ทุกวันนี้เวลาที่เราจะเดินไปทางไหนก็เป็นอุปสรรคไปเสียหมด เพราะต้องเจอกับอากาศร้อนๆ และแสงแดดที่แผดเผาไปทั่วทุกหย่อมหญ้า แล้วยิ่งแดดในกรุงเทพฯ ตอนนี้มันธรรมดาซะที่ไหน ร้อนยังกับอยู่ทะเลทรายเลยก็ว่าได้ ตากแดดทีก็รู้สึกแสบผิวไปหมด จนรู้สึกไม่อยากจะออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ แถมมีบางคนยังบอกอีกว่า
" โลกเราตอนนี้กลายเป็นเมืองขึ้นของพระอาทิตย์ไปซะแล้ว -*- "
และวันนี้ เรานำความรู้ดีๆ เป็นเรื่องใกล้ตัวมาฝากสาว
Sista
Cafe
กัน ถ้าพร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า
UV Index
กันก่อนเลย
UV Index คืออะไร?
เมื่อไม่นานมานี้ เราได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า
UV Index
ซึ่งเป็นค่าที่วัดระดับความแรงของรังสียูวีจากพระอาทิตย์ส่องมายังโลก วัดกันตั้งเเต่ 0 ถึง 11+ ลดหลั่นกันตามความแรงของแต่ประเทศ โดยที่ประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในแถบเส้นศูนย์สูตรจะมีค่าปริมาณแสงยูวีที่สูงมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ ของโลก! เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่แสงอาทิตย์สาดส่องมาโดยตรง ( มิน่าล่ะ ร้อนได้อีก! )
แล้วประเทศไทยตอนนี้ มีค่า UV Index เท่าไหร่กันล่ะ?
ถ้าดูจากภาพด้านล่าง จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ค่าเฉลี่ยของพื้นที่ในไทยตอนนี้อยู่ที่ช่วง 11+ ซึ่งถือเป็นค่าสูงสุดใน UV Index แดดแรงสุดเข้าขั้น Extremely ไปตั้งแต่ช่วง 11 โมงเช้าถึงบ่ายโมง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร้อนเป็นปกติอยู่แล้วในเมืองไทย
ถ้าดูภาพนี้ จะเห็นการเปรียบเทียบ UV Index ของกรุงเทพฯ และพื้นที่ติดกับทะเลได้อย่างชัดเจน ว่ามันไม่ได้มีค่าที่ต่างกันเลย ค่าสูงสุดทุกแหล่งแห่งที่จริงๆ ถึงบ้านจะอยู่กรุงเทพฯ ออกนอกบ้านมาในตอนบ่าย ก็รู้สึกเหมือนได้เดินบนชายหาดแล้ว!
โดนแดดมากๆ นอกจากผิวจะดำคล้ำแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นอีก?
เห็นค่า UV Index ที่มากมายขนาดนี้ ถึงกับผวากันเลยใช่ไหมคะ ? จริงอยู่ที่การได้รับแสงแดดอ่อนๆ ตอนเช้าๆ นั้นทำให้เราได้รับวิตามินดี ซึ่งจะช่วยให้บำรุงกระดูกให้แข็งแรง และเป็นการเสริมสร้างแคลเซียม แต่อย่างไรก็ตาม หากเราต้องเจอกับแดดแรงๆ ที่มีค่า UV Index ที่สูงแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ทุกๆ วัน โดยที่เราไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดดเลย ผิวพรรณของเราก็จะหมองคล้ำ มีจุดด่างดำ และเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ยิ่งไปกว่านั้นอาจเกิดการที่ผิวไหม้แดด และที่เลวร้ายที่สุดคืออาจกลายเป็น
" มะเร็งผิวหนัง "
ได้เลย! และถึงแม้จะหลบแดดอยู่ในร่ม หรืออาคาร รังสียูวีก็ยังสามารถทะลุทะลวงตรงมาที่ผิวของเราได้ อย่าคิดว่าวันไหนไม่มีแดดแล้วจะโชคดีนะตัวเธอ
ปกป้องผิวจากแสงแดดตัวร้ายให้ได้ประสิทธิภาพ ควรจะต้องทำอย่างไร ?
อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นว่า แดดในประเทศไทยนั้นมีค่า UV Index ที่สูงจริงๆ เพื่อเป็นการปกป้องผิวจากแดด วิธีที่ง่ายสุดที่เราสามารถทำได้คือ การทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผสมสารกันแดดที่มี SPF สูงในทุกๆ ครั้งที่ต้องออกแดด
( ควรจะเป็น SPF50 เพราะว่าแดดแรงมาก ต้องเท่านี้ถึงจะเอาอยู่ )
ไม่ควรอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัดๆ เป็นเวลานาน โดยเฉพาะในช่วงเที่ยงวันถึงบ่ายสองโมง ซึ่งเป็นเวลาที่ร้อนระอุจริงๆ และพกอุปกรณ์ที่ช่วยบังแดดได้อย่างร่มหรือหมวก จะเป็นการดีมาก
ในขณะเดียวกัน ทุกวันนี้มีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายที่มีค่า SPF ออกวางขายกันอยู่มากมายตามท้องตลาด ทั้งแบบที่ใช้กับใบหน้าและผิวกาย ซึ่งวันนี้เราขอไปเน้นกันที่ผิวกายค่ะ เพราะหลายคนก็ละเลยการดูผิวกายกันมาก มีผลิตภัณฑ์บำรุงสำหรับผิวกายหลายตัวที่บอกว่ากันแดดได้ดี ป้องกันแสงแดดได้อย่างยาวนาน ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น กระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
แต่...ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าสารกันแดดที่มีค่า SPF สูงมากเท่าไหร่ ก็จะมีความเหนียวเหนอะหนะมากขึ้นเท่านั้น!
ปัญหาคือ ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายที่มีค่า SPF สูงๆ แล้วรู้สึกเหนียวตัว จะมีผลิตภัณฑ์ดีๆ สักตัวที่ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดี และสบายตัวบ้างไหม ?
จากคำถามข้างต้น นี่คือสิ่งที่เรากำลังจะมาให้บอกกันค่ะ หลายคนอาจจะประสบปัญหาที่กล่าวมา คือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดดสูงแล้วทำให้รู้สึกเหนียวตัว ไม่สบายผิว แต่
NIVEA
เข้าใจในจุดนี้ดีค่ะ จึงได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดสำหรับปกป้องผิวจากแสงแดดที่สามารถใช้ได้ทุกวัน อย่าง
" NIVEA Extra White Firming Serum SPF50 "
เซรั่มบำรุงผิวกายสูตรไวท์เทนนิ่ง ที่มีค่า SPF50
สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างดีเยี่ยม
ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะบนผิวให้รำคาญใจ พร้อมกันนั้นยังช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ฟื้นฟูผิวที่คล้ำเสียให้กลับมากระจ่างใส และยังช่วยให้ผิวดูกระชับเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย!
เท่าที่อ่านมา หลายคนคงจะสนใจเจ้าเซรั่มตัวนี้กันอยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ ทั้งปกป้อง และยังช่วยบำรุงผิวไปด้วยภายในตัว ว่าแต่...
มันมีส่วนผสมของอะไรบ้าง และมีผลกับผิวพรรณของเราอย่างไร ถึงได้เกิดเป็นเซรั่มผิวขาวตัวนี้ขึ้นมาได้
ต้องมาดูกันค่ะ!
1.ค่ากันแดด SPF50ซึ่งถือเป็นค่าการปกป้องแสงแดดที่สูงที่สุดของนีเวียเซรั่ม สามารถปกป้องผิวจากรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่รังสี UVB, UVA และ UVA1 ที่ทำร้ายผิวได้แบบทะลุทะลวง ( น่ากลัวจริงๆ ) แต่เนื้อบางเบา ใช้ได้ทุกวัน
2. วิตามินซีบริสุทธิ์ 95%ช่วยให้ผิวไม่บางและไม่ลอก ฟื้นฟูปัญหาผิวคล้ำเสียมาก ให้กลับมาขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ดูมีออร่า
3. คอลลาเจนช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและกระชับผิว เพื่อให้ผิวแลดูเปล่งปลั่ง เนียนใส
4. Q10ช่วยทำให้ผิวกระชับ ชะลอการเกิดริ้วรอย และความหมองคล้ำจากแสงแดด ทำให้ผิวเรียบเนียน ทำงานร่วมกับคอลลาเจน ทำหน้าที่เป็นเสมือนเกราะปกป้องผิวไม่ให้สูญเสียความยืดหยุ่น
( Review ) จากใจผู้เขียน ถึงผลการใช้ NIVEA Extra White Firming Serum SPF50 ด้วยตัวเอง
จากการที่เราใช้นีเวียเซรั่มตัวนี้มาหลายหลอด เราก็กล้าฟันธงว่ามันดีจริง เพราะเราเป็นคนที่สีผิวไม่สม่ำเสมอ อันเนื่องมาจากการตากแดดเป็นเวลานานๆ พอได้ใช้เจ้าเซรั่มตัวนี้ โดยที่บางวันก็มีการตากแดดเป็นปกติ รู้สึกว่า ผิวไม่ดำคล้ำลงเลย พอใช้นานเข้าก็รู้สึกได้เลยว่ามันช่วยฟื้นฟูให้ผิวที่คล้ำกลับมาขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ตอนนี้เลยไม่คิดจะเปลี่ยนใจไปใช้ผลิตภัณฑ์เซรั่มผิวกายสำหรับบำรุงผิวตอนกลางวันตัวไหนอีกแล้วค่ะ ^^
***********************************************************************************
เริ่มรู้สึกสนใจเจ้าเซรั่มผิวกายตัวนี้กันขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ ? ใครอยากได้มาลองใช้ สามารถไปตามหากันได้ตาม Drugstore และซุปเปอร์มาร์เก็ตตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปได้ค่ะ ไม่ต้องเชื่อผลการรีวิวจากเราก็ได้ แต่อยากให้ไปลองดูกันเอง :D
สุดท้ายนี้ก็หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านนะคะ วันนี้ขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่คราวหน้า...สวัสดีค่ะ
♡