ฮัลโหลลลล~ สวัสดีค่าชาวซิส พอดีว่าช่วงนี้ไปอ่านเจอเรื่องน่ารู้ในชีวิตประจำวันมา ซึ่งความรู้พวกนี้ก็อยู่รอบตัวเรามาก ๆ แล้วเราก็จำผิด ๆ หรือทำไปโดยไม่รู้เยอะมาก ๆ ประเด็นคือมันส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ด้วยนะคะ ฟังดูแอบน่ากลัวใช่ไหมละคะแต่ไม่ได้น่ากลัวจนต้องระแวงน้าเป็นเรื่องที่สามารถปรับเปลี่ยนกันได้แต่จะมีเรื่องอะไรบ้าง แล้วทำไมมันถึงไม่ควรทำหรือต้องแก้ไขยังไง ก็มาดูกันด้านล่างนี้เลยจ้า บอกเลยว่าเปิดโลกสุด ๆ บางข้ออ่านแล้วมีอึ้ง!


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


รู้หรือไม่ !? 7 เรื่องน่ารู้ในชีวิตประจำวัน รู้ไว้แล้วดีแน่นอน


เรื่องน่ารู้ในชีวิตประจำวัน ที่ 1 ไม่ควรผสมน้ำยาล้างจาน/สบู่เหลวกับน้ำประปา

รูปภาพ:https://mobileimages.lowes.com/productimages/04aa5313-9f8f-40ac-a709-222f2b47aebb/42711703.jpg

เริ่มด้วยข้อแรกที่ผู้ใหญ่หลายคนเถียงเราตลอด ๆ เลยนั่นก็คือการผสมน้ำยาล้างจาน สบู่เหลวหรือน้ำยาซักผ้ากับน้ำประปานั่นเองนะคะ มีหลายบ้านเลยที่พยายามจะประหยัดด้วยการเอาไปผสมน้ำเพื่อให้ใช้ได้นาน ๆ แต่รู้ไหมคะว่าการทำแบบนี้จะยิ่งทำให้ประสิทธิภาพการทำความสะอาดของน้ำยาล้างจานลดน้อยลง แถมยังเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้ด้วย ถ้าล้างจานแล้วรู้สึกว่าคราบมันไม่หายไปให้หันไปมาใช้น้ำอุ่นช่วยล้างจะทำให้ขจัดคราบมันได้มากขึ้น ไม่ต้องเปลืองน้ำยาล้างจานหรือผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำด้วยนะเออ อ้อ! ในส่วนของสบู่เหลว น้ำยาซักผ้าถ้าผสมน้ำเพื่อล้างถุงรีฟิลหลังจากนั้นก็เอามาใช้ทันที แบบนี้สามารถใช้ได้นะคะไม่มีเชื้อโรคเพราะเชื้อยังไม่ทันเพาะนั่นเองจ้า ♥


เรื่องน่ารู้ ที่ 2 ฟองน้ำล้างจานควรเปลี่ยนทุกเดือน

รูปภาพ:https://m.media-amazon.com/images/I/811I+hMz12L._AC_UF894,1000_QL80_.jpg

ยังอยู่ตรงอ่างล้างจานไม่ไปไหนค่ะ แต่คราวนี้ขยับจากน้ำยาล้างจานมาเป็นฟองน้ำล้างจานแทน ทุกคนรู้ไหมคะว่าเราควรเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานทุก ๆ 1 เดือนสาเหตุก็เพราะว่าฟองน้ำเนี่ยใช้เวลาแห้งค่อนข้างนาน แถมยังต้องเจอพวกอาหาร เครื่องดื่มตลอด ๆ กว่าจะแห้งดีพวกเชื้อแบคทีเรียก็อาจจะเริ่มเติบโตแล้ว ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แถมมันยังอาจจะมาติดมือ ติดจาน ติดช้อนส้อมต่าง ๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นเขาจึงแนะนำกันนะคะว่าให้เปลี่ยนทุก ๆ 1 เดือนแยกฟองน้ำล้างแก้วและฟองน้ำล้างจานไว้ก็จะดีมาก ๆ นอกจากช่วยเรื่องแบคทีเรียแล้ว ยังช่วยเรื่องกลิ่นคาวติดแก้วได้ด้วย:-D


เกร็ดน่ารู้ที่ 3 ควรซักผ้าขนหนูทุก 2 - 3 วัน

รูปภาพ:https://m.media-amazon.com/images/I/71HbFpHf8mL._AC_UF894,1000_QL80_.jpg

ต่อมาเป็นส่วนของห้องน้ำกันจ้า เรื่องที่เราจะมาพูดถึงก็คือเราควรซักผ้าขนหนูทุก ๆ 2 - 3 วันหรือก็คือต้องมีผืนสำรองไว้เปลี่ยนนั่นเอง สาเหตุก็เพราะว่าทุกครั้งที่เราใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวมันจะมีเซลล์ผิวที่ตายแล้วติดอยู่บนผ้า แล้วก็อาจจะมีพวกแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนังเราด้วย ยิ่งมาเจอกับความชื้นหลังเช็ดเปียก ๆ คือสกปรกมากนะคะ จริง ๆ ถ้าเปลี่ยนได้ทุกวันจะดีมาก ๆ แต่จะให้ซื้อผ้าขนหนู 7 วัน 7 ผืน ซักทุกวันก็แอบยากนิดนึง ดังนั้นก็สัก 2 - 3 วันซักสักครั้งนึง แล้วเมื่อใช้ไปสักระยะก็เปลี่ยนผืนใหม่ โดยจะควรจะเปลี่ยนผืนใหม่ทุก ๆ 2 - 3 เดือนนะคะ


เกร็ดความรู้น่าสนใจ ที่ 4 ทำความสะอาดขยะก่อนแยกประเภท

รูปภาพ:https://news.ucr.edu/sites/default/files/2022-02/2160px-Littering_in_Stockholm.jpg

บ้านเรายังไม่ค่อยมีการแยกขยะเป็นเรื่องเป็นราวแบบต่างประเทศเท่าไหร่ แต่สำหรับใครที่อยากจะเริ่มแยกขยะพวกขยะพลาสติกที่รีไซเคิลได้ เช่น ขวดน้ำ แก้วน้ำ กล่องใส่อาหาร ฯลฯ ควรจะทำการล้างให้สะอาดเสมอนะคะถ้าพวกใส่น้ำเปล่าอาจจะไม่เป็นไร แต่ถ้าอันไหนเลอะคราบอาหารหรือดเครื่องดื่มที่มีกลิ่นก็ควรล้างให้ได้มากที่สุดนะคะ สาเหตุที่ต้องล้างก็เพราะว่ามันสามารถเอาไปใช้ซ้ำได้ถ้ายังไม่ได้ทำความสะอาดมันก็จะกลายเป็นขยะที่รีไซเคิลไม่ได้ต้องไปฝังกลบแทนนะคะซึ่งแบบนี้ขยะพลาสติกมันก็ไม่ลดลงไปสักทีเพราะรีไซเคิลไม่ได้ รู้แบบนี้แล้วก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือนะคะ โลกจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ เล้ย ♥


สาระน่ารู้ใกล้ตัว ที่ 5 ควรล้างแอร์ทุก 6 เดือน

รูปภาพ:https://m.media-amazon.com/images/I/71HbFpHf8mL._AC_UF894,1000_QL80_.jpg

คนเป็นภูมิแพ้พวกฝุ่นน่าจะรู้ข้อนี้กันดีแน่ ๆ เลย นั่นก็คือแอร์ควรล้างทุก ๆ 6 เดือนนั่นเองค่ะ คือแอร์มันทำงานไปเรื่อย ๆ มันก็มีฝุ่นเข้าไปในตัวเครื่องจนมันกลายเป็นแหล่งสะสมฝุ่นดี ๆ เลยนะคะ เมื่อเราเปิดมันก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสจาม เป็นหวัด แพ้ฝุ่นได้เหมือนกัน ดังนั้นควรจะล้างแอร์ทุก ๆ 6 เดือนเพื่อทำความสะอาดแอร์ให้ไร้ฝุ่น แถมยังช่วยให้แอร์กลับมาเย็นมากขึ้น แอร์จะทำงานหนักน้อยลง ค่าไฟก็ถูกลงอีกต่างหากอ้อ! เพิ่มเติมอีกนิดว่าเราสามารถถอดแผ่นกรองอากาศของแอร์มาทำความสะอาดเองได้นะคะ ล้างน้ำสอาดหรือน้ำสบู่อ่อน ๆ ก็ได้หมดเลย หลังจากนั้นตากให้แห้งแล้วใส่กลับเข้าไปก็จะช่วยลดฝุ่นได้ประมาณนึงด้วยนะคะ > _ 0


เกร็ดความรู้สุขภาพที่ 6 เจ็บคอสามารถกินน้ำอุ่นก็ได้ น้ำเย็นก็ดี

รูปภาพ:https://images.news18.com/ibnlive/uploads/2022/03/cold-water.jpg

เป็นที่ถกเถียงกันบ่อย ๆ เลยค่ะว่าเจ็บคอควรกินน้ำอะไร...จริง ๆเจ็บคอสามารถกินได้ทั้งน้ำอุ่นและน้ำเย็นเลยค่ะ คุณหมอบอกเองเลย แต่ว่าต้องดูเป็นกรณีไป เช่น เป็นหวัด มีเสมหะกินน้ำอุ่นแล้วมันละลายเสมหะได้ดี ได้ขับเสมหะออกอันนี้ก็ดื่มได้นะคะ แต่ ๆ อย่าผสมให้ร้อนเกินไปล่ะเพราะคอเราอาจจะเจ็บกว่าเดิมถ้ากินของร้อน ๆ ถ้าให้เห็นภาพก็คือเป็นแผลสดแต่เอาน้ำร้อนมาราดก็จะแสบกว่าเดิมอะไรแบบนี้นะคะ รู้แล้วก็ผสมกินแบบอุ่น ๆ ก็พอน้า ส่วนใครเป็นทอนซิลอักเสบอันนี้คุณหมอส่วนใหญ่ก็จะแนะนำเลยว่าให้กินน้ำเย็นค่ะ เนื่องจากมันอักเสบอยู่แล้วถ้าไปกินของร้อนหรืออุ่นมันจะยิ่งไปกันใหญ่นั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณหมอก็บอกนะคะว่าสำคัญที่สุดคืออยากให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ จะอุ่น จะเย็นหรืออุณหภูมิห้องก็ได้หมดเลยเพราะการดื่มน้ำเยอะ ๆ จะช่วยให้หายไวขึ้นด้วยนะ :-)


เรื่องน่ารู้ชีวิตประจำวันที่ 7 การกินยาดักไม่ได้ช่วยอะไรเลย

รูปภาพ:https://m.media-amazon.com/images/I/71HbFpHf8mL._AC_UF894,1000_QL80_.jpg

ข้อสุดท้ายที่เราเชื่อว่าทำกันมาตลอดก็คือการกินยาดักนั่นเองค่า ส่วนใหญ่เราจะต้องกินยาดักเมื่อเราไปตากฝนมาใช่ไหมละคะ แต่จริง ๆ แล้วไม่ควรทำมาก ๆ เลยค่ะ คือเรายังไม่ได้มีอาการป่วยหรือเป็นอะไรไปก็เหมือนการกินยาเล่น ซึ่งทำบ่อย ๆ มันก็ไม่ค่อยดีกับร่างกายนะคะ แถมอาจจะมีผลข้างเคียงตามมาได้ด้วย เช่น แพ้ยา รู้แบบนี้แล้วก็อย่ากินยาดักกันเลยน้า ให้เราป่วยขึ้นมาก่อนถึงจะค่อยกิน ค่อยรักษา ถ้าพูดให้เห็นภาพก็คือเหมือนเราเอาพลาสเตอร์แปะแขนทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีแผลนั่นแหละค่ะไม่ช่วยอะไรเลยใช่ไหมล่า T - T


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


เป็นยังไงคะ 7เรื่องน่ารู้ในชีวิตประจำวันมักเป็นสิ่งที่เราทำบ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันแต่เรามองข้ามหรือเราจำแบบผิด ๆ กันมาตลอดเลยรู้แบบนี้แล้วก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันด้วยน้า เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเองแล้วก็เพื่อสุขภาพที่ดีของคนรอบตัวด้วยนะเอออย่างใครอยู่บ้านก็แชร์บทความนี้ให้ผู้ใหญ่อ่านกันได้นะคะเขาจะได้รู้ว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ ก็หวังว่าจะพอช่วยให้ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนเลิกดื้อจะทำตามแบบเดิม ๆ น้า ส่วนตอนนี้ทางเราขอตัวลาไปก่อนแล้วค่า ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ บ๊ายบาย ♥


บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ