"รอยสัก ไม่ใช่ตัวตัดสินว่าใครจะเป็นอย่างไร"ดอลลี่เชื่อว่าในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป การพัฒนาทางเทคโนโลยี รวมไปถึงการพัฒนาทางความคิดต่าง ๆ ได้เข้ามามีบทบาทในสังคมมากขึ้น ส่งผลให้ความคิดและมุมมองต่อคนที่มีรอยสักในปัจจุบันย่อมเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่ายุคสมัยก่อน แต่แน่นอนว่าก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ยังมีมุมมองและภาพจำที่ไม่ดีต่อคนที่มีรอยสัก ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หรือพยายามอธิบายเช่นไร เขาก็ยังมีความคิดที่ต่อต้านรอยสักอยู่ดี วันนี้ดอลลี่เลยอยากจะชวนทุกคนมาพูดคุยกันถึงประเด็นรอยสักกับคุณค่าของคนภาพจำต่อคนที่มีรอยสักเป็นอย่างไร รวมไปถึงการเปิดมุมมองในแง่ศิลปะที่เกี่ยวข้องกับรอยสักถ้าพร้อมแล้วตามไปอ่านกันได้เลย!

รูปภาพ:

รอยสักกับคุณค่าของคน เมื่อคนไทยมีภาพจำเกี่ยวกับรอยสักที่ฝังลึก

รูปภาพ:

สำหรับคนยุคใหม่รวมไปถึงวัยรุ่นยุคใหม่ก็คงจะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ? ทำไมคนเฒ่าคนแก่ถึงไม่ชอบและอคติกับคนที่มีรอยสักนัก ในใจเราอาจจะคิดว่า

' นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว โลกเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มีใครมานั่งตัดสินคนที่รอยสักกันแล้วล่ะ '

แต่เพื่อน ๆ รู้มั้ยคะว่าสิ่งที่คนมีอายุส่วนใหญ่เหล่านี้ยังยึดติดและคิดลบกับคนที่มีรอยสักอยู่ เพราะมีภาพจำค่ะ เช่น ค่านิยมการทำงานราชการที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนให้การนับถือก็มีข้อระเบียบที่ว่า ไม่รับคนที่มีรอยสัก รวมไปถึงสถานที่ทำงานบางแห่งก็มีกฎเช่นนี้อยู่เหมือนกัน เมื่อถามถึงที่มาก็คงต้องย้อนไปที่การให้ความหมายของคำว่า

' สัก '

ตั้งแต่ในอดีตกันเลยทีเดียว

โดยการสักข้อมือในอดีตแสดงว่าได้ขึ้นทะเบียนเป็นชายฉกรรจ์หรือมีสังกัดกรมกองสักหน้าแสดงว่าเป็นผู้ต้องโทษปราชิก ถือว่าเป็นความเชื่อเก่า ๆ ของคนโบราณที่

การสักมักจะใช้แบ่งแยกผู้คนว่าคือทาส ไพร่ หรือคนชั้นล่าง

รวมทั้งการสักยันต์ เป็นเหมือนเครื่องรางของขลังตามความเชื่อ

เป็นที่นิยมในหมู่คนสองกลุ่ม คือ กลุ่มอันธพาล อาชญากร และพระภิกษุที่คิดจะปกป้องตนเองและผู้อื่นจากสิ่งชั่วร้ายโดยการสักยันต์

ด้ว

ยความหมายข้างต้นนี่เองจึงเป็นสาเหตุของความคิดลบที่มีต่อผู้ที่มีรอยสักอันฝังรากลึกมาอย่างช้านานตั้งแต่ในอดีตนั่นเองค่ะ

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน เรื่องของ ' รอยสัก ' จึงกลายเป็นเรื่องของ ' ศิลปะ '

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/1a/e4/7b/1ae47b99f3dfbf0c61a31bed609f510c.jpg

จากภาพจำในอดีตที่มีมานาน จะเห็นได้ว่าจากการให้ความหมายของการสักในสมัยก่อนค่อนข้างเป็นไปในทางที่ไม่ดีทั้งสิ้น และเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป ยุคแห่งความเจริญทางวัฒนธรรมและความคิดได้เข้ามามีบทบาทในสังคมมากขึ้น ทำให้ผู้คนมีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องของรอยสักที่เปลี่ยนแปลงไป

รอยสักได้กลายเป็นเรื่องของงานศิลปะที่อยู่บนเรือนร่าง

ผู้ที่ต้องการสักสามารถครีเอทและออกแบบลวดลายได้ตามที่ใจต้องการ ซึ่งในปัจจุบันก็มีการสักเกิดขึ้นมากมายหลากหลายรูปแบบ เช่น การสักภาพที่มีเรื่องราวและเกี่ยวข้องกับตนเอง การสักสไตล์มินิมอล การสักยันต์ การสักรูปศิลปิน ดาราไอดอลที่ชื่นชอบ เป็นต้น

รอยสักกับคุณค่าของคน รวมคนมีชื่อเสียงกับการสักที่ช่วยแปรเปลี่ยนภาพจำ

รูปภาพ:

หลาย ๆ คนคงจะสงสัยว่าอะไรบ้างที่ช่วยเปลี่ยนแปลงภาพจำเกี่ยวกับ

' รอยสัก '

ให้ดีขึ้นในปัจจุบัน และสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างมีอิมแพคที่สูงมากก็คือ เมื่อคนมีชื่อเสียงเริ่มหันมาสักเพราะชื่นชอบในงานศิลปะของการสักนั่นเองค่ะ อย่างที่ดอลลี่บอกว่า

รอยสักคือศิลปะ

ดังนั้นคนที่ชื่นชอบในงานศิลปะก็คงอยากที่จะสร้างศิลปะบ้างใช่มั้ยล่ะคะ ยกตัวอย่างคนดังระดับโลกอย่าง

Angelina Jolie

ที่ชื่นชอบการสักแบบไทย และได้บินมาสักถึงที่ประเทศไทยกันเลยทีเดียว ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าชาวต่างชาติชื่นชอบการสักของไทยกันมากจริง ๆ ค่ะ

รอยสักกับคุณค่าของคน เมื่อรอยสักไม่ใช่ตัวตัดสินคุณค่าของใคร

รูปภาพ:

สุดท้ายแล้วสิ่งที่ดอลลี่อยากจะบอกกับทุกคนก็คือ เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ความเชื่อต่าง ๆ ที่เคยมีมาตั้งแต่อดีตก็ควรที่จะปรับให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน จริงอยู่ที่ในสมัยก่อนคนที่มีรอยสักส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่ไม่ดี แต่ ณ ปัจจุบันผู้ที่สักต่างก็สักเพียงเพราะความชื่นชอบและมองว่าเป็นงานศิลปะที่อยากประทับไว้บนร่างกายของตนเองก็เท่านั้น ดังนั้นแล้วไม่ควรที่จะตัดสินคนเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกหรือความชอบส่วนตัวของเขานะคะซิส เราทุกคนล้วนมีความชื่นชอบที่แตกต่างกันออกไป ในเมื่อสิ่ง ๆ นั้นอาจจะยังไม่ใช่ความชอบของเรา ก็ไม่ได้แปลว่าบุคคลนั้นผิดหรือแปลกแยกไปจากสังคม

การเคารพในความแตกต่างและความชอบของผู้อื่นพึงเป็นสิ่งที่คนยุคใหม่ หัวใจคิ้วท์ ๆ แบบเราควรทำอย่างยิ่งค่ะ ^^

*୨୧ ┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈┈ ୨୧*

จบไปแล้วกับการพาทุกคนไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องรอยสักกับคุณค่าของคนหวังว่าทุกคนจะได้สาระและมุมมองดีดีเพิ่มขึ้นนะคะซิส อย่างที่ดอลลี่บอกว่าทุกคนล้วนมีความชอบที่แตกต่างกัน ดังนั้นอย่าตัดสินใคร ถ้าหากยังไม่รู้จักเขาดีพอนะ สามารถนำไปใช้ได้กับทุกเรื่องเลยล่ะ สำหรับวันนี้ก็ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้านะคะบ๊าย บาย

ขอขอบคุณแหล่งรวมรูปภาพประกอบ

http://www.pinterest.com

บทความแนะนำ ที่ซิสต้องไม่พลาด