคะ ถ้าความเชื่อเรามีในสิ่งนั้น ๆ มากพอ มันจะช่วยให้เราปฏิบัติตัวจนไปถึงตรงนั้นได้แน่นอน แต่ถ้ามันทำไม่ได้ขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ดีนะคะ มันก็อาจจะมีปัจจัยบางอย่างที่เป็นอุปสรรคด้วย ยังไงก็ตามเชื่อมั่นในตัวเองและเชื่อมั่นว่าจะเกิดขึ้นจริงกันนะคะ รับรองว่าเวิร์ค! ส่วนตอนนี้เราต้องโบกมือบ๊ายบายทุกคนแล้วค่า แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ ♥