ฮัลโหลเพื่อน ๆ


มาเมาท์มอยกันหน่อยค่าา สำหรับบทความนี้จะชวนเพื่อน ๆ สายบิวตี้มาเมาท์มอยเรื่องของสกินแคร์กันหน่อย

สกินแคร์หลายตัวมีสารสกัดที่ใช้แตกต่างกันไป ทำให้สกินแคร์ทำหน้าที่แตกต่างกันไปด้วย

บทความนี้เราจะชวนเพื่อน ๆ ไปพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องสารสกัดในสกินแคร์กัน

สำหรับสกินแคร์ที่ช่วยรักษาสิว ผลัดเซลล์ผิว ถ้าตามไปดูส่วนผสมน่าจะได้เห็นสารสกัดตระกูล HA อย่าง AHA BHA และ PHA กันบ่อย ๆ

บทความนี้เลยจะมาไขข้อสงสัยและชวนเพื่อน ๆ ไปทำความเข้าใจว่

า AHA BHA และ PHA แตกต่างกันยังไง คุณสมบัติเป็นแบบไหน และเหมาะกับผิวแบบไหนกันด้วย

ไขข้อสงสัย! AHA BHA และ PHA บำรุงผิวยังไง? เหมาะกับสภาพผิวแบบไหน?

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/4f/99/7f/4f997f4598787dc3af78e221062e48f6.jpg

ความแตกต่างระหว่าง AHA BHA และ PHA


ทั้ง AHA BHA และ PHA เป็นสารสกัดที่มีหน้าที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว และป้องกันการเกิดสิวได้เหมือนกันทั้ง 3 ตัว แต่จะแตกต่างกันที่การใช้ เพราะ

สารสกัดทั้ง 3 ตัวเหมาะกับสภาพผิวต่างกัน และยังมีคุณสมบัติต่างกันเล็กน้อยอีกด้วย

สารสกัด

AHA BHA และ PHA มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวยังไง?

และแต่ละตัวเหมาะกับสภาพผิวแบบไหน? ลองตามไปทำความรู้จักกับสารสกัดทั้ง AHA BHA และ PHA กันต่อเลย

AHA คืออะไร มีหน้าที่ยังไง?


AHA ( Alpha Hydroxy Acids ) คือกรดผลไม้สกัดมาจากผลไม้ตามธรรมชาติที่มีฤทธิ์เป็นกรด มีหน้าที่ทำให้ผิวหนังชั้นนอกหรือชั้นขี้ไคลหลุดออกไป แล

ะทำให้เซลล์ผิวหนังเกิดการกระตุ้นให้สร้างเซลล์ใหม่ที่แข็งแรง ช่วยให้ผิวเต่งตึง เนียนนุ่ม กระจ่างใส และ AHA ยังสามารถลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ด้วย เพราะ AHA จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง

ซึ่ง AHA ไม่สามารถละลายในน้ำมันได้ เลย

ทำงานได้ดีแค่กับผิวชั้นบน อีกหนึ่งข้อควรระวังคือการใช้ AHA อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ด้วย

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/f1/05/7d/f1057d5a475ef233810063db77d847d6.jpg

สภาพผิวที่เหมาะใช้ AHA


✔ เหมาะกับคนธรรมดา หรือคนผิวแห้ง

✔ เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวคล้ำเสียจากแดด

✔ เหมาะกับคนที่มีปัญหาจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ

✔ เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย

✘ ไม่แนะนำสำหรับคนผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือคนที่เป็นสิวง่าย


BHA คืออะไร มีหน้าที่ยังไง?


BHA ( Beta hydroxy acids ) หรือกรดซาลิไซลิก ( salicylic acid ) คือสารที่สังเคราะห์มาจากธรรมชาติ

มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ทนต่อความร้อน ไม่เสื่อมง่าย มีหน้าที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออก ทำให้ผิวกระจ่างใส และสามารถละลายได้ดีในน้ำมัน BHA เลยสามารถทำความสะอาดผิวที่มีความมันได้ดีกว่า ช่วยทำความสิ่งสกปรก

สิ่งอุดตันรูขุมขนอย่างล้ำลึก ช่วยลดการอักเสบและอุดตันของสิว ปรับสภาพรูขุมขนให้เล็กลง และยังช่วยลดความมันได้ดี

ส่วนข้อควรระวังของการใช้ BHA คืออาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ด้วย

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/95/4d/b9/954db9b3961c42d8033205ee0c9cdd7f.jpg

สภาพผิวที่เหมาะใช้ BHA

✔ เหมาะกับคนผิวธรรมดา หรือผิวมัน

✔ เหมาะกับคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง

✔ เหมาะกับคนที่เป็นสิว มีปัญหาสิวเสี้ยน

✔ เหมาะกับคนที่มีปัญหาโรคผิวหนัง เป็นเนื้อนูน แข็ง หนา อย่างหูด ตาปลา ส้นเท้าแตก

✘ ไม่แนะนำสำหรับคนผิวบอบบางแพ้ง่าย


PHA คืออะไร มีหน้าที่ยังไง?


PHA ( Poly Hydroxy Acid ) คือกรดผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีการปรับโมเลกุลใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น

ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวคล้าย ๆ กับ AHA และ BHA แต่ด้วยโมเลกุลที่ใหญ่กว่าเลยซึมลงสู่ผิวได้น้อยกว่า AHA และ BHA อาจทำให้ประสิทธิภาพการผลัดเซลล์ผิวลดลง เห็นผลข้า แต่ข้อดีก็คือจะก่อความระคายเคืองได้น้อยกว่า

สารสกัดตัวอื่น ๆ และยัง

มีส่วนช่วยปรับสภาพผิวให้เนียน โทนสีผิวเสมอกัน และยังคงความชุ่มชื้นให้ผิวในขณะที่ผลัลเซลล์ผิวเก่าไปด้วย

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/09/a5/a2/09a5a2b4821adfc9971b829567856c5f.jpg

สภาพผิวที่เหมาะใช้ PHA

✔ เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวบอบบางแพ้ง่าย และผิวแห้ง

✔ เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวคล้ำจากแดด สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีรอยด่าง

✔ เหมาะกับคนที่มีปัญหาจุดด่างดำ ฝ้า รอยแผลเป็น

✔ เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบ หยาบกร้าน มีริ้วรอย


ทำความเข้าใจ AHA BHA และ PHA

มาแล้ว

พอจะรู้แล้วว่าสารสกัดแต่ละตัวคืออะไร แตกต่างกันยัง และเหมาะกับสภาพผิวแบบไหน

คราวนี้เวลาจะเลือกสกินแคร์เราคงไม่หยิบมั่ว ๆ ซั่ว ๆ มาใช้แล้วแน่นอน และสารสกัดตระกูล HA เหล่านี้เป็นสารสกัดที่มีฤทธิ์

เลยมีข้อควรระวังในการใช้อยู่ด้วย นอกจากระวังเรื่องอาการระคายเคือง สารสกัด AHA BHA และ PHA ไม่ควรใช้ร่วมกับวิตามินซี

ที่เป็นกรดเหมือนกัน เพราะจะทำให้ผิวอาจจะลอกและบางลงได้ด้วยค่า ใครจะเลือกใช้สกินแคร์ตัวไหนลองดูส่วนผสมกันให้ละเอียดกันอีกทีน้า