ช่วงนี้เลื่อนฟีดในโซเชียลทีไร เจอะคนฉีด ฟีลเลอร์ปาก เยอะมาก! รู้สึกว่าช่วงนี้เขาจะฮิตกันนะ สายปากอวบอิ่ม ก็พลาดไม่ได้แล้วซิ ว่ากันว่า ฉีดแล้วทาลิปสวยมาก นี่ก็อยากจะลองฉีดเหมือนกันนะ แต่เราว่ามีหลายๆ คน ที่ไม่เคยฉีดมาก่อนและอยากลอง ก็คงมีคำถามเหมือนๆ กันคือ แพงมั้ย? อยู่ได้นานแค่ไหน? ดูแลยังไง? มีข้อเสียรึเปล่า? เอางี้ วันนี้เรารวบรวมข้อมูลที่เพื่อนๆ ควรรู้มาไว้ที่นี่แล้วค่ะ จะเป็นยังไง เอาเป็นว่า เราไปอ่านดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า


ฟีลเลอร์ปาก คืออะไร?


อาจจะมีหลายๆ คนที่ยังไม่เก็ทว่า เอ๊ะ! การฉีดฟิลเลอร์ปาก (Lip Filler) คืออะไร ถ้าพูดง่ายๆ เลยก็คือ การฉีดสารเติมผิวเข้าที่ริมฝีปาก โดยจะใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid : HA) ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ฉีดบริเวณริมฝีปากเพื่อเพิ่มเนื้อและปรับขนาดโครงสร้างปาก ให้ปากอวบอิ่มขึ้น แก้ปัญหาปากบาง ปากแห้งลอก ปากไม่เป็นรูปให้สมดุล เป็นรูปทรงที่สวยงามมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ไม่ใช่แค่ช่วยทำให้ปากดูอวบอิ่มเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ปัญหารูปปากคว่ำได้ด้วยนะ ก็จะเป็นการใช้เทคนิคฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากนั่นเอง ซึ่งหลังฉีดก็จะเห็นผลความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีเลยด้วย ไม่ต้องพักฟื้น เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย และช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับปากได้หลากหลายเลยด้วย


รูปภาพ:ฟีลเลอร์ปาก

ฟีลเลอร์ปากครั้งแรก ต้องเตรียมตัวยังไง? อันตรายมั้ย?


พอบอกว่า เป็นครั้งแรก ยังไงมันก็อดกังวลไม่ได้ คงมีคำถามอีกมากมาย ที่ต้องการคำตอบ หนึ่งในนั้นคือ การฉีดฟีลเลอร์มันอันตรายมั้ย? อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นว่า การฉีดฟีลเลอร์ปาก เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย แต่ก็ควรเลือกคลีนิกที่ชำนาญ มีประสบการณ์ และมีมาตรฐานด้วยนะ แม้ราคาจะสูง แต่ด้วยคุณภาพ และเพื่อความปลอดภัยแล้ว ก็ควรจะเลือกที่ที่ดีหน่อยนะจ๊ะ


ฉีดฟิลเลอร์ปากครั้งแรก มีขั้นตอนอย่างไร ?

  1. สิ่งแรกเลยคือ เพื่อนๆ ควรลองไปปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีดค่ะ เพื่อเป็นการสอบถามข้อมูล และให้หมอประเมินใบหน้าของเราด้วย หมอจะได้แนะนำทรงปากที่เหมาะสมกับเราได้
  2. เลือกรุ่นฟิลเลอร์ ต้องบอกก่อนว่า ฟีลเลอร์มีหลายรุ่นมากๆ และแต่ละรุ่นก็จะเหมาะกับใช้แก้ปัญหาที่แตกต่างกัน แพทย์จะประเมินว่าความต้องการของคนไข้ และรูปปากที่คนไข้ต้องการเหมาะกับรุ่นไหน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามกับที่คาดหวังที่สุด
  3. ทำความสะอาดและฉีดยาชา ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก จะมีการทำความสะอาดบริเวณที่ฉีด และฉีดยาชาให้ทุกเคส
  4. การฉีดในทุกครั้ง จะฉีดด้วยฟิลเลอร์กล่องใหม่เท่านั้น ซึ่งโดยปกติแล้ว คุณหมอจะเปิดกล่องฟีลเลอร์ใหม่ให้คนไข้ได้เห็นชัดๆ เลย เพื่อจะได้นำไปตรวจสอบได้ว่า เป็นของแท้และปลอดภัย
  5. เริ่มการฉีดฟิลเลอร์ปากได้เลย โดยจะค่อยๆ ปรับทรงให้สวยงาม เป็นธรรมชาติ
  6. มีการประคบน้ำแข็งระหว่างฉีดฟิลเลอร์ เพื่อช่วยลดความเจ็บระหว่างฉีด และช่วยลดบวม
  7. หลังฉีดเสร็จแล้ว คุณหมอจะแนะนำการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากให้ เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วและอยู่ได้นานขึ้น
  8. จากนั้นจะมีการนัดติดตามผล หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 เดือน เมื่อปากเข้าที่เต็มที่แล้ว

รูปภาพ:

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก

  1. ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรหาข้อมูลและเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน
  2. ศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้
  3. ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้นๆ
  4. ควรงด ยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว และการแว็ก ยาแอสไพริน ยา NSAIDs เช่น ibruprofen, diclofenac, ponstan เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนทำ
  5. งดวิตามิน St.Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนทำ
  6. งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
  7. งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
  8. หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่กินเป็นประจำ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ

ข้อดีและข้อเสียของฟีลเลอร์ปาก


เราเองก็เป็นอีกหนึ่งคนนะ ที่อยากรู้ว่า การฉีดฟีลเลอร์ มันมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

ข้อดี : การฉีดฟิลเลอร์ปาก จะเห็นผลที่แตกต่างทันทีหลังฉีดเสร็จ แถมยังมีความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทั้งยังก่อให้เกิดผลข้างเคียงน้อยและยังดูแลง่ายด้วย ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน แถมยังมีราคาถูก เมื่อเทียบกับการทำศัลยกรรมประเภทอื่นๆ

ข้อเสีย : ระยะเวลาของฟิลเลอร์จะอยู่ได้ไม่นานนัก ซึ่งโดยเฉลี่ยจะอยู่ได้ประมาณ 5–6 เดือนเท่านั้น แต่ในบางรายอาจอยู่ได้นานถึง 1 ปี แตกต่างกันไปตามร่างกายของแต่ละบุคคลค่ะ เหตุนี้จึงต้องมีการฉีดเพิ่มอยู่เสมอ ทำให้ในระยะยาวบางคนอาจมองว่าไม่คุ้มนั่นเอง


รูปภาพ:ฟีลเลอร์ปาก
credits รูปภาพ: ขอขอบคุณภาพจาก : https://www.vsquareclinic.com/blogs/asia-filler-lip/

แบรนด์ฟีลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหน ปังที่สุด!?


ต้องบอกก่อนว่าฟีลเลอร์ปากแต่ละยี่ห้อ จะใช้แก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ฉะนั้นเราถึงบอกว่า ก่อนฉีด เพื่อนๆ ควรปรึกษาคุณหมอก่อน เพื่อให้คุณหมอประเมินและแนะนำเราเบื้องต้นก่อน แต่เท่าที่หาข้อมูลมา จะมีฟีลเลอร์ยอดนิยมที่คลีนิกส่วนใหญ่เลย เลือกมาฉีดอยู่ 3 ตัว ทั้งยังผ่านองค์การอาหารและยาของทั้งไทยและอเมริกาแล้ว ได้แก่

Juvederm – เนื้อฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดี ยืดหยุ่นตามกล้ามเนื้อที่ขยับ ทำให้ดูเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ทั้งยังมียาชาผสม ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยลงขณะฉีดและหลังฉีด

Restylane – เป็นฟิลเลอร์ที่ออกแบบมาเพื่อฉีดฟิลเลอร์ปากโดยเฉพาะ เนื้อเนียนละเอียด คงตัวได้ดี เสริมให้ปากอวบอิ่มและชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น

Belotero – เป็นฟิลเลอร์ที่คงตัวมาก และความปลอดภัยสูง สามารถใช้ฉีดเสริมกระดูกได้ ทั้งยังมีหลายรุ่นให้เลือกฉีดตามตำแหน่งที่เหมาะสมอีกด้วย


อยากมีปากกระจับ อวบอิ่มน่าจุ๊บ ต้องฉีดกี่ cc ?


โดยปกติแล้ว ฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 cc ก็เพียงพอสำหรับเติมปากให้สวยงามแล้วค่ะ แต่มันก็จะมีบางเคส ที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มมากๆ เอาอีก เติมอีก! เคสแบบนี้ก็อาจจะมีการใช้มากกว่า 1 cc เพื่อให้ปากเต็ม อวบอิ่ม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณหมอก็จะประเมินก่อนว่า ควรไม่ควร เติมได้ไม่ได้ ประมาณนี้


รูปภาพ:ฟีลเลอร์ปาก

ฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานแค่ไหน ฉีดแล้วบวมกี่วัน ?


โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟีลเลอร์ปากจะอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด หากการดูแลตัวเองหลังฉีดดี หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น ก็จะช่วยรักษาอายุของฟิลเลอร์ไว้ได้นานขึ้นเช่นกัน

อีกหนึ่งสิ่งที่หลายๆ คนกังวลคือ อาการบวม มันจะอยู่นานแค่ไหน กี่วันกว่าจะเข้าที่ โดยปกติแล้ว หลังฉีดบริเวณริมฝีปากอาจมีรอยเข็มเป็นจุดแดงเล็กๆ จากการฉีดฟิลเลอร์ ในบางรายหลังฉีดเสร็จ อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อย แต่ไม่ต้องกังวลนะ เพราะอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปเอง ภายใน 3 – 7 วันค่ะ


ราคาฟีลเลอร์ปาก แพงมั้ย ?


ถ้าเทียบกับราคาของการผ่าตัดศัลยกรรมแล้ว ก็คงต้องบอกว่า การฉีดฟีลเลอร์ปาก ถูกกว่าค่ะ โดยปกติอัตราค่าบริการการฉีดฟิลเลอร์ปากจะอยู่ที่ 13,500 - 20,000 บาท ทั้งนี้อัตราค่าบริการจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ด้วย ฉะนั้นก่อนไปฉีด ก็ลองหาข้อมูลให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจแล้วกันนะจ๊ะ


รูปภาพ:ฟีลเลอร์ปาก

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องดูแลตัวเองอย่างไร ?


หนึ่งในผลลัพธ์ที่จะช่วยให้ปากของเราอวบอิ่มได้นานขึ้นคือ การดูแลตัวเอง วิธีง่ายๆ ที่เพื่อนๆ สามารถทำตามกันได้

  1. ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อนๆ เพราะอาจเกิดทำให้ปากเกิดอาการบวมหรืออักเสบได้ง่าย
  2. งดการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังหนักๆ ที่จะทำให้ปากเสียรูปทรง
  3. ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น และอยู่ได้นานขึ้น
  4. ไม่ควรดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะจะเป็นการทำลายผิวริมฝีปาก ทำให้ผิวเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นไว้ได้น้อยลง
  5. ไม่ควรจับ บีบ นวด บริเวณริมฝีปาก เพราะอาจทำให้รูปปากที่ทำมาเสียรูปได้

รูปภาพ:

สรุปเลยก็คือ การฉีด ฟีลเลอร์ปาก ไม่ใช่เรื่องที่อันตราย แต่ต้องจำไว้! ว่าเราควรเลือกคลินิกที่มีคุณภาพ และเชื่อถือได้ มีใบประกอบวิชาชีพ มีประสบการณ์ และต้องมั่นใจว่าเขาใช้ของแท้จริงๆ วิธีการสังเกตง่ายๆ นอกจากการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียดและอ่านรีวิวแล้ว แนะนำให้เพื่อนๆ ลองไปพูดคุยปรึกษากับทางคุณหมอในคลินิกนั้นๆ ที่เราจะไปใช้บริการ สอบถามข้อมูลให้ดีๆ ขอดูตัวอย่างฟีลเลอร์ที่จะต้องใช้ ว่ามีคุณภาพมั้ย มีอย. รึเปล่า เท่านี้ก็มั่นใจได้แล้วค่ะ อย่าเห็นแก่ราคาถูก โปรโมชั่นดี โดยไม่ศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนนะคะ เดี๋ยวจะพลาดเอาได้

สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย


ขอขอบคุณข้อมูล

ฉีดฟิลเลอร์ปาก เซ็กซี่แบบธรรมชาติ ทรงปากแบบไหนที่เหมาะกับคนไทยมากที่สุด

7 ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก

ฉีดฟิลเลอร์ปาก ทำปากอิ่ม ปากกระจับ ยกมุมปาก ปากชุ่มชื้นได้ในเข็มเดียว


บทความแนะนำ