" อะไรกันนี่ ในหัวเหมือนมีอะไรอยู่เต็มไปหมดเลย! "
ไฮสาวชิส ช่วงนี้มีใครเริ่มมีอาการตามที่เราบ่นไว้ข้างต้นหรือเปล่าคะ ไม่ก็อาจจะมีอาการอย่างอื่นแทนที่นับได้ว่าผิดปกติ... ไม่มีเหรอ โชคดีจังเลยค่ะ แต่เดี๋ยว... บางคนมีอาการแปลกๆ เหรอ งั้นลองมาเช็คกับเราหน่อยดีไหมคะ ว่าตัวเองเป็น
โรควิตกกังวล
หรือไม่
สนใจไหม? งั้นหยิบกระดาษกับปากกามา แล้วตามไปเช็คๆ กันโลดเลยค่า! ... ลืมบอกไปว่าโรควิตกกังวลคืออะไร งั้นมาเริ่มจากความหมายก่อนละกันเนอะ
++โรควิตกกังวลคืออะไร++

What is... โรควิตกกังวล
พูดรวมๆ ก็เป็นอาการของคนที่ย้ำคิดย้ำทำนั่นแหละ ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อเราเลยนะคะ เริ่มจากข้อดีก่อน มันทำให้เราเตรียมตัวได้ดีกว่าคนอื่นค่ะ เรียกได้ว่ามีไฟไหม้ ฉันพร้อมดับ เกิดน้ำท่วม ฉันมีเรือพายกันเลยทีเดียว ส่วนข้อเสียน่ะเหรอ... อาจจะทำให้เรารู้สึกแย่ตลอดเวลา ไม่อยากเข้าสังคม ไม่กล้าแสดงความเห็น อย่างไรก็ดี ข้อเสียจะรุนแรงตามระดับอาการที่เราเป็นค่ะ
แล้วมันเกิดจากอะไรได้บ้าง?
ปู่ย่า น้าอา พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ร่ายมาให้ฟังขนาดนี้ สาวชิสพอเดาออกแล้วใช่ไหมคะ ว่ามันเป็นโรคที่สามารถติดต่อผ่านกรรมพันธุ์ได้ด้วยแล้วอีกหนึ่งปัจจัย นั่นก็คือสภาพแวดล้อมค่ะ
อธิบายให้รู้จักโรคนี้อย่างคร่าวๆ แล้ว งั้นก็มาตรวจเช็คอาการกันเลยเนอะ
1. ไม่อยากทำอะไรเลย

" ฉันสบายดี "
ปากพูดไปอย่างนั้น ตรงข้ามกับจิตใจอย่างสิ้นเชิงเลย พยายามทำกิจกรรมเดิมๆ ในชีวิตของตัวเองผ่านพ้นไปอย่างอยากลำบาก ทั้งที่ความจริงอยากจะหลบหนีออกไปตรงนั้นสุดขาดใจ หรือมันหมดความรู้สึกที่อยากจะมีส่วนร่วมไปนานแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอๆ ทั้งหลายยังอยู่ตรงนั้นได้ มันก็มีแค่ " ความจำใจ " เท่านั้น
2. โลกใบนี้ไม่ได้สวยงาม

" ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น... ไม่อะ มันมีแต่แย่ลง "
ไม่ว่าในชีวิตจะเจอเรื่องเลวร้ายแบบไหนผ่านเข้ามา กำลังใจคือสิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้เราฝ่าฟันพายุลูกใหญ่ แล้วก็จะได้พบกับฟ้าหลังฝนในที่สุด ที่กล่าวมาทั้งหมด เขาเรียกว่าเป็นการคิดบวกค่ะ แต่ถ้าสาวชิสเป็นโรควิตกกังวลกันอยู่ ความคิดจะตรงข้ามไปเลย มองโลกใบนี้ว่ามีแต่เรื่องโหดร้ายเต็มไปหมด จากเรื่องแย่ๆ ที่เจออยู่แล้ว ความจริงเป็นไงไม่รู้ ส่วนความคิด มันลงเหวไปเรียบร้อย
3. มันยังไม่ดีพอ

" ทำไม... ทำไมกันนะ ฉันถึงยังทำมันออกมาได้ไม่ดีพอ? "
งานที่ได้รับมอบหมายมาจากหัวหน้า เธอสามารถทำมันได้สำเร็จตามคำสั่งโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ทว่าในด้านจิตใจกลับไม่ยอมคิดแบบนั้นตามด้วยนี่สิ มันกลับมองว่างานที่เราทำออกมายังไม่ดีพอ ต่อให้พยายามแก้ไข ปรับปรุงมากขนาดไหน เธอก็ยังรู้สึกไม่พอใจกับมันอยู่ดี มันเลยกลายเป็นว่า
ตัวเองกำลังรู้สึกเสียเวลาเปล่า?
นี่แหละอาการของคนเป็นโรควิตกกังวลชัดๆ เลย
4. หมดแรงง่ายกว่าปกติ

" เหนื่อยเหลือเกิน ไม่อยากลุกออกจากเตียงเลย "
ร่างกายหนักอึ้ง ไม่สามารถขยับตัวลุกออกจากเตียงได้เลย ราวกับมีใครหรืออะไรมาคอยถ่วงเอาไว้ ทั้งๆ ที่เมื่อวานก็เข้านอนเร็วแล้วนะ ถึงอย่างนั้นก็ต้องพาตัวเองออกไปเจอโลกภายนอกอยู่ดี จงตื่นตระหนกไว้! หากเธอเกิดอาการแบบนี้ขึ้น เพราะมีโอกาสเป็นโรควิตกกังวลมากกว่าความเหนื่อยล้าสะสมแล้วน่ะสิ แต่บอกผิวๆ แค่นั้น คงยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดสินะ...
งั้นเพิ่มให้อีกเรื่อง สาเหตุที่รู้สึกเหนื่อยกับวันใหม่เป็นพิเศษ เพราะช่วงกลางคืนเรานอนไม่หลับค่ะ ในหัวมีแต่เรื่องอะไรไม่รู้เต็มไปหมด คิดแล้วคิดอีก มันเลยกลายเป็นว่าร่างกายไม่ได้พักผ่อนนั่นเอง พูดมาขนาดคงเห็นภาพชัดขึ้นแล้วเนอะ
5. กังวลเกี่ยวกับความคิดของคนรอบตัวต่อตนเอง

" คนอื่นๆ เขาจะคิดกับฉันยังไงนะ"
เธอคนนั้นคิดอะไรอยู่ในหัวน่ะ แล้วนายคนนั้นมองฉันเป็นยังไง สารพัดความคิดเลยที่ต้องคอยระวังตัวอยู่ตลอด เพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอไปทำอะไรไม่ดีเข้า แล้วทำให้คนอื่นเกลียดตัวเองเข้า หรือไม่ก็ดันเก็บคำพูดที่ผ่านมานานมากแล้ว คิดถึงอยู่ตลอด ทั้งๆ ที่เรื่องจบไปแล้ว เธอก็ควรปล่อยผ่าน แต่ก็ไม่สามารถสลัดไปจากความคิดได้เลย

อืม... เป็นอยู่ไม่กี่ข้อแฮะ แล้วสาวชิสล่ะ ผลออกมาเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าไม่โดนข้อไหนเลย ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ส่วนใครที่โดนไปบ้างข้อ มองโลกแง่ดีกันหน่อย นั่นหมายถึงเราแค่เป็นคนละเอียดละอ่อน ไม่ได้เป็นโรคร้ายอะไร
แต่ถ้าโดนครบทุกข้อ... แนะนำว่าควรไปรักษาตัว ปรึกษาแพทย์เป็นการด่วนเลยค่ะ! ก่อนที่อาการจะหนักเกินแก้ไข
ส่วนวันนี้เราขอลาไปก่อน แล้วกลับมาพบกันใหม่คราวหน้านะคะ บ๊ายบาย
Cr: girls.presslogic.com/2018/07/13/article/222449
https://girls.presslogic.com/2018/07/13/article/222449
Cr. โรควิตกกังวล [ haamor.com ]
http://haamor.com/th/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%A5/