1. SistaCafe
  2. ไม่ลดสักที งงมาก! 7 นิสัยสาวเฮลตี้ที่ '(ดูเหมือนจะ) สุขภาพดี แต่ไม่ผอม' ไดเอทยังไง ก็น้ำหนักเท่าเดิม

สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeคนน่ารักที่อยากหุ่นดีทั้งหลาย (っ˘з(˘⌣˘ ) ♡เทรนด์ลดความอ้วนสมัยนี้ จะมานั่งอดอาหารอย่างเดียวไม่ได้ ต้องสุขภาพดีด้วย! สาวซิสอย่างเราจึงกินอาหารที่มีประโยชน์ ' เท่านั้น ' ไม่กินนอกลู่นอกทาง แถมสมัครรายเดือนฟิตเนสไว้ก็ไปออกกำลังกายทุกวัน ใช้ชีวิตในกรอบมากๆ เพราะอยากเป็นคนเฮลตี้ที่เพื่อนๆ ต้องอิจฉาและในใจก็แอบหวังว่าหุ่นจะเพรียวลง น้ำหนักลดลงมาบ้าง แต่เอ๊ะ... ทำมาสักพัก 3-4 เดือนแล้ว ทั้งน้ำหนัก ทั้งหุ่นก็ยังเท่าเดิม ตาชั่งก็ไม่ได้เสียนะ เสื้อผ้าก็ไม่ได้หลวมขึ้นแต่อย่างใด ไหงงั้นล่ะ T^Tอะไรที่สุดโต่งมากไปมักมีผลเสียเสมอ! การคุมอาหาร ออกกำลังกายน่ะดีอยู่แล้วไม่เถียง แต่ถ้ามีชีวิตแค่เพื่อสองอย่างนี้จนสายป่านตึงเปรี๊ยะ ระบบร่างกายภายในเองก็รับรู้ได้ ร่างกายของเราฉลาดกว่าที่คิดเด้อ!างทีสิ่งที่เธอคิดว่าทำแล้วสุขภาพดี อาจจะเป็นอุปสรรคในการไดเอทซะเองก็ได้ - - ถ้าไม่แน่ใจว่าเผลอทำข้อไหนโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ ลองไปอ่าน' 7 นิสัยสาวเฮลตี้ที่ ( ดูเหมือนจะ ) สุขภาพดี แต่ไม่ผอม 'กันเลยดีกว่าค่า (°◡°♡)


1. งดน้ำตาล (Sugar-Free) ทุกชนิด

สาวๆ หลายคนอ่านเปเปอร์วิจัยที่บอกว่า น้ำตาลทำให้แก่ เร่งเซลล์ที่ทำให้เป็นโรค กินแล้วอ้วนขึ้นได้ง่าย จึงเลือกที่จะตัดอาหารทุกอย่างที่มี ' น้ำตาลธรรมชาติ ' ออกจากชีวิตไปเลย เวลาไปซูเปอร์มาร์เก็ตหรือสั่งอาหารออนไลน์ ก็เลือกยี่ห้อที่แปะฉลากว่า ' ไม่มีน้ำตาล ( sugar-free ) ' ไว้ก่อน


ซึ่งต้องแสดงความเสียใจล่วงหน้าว่า อาหารหรือขนมที่ชูการ์ฟรี ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้สุขภาพดีเสมอไปค่ะ



ในอาหารหลายๆ ยี่ห้อแม้ไม่ใส่น้ำตาลทราย แต่ก็ใส่สารให้ความหวานลงไปแทน เช่น แอสปาแตมในน้ำอัดลม 0 แคล, ซูคราโลส, สตีเวียในขนมหวานและเครื่องดื่มของสายคลีนทั้งหลาย ซึ่งส่งผลทางอ้อมให้สาวๆ ติดรสหวาน ทำให้น้ำหนักขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจอยู่ดี


และการกินน้ำตาลเทียมมากๆ เป็นประจำ ยังเกิดภาวะ  cardiometabolic risk ที่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงขึ้นด้วย ดังนั้นควรเลี่ยงไปกินอาหารที่ไม่ใส่น้ำตาลใดๆ เลยทั้งแท้และเทียม หรือกินน้ำตาลปกติแต่กินน้อยๆ พอรู้รสชาติจะดีต่อสุขภาพกว่าค่ะ



2. 'เสพติด' กินขนมเพื่อสุขภาพ หรือ ขนมคลีน เยอะเกินไป

เทรนด์รักสุขภาพช่วงนี้ ทั้งอาหารคลีน ขนมคลีนกำลังมาแรงมาก ( แม้จะราคาสูงลิบลิ่วก็ตาม.... ) สาวๆ สายเฮลตี้หลายคนเลิกกินขนมถุง เพื่อจะเก็บเงินมาซื้อตุนขนมเหล่านี้ในปริมาณมาก คิดว่ามันทำมาจากของมีประโยชน์ กินยังไงก็ไม่อ้วนหรอก

บางคนกินฟักทองกรอบคลีนไป 3-4 ถุง คุกกี้ข้าวโอ๊ตถุงใหญ่ กินชานมไข่มุกคลีนไป 4-5 แก้วต่อวัน แล้วมาบ่นว่าทำไมน้ำหนักไม่ขึ้น โถ....มันยังคงที่ก็ดีเท่าไหร่แล้ววว



ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ของกินที่แปะคำว่า ' คลีน ' เนี่ย มันแค่ไม่ได้ใช้วัตถุดิบที่เป็นโทษกับร่างกายเฉยๆ แต่ก็ยังมีแคลอรี่อยู่ เผลอๆ บางชนิดพลังงานจะพุ่งสูงกว่าเดิมด้วยซ้ำ


ดังนั้นการกินคลีน ไม่ได้หมายความว่ากินเมื่อไหร่ก็ได้ เท่าไหร่ก็ได้ ก็ยังต้องคุมปริมาณอาหารอยู่ดี ถ้ากะเองไม่ได้ การฝึกนับแคลอรี่ต่อวันก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ น้ำหนักจะได้ลดตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้เนอะ



3. ไม่กินอาหารที่มี 'ไขมัน' ใดๆ เลย

อยากให้หุ่นเพรียวบาง ผอมสวยเหมือนดารา เน็ตไอดอล นางแบบขายเสื้อผ้าแฟชั่น เลยคุมอาหารอย่างเคร่งครัด คุมที่ว่าคือไม่ให้ ' ไขมัน ' เข้ามาย่างกรายในมื้ออาหารของเธอเลย ตัดทิ้งให้หมด เพราะเชื่อว่ามีไขมัน = อ้วนแน่ๆ ซึ่งในปี 2021 ความเชื่อแบบนี้ควรถูกทำลายไปให้หมดสิ้นได้แล้ว

เพราะไขมันไม่ได้ทำให้อ้วนเสมอไป อันที่จริงถ้ากินไขมันถูกชนิด ยิ่งผอมลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นจะมีวิถีลดอ้วนที่เรียกว่า ' คีโตเจนิก ( Ketogenic Diet ) ' ถือกำเนิดขึ้นเหรอ?



หากจะลดน้ำหนัก ไขมันที่ทำให้สาวๆ ผอมลงคือ ' ไขมันดี ( healthy fats ) ' เท่านั้น ซึ่งเธอสามารถหาไขมันเหล่านี้ได้จากถั่ว อโวคาโด ปลาแซลมอน ดาร์กช็อกโกแลต ไข่ ชีส น้ำมันมะกอก เป็นต้น


อย่าลืมว่าร่างกายของเราก็ยังต้องการไขมันไปหล่อเลี้ยงให้ระบบต่างๆ ทำงานเป็นปกติ ดูดซับวิตามิน A D E K ที่เห็นภาพชัดที่สุดคือ ' ผิว ' ถ้าร่างกายไม่มีไขมันเลย ผิวจะแห้ง หยาบกร้าน เธอคงไม่อยากผอมแต่ผิวเหมือนซอมบี้ตายซากหรอก ตราบใดที่กินไขมันดีแต่พอเหมาะ ควบคู่กับอาหารอื่นๆ เธอก็จะอิ่มนานขึ้น หิวจุกจิกน้อยลง สุดท้ายก็น้ำหนักลดลงมาเองแบบไม่ต้องทรมานเลยค่ะ



4. ออกกำลังกายบ้าคลั่ง ใช้ชีวิตในฟิตเนสตั้งแต่เช้าจรดเย็น

การออกกำลังกาย มีผลต่อการลดน้ำหนัก 30% แม้จะดูเป็นส่วนน้อยแต่ก็สำคัญมากถ้าอยากมีรูปร่างที่ดี ถ้าเปรียบหุ่นคนเราเป็นรูปปั้น อาหารก็คือดินที่จะปั้นเป็นโครงสวย แต่การออกกำลังก็คือการแกะสลักให้หุ่นมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ดูมี sex appeal และสุขภาพที่ดี

แต่ทั้งนี้ก็ต้องทำอย่างพอดี ไม่ใช่สมัครรายเดือนไว้แล้วกลัวใช้ไม่คุ้ม สิงอยู่ในฟิตเนสตั้งแต่เช้าจรดเย็น หรือเข้าทีก็ปาไป 3-4 ชั่วโมง



บางคนไม่ใช้ฟิตเนสก็ไปวิ่งสวนหน้าบ้านทั้งเช้าเย็น กลับบ้านมาเล่นโยคะ ปั่นจักรยานต่อเป็นบ้าเป็นหลัง สุดท้ายหอบเหนื่อย กล้ามเนื้อพัง ถึงผอมก็ผอมแบบแกร็นๆ ผิวเหี่ยวๆ ไม่มีสง่าราศี และยังเสี่ยงให้เกิดอาการบาดเจ้บด้วย ถ้าแจ็กพอตแขนซ้น ขาแพลง ข้อเท้าเป็นแผล ได้พักออกกำลังไปยาวๆ แน่

แทนที่จะรอลุ้นให้เกิดอะไรแบบนั้น ออกกำลังความเข้มข้นปานกลางอย่างน้อย 30 นาทีแต่ไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เป็นความถี่ที่พอดีแล้วค่ะ ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเอง เราก็ไม่ต้องเครียด กดดันมากเกินไปด้วยนะ



5. หลีกเลี่ยง 'ขนมหวาน' เหมือนขนมเป็นปิศาจร้าย

ไดเอทมานานแล้ว พอได้น้ำหนักตัวเลขที่พอใจแล้วก็กลัวหุ่นพัง จึงตัดสินใจงด ' ขนมหวานทุกอย่าง ' ไม่ว่าจะช็อกโกแลต เค้ก โดนัท บิงซู ชานมไข่มุกที่เคยโปรดปราน รูปร่างอาจเป๊ะก็จริงแต่ในสมองทรมานมาก

นอนหลับก็ฝันถึงของหวานอร่อยๆ อยู่ตลอดเวลา บางวันก็คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เผลอเหวี่ยงคนรอบข้างเพราะไม่ได้กินของที่ชอบจนเป็นเรื่องเป็นราว แทนที่จะหักดิบตัวเองแบบนั้น จะดีกว่าไหมถ้ากินขนมบ้างพอหายอยาก แล้วไปออกกำลังเผาผลาญออกแทน?



มีงานวิจัยเปิดเผยว่า การกินขนมหวานเล็กๆ น้อยๆ เช่น ดาร์กช็อกโกแลต ควบคู่กับมื้อเช้าที่มีประโยชน์ จะทำให้เธอลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น และน้ำหนักคงที่ได้นานขึ้นด้วย เพราะทั้งกายและใจของเธอรู้สึก ' อิ่ม ' พอได้กินแล้วก็ไม่โหย ก็ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย น้ำหนักก็ลงตามปกติ

แต่ถ้าทั้งสามมื้อต้องฝืนกินของที่ไม่ชอบไปเรื่อยๆ แม้จะทนได้ก็เสียสุขภาพจิต ถ้าทนไม่ได้ก็ตบะแตก ไม่มีทางไหนดีเลย ดังนั้นถ้าไม่ได้กินเยอะเกินไป ก็กินไปเถอะค่ะ สักสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง จะได้หุ่นดีและมีความสุขไปพร้อมกัน



6. มีตารางออกกำลังกายแบบเดิมๆ ทั้งปีทั้งชาติ

ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ตารางออกกำลังกายที่เข้มข้นระดับหนึ่งก็สำคัญ เพราะถ้าเผาผลาญแคลอรี่ได้น้อยเกินไป หรือออกกำลังแบบเหยาะๆ แหยะๆ ก็ยากที่จะได้น้ำหนักตามเป้าหมาย แต่การออกกำลังที่ดีก็ควรมีความหลากหลาย ไม่ควรใช้ตารางเดิมที่ซ้ำซากจำเจเกิน 2-3 เดือน


อย่างที่บอกว่าร่างกายฉลาดกว่าที่ซิสคิด เมื่อฟิตกล้ามเนื้อที่ส่วนเดิมๆ เบิร์นไขมันส่วนเดิมๆ ร่างกายจะจำ สุดท้ายก็เคยชิน ทำให้น้ำหนักที่เคยลงฮวบช่วงแรกค้างเติ่ง ไม่ลงอีกนั่นเองค่ะ



อยากผอมลงอย่างต่อเนื่อง ต้องให้ร่างกายอยู่ในโหมด ' ท้าทาย ' ตลอดเวลา ถ้าทำแบบนี้ร่างกายบอกว่าสบายๆ ก็ต้องเปลี่ยนประเภท ยกระดับความเข้มข้น หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องออกกำลังให้นานขึ้น เพื่อให้ระบบข้างในเกิดการตื่นตัว พอเจอสิ่งใหม่ๆ ร่างกายก็จะเบิร์นไขมันตามปกติ ทำให้น้ำหนักค่อยๆ ลดลงอีกรอบ

เช่น ถ้าเธอวิ่ง จ๊อกกิ้ง หรือปั่นจักรยานอย่างเดียว ลองเสริมการเล่นเวท หรือหาวันเล่นกีฬาอื่นๆ เช่น เทนนิส แบดมินตัน ว่ายน้ำ ชกมวย โยคะ ลงไปด้วย รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้น่าพอใจแน่นอน



7. กินอาหารประเภท 'โปรตีน' เยอะเกิน ก็ใช่ว่าจะดี

อ่านตำราไดเอทที่ไหน เขาก็มักจะบอกว่า ' โปรตีน ' คือสารอาหารที่คุณค่า ทรงพลังที่สุด ช่วยเบิร์นไขมัน ทำให้อิ่มนาน สร้างกล้ามเนื้อขิงข่าใดๆ ไปฟิตเนส มองไปที่ส่วนเล่นกล้ามเล่นเวท ก็มีแต่คนซดโปรตีนเชค กินอกไก่


ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่าโปรตีนมันไม่ดี แต่ถ้ากินเยอะเกินไปเกินความต้องการต่อวัน จากสารอาหารที่ดีที่สุดก็เป็นขยะในร่างกายได้ เพราะสุดท้ายก็จะสะสมเป็นแคลอรี่ส่วนเกิน เป็นไขมันเกาะติดตามแขน ขา หน้าท้องของเราจนได้



สมาคมโภชนาการและการกำหนดอาหาร ( the Academy of Nutrition and Diabetics ) แนะนำไว้ว่า สาวๆ ทั่วไปควรกินโปรตีน 1.2-1.7 กรัมคูณน้ำหนักตัว ก็ถือเป็นปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมต่อวันแล้ว ไม่ควรกินเกินไปกว่านั้น

หากมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่ค่อยแอคทีฟ ออกกำลังกายน้อย ไม่ได้อยากปั๊มกล้ามเนื้อ ปริมาณที่แนะนำก็จะลดลงไปอีก ประมาณ 50 กรัมต่อวันก็พอ เพื่อไม่ให้ไปสะสมเพิ่มเป็นไขมัน เป็นต้นค่ะ




--------------------------------


แม้ตัวเลขน้ำหนักจะไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต แต่ถ้าทำทุกอย่างที่เป็นวิถีลดความอ้วน แล้วทั้งสัดส่วน ตัวเลข ทุกอย่างค้างเติ่งไม่มีอะไรลดลงเลย ก็เป็นสัญญาณแน่ชัดแล้วล่ะว่าซิสทำผิดวิธี ต้องปรับแก้ไขตั้งแต่วันนี้!อันที่จริงทั้ง 7 ข้อนี้ก็ไม่ได้มีอะไรแย่ขนาดนั้น เพียงแต่อย่างที่บอกว่า พอทำแบบ ' ไปสุด ' เกินไป ร่างกายก็เครียด เหนื่อยล้า พาลทำให้ระบบรวน น้ำหนักก็ไม่ลดไปโดยปริยาย เผลอๆ จะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ = =''สาวๆ ไม่ควรไปซีเรียสกับการไดเอทขนาดนั้น ตั้งอยู่ในทางสายกลาง มีสติทุกครั้งเวลาเอาอะไรเข้าปาก ออกกำลังเป็นประจำ แต่ถ้าจะออกไปใช้ชีวิต สังสรรค์ปาร์ตี้ กินข้าวอร่อยๆ กินขนมหวานบ้างอะไรบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดค่ะ



เราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อหุ่นสวยอย่างเดียว แต่เราอยู่เพื่อมีชีวิตที่มีความสุขด้วย พออารมณ์เราแฮปปี้ ระบบทำงานปกติ น้ำหนักก็ค่อยๆ ลดตามธรรมชาติของมันเองเป็นกำลังใจให้สาวๆ ที่กำลังลดหุ่นทุกคนนะคะ วันนี้ไปก่อนแล้ว บ๊ายบายยย ♡\( ̄▽ ̄)/♡

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้