สวัสดีฮ้าาา สาวๆ
SistaCafe
ทุกๆ คน ฮี่ๆ ยิ้มแป้นมาเลยวันนี้ อารมณ์ดีเพราะเพิ่งไปเที่ยวมา 555 ในบทความนี้เราจะมา
รีวิวการไปเที่ยวเกาหลีครั้งแรก
และ
เป็นการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกอีกด้วย
ที่สำคัญ เป็นแปลนไปเที่ยวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวอีกต่างหาก สาวๆ คนไหนที่ตั้งใจจะไปเที่ยวเกาหลี ลองอ่านเอาไว้เป็นประสบการณ์กันได้นะคะ ฮี่ๆ ^[+++] ^
อะแฮ่ม ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าจะไปเกาหลี คนก็จะเลือกไปเมืองหลวงอย่างกรุงโซลกัน แต่การไปเที่ยวครั้งนี้ของเรา จะเน้นไปนอก Hot Spot ที่หลายๆ คนเคยอ่านมา โดยเราจะไปเที่ยวกัน 4 วัน 3 คืน และ
Highlight ของงานคือ เมืองปูซาน
จ้า หนังเพิ่งฉายไป อารมณ์ยังไม่จบดี แถมยังได้รับโอกาสจาก
Korea Tourism Organization
ของประเทศไทย ให้ได้ลองไปลิ้มชิมรสชาติการท่องเที่ยวปูซานตามมาติดๆ งานนี้ฟินจากหนัง แล้วมาฟินกับปูซานต่ออีก ฟินเฟอร์เออเร่อ เออรักกันเลยทีเดียว
โอเค เนื่องจากว่าเราไปหลายที่มาก เราก็เลยจะแยกให้ดูเป็นวันต่อวันนะคะ ว่าไปที่ไหนยังไงบ้าง จะได้อ่านกันง่ายๆ ^^
วันที่ 1 : สัมผัสธรรมชาติ แห่งปูซาน
วันแรกที่เราเดินทาง เดินทางโดยสายการบิน Jeju หน้าซงจุงกิยิ้มแป้นมาแต่ไกล เช็คอินเสร็จก็ขึ้นเครื่องบินตอนช่วงเที่ยงคืนครึ่งค่ะ ปกติเป็นคนกลัวความสูงมาก วินาทีแรกที่เครื่องบินร่อนขึ้นอากาศนี่เสียวแว้บบบ ขนลุกซู่กันเลยทีเดียว TvT แล้วเราก็ไปถึงที่สนามบินกิมแฮตอน 8 โมงกว่าๆ ตามเวลาเกาหลี
พอมาถึงแล้วเราก็มีรถตู้มารับ โดยที่แรกที่เราไปเลยคือ
Centum City
เป็นแหล่งช็อปปิ้ง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่
Spaland
แดนมหัศจรรย์ ที่ช่วยให้เราได้ผ่อนคลายหลังจากนั่งเครื่องบินมาประมาณ 4 ชม. และไม่ได้นอน หึๆๆ โดยที่นี่จะเป็นแหล่งรวมการผ่อนคลายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแช่น้ำร้อน อบซาวน่า นวดตัว ที่ฟินสุดๆ
มาที่เดียวรวมทุกการผ่อนคลายเลยทีเดียว
ที่เราชอบมากที่สุดเลยก็จะเป็นห้องซาวน่า ที่จะมีหลากหลายห้องมาก โดยแต่ละห้องจะมีธีม และความร้อนที่ต่างกันไป แล้วก็มีที่นอนพักแบบในหนัง ในซีรีย์ที่เราเห็นด้วยนะ
จากนั้นเราก็เคลื่อนตัวกันไปต่อที่
Busan Cinema Center
เป็นสถานที่สำหรับจัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน อาคารมีรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ และได้ลงกินเนสบุคเรื่องมีหลังคาอาคารที่ยาวที่สุดอีกต่างหาก แถมตรงหลังคาจะมีแสงสีตอนกลางคืนด้วยนะ สวยกันจุดใจเลย
เที่ยงๆ บ่ายๆ ได้ฤกษ์กินข้าวกินปลาแล้ว อาหารเกาหลีมื้อแรก ก็เป็นของร้านอาหาร ด้านใน Busan Cinema Center นี่แหละค่ะ ไม่ใช่ร้านอาหารธรรมดานะ เป็นบุฟเฟต์อาหารเกาหลี ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายมาก กินแบบจุใจไม่อั้น!
หลังจากเสร็จสิ้นอาหารกลางวัน ก็ตรงไปที่
Haeundae Beach
เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของเมืองปูซานเลยก็ว่าได้ ชาวเกาหลีหลายคนก็นิยมมาเที่ยวกัน เพราะที่เกาหลีเป็นเมืองที่รายล้อมไปด้วยทะเลก็จริง แต่ชายหาด Haeundae เป็นทะเลและมีหาดทรายให้เดินเล่นกันชิลล์ๆ บอกเลยว่าน้ำใส และอากาศดีมากๆ ทิวทัศน์สวย เหมาะกับการถ่ายรูปที่สุด ช่วงกลางคืนก็มีคนมาร้องเพลง เล่นดนตรีกันอีกต่างหากนะ
เวลาดูหนังหรือซีรีส์เกาหลีเรามักจะได้เห็นฉากตัวละครยืนทาน Fish Cake กันอยู่ข้างทาง ถ้านึกไม่ออกก็นึกถึงโอเด้ง ที่เป็นเหมือนลูกชิ้นเสียบไม้อ่ะ ฉะนั้นเรามีพิกัด Fish Cake สุดแสนอร่อยมาแล้ว เป็น
Fish Cake Cafe
ชื่อดังในปูซาน มีหลายรูปแบบและอร่อยสุดๆ เข้าไปในร้านคนก็เดินเยอะอยู่นะ แล้วยังมีออเดอร์ที่จัดส่งเป็นลังๆ แบบไม่ได้พักกันเลย
กินของคาวเสร็จ ก็มาดูของดีของหวานของปูซานกันที่
Op's Bakery
มีหลากหลายเบเกอรี่ให้เลือก ตั้งแต่ขนมปังยันเค้ก ใครเก็บดีๆ ซื้อไปเป็นของฝากได้เลยนะ
ในมื้อเย็นเราได้ทานอาหารท้องถิ่นของเกาหลี เรียกว่า
NAKJI BOKKEUM
หรือที่เราเรียกกันว่า
Spicy Octopus
โดยโต๊ะหนึ่งจะนั่งได้ประมาณ 4 คน มีหม้อต้มหนึ่งอัน ข้าวอัดเต็มคนละหนึ่งถ้วย พร้อมกับเครื่องเคียง เป็นการทานอาหารที่เราชอบมาก ช้อนกับตะเกียบยาวๆ ใช้แล้วฟินดี แถมยังมีเครื่องเคียงให้ทานแกล้มเล่นๆ อีก อร่อยอ้ะ!
หลังจากท่องเที่ยวมาทั้งวันก็ได้เวลาเช็คอิน เราอยู่กันที่โรงแรม
Best Western
ห้องนอนสบาย หรูหรา ห้องน้ำมีอ่าง อยู่ใกล้กับชายหาด Haeundae แถมยังมีร้านอาหาร และแหล่งของกินให้เดินเล่นอีกต่างหาก
วันที่ 2 : ไฮไลท์ทัวร์ชมเมืองปูซาน
เรื่องความสวยความงามเป็นสิ่งสำคัญกับสาวเกาหลีมาก วันนี้เรามาเสริมสวยกันที่ร้าน
Mi Mong
เป็นร้านที่เด่นเรื่องการทำ
Nail Care
มีห้องนวด และบริการต่อขนตาอีกต่างหาก โดยที่ร้านนี้ไม่เหมือนร้านอื่น คือจะ
เน้นเรื่องการฟื้นฟูปัญหาเล็บ
ด้วย คือนอกจากทำเล็บสวยแล้ว คนที่มีปัญหาเล็บบิ่น เล็บเหลือง เล็บเสีย นิ้วด้าน หนังด้าน สามารถมาที่ร้านนี้ได้เลยค่ะ
เนื่องจากปูซานเป็นเมืองของเกาหลีที่อยู่ติดกับทะเล เพราะฉะนั้นอาหารที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ
ปลา!
เป็นเมืองที่โดดเด่นเรื่องปลามาก มื้อเที่ยงของวันนี้เรามาทานเมนูปลากันที่ร้าน Local โด่งดังของปูซาน มีดาราหลายคนมาทานแล้วนะ
ออกมาด้านนอก ตรงลานข้างๆ มี
Busan Design Center
ซึ่งบางวันจะจัด Night Market ขายของและโชว์ดนตรีครึกครื้นกันน่าดู จะว่าไปเกาหลีนี่เขาก็ส่งเสริมเรื่องดนตรีกันชัดเจนดีนะเนี่ย ไปที่ไหนก็มี
ต่อจากนี้เรากำลังตรงหน้าไปที่วัด Haedong Yonggung แต่ก่อนหน้านั้น ได้ไปถนนแห่งหนึ่งซึ่งฟังไกด์พูดไม่ทัน หึๆๆๆ จำได้ว่าเป็นแหล่งที่ชอบใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ ถึงจะจำชื่อไม่ได้แต่บอกได้ว่าเป็นที่ที่สาวกซีรีส์เกาหลีต้องมา เพราะอะไรน่ะเหรอ...
โอเค ได้ไปชมวัดกันจริงจังซะที
วัด Haedong Yonggung
เป็นวัดที่มีเนื้อที่กว้างมากๆ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ และสัญลักษณ์ทางศาสนา บันได้เป็นหินมีเอกลักษณ์ดี แถมมีวิวที่สวยสุดๆ ไปเลยนะ
ที่เที่ยวต่อไป เป็นสิ่งที่ถ้ามาปูซานแล้วพลาดไม่ได้
Jagalchi Market
หรือตลาดปลา ตั้งแต่ที่เราเดินเข้าไป จะพบกับปลาหลากหลายพันธุ์ ยังกับเดินอยู่ในอควาเรียมเลยทีเดียว ( เกินไปๆ ) เพราะเป็นเมืองติดทะเล ตลาดปลาจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในปูซาน แม้แต่คนเกาหลีเอง
นอกจากมีซานโตรินี่ของเกาหลี แล้วก็มาต่อกันที่
Busan Film Festival
ที่เราขอยกให้เป็นสำเพ็งของเกาหลีเลยเอ้า! อ่อ ไม่ใช่ๆ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของปูซาน ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเมียงดงของกรุงโซลยังไงยังงั้น ทั้งของกิน Street Food ความครึกครื้นของคน และร้านขายของเรียงราย ที่มีตั้งแต่ของกินยันเครื่องสำอาง เอาจริงๆ
แอบบอกว่าที่นี่ของถูกมาก
เครื่องสำอางก็จัดโปรโมชั่นไม่เหมือนกับกรุงโซลด้วยนะ
ถ้าต้องการมาซื้อเครื่องสำอาง แนะนำที่นี่เลยแหละ!
คิวต่อไปเป็นไฮไลท์ของปูซานเลยก็ว่าได้ เพราะเราจะไป
นั่ง
รถบัสชมเมืองปูซานกัน
ด้วย Busan City Bus Tour ตั้งแต่สถานีปูซานจนถึง Haeundae Beach!! ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าคงเหมือนนั่งรถชมวิวเฉยๆ แต่ไม่เลยค่ะ มันมีอะไรเซอร์ไพรส์กว่านั้น
วันที่ 3 : ท่องเที่ยวซองโด
หลังจากเที่ยวปูซานมา 2 วันเต็มๆ วันนี้เราจะย้ายมาเที่ยวที่
ซองโด
กัน โดยจะนั่งรถไฟ
KTX ที่สถานีปูซาน
ที่เราไปขึ้นรถบัสเมื่อวานนั่นแหละ ให้อารมณ์ Train To Busan มากบอกเลย ยิ่งอินๆ อยู่ 555
ถ้าพูดถึงเมืองซองโด
หลายคนที่ตาม
แฝด 3 แทฮัน มินกุก มันเซ
ต้องกรี๊ดกันแน่นอน เผลอๆ แอบตามยันบ้าน เสียดายไม่รู้ที่อยู่ ชิ! แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เป็นแฟน 3 แฝด ต้องไม่พลาดร้านคิมบับ
'ร้าน
바르다 김선생
'
สาขาใกล้บ้านของ 3 หน่อน่ารัก พอไปลองชิมปุ๊ป ก็เลยได้รู้เลยว่าทำไมเด็ก 3 คนชื่นชอบกันมากกกกก
มาเกาหลีทั้งที เชื่อว่าหลายคนคงเตรียมเงินกันมาซื้อของกลับไปกันน่าดู ไม่ต้องห่วงถ้าคุณยังไม่ได้ใช้เงิน ให้ไปลุยแหล่งช้อปปิ้งละลายทรัพย์กันที่
Canal Walk
เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้พักผ่อน เดินเล่น และช้อปปิ้งแบบครบวงจร
ที่ปูซานมีนั่งรถบัสทัวร์รอบเมือง
ที่ซองโดก็มีให้ล่องเรือชมทิวทัศน์ท่ามกลางแม่น้ำ
เหมือนกัน อยู่ใกล้ๆ ที่พักเลย เราสามารถขึ้นเรือได้โดยการซื้อตั๋วและรอคิวในแต่ละรอบ มีร้านค้าให้ซื้อของว่างไปทานกันชิลล์ๆ ด้วยนะ
ดูทิวทัศน์ยังไม่พอใจใช่มั้ย งั้นมานี่เลย
G Tower
ตึกสูงที่จะทำให้เราได้เห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลอย่างพอใจ โดยชั้นที่เราจะสามารถดูวิวได้คือ ชั้น 33 มีคู่รักหลายคู่มาเดทกันที่ตึกนี้กันเยอะพอสมควรเลยนะ
ยังๆ ยังไม่หมดเท่านี้ ปกติก็มีที่ให้เที่ยวเยอะแล้ว หลังจากมีกัปตันยูเข้ามา ก็ทำให้มีที่เที่ยวเพิ่มขึ้นไปอีก หลายคนอาจสงสัยว่าเกี่ยวอะไร เกี่ยวสิ เพราะโปรแกรมต่อไปเราจะไปกันที่
dal.komm COFFEE
หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญซีรีย์เรื่อง
The Descendant Of The Sun
ที่ร้านได้บ่งบอกไว้ชัดเจนว่า กัปตันยู หมอคังเคยนั่งกันที่โต๊ะไหน งานนี้ติ่งเกาหลีอย่างเราจะพลาดได้ยังไงเน้อ
เที่ยวกันจนเหนื่อยด้วยความฟิน มาฟินยกกำลังสองด้วยมื้อเย็นที่
Shabuzen
ร้านที่อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมเราเลย บอกได้ว่าของดีจริงอะไรจริง อาหารอร่อย บริการเยี่ยม บรรยากาศเยี่ยม โดยที่เราไปกินนั้นสั่งมาเป็นชุดเนื้อและทะเล ราคาประมาณพันกว่าบาท ซึ่งชุดหนึ่งกินได้ 4 คน แบบไม่หมดด้วยนะ!
วันที่ 4 : Free Time ณ กรุงโซล
วันที่ 4 นี้ สามารถเที่ยวได้ตามใจเราเลย ที่เราวางแผนไว้มีหลายที่อยู่ แต่ที่ตั้งใจไปให้ได้คือ พระราชวังคยองบกกุง กับย่านเมียงดง โดยเราได้รับบัตร
Discover Seoul Pass
ซึ่งสามารถนำไปเที่ยวได้ถึง 16 แห่งในกรุงโซลแบบฟรีๆ ซึ่งเราสามารถนำไปใช้ได้ที่
พระราชวัง Gyeongbokgung, พระราชวัง Changdeokgung , พระราชวัง Changgyeonggung, พระราชวัง Deoksugung, Jongmyo (Royal Shrine),N Seoul Tower , Trickeye & Ice Museum, Alive Museum, Figure Museum W,Grévin Museum, K-live K-pop hologram concert, Leeum Samsung Museum of Art, MBC WORLD, Museum Kimchikan, National Museum of Modern and Contemporary Art, Seoul, Seodaemun Prison History Hall
โดยระยะเวลาที่ใช้คือ 24 ชม. และสามารถเติมเงินเข้าไปใช้เป็น T Money ได้ตลอดเลยค่ะ อันที่จริงอยากมีหลายที่ที่อยากใช้มาก แต่เวลาจำกัดเราเลยได้ใช้กับพระราชวังคยองบกกุงอย่างเดียวค่ะ เสียดายนิดหน่อย ฮึกๆ
ที่แรกที่เราไปเป็นพระราชวังคยองบกกุง เดินไปขึ้นใต้ดินใกล้ๆ โรงแรมเลยค่ะ ขอบอกก่อนว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับรถไฟในเกาหลี 555 งงมาก คือพอเดินเข้าไปปุ๊ป รังสีความไม่รู้คงเข้าตาเจ้าหน้าที่ เพราะเดินเข้าไป เขาก็เข้ามาถามทันทีว่าจะไปไหน เราก็พยายามบอกว่าจะไปพระราชวัง เจ้าหน้าที่ใจดีมาก เอาแผนที่มาขีดให้พร้อมบอกว่า
ไปสายสีฟ้า
แล้วเปลี่ยนเป็น
สายสีน้ำเงินที่ Bupyeong
แล้วก็
เปลี่ยนเป็น
สายสีส้มที่สถานี Jongno
ก็ต่อไปพระราชวังได้แล้ว โอเค โล่งใจแล้วไปถูกแน่นอน คงไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่านี้แล้วแหละ
แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่
พอเปลี่ยนสายที่
Bupyeong
เราไม่รู้ว่าต้องขึ้นฝั่งไหน ก็เลยไปถามสาวเกาหลีคนหนึ่งว่าจะไปพระราชวังคยองบกกุงไปยังไง เธอก็เอาแผนที่เรามาดู แล้วก็บอกว่านั่งไปเรื่อยๆ
เปลี่ยนสถานีที่ Yongsan แล้วเปลี่ยนที่ Jongno อีกทีหนึ่ง
เราก็เลยเกิดอาการงงขึ้นมา
พร้อมกับสับสนว่าชั้นต้องเชื่อใคร!!
สักพักหนึ่ง
ถึงสถานี Yongsan แล้ว เราก็ไม่ได้ลงไปเปลี่ยนหรอก
ลองเชื่อเจ้าหน้าที่ดู มีหนุ่มเกาหลีกำลังขึ้นมา สักพักหนึ่งรถไฟก็ไฟดับ เรากับหนุ่มเกาหลีมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนฮีจะรีบวิ่งแจ้นออกนอกรถไฟไป ปล่อยให้ชั้นนั่งตกใจในรถอยู่กับเพื่อนอีกคน พร้อมกับรถไฟที่เริ่มเคลื่อนตัวไปไหนก็ไม่รู้ คราวนี้ฉากในหนัง Train To Busan เข้ามาในหัว กลัวมากจ้า รีบเดินไปกดโทรศัพท์คุยกับคนขับ เขาก็พูดอะไรกลับมาไม่รู้ ไม่รู้เรื่อง นี่ก็ตื่นตกใจอยู่ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็เดินมาหน้านิ่งๆ เราก็เลยปรี่เข้าไปถามเลย ได้ใจความว่า " รออีก 2 นาที มันจะกลับไปที่ Yongsan " พร้อมกับเดินนิ่งๆ ไปปิดโทรศัพท์ที่เราโทรค้างไว้ ทำหน้าเหมือนกับว่า อย่าเล่นโทรศัพท์สิ 555 รู้สึกผิดยังไงไม่รู้แหะ
หลังจากรถกลับมาที่สถานี Yongsan ก็พบว่ามันมีหลายชานชาลามาก
ไอ้เราก็ไม่รู้ว่าจะต้องขึ้นอันไหน ก็เลยถามคนอีกประมาณ 3 คน เดินขึ้นลงบันไดอยู่นั่นแหละ จนถึงคนที่ 3 นี่แหละถึงบอกถูก โอยยยย จำไว้เลยนะจ๊ะ ถ้าจะไปพระราชวังคยองบกกุงแล้วต้องผ่าน Yongsan ให้มาเปลี่ยนรถ ยืนรอที่
ชานชาลาเบอร์ 6!
จำแม่นเลย T_T
พอนั่งมาถึง Jongno ได้ก็สบายแล้วจ้ะ เปลี่ยนไม่ยาก คราวนี้ก็สามารถนั่งไปที่พระราชวังคยองบกกุงได้อย่างสบายใจ สิริรวมเวลาเกือบ 2 ชม. จากที่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่แล้ว ก็ยิ่งน้อยไปอี๊กกก
ทำเวลา ฮึบ! รีบไปช็อปที่เมียงดงต่อทันที เดี๋ยวไม่ทันซื้อของไปฝากคนที่ไทย จากพระราชวังคยองบกกุง ไปเมียงดงนี่ง่ายมากเลยค่ะ นั่ง
สายสีส้มสายเดิม
มาลงสถานี
Chungmuro
เปลี่ยนเป็นสายสีฟ้าไปเมียงดงเพียงสถานีเดียวเท่านั้น
มาที่นี่ซื้อเหล่าเครื่องสำอางก็รู้ตัวว่าสายไปซะแล้ว ชั้นควรจะซื้อตั้งแต่ปูซานแล้ว แง้... ราคาไม่ต่างกันหรอก แต่โปรที่จัดนี่สิ ซิกๆ ตั้งใจว่าจะช้อปเยอะๆ แต่ตอนมาเตรียมเงินมาน้อย กะว่าค่อยมากด ATM เอา แต่พอมากดจริง มันไม่อ๊อกกกกก อ๊ากกกกก ทริปนี้ก็เลยใช้เงินไปแค่ 3,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง ที่เตรียมมาประมาณแสนกว่าวอน ใช้ไม่หมดอีกต่างหาก เดี๋ยวตั้งใจไว้ครั้งหน้ามาอีกจะวางแผนดีๆ ไปให้ทั่วเกาหลีกว่าเดิมเล้ย
ทริปเกาหลีครั้งแรกของเราก็จบแล้วนะคะ เป็นการเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกที่ได้รับประสบการณ์ที่ดีมากๆ ติดใจเลย ใ
ครที่ตั้งใจจะไปเที่ยวเกาหลีก็อย่าลืมว่า นอกกรุงโซลก็ยังมีอะไรดีๆ ใหม่ๆ ให้ไปค้นหา
อย่างเมืองปูซานเนี่ย เราสัมผัสได้ถึงความ... ถ้าเรียกง่ายๆ ก็ความบ้านๆ อ่ะค่ะ สนุก บรรยากาศดี ที่เที่ยวเยอะ ของถูกอีกต่างหาก ส่วนซองโดก็เหมาะสำหรับในการใช้ชีวิตจริง การคมนาคมสะดวก ที่เที่ยว ที่ช้อปสะดวกสบายมาก เหมือนสยามบ้านเรา แต่ถ้าคิดจะไปให้ทั่ว
เกาหลีนี่.. ครั้งเดียวไม่พอแน่นอน
ใครไปเที่ยวแล้วเจอแหล่งอะไรใหม่ๆ ก็มาแชร์กันบ้างนะจ๊ะ!
Cr : kto.or.th
http://kto.or.th/
บทความที่เกี่ยวข้อง
เปิด ' 9 Map ลับ ' ในเกาหลี รวมแหล่งดีนอกกรุงโซล!!
https://sistacafe.com/summaries/14527
ไม่ไปไม่ได้แล้ว!! 7 สถานที่เดท 'ยามค่ำคืน' สุดโรแมนติกในเกาหลี
https://sistacafe.com/summaries/9621
ดูหนังแล้วต้องไป!! 5 ที่เที่ยวเกาหลีห้ามพลาดเมื่อไป Busan!!
https://sistacafe.com/summaries/13366