Highlights
➽
ประเทศจอร์เจีย
ดินแดนแห่งภูเขา ปลายสุดขอบทวีปเอเชีย มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 2,500 ปี และเต็มไปด้วยสถานที่สวยงามทั้งแม่น้ำ ป่าไม้ ภูเขาน้อยใหญ่ ให้เราได้ชมวิวธรรมชาติ รวมถึงเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์
➽
แม้จะตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย แต่สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมกลับเหมือนทางฝั่งยุโรปมากกว่า อีกทั้งคนไทยยังสามารถไปเที่ยวได้แบบไม่ต้องขอวีซ่าและอยู่ได้นานถึง 365 วัน
➽
พาไปชม 9 ที่เที่ยวจอร์เจีย พิกัดยอดฮิต ใครวางแผนเที่ยวมาเก็บข้อมูลไว้ก่อนได้เลย
❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ ❂ถ้าพูดถึงประเทศที่มาแรง ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยช่วงนี้ ต้องนึกถึง" จอร์เจีย (Georgia) "ประเทศที่ตั้งอยู่บนจุดตัดระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป เป็นประเทศเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 2,500 ปี อีกทั้งยังมีบรรยากาศบ้านเมืองทั้งสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่เหมือนกับทางยุโรป
ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างเราก็สามารถไปเที่ยวจอร์เจียได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องขอวีซ่าอีกด้วย ใครอยากไปเปิดประสบการณ์ใหม่ตามมาเลยจ้า
เราจะพาไปตะลุยจอร์เจีย ที่เที่ยว 9 พิกัดยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด
บอกเลยว่าทริปทัวร์จอร์เจียนี้ประทับใจแน่นอน
1. เทือกเขาคอเคซัส (Caucasus Mountains)

เริ่มต้นตะลุยจอร์เจีย สถานที่เที่ยวที่หลายคนอาจจะคุ้น ๆ ชื่อนั่นก็คือ เทือกเขาคอเคซัสเทือกเขาสูงในยุโรป เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ ทำหน้าที่แบ่งพรมแดนระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย ทำให้เกิดกลุ่มประเทศที่อยู่ในสองทวีปขึ้น
ซึ่งบนเทือกเขาคอเคซัสในฝั่งประเทศจอร์เจีย ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อาทิ ยอดเขาคาสเบก (Mt.Kazbek) หนึ่งในภูเขาบนเทือกเขาคอเคซัสที่เราสามารถขึ้นไปชมวิวได้อย่างสุดลูกหูลูกตา
แนะนำว่า ถ้าใครไปทัวร์จอร์เจีย ที่นี่แล้วเป็นคนเมารถง่าย อย่าลืมพกยาไปด้วยนะ เพราะต้องนั่งรถตู้ขึ้นเขาไปตาทางที่ค่อนข้างขรุขระเลยทีเดียว
2. โบสถ์เกอร์เกติ (Gergeti Trinity Church)

สถานที่เที่ยวถัดมาของจอร์เจีย คือโบสถ์เกอร์เกติเป็นโบสถ์เก่าแก่ของประเทศจอร์เจีย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 ตั้งอยู่ในเมืองคาสเบกิ บนหน้าผาริมแม่น้ำเชเครี (Chkheri)
สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 2,000 เมตร ท่ามกลางวิวของเทือกเขาคอเคซัสเป็นฉากหลัง
ซึ่งทัศนียภาพของโบสถ์นี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจอร์เจียไปแล้ว
3. อนุสรณ์สถานรัสเซีย-จอร์เจีย (Russia–Georgia Friendship Monument)

อนุสรณ์สถานรัสเซีย-จอร์เจียเป็นอนุสรณ์หินคอนกรีตทรงกลมขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1983 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 200 ปี ของสนธิสัญญา Georgievsk
ด้านในอนุสรณ์มีการตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกเป็นภาพขนาดใหญ่ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ของชาวรัสเซียและจอร์เจีย
ถือเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวยอดนิยม เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดที่สามารถมองเห็นวิวเขาสวยๆ ที่รวมถึงหุบเขาปีศาจ (Devil’s Valley) ได้อีกด้วย
4. มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi)

สถานที่เที่ยวของจอร์เจีย อีกหนึ่งพิกัดสำคัญก็คือมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ทบิลิซี หรือ มหาวิหารโฮลี่ทรินิตี้
ตั้งอยู่ในเมืองหลวงทบิลิซี เป็นโบสถ์หลักของคริสตจักรออร์ทอดอกซ์จอร์เจีย
ตัวโบสถ์มีขนาดใหญ่และได้รับการจัดอันดับเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในแถบอ่าวเปอร์เซีย รวมถึงสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
ใครมาเที่ยวต้องไม่พลาด ไปชมความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารแห่งนี้กัน
5. เมืองถ้ำอุพลิสชิเค่ (Uplistsikhe)

เปลี่ยนบรรยากาศทัวร์จอร์เจีย ไปชมเมืองถ้ำยุคโบราณที่มีมาตั้งแต่ยุคหินกันที่เมืองถ้ำอุพลิสชิเค่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมิกวาริ
ตัวถ้ำเป็นการเจาะตีนเขาให้เป็นโพรงทะลุถึงกัน ภายนอกมีบันไดและมีถนนหินเป็นส่วนเชื่อมต่อแต่ละถ้ำ
มีการสันนิษฐานว่า ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาลเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ส่วนด้านบนสุดของถ้ำมีโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 9 หรือ 10 หลังจากคริสต์ศาสนาเผยแผ่เข้ามาในจอร์เจีย
ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก นอกจากนี้ภายในเมืองยังมีพิพิธภัณฑ์ให้เราได้ไปศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองนี้อีกด้วยค่ะ
6. พิพิธภัณฑ์สตาลิน (Joseph Stalin Museum)

มาศึกษาประวัติศาสตร์กันที่พิพิธภัณฑ์สตาลินสถานที่รวบรวมเรื่องราวของ โจเซฟ สตาลิน ผู้นำลัทธิคอมมิวนิสต์ ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงชีวประวัติของสตาลิน
ตั้งแต่เกิดจนถึงเสียชีวิต ข้อมูลต่างๆ รวมถึงสิ่งของเครื่องใช้ที่เกี่ยวกับสตาลิน โดยแบ่งโซนจัดแสดงเป็นห้องๆ อีกทั้งยังมีการสร้างอาคารต่างๆ ให้คล้ายกับสถานที่เกิดของสตาลินอีกด้วย
7. โบสถ์เกอลาติ (Gelati Monastery)

สถานที่เที่ยวของจอร์เจียที่ถัดมา คือ
โบสถ์เกอลาติ
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของจอร์เจียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก
สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1106 ทางตะวันตกของประเทศจอร์เจีย นับว่าเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของยุคทองของเศรษฐกิจและการเมือง ในจอร์เจียช่วงยุคกลางระหว่างศตวรรษที่ 11 และ 13
ตัวโบสถ์โดดเด่นด้วยด้านหน้าของตัวอาคารที่ใช้อิฐบล็อกขนาดใหญ่ ช่องประตูและหน้าต่างโค้งได้สัดส่วนสวยงาม โบสถ์เกอลาติ เป็นหนึ่งในโบสถ์ยุคออร์โธด็อกซ์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวิทยาศาสตร์และการศึกษา
อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในจอร์เจียโบราณ ภายในโบสถ์มีจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวของพระเยซูและนักบุญต่างๆ ของศาสนาคริสต์
8. ป้อมนาริกาลา (Narikala Fortress)

ป้อมนาริกาลาป้อมปราการโบราณ ตั้งอยู่เหนือเขตเมืองเก่าของทบิลิซี สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 4
และในสมัยต่อๆ มาก็ได้มีการขยายและก่อสร้างเพิ่มเติม เป็นป้อมปราการสำคัญสำหรับการปกป้องเมืองในศึกสงคราม
ในปัจจุบันก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครอยากมาชมวิวเมืองทบิลิซีจากมุมสูงก็สามารถนั่งกระเช้าขึ้นมายังป้อมปราการแห่งนี้ได้
9. สะพานแห่งสันติภาพ (The Bridge of Peace)

ปิดท้ายทัวร์จอร์เจียด้วย สถานที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดนั่นคือ สะพานแห่งสันติภาพเป็นสะพานคนเดินรูปโค้ง ก่อสร้างด้วยเหล็กและแก้ว ประดับไฟ LED จำนวนมากเหนือแม่น้ำคูรา อยู่ในตัวเมืองทบิลิซี เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย
ตัวสะพานทอดยาว 150 เมตร เป็นสะพานเชื่อมต่อเขตเมืองเก่ากับเขตเมืองใหม่เข้าด้วยกัน ในเวลากลางคืนสะพานจะถูกส่องสว่างด้วยไฟ LED สีขาวนับพันบริเวณหลังคา เป็นภาพที่สวยงามมากๆ
เห็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้วบอกเลยว่าน่าเที่ยวไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยนะคะ ใครอยากออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ แนะนำเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวจอร์เจีย อย่าลืมแชร์ภาพสถานที่สวยๆ มาให้ชมกันบ้างนะคะ
cr. mushroomtravel
https://www.mushroomtravel.com/page/georgia-travel/