สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeที่กำลังอยู่ในโหมด' ไดเอท 'ทั้งหลายช่วงนี้เราเชื่อว่าสาวๆ ส่วนใหญ่เผลอกินเพลินเกินพิกัดกันเยอะมาก ด้วยความมีโควิด อยู่บ้านเวิร์กฟอร์มโฮม นั่งหน้าโต๊ะทั้งวัน ไม่ได้ใช้พลังงานนานๆ เข้าจนน้ำหนักพุ่งพรวด เสื้อผ้าที่ใส่ได้พอดีกลับเริ่มคับปลิ้น มีไขมันส่วนเกินตามหน้าท้อง ต้นแขนห้อยจนทำใจไม่ได้ สิ่งแรกที่หลายคนคิดก็คือ' ต้องผอมลงให้เร็วที่สุด! 'และหลายคนก็พร้อมจะผอมจริงๆ ไม่ว่าจะต้องทำวิธีไหนก็ตาม เช่น นับแคลโหดๆ อดข้าว ออกกำลังกายวันละ 3-4 ชั่วโมง ใส่สเตย์ให้กินได้น้อย หรือบางคนก็อาจไปสายมืดอย่างการพึ่งยาลดความอ้วนด้วยซ้ำ...ร่างกายคนเราฉลาดกว่าที่คิดมาก แม้จะพยายามทำให้น้ำหนักลดฮวบเร็วๆ อย่างต่อเนื่อง แต่มันไม่ได้เชื่อฟังเธอขนาดนั้น ในทางกลับกัน กลับส่งสัญญาณวี้หว่อๆ เตือนว่าที่กำลังโหมไดเอทอยู่ตอนนี้น่ะมันผิด! เปลี่ยนวิธีเดี๋ยวนี้ก่อนที่ฉันจะพัง!ถ้าเป็นสาวอวบหรือกำลังเริ่มอวบ อยู่ในช่วงไดเอท และไม่แน่ใจว่าที่ทำอยู่ตอนนี้จะโยโย่เอฟเฟกต์ภายหลังไหม ลองมาเช็กใน' 7 อาการด่วนเตือนว่าไดเอทวิธีนี้อันตราย อย่าหาทำ ถ้าไม่อยากร่างทรุด 'ถ้าตรงกับเธอแม้แต่ข้อเดียว อย่าฝืน รีบยูเทิร์นด่วน!!
1. มีความโหย อยากกินอะไรสักอย่างอยู่ตลอดเวลา
ถ้าสาวๆ รู้สึกเหมือนมีตัวอะไรสักอย่างอาศัยอยู่ในร่างกายเรา และสิ่งนั้นก็อยากกินอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา เหมือนที่คนโบราณเรียกว่า ' ผีปอบเข้าสิง ' แล้วล่ะก็ ในทางวิทยาศาสตร์เขาเรียกว่ามีอาการโหยค่ะ!
นั่งเฉยๆ ก็อยากกินขนมหวาน ไอติม คุกกี้ บิงซู ชานมไข่มุก พิซซ่าถาดใหญ่ ปูดอง หมูกระทะ คือเห็นอะไรก็อยากสูบเข้ากระเพาะไปหมด นี่แหละสัญญาณชัดว่าที่กำลังไดเอทน่ะมาผิดทางแล้ว!
การโหยคือสัญญาณเตือนว่า' ตอนนี้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ 'เป็นการตอบสนองต่อปฏิกิริยาเคมีต่างๆ ในร่างกาย และการกรีดร้องของสมองว่ามันยังไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องยัดอาหารเข้าไปเยอะๆ นะ เพราะถ้าสารอาหารไม่ครบ กินเป็นกิโลๆ ก็ยังหิวได้อยู่ดี
คนที่ไดเอทโดยกินแค่อาหารประเภทเดิมซ้ำๆ หรืออดข้าวจะเป็นกันเยอะ แก้ได้ง่ายๆ ด้วยการกินอาหารให้หลากหลายหมู่มากขึ้นโดยเน้นโปรตีนและไฟเบอร์ รับรองอาการนี้หายวับ!
2. เหนื่อย เพลีย ล้าตลอดเวลา ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ
จากที่เคยมีเรี่ยวแรงทำอะไรๆ ในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ตอนนี้แค่เดินจากชั้นหนึ่งขึ้นชั้นสองในบ้านตัวเองยังหอบแฮ่ก เหนื่อยสุดๆ จากที่ทำงานบ้านได้คล่องแคล่วก็เริ่มมีสปีดช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีแรงล้างจาน ซักผ้าก็ไม่มีแรงขยี้ แค่ถือฝักบัวรดน้ำต้นไม้ยังรู้สึกหนักแทบจะยกไม่ไหว
ลองคิดทบทวนดูดีๆ ว่า' วิธีลดความอ้วน ' ของเธอคือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการนี้หรือไม่?
ความรู้สึกเหนื่อย เพลีย อยากนอนตลอดเวลา บางทีก็ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อทั้งที่แทบไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลย คือปฏิกิริยาของร่างกายที่กำลังกักเก็บพลังงาน เพราะปัจจุบันมันมีไม่พอที่จะทำให้ร่างกายรันระบบต่างๆ เป็นปกติ จึงส่งผลให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง เผาไขมันได้น้อยลง
เช่น ถ้าเธอกินโปรตีนไม่พอ มวลกล้ามเนื้อจะลดลงเรื่อยๆ เพราะร่างกายดึงเอามาใช้ เพื่อให้การหายใจ การสั่งการของสมอง การไหลเวียนของเลือดเป็นปกติ หรือถ้ากินแป้งขาวมากเกินไป ก็ทำให้น้ำตาลในเลือดสวิง ทำให้เหนื่อยง่ายได้เช่นกัน
วิธีแก้ไขคือกินโปรตีนให้ถึงโควต้าน้ำหนักของตัวเอง และออกกำลังกายเน้นเวทเป็นประจำเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ที่สำคัญกินอาหารให้ถึงแคลอรี่ขั้นต่ำต่อวัน ( BMR ) เพื่อไม่ให้ร่างกายคิดว่าตัวเองจะอดตายนะคะ!!
3. มีปัญหาเกี่ยวกับ ' ลำไส้และระบบขับถ่าย ' อย่างหนัก
ปัญหาและโรคทุกอย่างที่เกี่ยวกับการขับถ่ายและลำไส้ เช่น ท้องอืด ท้องผูก ท้องเสีย โรคกรดไหลย้อน แก๊สในกระเพาะอาหาร อาหารไม่ย่อย ทั้งหมดคือสัญญาณที่บ่งบอกถึงอาหารที่กินโดยตรง นั่นคือขาด' ไฟเบอร์ 'ในระดับรุนแรง
อาการนี้จะเกิดขึ้นเมื่อสาวๆ กินอาหารสำเร็จรูปเยอะ หรือตัดคาร์โบไฮเดรตออกจากชีวิต ( ใช่ค่ะ กินแป้งน้อยเกินไปก็ท้องผูกได้เช่นกัน ) ซึ่งปกติแล้ว คนเราควรกินไฟเบอร์ต่อวันประมาณ 28 กรัม จึงจะขับถ่ายได้เป็นปกติค่ะ
ในอีกกรณีคือ ถ้าเธอเพิ่งหันมาเริ่มกินโฮลเกรน ถั่วและธัญพืชที่มีเนื้อค่อนข้างแข็ง หนัก ไฟเบอร์สูง และกินทีครั้งละเยอะๆ รวดเดียวไม่รอให้กระเพาะได้ปรับตัว ก็อาจทำให้อึดอัดท้องได้เช่นกัน แก้ไขได้ด้วยการกินทีละน้อย แต่กินบ่อยๆ
และดื่มน้ำ 1 แก้วใหญ่ทุกครั้งในมื้ออาหารที่มีไฟเบอร์สูง น้ำจะช่วยทำให้ไฟเบอร์เข้าไปในลำไส้ได้ง่ายขึ้น ป้องกันกรดแก๊สเกิน มีพุง ( ปลอม ) ปลิ้นได้ค่ะ
4. มีอาการ ' มึนหัว ปวดหัว ' อย่างรุนแรง
แต่ก่อนเป็นคนหัวโล่ง สมองไบรท์มาก ตื่นนอนมาก็พร้อมคิดงานได้ทันที ตอนนี้เริ่มวันมาก็รู้สึกหัวหนักอึ้ง เบลอๆ มึนๆ อึนๆ บอกไม่ถูก บางทีก็ปวดหัวจี๊ด ปวดหัวตุ๊บขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ
บางทีนั่งทำงานไปตอนเช้า ช่วงบ่ายๆ เอาละ เริ่มปวดหัวต้องกินยา ทั้งที่งานก็ไม่ได้เครียดขนาดนั้น ถ้ามีอาการแบบนี้ทุกวันหลังเริ่มไดเอท ให้แน่ใจไว้เลยว่าวิธีนี้กำลังทำให้ร่างกาย ' เครียดถึงขีดสุด ' อยู่ค่ะ
เมื่อสาวๆ กินคาร์โบไฮเดรตหรืออาหารชนิดอื่นๆ ไม่เพียงพอ ระดับน้ำตาลในเลือดจะตกลงอย่างกะทันหัน ซึ่งหนึ่งในสัญญาณนั้นก็คือการปวดหัวนั่นเอง บางคนทำงานใช้สมองเป็นหลัก ถ้าปวดหัวจะทำงานไม่ได้เลย เสียหายหนักมาก!
เพื่อหลีกเลี่ยงอาการเหล่านี้ ให้เพิ่มคาร์โบไฮเดรตมากขึ้นในมื้ออาหาร แต่ควรเป็นอาหารคลีนที่มีไฟเบอร์ผสมด้วย เช่น ลูกแพร์ แอปเปิ้ลและแครอท เป็นต้น
5. มีอาการดิ่ง ซึมเศร้า ฮอร์โมนแปรปรวน ทั้งที่ชีวิตปกติดี
อย่าล้อเล่นกับฮอร์โมนในร่างกายเด็ดขาด เพราะมันส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึกของคนเราได้จริงๆ แค่กินอาหารไม่ถูกวิธี จากคนที่ร่าเริงสดใส อารมณ์ดีทั้งวัน ก็อาจมีภาวะซึมเศร้า หม่นหมอง คิดลบ หรือกลายเป็นคนโกรธง่าย โมโหร้ายเหมือนเป็นคนละคนกันเลย
เพราะภาวะซึมเศร้ากับการขาด ' โอเมก้า 3 ' ในร่างกาย มีความเชื่อมโยงกันในแง่วิทยาศาสตร์ค่ะ
แม้บางงานวิจัยจะเผยว่าการกินน้อยหรือกินปกติ จะไม่ส่งผลกระทบกับภาวะทางจิตสำหรับทุกคน แต่ก็มีรายงานว่าคนที่กินกรดไขมันโอเมก้า 3 น้อยเกินไป ( ซึ่งพบได้ในน้ำมันมะกอก ปลาแซลมอนและวอลนัท ) จะทำให้คนมีภาวะดิ่ง มีอารมณ์เศร้าได้ง่ายขึ้น
ถ้าเธอเคยยิ้มเก่งมาตลอด แต่ตอนนี้กลับอยากเหวี่ยง อยากฟาดใครสักคนอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในช่วง PMS ประจำเดือน ลองปรับมื้ออาหารให้สมดุลมากขึ้นดูนะคะ แล้วเธอจะย้อนกลับมางงตัวเองว่า " ตอนนั้นฉันคิดแบบนั้นไปได้ยังไง?? "
6. เริ่มมีอาการ ' งงๆ ขี้หลงขี้ลืม ' ความทรงจำขาดหายเป็นพักๆ
ฉายาคนเบลอ คนเอ๋อ ไม่ใช่เรื่องตลกอีกต่อไป! จากที่เมื่อก่อนความจำแม่นยำมาก อะไรวางไว้ตรงไหน คนนี้ชื่ออะไร เกิดวันที่เท่าไหร่ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วกินอะไรเข้าไปก็ยังจำได้ ตอนนี้กลับมีความหลงๆ ลืมๆ เอ๊ะ ปิดแก๊สแล้วมั้ยนะ? ส่งงานให้บอสหรือยัง? ให้ข้าวเจ้าเหมียวไปแล้วรึเปล่า?
แถมบางทีความทรงจำขาดหายเป็นพักๆ อีกแน่ะ ตอนเช้าจำได้ว่าตื่นมา แต่ช่วงสายจำอะไรไม่ได้ ตัดมาอีกทีตอนบ่ายเลย นึกยังไงก็นึกไม่ออกเฉย แบบนี้มีปัญหาแล้ว!
ที่เป็นแบบนี้เพราะวิธีลดความอ้วนของเธอกำลังทำร้าย ' หัวใจ ' อยู่ และถ้าหัวใจทำงานไม่ดี ก็จะส่งผลกับสมองและความจำของเธอด้วย! มีการศึกษาทางประสาทวิทยาตีพิมพ์ไว้ว่า ผู้หญิงที่กินไขมันอิ่มตัวไม่ดี เช่น เนย เบอร์เกอร์ มีผลทดสอบของการคิดและความทรงจำแย่กว่าคนที่แทบไม่กินไขมันชนิดนั้นเลย
ดังนั้นถ้าอยากมีความจำที่ดี ไม่ขี้ลืม ก็ต้องตัด หรือลดไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ออกจากมื้ออาหารให้ได้มากที่สุด เน้นผักผลไม้ โฮลเกรน โปรตีนไร้หนัง ถั่วและธัญพืชแทน นอกจากสารอาหารครบกับร่างกาย ลดน้ำหนักได้ดีแล้ว ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและฟลาโวนอยด์ที่ช่วยบำรุงสมองอีกด้วยนะ
7. มีปัญหาผิว สิวขึ้นเพียบแบบไม่รู้สาเหตุ
จากที่เคยเป็นคนผิวหน้าเนียนใส แทบไม่มีสิวขึ้น จะมีบ้างสักเม็ดสองเม็ดก็ช่วงมีประจำเดือน แต่ตอนนี้เรียกได้เลยว่า ' หน้าพัง ' สิวเรียงตัวขึ้นกันมาเป็นแพ็กเกจ จับหน้าตัวเองแล้วรู้สึกอยากจะกรี๊ด
ส่วนที่เคยเต่งตึงก็ดันมีริ้วรอยเล็กๆ ขึ้นมาทั้งที่ยังอายุไม่ได้เยอะ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าอาหารที่เธอกินทุกวันนี้ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกาย เพราะถ้าร่างกายแย่ มันก็เชื่อมต่อกับผิวโดยตรง ผิวจึงแย่ตามไปด้วย!
ปัญหาผิวส่วนมากมักมาจาก ' การอักเสบ ' ในร่างกาย ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสาวๆ กินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมันมากเกินไป แป้งจะถูกย่อยเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ซึ่งเจ้าน้ำตาลตัวดีนี่แหละทำให้ร่างกายอักเสบได้มากมาย!
หรือการขาดวิตามิน แร่ธาตุที่จำเป็น กินกรดไขมันที่ดีน้อยเกินไป ก็ทำให้ผิวพังได้เช่นกัน ถ้ารู้สึกว่าผิวแย่ลงชัดเจนตั้งแต่ไดเอท ควรเปลี่ยนชนิดอาหารทันที เน้นโปรตีน ไฟเบอร์และไขมันดีในปริมาณที่เหมาะสม รับรองว่าผิวจะค่อยๆ ดีขึ้นแน่นอนค่ะ
------------------------------------
ถ้าไม่อยากสุขภาพทรุดหนัก ก็รีบ stop วิธีไดเอทสุดแปลก ฝืนธรรมชาติของซิสกันได้แล้ว ก่อนที่ระบบในร่างกายจะทยอยพังไปทีละส่วน เบาหน่อยก็อาจจะแค่โยโย่ น้ำหนักเด้งขึ้น แต่ถ้าใครร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิม อาจจะทำให้หน้ามืด เวียนหัวเป็นลมบ่อยๆ มีภาวะซีด เลือดไหลเวียนไม่สมดุล ลำไส้อักเสบ กระดูกเปราะ กล้ามเนื้อเสียหาย หรือช็อคจนต้องเข้าโรงพยาบาลได้เลยนะอย่าลืมว่ากว่าน้ำหนักเราจะขึ้นมาได้ ก็ต้องอาศัยการกินเกินโควต้าแคลอรี่ต่อวันมาเป็นเวลานานเช่นกัน อย่าหวังว่าจะต้องลดได้ 10 กิโลใน 1 เดือน หรือสัปดาห์นึงต้องลดได้ 5-6 กิโล ยิ่งทำให้ร่างกายเสียหายแบบไม่มีวันหวนย้อนกลับ ใช้วิธีธรรมดาๆ อย่างคุมอาหาร ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ ให้น้ำหนักค่อยๆ ลงตามสเต็ปน่ะดีที่สุดแล้ว เชื่อเรานะคะ (๑・ω-)~♥”
Cr. 21 Warning Signs You Need to Change Your Diet—Fast [eatthis.com]
https://www.eatthis.com/weight-loss-diet/