สวัสดีค่าชาวซิสวัยมหาลัยในการเรียนช่วงมหาวิทยาลัยเนี่ย สิ่งที่ต้องเจอและหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ" ช่วงฝึกงาน "ซึ่งก็อยู่ในช่วงนี้พอดีเลยนะคะ ที่หลาย ๆ คนกำลังจะหาที่ฝึกงานหรืออาจจะกำลังไปฝึกงานแล้วใช่ไหมเอ่ย ? เราในฐานะคนที่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนก็เลยขอรวบรวมสิ่งที่ควรรู้ก่อนไปฝึกงานมาฝากนิสิตและนักศึกษาทุกคนให้เอาไปปรับใช้กันจ้ะรับรองนะคะว่าทั้งหมดที่รวบรวมมาช่วยในการเตรียมพร้อมก่อนฝึกงานได้ด้วย มันช่วยเราได้เยอะมาก ๆ เลยค่ะ อ่านแล้วก็อยากจะรู้ละสิว่ามันมีอะไรบ้าง ถ้าอยากจะรู้แล้วเรามาเริ่มกันเลยค่ะ !
❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀
เตรียมพร้อมก่อนฝึกงาน ! มัดรวมสิ่งที่อยากบอกนักศึกษาก่อนฝึกงานจริง
เตรียมพร้อมก่อนฝึกงานข้อที่ 1 หาที่ฝึกงานให้ตรงกับสิ่งที่อยากทำ
พอได้รู้ว่าจะฝึกงาน สิ่งที่เราต้องทำเลยก็คือ คิดค่ะว่าอยากจะทำงานแบบไหน อยากทำบริษัทอะไรถ้านึกไม่ออกให้ลองถามเพื่อน ๆ หรือถามพี่รหัสก็ได้นะคะเขาจะให้คำแนะนำเราได้ว่าสายงานของคณะเราสามารถไปฝึกงานที่บริษัทไหนได้บ้างเราก็ลิสต์มาเลยค่ะ พยายามลิสต์มาสัก 4 - 5 ที่นะคะ แล้วก็เรียงลำดับด้วยว่าอยากได้ที่ไหนมากที่สุด หลังจากนั้นก็ไปตรวจสอบค่ะว่าเขารับเด็กฝึกงานไหม ถ้าเขารับก็อ่านขั้นตอนการส่งแล้วทำตามขั้นตอนนั้นทั้งหมดอะไรที่ต้องยื่นกับทางห้องภาคก็ต้องรู้ด้วยนะคะ จะได้ยื่นให้จัดการเอกสารแล้วส่งไปยังบริษัทเพื่อขอฝึกงานอีกสิ่งที่อาจจะดูไม่สำคัญสำหรับบางคนก็คือถ้าที่ไหนให้เงินเดือนด้วย จะเป็นบริษัทที่น่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะเพราะเด็กฝึกงานจริง ๆ ก็เป็นแรงงานคนนึงที่ควรจะได้ค่าจ้าง ถ้าเขาเห็นความสำคัญตรงนี้ เขาจะให้เงินเดือนค่ะ
เตรียมพร้อมก่อนฝึกงาน ข้อที่ 2 เตรียม Resume และ Portfolio ให้ดี
การจะยื่นฝึกงานบริษัทไหนก็ควรจะเตรียม Resume และ Portfolio ให้เหมาะสมด้วย พวกสิ่งที่ทำได้ก็ควรครอบคลุมกันสิ่งที่เราจะไปฝึก ไม่ใช่ว่าไปฝึกถ่ายภาพแต่ความสามารถคือการเขียน แบบนี้เขาจะงงเอาได้นะคะ ดังนั้นเนี่ยการเขียนเรซูเม่ยื่นฝึกงานเนี่ยควรเขียนให้ตอบโจทย์กับตำแหน่งงานที่ทำให้ได้มากที่สุด ไม่ต้องทำหลอดสกิล แนะนำว่าให้เขียนไปเลยเป็นข้อ ๆ ว่าถนัดสิ่งนี้ ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับนี้ ๆ ชัดเจนไปเลยแบบนี้จะดีกว่าค่ะส่วนPortfolio ก็จำเป็นประมาณนึง บางที่อาจจะไม่ใช้เลยแต่มีไว้ก็อุ่นใจกว่านะคะอย่างเช่นสายงานที่จะใช้ก็จะเป็นสายศิลป์ที่ต้องเห็นภาพ เห็นงานกราฟิก เห็นการวาดอะไรแบบนี้ พอร์ตจะสำคัญสุด ๆ เลยค่ะ ยังไงก็เตรียมกันให้ดีนะ
เตรียมพร้อมก่อนฝึกงาน ข้อที่ 3 สังเกตคนในองค์กรและองค์กร เพื่อจะได้เรียนรู้และปรับตัว
ก่อนจะยื่นสมัครอยากให้
ศึกษาเรื่ององค์กรเขาให้ดีนะคะว่าเป็นองค์กรแบบไหน สไตล์ยังไง
ถ้ามีรุ่นพี่เคยไปฝึกมาแล้วควรถามไว้เลยค่ะว่าตำแหน่งที่เราไปฝึกจะประมาณไหน พี่ ๆ ที่ร่วมงานเป็นยังไง หัวหน้างานนิสัยใจคอยังไง
ถ้ารู้ได้ลึกขึ้นก็จะสามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้นนะคะ แล้วก็อาจจะเป็นตัวช่วยตัดสินใจให้เลือกฝึกงานหรือไม่ฝึกงานที่นี่ด้วย ถ้าคิดว่าระบบพวกนี้รับไหวก็ไปเจอหน้างานเลยค่ะค่อย ๆ ปรับไปตามการทำงาน รวมไปถึงการพูดจาหรือการเข้าหาผู้ใหญ่ด้วยนะคะบางคนอาจจะไม่ค่อยพูดแต่ถ้าไปทำงานอาจจะต้องพูดคุยกับคนอื่น ตรงนี้ก็ต้องปรับตัวนะคะ
เตรียมพร้อมก่อนฝึกงานข้อที่ 4 ไปเข้างานให้ตรงเวลา ไม่จำเป็นอย่าไปสาย
จริง ๆ เป็นพื้นฐานที่ไม่ต้องบอกก็ต้องรู้ด้วยตัวเองเลยนะคะ นั่นก็คือการไปฝึกงานควรตรงต่อเวลาเสมอคือเวลาเราไปเรียนอาจจะมีสายได้บ้างเพราะว่าอาจารย์ไม่เคร่งหรืออาจารย์ไม่เช็กชื่อ แต่ที่ทำงานถ้าไม่จำเป็นไม่ควรมาสายเลยค่ะ เพราะมันเป็นหนึ่งในหน้าที่ความรับผิดชอบของเรานะคะ การไปทำงานถ้าไปช้าพวกพี่ที่ประเมินงานเราจะมองว่าเราไม่มีความรับผิดชอบได้ค่ะแต่ถ้ามันเกิดเหตุจำเป็นจริง ๆ ที่ต้องไปสาย เช่น รถไฟฟ้าขัดข้อง ท้องเสีย น้ำท่วม อะไรพวกนี้ก็อาจจะต้องแจ้งเขาไว้นะคะเพื่อที่จะได้แสดงถึงความรับผิดชอบทางนึงว่าเราไม่ได้ช้าเพราะตัวเรานะ เราเผื่อเวลาแล้วแต่มันมีเหตุไม่คาดฝันจริง ๆ ก็อยู่ที่บริษัทและพี่ที่ประเมินแล้วนะคะว่าเขาจะมองยังไง แต่แจ้งไว้ก่อนดีกว่าค่ะ
เตรียมพร้อมก่อนฝึกงานข้อที่ 5 รับฟังคำแนะนำและคำติชมเสมอ อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว
ในการทำงานสิ่งที่ไม่ควรทำมากที่สุดคือ" การเป็นน้ำเต็มแก้ว "ค่ะ ไม่รับไม่ฟังอะไรทั้งนั้น การทำนิสัยแบบนี้นอกจากพี่ที่ประเมินงานจะไม่ชอบแล้ว อาจจะส่งผลให้เพื่อนร่วมงานหรือพี่ ๆ ที่ร่วมงานคนอื่น ๆ ไม่ชอบด้วยก็ได้นะคะอะไรที่เราทำผิดหรือเรายังไม่รู้เราต้องรับฟังแล้วนำไปใช้ต่อให้ได้ค่ะบางอย่างอาจจะไม่ได้ใช้ก็จริงแต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย ดังนั้นเนี่ยฟังให้เยอะขึ้นค่ะ เราจะได้ข้อมูลดี ๆ เพิ่มเติมเป็นความรู้ รับฟังคำติเอาไปปรับปรุงให้ดีขึ้น คำชมก็รับไว้เป็นกำลังใจแค่นี้เราก็จะเป็นนักศึกษาฝึกงานที่น่ารักมีคุณภาพแล้วละค่ะ
เตรียมพร้อมก่อนฝึกงาน ข้อที่ 6 สงสัยอะไรให้ถามเลย อย่าไปกลัว
บางคนเป็นคนขี้อายไม่กล้าถามอะไรพี่ ๆ เขาเลยนะคะ ทำให้งานมันอาจจะออกมาผิดแล้วก็ต้องแก้วนไป หรือบางคนก็มีสิ่งที่สงสัยอยากจะถามเพิ่มเติมก็ไม่กล้าถามเราแนะนำว่าฮึบค่ะ! ฮึบไปแล้วเดินไปถามให้เรียบร้อยแต่การตั้งคำถามต้อง Make Senseนะคะ ไม่ใช้ถามไปเรื่อย ถามไปซะหมด ถ้าเราตั้งคำถามที่มันเล็ก ๆ น้อย ๆ เกินไปพี่เขาอาจจะมองว่าเราไม่มั่นใจในตัวเองก็ได้นะคะคือบางอย่างมันสามารถคิดเองและลงมือทำได้เลย แต่เราก็เข้าใจว่าเด็กฝึกงานแบบเรา ๆ แค่รู้สึกว่ากลัวจะทำพลาดก็เลยถามเยอะไปหน่อย ดังนั้นก็อาจจะต้องพยายามถามแค่สิ่งสำคัญ ๆ ก็พอนะคะ
เตรียมพร้อมก่อนฝึกงานข้อที่ 7 อย่าลืมทำความรู้จักเพื่อนใหม่
สิ่งสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้สิ่งไหนเลยก็คือการทำความรู้จักเพื่อนใหม่ในที่ฝึกงานค่ะ รวมไปถึงพี่ ๆ ที่ทำงานด้วยนะคะถ้าเรารู้จักหรือสนิทกับเขาไว้ก็อาจจะช่วยเราในหลาย ๆ เรื่องได้ หรือสามารถปรึกษากันในหลาย ๆ เรื่องได้ โดยเฉพาะเรื่องงานนะคะ เช่น ถ้าเราเรียนจบไปแล้วเพื่อนที่ฝึกงานไปทำงานบริษัทที่เรากำลังสนใจเหมือนกัน อาจจะถามเรื่องเกี่ยวกับองค์กรหรือรายละเอียดงานได้มากขึ้นนะคะ อาจจะเป็นตัวช่วยตัดสินใจสมัครงานได้เลยการสานสัมพันธ์แบบนี้ได้ทั้งมิตรภาพและคอนเนคชันเลยค่ะเพื่อนบางคนเขามีเพื่อนและพี่น้องที่รู้จักกันเป็นวงกว้างไปอีกด้วยถ้าเราสนิทหรือติดต่อกันเรื่อย ๆ ก็จะสามารถขอคำปรึกษากันได้และอาจจะได้รับงานดี ๆ จากเพื่อนก็ได้นะคะ
❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀
เป็นยังไงกันบ้างคะกับการรวมสิ่งที่อยากบอกก่อนไปฝึกงานที่เรานำมาฝากกันหวังว่าทุกคนจะเอาไปปรับใช้กันนะ แล้วก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเตรียมพร้อมก่อนฝึกงานได้อย่างราบรื่นด้วยนะคะทุก ๆ ข้อเนี่ยเราพยายามคิดเลยว่ามันมีอะไรบ้างที่นักศึกษาฝึกงานควรรู้ไว้ก่อน เตรียมตัวก่อนจะไปฝึกงานจริงยังไงก็หวังว่าการฝึกงานของทุกคนจะผ่านไปได้ด้วย A และราบรื่นนะคะ ถ้าไม่ราบรื่นก็ขอให้เราสามารถหาทางแก้ไขปัญหาจนแก้ไขและผ่านมันไปได้เป็นกำลังใจให้นิสิตและนักศึกษาฝึกงานทุกคนเลยน้า เหนื่อยหน่อยแต่ก็ขอให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และความสนุกนี้ไว้นะคะเป็นช่วงเวลาดี ๆ เวลานึงเลยทางเราหมดหน้าที่แล้วก็ขอตัวลาไปก่อนนะคะ จะมีอะไรดี ๆ มาฝากกันอีกก็กดติดตามไว้ได้น้า จะได้ไม่พลาดนะเออ บ๊ายบาย
บทความแนะนำ ที่ซิสต้องไม่พลาด
มัดรวม 7 ข้อควรรู้ก่อนเริ่ม 'ฝึกงาน' เพื่อเตรียมพร้อม 'ความฟิต' ก่อนพิชิตงานจริง
https://sistacafe.com/summaries/89813
ไอเดีย 'ชุดสัมภาษณ์งาน' ที่ดูดี ดูแพง จนHRต้องถามว่า เริ่มงานได้วันไหนคะ
https://sistacafe.com/summaries/48928
แชร์ 6 "ทักษะทำงาน" ในยุคปัจจุบันสำหรับน้องจบใหม่ ทั้งสไตล์ Introvert และ Extrovert
https://sistacafe.com/summaries/93735